วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 19:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ต.ค. 2013, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ ......จุดเริ่มต้นแห่งการเรียนรู้


ขอยกบทธรรมของพระผู้มีพระภาคบางส่วน ดังนี้


“......ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่พระวิหารเชตะวัน อารามของ
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียก
ภิกษุทั้งหลายว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระดำรัสแล้ว ฯ

พระผู้มีพระภาคได้ตรัสดังนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย


เราจักแสดง สัมมาสมาธิ ของพระอริยะ มีองค์ประกอบ แก่เธอทั้งหลาย
พวกเธอจงฟัง สัมมาสมาธิ นั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าวต่อไป

ภิกษุเหล่านั้น ทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า ชอบแล้ว พระพุทธเจ้าข้า ฯ


พระผู้มีพระภาคจึงได้ตรัสดังนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาสมาธิของพระอริยะ
อันมีเหตุ มีองค์ประกอบ คือ


......สัมมาทิฏฐิ
......สัมมาสังกัปปะ
......สัมมาวาจา
......สัมมากัมมันตะ
......สัมมาอาชีวะ
......สัมมาวายามะ
......สัมมาสติ ......เป็นไฉน


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง ประกอบแล้วด้วย องค์ 7 เหล่านี้แล
เรียกว่า ......สัมมาสมาธิ...... ของพระอริยะ อันมีเหตุ มีองค์ประกอบบ้าง ฯ ......


ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง 7 นั้น

สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธาน ก็ สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธานอย่างไร คือ

ภิกษุรู้จัก ......มิจฉาทิฏฐิ ว่า ......มิจฉาทิฏฐิ

ภิกษุรู้จัก ......สัมมาทิฏฐิ ว่า .....สัมมาทิฏฐิ

ความรู้ของเธอนั้น เป็น สัมมาทิฏฐิ ฯ ......”


ผมเริ่มต้นเรียนรู้ ......สัมมาทิฏฐิ...... ด้วยธรรม ทั้งปวง เหล่านี้


ขอให้เจริญในความเพียร อันยิ่งขึ้นไปทุกท่านนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2013, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มิจฉาทิฏฐิ ......เป็นอย่างไร


ขอยกบทธรรมของพระผู้มีพระภาคบางส่วน ดังนี้


“......ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ ......มิจฉาทิฏฐิ เป็นไฉน คือ ความเห็นดังนี้ว่า

......ทานที่ให้แล้ว ไม่มีผล
......ยัญที่บูชาแล้ว ไม่มีผล
......สังเวยที่บวงสรวงแล้ว ไม่มีผล
......ผลวิบากของกรรม ที่ทำดี ทำชั่ว แล้ว ไม่มี
......โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี
......มารดาไม่มี บิดาไม่มี
......สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะ ไม่มี

สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้ โลกหน้า
ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลก ไม่มี นี้ ......มิจฉาทิฎฐิ ฯ ......”



ผมเรียนรู้ ......มิจฉาทิฏฐิ...... ด้วยธรรม ทั้งปวง เหล่านี้


ขอให้เจริญในความเพียร อันยิ่งขึ้นไปทุกท่านนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2013, 19:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ ......เป็นอย่างไร


ขอยกบทธรรมของพระผู้มีพระภาคบางส่วน ดังนี้


“......ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาทิฏฐิ เป็นไฉน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าว สัมมาทิฏฐิ เป็น 2 อย่าง คือ

......สัมมาทิฏฐิ ที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ อย่าง 1
......สัมมาทิฏฐิ ของพระอริยะ ที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค
อย่าง 1 ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมาทิฏฐิ ......ที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ เป็นไฉน คือ ความเห็นดังนี้ว่า


......ทานที่ให้แล้ว มีผล
......ยัญที่บูชาแล้ว มีผล
......สังเวยที่บวงสรวงแล้ว มีผล
......ผลวิบากของกรรม ที่ทำดี ทำชั่ว แล้ว มี
......โลกนี้มี โลกหน้ามี
......มารดามี บิดามี
......สัตว์ที่เป็นอุปปาติกะมี

สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้ดำเนินชอบ ปฏิบัติชอบ ซึ่งประกาศโลกนี้ โลกหน้า
ให้แจ่มแจ้ง เพราะรู้ยิ่งด้วยตนเอง ในโลก มีอยู่

นี้สัมมาทิฏฐิ ที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาทิฏฐิ ของ พระอริยะ ที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ
เป็นองค์มรรค เป็นไฉน


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญา ปัญญินทรีย์ ปัญญาพละ ธัมมวิจัยสัมโพชฌงค์
ความเห็นชอบ องค์แห่งมรรค ของภิกษุผู้มีจิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้

......พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่ นี้แล ......สัมมาทิฏฐิ......
ของพระอริยะ ที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค ฯ


ภิกษุนั้นย่อมพยายาม เพื่อละ มิจฉาทิฏฐิ เพื่อบรรลุ สัมมาทิฏฐิ ความพยายาม
ของเธอนั้น เป็นสัมมาวายามะ ฯ


ภิกษุนั้นมีสติ ละมิจฉาทิฏฐิได้ มีสติบรรลุ สัมมาทิฏฐิอยู่ สติของเธอนั้น
เป็น สัมมาสติ ฯ


ด้วยอาการนี้ ธรรม 3 ประการนี้ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ
ย่อมห้อมล้อม เป็นไปตาม ......สัมมาทิฏฐิ ของภิกษุนั้น ฯ ......”



