วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 16:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2012, 12:50
โพสต์: 40


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2012, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


สมาธิมือใหม่ เขียน:
เพิ่งสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกค่ะ ติดตามอ่านเวบบอร์ดมาพอสมควร อยากได้คำแนะนำจากท่านผู้รู้ ช่วยแนะแนวทางให้หน่อยค่ะ ที่จริงฝึกสมาธิมานานมากแล้ว หลายปี ตั้งแต่สมัยเรียน แต่ไม่ได้ทำจริงจังถึงขนาดทุกวัน คือทำบ้าง ไม่ทำบ้าง ได้ผลในเบื้องต้น คือ สมัยเรียนช่วยเรื่อง การจำ สอบได้คะแนนดีมาก(ได้เกียรตินิยมอันดับ2)ตอนนี้จบมาหลายปี เปลี่ยนงานมาหลายงาน จนตอนนี้มีครอบครัว ก็ยังพยายามฝึกทำสมาธิอยู่ ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหนเลย ออกจะแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ ศึกษามาพอควร เปลี่ยนวิธีมาก็หลายวิธี ทั้ง หายใจเข้า-ออก บริกรรมพุท-โธ, สัมมาอะระหัง, ยุบหนอ-พองหนอ, นับหายใจเข้า-ออก 1-5 แล้วย้อน 5-1, นับ 1-9 แล้วย้อน 9-1 หรือ เพ่งรู้ตามเสียง,ตามรู้ลมหายใจ เข้าให้รู้เข้า ออกให้รู้ออก สั้นให้รู้สั้น ยาวให้รู้ยาว, ในระหว่างวันตามรู้ลมหายใจขณะทำงาน, ที่เปลี่ยนหลายวิธีก้อเพื่ออยากหาหนทางที่เหมาะกับจริตตัวเอง และคิดว่ายังไม่เจอ แต่ที่ทำก็ใช้ บริกรรมพุทโธ เป็นส่วนใหญ่ ทั้งหมดทั้งมวลที่ทำมาก็ไม่มีความก้าวหน้าในสมาธิ ที่บอกว่าไม่ก้าวหน้าคือ ไม่สามารถทำให้นานขึ้นได้ ไม่เคยเกิดนิมิต หรืออะไรต่างๆที่สามารถบอกเราได้ว่าเราไปสู่ขั้นต่อๆไป ก่อนทำก็ไม่คาดหวังอะไรนะคะ ไม่ตั้งเวลา ไม่เคยระบุด้วยว่าต้องทำ 1 ชม.ไม่คาดหวังว่าต้องมีนิมิต มันติดตรงที่ว่า ตอนนั่งสมาธิหลับตาแล้ว "ชอบคิด" เคยอ่านเจอคิดว่าน่าจะเป็นของท่านพุทธทาสภิกขุ(สะกดถูกรึป่าว ขออภัยด้วยค่ะ)ท่านบอกว่า ต้องทำให้จิตว่าง ทุกวันนี้ เค้าสอนให้เราคิด แต่ไม่เคยสอนให้เราหยุดคิด จริงมากที่สุดค่ะสำหรับตัวดิฉันเอง ทำอย่างไรให้ว่าง ทำอย่างไรให้ไม่คิด (ให้นานนานหนะค่ะ) ดิฉันทำได้แค่ชั่วระยะเวลาสั้นๆ หรือเราเป็นพวกสามธิสั้น (อ้อ..แล้วเรื่องที่คิดก็เป็นแบบจินตนาการค่ะ) ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยในการดำเนินชีวิต ที่จะมาเป็นอุปสรรค การงาน การเงิน ครอบครัว สุขภาพ ทุกอย่างเอื้อให้เราได้ปฏิบัติอย่างแท้จริง แต่กลับเป็นตัวเราเองที่ทำไม่ได้
พร่ำบ่นมาซะยาว เป็นความอัดอั้นมานานหลายปีค่ะ ขอต่ออีกหน่อย บางที่ท่านบอกว่าต้องมีครูช่วยแนะนำ บางที่บอกไม่ต้องอ่านมาก รู้มากแล้วทำตามตำราไม่ได้ผล ก้อเลยฝึกด้วยตัวเองเรื่อยมา ไม่ฝืน ทำเฉพาะเวลาที่เราทำได้ ผลก้อเลยออกมาเป็นแบบนี้เหรอป่าว?
ช่วยให้ดิฉันเป็นบัวที่พ้นน้ำซักทีเถิดค่ะ
smiley smiley smiley