ผมเรียนรู้ ......สัมมาทิฏฐิ...... ด้วยธรรม ทั้งปวง เหล่านี้


ขอให้เจริญในความเพียร อันยิ่งขึ้นไปทุกท่านนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2013, 22:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

ถ้ายังมีทิฏฐิว่า มีเราเป็นผู้ทำผู้เรียนอยู่
ให้ถอนมันออกไปด้วยครับ

:b8:

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2013, 15:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ ...... คุณโกเมศวร์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2013, 16:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ รู้จัก มิจฉาสังกัปปะ ......เป็นอย่างไร


ขอยกบทธรรมของพระผู้มีพระภาคบางส่วน ดังนี้


“......ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง 7 นั้น

สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธาน ก็ สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธานอย่างไร คือ

ภิกษุรู้จัก ......มิจฉาสังกัปปะ ว่า ......มิจฉาสังกัปปะ

ภิกษุรู้จัก ......สัมมาสังกัปปะ ว่า .....สัมมาสังกัปปะ

ความรู้ของเธอนั้น เป็น สัมมาทิฏฐิ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ มิจฉาสังกัปปะ เป็นไฉน คือ

......ความดำริในกาม ดำริในความพยาบาท ดำริในความเบียดเบียน
นี้ มิจฉาสังกัปปะ ฯ ......”


สัมมาทิฏฐิ รู้จัก ......มิจฉาสังกัปปะ...... ด้วยธรรม ทั้งปวง เหล่านี้


ขอให้เจริญในความเพียร อันยิ่งขึ้นไปทุกท่านนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2013, 16:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ รู้จัก สัมมาสังกัปปะ ......เป็นอย่างไร


ขอยกบทธรรมของพระผู้มีพระภาคบางส่วน ดังนี้


“......ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาสังกัปปะ เป็นไฉน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าว สัมมาสังกัปปะ เป็น 2 อย่าง คือ

......สัมมาสังกัปปะ ที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ อย่าง 1
......สัมมาสังกัปปะ ของพระอริยะ ที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค
อย่าง 1 ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมาสังกัปปะ ......ที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ เป็นไฉน คือ


ความดำริในเนกขัมมะ ดำริในความไม่พยาบาท ดำริในความไม่เบียดเบียน
นี้สัมมาสังกัปปะ ......ที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาสังกัปปะ ของ พระอริยะ ที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ
เป็นองค์มรรค เป็นไฉน


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความตรึก ความวิตก ความดำริ ความแน่ว ความแน่ ความปักใจ
วจีสังขาร ของภิกษุผู้มีจิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้

......พรั่งพร้อมด้วย อริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่ นี้แล ......สัมมาสังกัปปะ......
ของ พระอริยะ ที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค ฯ


ภิกษุนั้นย่อมพยายาม เพื่อละ มิจฉาสังกัปปะ เพื่อบรรลุ สัมมาสังกัปปะ
ความพยายาม ของเธอนั้น เป็นสัมมาวายามะ ฯ


ภิกษุนั้นมีสติ ละมิจฉาสังกัปปะได้ มีสติบรรลุ สัมมาสังกัปปะอยู่ สติของเธอนั้น
เป็น สัมมาสติ ฯ


ด้วยอาการนี้ ธรรม 3 ประการนี้ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ
ย่อมห้อมล้อม เป็นไปตาม ......สัมมาสังกัปปะ ของภิกษุนั้น ฯ ......”



สัมมาทิฏฐิ รู้จัก ......สัมมาสังกัปปะ...... ด้วยธรรม ทั้งปวง เหล่านี้


ขอให้เจริญในความเพียร อันยิ่งขึ้นไปทุกท่านนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2013, 16:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ รู้จัก มิจฉาวาจา ......เป็นอย่างไร


ขอยกบทธรรมของพระผู้มีพระภาคบางส่วน ดังนี้


“......ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง 7 นั้น

สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธาน ก็ สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธานอย่างไร คือ

ภิกษุรู้จัก ......มิจฉาวาจา ว่า ......มิจฉาวาจา

ภิกษุรู้จัก ......สัมมาวาจา ว่า .....สัมมาวาจา

ความรู้ของเธอนั้น เป็น สัมมาทิฏฐิ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ มิจฉาวาจา เป็นไฉน คือ

......พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ เจรจาเพ้อเจ้อ นี้ มิจฉาวาจา ฯ ......”


สัมมาทิฏฐิ รู้จัก ......มิจฉาวาจา...... ด้วยธรรม ทั้งปวง เหล่านี้


ขอให้เจริญในความเพียร อันยิ่งขึ้นไปทุกท่านนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2013, 18:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ รู้จัก สัมมาวาจา ......เป็นอย่างไร


ขอยกบทธรรมของพระผู้มีพระภาคบางส่วน ดังนี้


“......ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาวาจา เป็นไฉน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าว สัมมาวาจา เป็น 2 อย่าง คือ

......สัมมาวาจา ที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ อย่าง 1
......สัมมาวาจา ของพระอริยะ ที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค
อย่าง 1 ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัมมาวาจา ......ที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ เป็นไฉน คือ


......เจตนางดเว้นจากการพูดเท็จ งดเว้นจากการพูดส่อเสียด งดเว้นจากการพูดคำหยาบ
งดเว้นจากการเจรจาเพ้อเจ้อ นี้ สัมมาวาจา ที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาวาจา ของ พระอริยะ ที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ
เป็นองค์มรรค เป็นไฉน


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความงด ความเว้น ความเว้นขาด เจตนางดเว้น
จากวจีทุจริตทั้ง 4 ของภิกษุผู้มีจิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้

......พรั่งพร้อมด