ความจริงแล้ว ข้าพเจ้า คิดว่าจะตั้งเป็นกระทู้หรือบทความใหม่ เพื่อให้ได้อ่านกันทุกท่าน แต่ได้แนวคิดใหม่ ก็เลยต้องขออนุญาตเจ้าของกระทู้ไว้ว่า ข้าพเจ้าขออนุญาต นำเอาคำถามของคุณไปโพสเป็น กระทู้เพื่อพุทธศาสนิกชน จะได้เห็นตัวอย่าง และสามารถทำความเข้าใจ ในเหตุการณ์ที่คุณเจ้าของกระทู้ได้เล่ามา

สิ่งที่คุณได้เล่ามาทั้งหมดนั้น แท้จริงแล้ว เป็นเรื่องธรรมดาของคนหรือมนุษย์ที่มีความโลภ ความโกรธ ความหลง มาก หรืออาจจะกล่าวได้อีกรูปแบบหนึ่งว่า เป็นผู้มีอารมณ์รุนแรง ขออภัยนะขอรับ ที่กล่าวไปแล้วนั้นไม่ใช่เป็นการว่ากล่าวให้คุณนะขอรับ แต่อธิบายไปตามหลักความจริงขอรับ
ตามที่ได้กล่าวไป ถ้าจะว่ากันตามหลักพุทธศาสนาในเรื่องของฌาน(ชาน) ทุกท่านจะเห็นและเข้าใจได้ว่า เจ้าของกระทู้ วนเวียนอยู่ใน ปฐมฌาน(ประถมชาน) คือ ฌาน(ชาน)ที่๑ อันเกิดมี วิตก,วิจารณ์,ปิติ,สุข,เอกัคคตา ผสมผสานกันไป จะสั้นหรือยาว ก็แล้วแต่ กล่าวคือ คิดเรื่องหนึ่งจบ ก็คิดอีกเรื่องหนึ่ง ต่อๆกันไป อย่างนี้เป็นต้น
การที่เจ้าของกระทู้วนเวียนอยู่ใน ปฐมฌาน ไม่ไปไหน ก็เพราะ ไม่สามารถควบคุมหัวใจและสมองได้ ถ้าคลื่นไฟฟ้าหัวใจทำงาน สมองก็จะคิดไปโดยที่เจ้าตัวจะไม่สามารถบังคับให้หยุดคิดได้ เนื่องจากในสมองมีเรื่องต่างๆมากมายที่ล้วนเป็นเครื่องก่อให้เกิด กิเลส
คำว่า กิเลส นั้น หลายๆคน ย่อมคิดว่า กิเลส ก็คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือ ตัณหาคือความอยาก โดยไม่ทันได้คิดว่า ความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือ ตัณหาคือความอยาก จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อ เราคิด เราระลึกนึกถึง จากการที่ได้สัมผัสทางอายตนะทั้งหลาย เมื่อเจ้าของกระทู้มีเรื่องที่ก่อให้เกิดกิเลส จึงทำให้คลื่นไฟฟ้าหัวใจทำงานโดยอัตโนมัต ส่งคลื่นไปที่สมอง ทำให้สมองคิดถึงเรื่องราวต่างๆ แม้ขณะปฏิบัติสมาธิ ด้วยเหตุนี้เอง ในทางพุทธศาสนา จึงได้มีหลักของ ฌาน(ชาน) อันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน จะมากหรือน้อย เป็นแล้วคิดแล้วสามารถควบคุมได้ หรือควบคุมไม่ได้ ก็ตามแต่
แต่ในทางพุทธศาสนา ได้จัดลำดับขั้นของ ฌาน(ชาน) เอาไว้เป็นขั้นๆ ซึ่งในทางทีเป็นจริง บุคคลทั้งหลายที่ปฏิบัติสมาธิ อาจสามารถข้ามขั้น ไปได้ หรืออาจขึ้นหรือลดได้ ตามแต่สภาพสภาวะจิตใจ และหรือ สภาพกิเลสในตัวของบุคคลนั้นๆ
ด้วยเหตุที่กล่าวไป การคิด หรือ วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข ที่เกิดขึ้นในขณะ ปฏิบัติสมาธิ หรือฝึกสมาธินั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาของบุคคลที่มีอารมณ์รุนแรง มีกิเลสตัณหามากกว่า บุคคลอื่นๆ จำต้องฝึกฝนโดยตัดความสนใจอื่นๆออกไปบ้าง เอาเป็นเพียงนั่่งหรือนอนให้สบาย เป็นใช้ได้
อนึ่ง เรื่องของการคิด ขณะฝึกปฏิบัติสมาธินั้น อาจทำให้ร่างกายหลั่งสารชนิดหนึ่ง(จำชื่อไม่ได้) ทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ แม้จะไม่คิดเรื่องใดก็ตาม อันนี้ต้องรู้เอาไว้ จะได้ไม่เกิดความวิตกกังวลว่า ทำไมถึงนอนไม่หลับ
ถ้าหากเจ้าของกระทู้ ไม่ต้องการที่จะคิดในขณะปฏิบัติสมาธิ จำต้องมีสติระลึกได้อยู่เสมอ เมื่อรู้สึกตัวว่าได้คิด ก็ให้ควบคุมจิตใจหรือหัวใจเอาไว้ การควบคุมหัวใจหรือคลื่นไฟฟ้าหัวใจนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เขียนเป็นตัวหนังสือไม่ได้ขอรับ ไม่รู้จะเขียนอย่างไร เอาเป็นว่า เมื่อรู้ตัวว่าคิด ก็ต้องควบคุมไว้ไม่ให้คิด คือ ความคุม ความโลภ ความโกรธ ความหลง ตัณหาคือความอยาก นั่นแหละขอรับ
ที่ข้าพเจ้าได้อธิบายไปทั้งหมด คือการฝึกสมาธิ ตามหลักธรรมชาติ และเป็นไปตามหลักพุทธศาสนา ในเรื่องของฌาน ซึ่ง ในเรื่องของ ฌาน นี้ ยังแตกย่อยออกไปได้อีก เป็น สมาธิชั่วขณะ,สมาธิขั้นจวนเจียน,สมาธิแน่วแน่ ฯ อย่างนี้เป็นต้น อันนี้ไม่ต้องสนใจก็ได้ขอรับ เอาเป็นเพียงไม่ให้คิด ถ้าคิดก็สามารถควบคุมและหยุดคิดได้ ก็ถือว่าสำเร็จขอรับ
จะทำได้หรือไม้่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับความ ตั้งใจ ความเข้าใจ ความขยันของตัวคุณเองนะขอรับ
จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์ (ผู้สอน)
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2012, 20:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว






โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2012, 05:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใครบอกอะไรดีเอาหมดนะขอรับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2012, 05:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สมาธิมือใหม่ เขียน:

ที่บอกว่าไม่ก้าวหน้าคือ ไม่สามารถทำให้นานขึ้นได้ ไม่เคยเกิดนิมิต หรืออะไรต่างๆที่สามารถบอกเราได้ว่าเราไปสู่ขั้นต่อๆไป ก่อนทำก็ไม่คาดหวังอะไรนะคะ ไม่ตั้งเวลา ไม่เคยระบุด้วยว่าต้องทำ 1 ชม.ไม่คาดหวังว่าต้องมีนิมิต มันติดตรงที่ว่า

ตอนนั่งสมาธิหลับตาแล้ว "ชอบคิด" เคยอ่านเจอคิดว่าน่าจะเป็นของท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านบอกว่า ต้องทำให้จิตว่างทุกวันนี้ เค้าสอนให้เราคิด แต่ไม่เคยสอนให้เราหยุดคิด

จริงมากที่สุดค่ะสำหรับตัวดิฉันเอง ทำอย่างไรให้ว่าง ทำอย่างไรให้ไม่คิด



ทำให้จิตว่าง ทำจิตให้ว่าง

ท่านบอกด้วยไหมครับว่า จิตว่างจากอะไรยังไง ว่าง เนี่ย ว่างจากอะไร :b10:

หยุดคิด ไม่คิดอะไรเลย ดังที่ จขกท. เข้าใจนั่นหรือคือจิตว่าง :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2012, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2012, 11:34
โพสต์: 74


 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้เหมือนว่าจะดีกว่าเมื่อก่อนนิดนึง คือ ตามรู้ใจที่ออกไปคิดเรื่องอื่นได้เร็วขึ้น เมื่อก่อนใจออกไปคิดถึงไหนต่อไหน ถึงรู้ตัวดึงกลับมาพุทโธต่อ แต่คราวนี้รู้ตอนใจเริ่มออกจะรู้ตัวว่าต้องดึงกลับมานะ (แต่ก็ยังออกไปอยู่ดี)

อยากทำได้แบบรู้เท่าทันตอนที่ใจกำลังจะออกไป จะได้ดึงใจไว้ได้ทัน ไม่วอกแวก

มาปรับตัวเองใช้วิธีการคิดแบบใหม่ ไม่ทราบทำถูกหรือเปล่านะคะ ตอนเริ่มต้นจะคิดเรื่องรูปขันธ์ มือ นิ้ว เล็บ แขน ขา วางอยู่อย่างไร รวมกันเป็นรูปกาย อยู่ลักษณะแบบไหน พิจารณาไปเรื่อยๆ แล้วจะตามด้วย ตามรู้อารมณ์ว่า ร้อนไหม หนาวไหม เมื่อยไหม สบายไหม เป็นทุกข์ไหม เฉยๆ พอมาถึงจุด สบาย เฉยๆ ใจเริ่มจะออกไปอีกละ ก้อเลยดึงใจไปตามรู้ลมหายใจเข้าออก บริกรรมพุทโธ ไปได้ซักพัก ไม่รู้นานแค่ไหน ใจเริ่มจะออกไปอีกละ ก้อกลับมาตามรู้อารมณ์อีกครั้ง

มีความคิดว่า พอไปถึงจุดจุดนึงแล้วใจมันจะเผลอออกไป ตรงจุดจุดนั้นเป็นจุดที่เราไม่มีสติ ไม่รู้เท่าทัน ทำอย่างไรถึงจะมีสติรู้เท่าทันได้?

อย่างไรแล้วจะฝึกไปเรื่อยๆค่ะ มันต้องได้สิ

นำมาเล่าสู่ผู้รู้ทุกท่านค่ะ

:b44: :b44: :b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2012, 22:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2012, 11:34
โพสต์: 74


 ข้อมูลส่วนตัว


ทำให้จิตว่าง ทำจิตให้ว่าง

ท่านบอกด้วยไหมครับว่า จิตว่างจากอะไรยังไง ว่าง เนี่ย ว่างจากอะไร :b10:

หยุดคิด ไม่คิดอะไรเลย ดังที่ จขกท. เข้าใจนั่นหรือคือจิตว่าง :b10:[/quote][quote="กรัชกาย"][quote="สมาธิมือใหม่"]

เป็นความเข้าใจส่วนตัวค่ะ ไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า คำว่าจิตว่าง คือ ว่างจากกิเลสทั้งปวง ไม่คิด ไม่นึกถึง

คำว่า หยุดคิด คือ หยุดคิดจากกิเสล นั่นก็คือสิ่งต่างรอบตัวเราล้วนเป็นกเลสทั้งสิ้น

และการทำสมาธิ คือ การฝึกจิต มนุษย์ปุถุชนทั้งหลายย่อมมีกิเสล ยากต่อการที่จะฝึกจิต พระพุทธเจ้าก็เลยมีกุสโลบายในการจำกัดการคิด ก็คือวิธีฝึกสมาธิทั้งหลาย (40 วิธี) เป็นแนวการในการปฏิบัติ

ส่วนตัวดิฉัน ยากมากที่จะจำกัดความคิด กำลังหาวิธีจัดการอยู่ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2012, 23:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2012, 11:34
โพสต์: 74


 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
ถ้าหากเจ้าของกระทู้ ไม่ต้องการที่จะคิดในขณะปฏิบัติสมาธิ จำต้องมีสติระลึกได้อยู่เสมอ เมื่อรู้สึกตัวว่าได้คิด ก็ให้ควบคุมจิตใจหรือหัวใจเอาไว้ การควบคุมหัวใจหรือคลื่นไฟฟ้าหัวใจนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เขียนเป็นตัวหนังสือไม่ได้ขอรับ ไม่รู้จะเขียนอย่างไร เอาเป็นว่า เมื่อรู้ตัวว่าคิด ก็ต้องควบคุมไว้ไม่ให้คิด คือ ความคุม ความโลภ ความโกรธ ความหลง ตัณหาคือความอยาก นั่นแหละขอรับ
[/quote]

[color=#0080นี่แหละ ที่เป็นปัญหาของดิฉันอยู่ คือบางครั้งเผลอ ไม่มีสติ ท่านผู้สอนบอกว่าไม่ใช่เรื่องยาก อย่างไรแล้ว จะฝึกต่อไปเรื่อยๆค่ะ [/color]

อนุโมทนาสาธุค่ะ
:b8: :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2012, 19:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


สมาธิมือใหม่ เขียน:
sriariya เขียน:
ถ้าหากเจ้าของกระทู้ ไม่ต้องการที่จะคิดในขณะปฏิบัติสมาธิ จำต้องมีสติระลึกได้อยู่เสมอ เมื่อรู้สึกตัวว่าได้คิด ก็ให้ควบคุมจิตใจหรือหัวใจเอาไว้ การควบคุมหัวใจหรือคลื่นไฟฟ้าหัวใจนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เขียนเป็นตัวหนังสือไม่ได้ขอรับ ไม่รู้จะเขียนอย่างไร เอาเป็นว่า เมื่อรู้ตัวว่าคิด ก็ต้องควบคุมไว้ไม่ให้คิด คือ ความคุม ความโลภ ความโกรธ ความหลง ตัณหาคือความอยาก นั่นแหละขอรับ


[color=#0080นี่แหละ ที่เป็นปัญหาของดิฉันอยู่ คือบางครั้งเผลอ ไม่มีสติ ท่านผู้สอนบอกว่าไม่ใช่เรื่องยาก อย่างไรแล้ว จะฝึกต่อไปเรื่อยๆค่ะ [/color]

อนุโมทนาสาธุค่ะ
:b8: :b8: :b8: :b8:[/quote]

คุณเป็นคนคิดมาก แต่คิดไปในทางที่ไม่เป็นไปตามตำรา(หลักวิชาการต่างๆ) ข้าพเจ้าได้อธิบายไปอย่างครบถ้วนแล้วว่าทำไมคุณถึงเผลอ ตอนเผลอไม่ใช่ไม่มีสตินะขอรับ แต่มีสติไปในเรื่องที่คุณคิด ไม่มีสติในเรื่องที่คุณกำลังปฏิบัติหรือกำลังทำอยู่ เข้าใจไหมขอรับ
ถ้าจะอธิบายต่อเกี่ยวกับที่คุณเรียกว่า เป็นปัญหา คุณก็ลองไปอ่าน ไปศึกษาเรื่อง "สติปัฎฐาน๔" จะหาจากหนังสือ หรือจะหาตามเวบฯที่เขามี "พระไตรปิฎกฯ" หรือ"จะสอบถามหรือตั้งเป็นคำถามในเวบฯต่างๆ ดูเพื่อเปรียบเทียบ และทำความเข้าใจ คุณก็จะเกิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถปฏิบัติได้ทำได้ โดยไม่ยากเลยขอรับ สนุกดีด้วย เพราะมันอเมซิ่งนะขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2012, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2012, 11:34
โพสต์: 74


 ข้อมูลส่วนตัว


มีหนังสือเกี่ยวกับสติปัฏฐาน 4 อยู่บ้างค่ะ จะอ่านอีกครั้งนึง เคยศึกษามาก่อน แต่ตอนนี้ลืมรายละเอียดบางส่วนค่ะ จะค้นคว้าอ่านอีกรอบเพื่อตามหาความอเมซิ่งค่ะ :b4:

:b48: smiley smiley :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2012, 19:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


สมาธิมือใหม่ เขียน:
มีหนังสือเกี่ยวกับสติปัฏฐาน 4 อยู่บ้างค่ะ จะอ่านอีกครั้งนึง เคยศึกษามาก่อน แต่ตอนนี้ลืมรายละเอียดบางส่วนค่ะ จะค้นคว้าอ่านอีกรอบเพื่อตามหาความอเมซิ่งค่ะ :b4:

:b48: smiley smiley :b48:


ขอแนะนำคุณอีกอย่างหนึ่ง เกี่ยวกับการคิดพิจารณาและทำความเข้าใจใน สติปัฏฐาน ๔ ว่า คุณจะต้องคิดพิจารณาให้เหลือเพียงต้นตอนะขอรับ เพราะในหลักสติปัฏฐานนั้น เขา เขียนแบบหลักรวมเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่น "พิจารณากายในกาย" คุณต้องคิดพิจารณาและทำความเข้าใจให้ดีว่า พิจารณาอะไรของกายในกาย พิจารณาการเกิดและวิธีการทำให้มันดับ อันนี้คุณต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง อย่างนี้เป็นต้น ไม่ยากขอรับ ถ้าไม่เห็นเป็นเรื่องยาก และการพิจารณาจะต้องทำอยู่ตลอดหมายความว่า ถ้าเกิดความคิดก็ต้องพิจารณาหาเหตุผลในสิ่งนั้น แล้วคุณจะพบความอะเมซิ่งในร่างกายและจิตใจของคุณขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2012, 22:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ค. 2012, 17:02
โพสต์: 18


 ข้อมูลส่วนตัว


การทำสมาธิตามแนวทางวิปัสนากรรมฐาน คือการกำหนดรู้อยู่ในปัจจุบัน ว่ามีสภาวะใดอยู่ ถ้าเราคิด ให้กำหนดว่าคิดหนอ ได้ยินเสียง กำหนดเสียงหนอ คือรู้ตามสภาวะนั้น ๆ เมื่อสติตามทันแล้วสิ่งนั้นก็จะดับไป ทำให้เราเห็นถึงความเป็นอนิจจัง ทุกสิ่งเกิดขึ้น คงอยู่ และดับไปในที่สุด
ขอให้มีดวงตาเห็นธรรมครับ
สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2012, 23:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2012, 11:34
โพสต์: 74


 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้เริ่มเข้าใจอย่างที่คุณpipat ว่า คือตามรู้ทุกอารมณ์ ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ที่ว่าไม่ได้บ้าง คือบางครั้งตอนจิตออกไปฟุ้งซ่านนี่ออกไปตั้งนานเพิ่งจะตามทัน กลับมาพุทโธใหม่ เดี๋ยวออกไปอีก ตามออกไปตามรู้ฟุ้งซ่านหนอกันอีก อย่างไรแล้วจะพยายามทำต่อไปเรื่อยๆ

:b8: :b8: ขอขอบคุณทุกคำแนะนำค่ะ จะตั้งใจปฏิบัติต่อไป :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2012, 12:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 23:22
โพสต์: 25

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันก็เริ่มฝึกเหมือนกันค่ะ แต่่ดิฉันใช้การฟังด้วย ดีมากเลยลองเอาไปฟังนะค่ะ
http://youtu.be/TvIKHFfDahk
http://youtu.be/z-dktQUBYnw


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2012, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2012, 11:34
โพสต์: 74


 ข้อมูลส่วนตัว


ได้เข้าไปฟังแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณChamod ได้ประโยชน์มากจริงๆ นั่งสมาธิไปด้วยฟังไปด้วย ก้อทำให้มีสิ่งที่เรายึดเหนี่ยว คือ ฟังแล้วทำตาม นี่ครั้งแรกตามรู้ ตามได้ยิน เกือบทั้งหมด จิตออกไปฟุ้งแค่ 2 ครั้งเอง ตลอดการฟัง 40 นาที และการที่จิตฟุ้งนั้นไม่นาน และไม่ไกลด้วย จะฝึกต่อไปเรื่อยๆ ขอบคุณค่ะ tongue

:b8: :b8: อนุโมทนาสาธุค่ะ :b8: :b8:
:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร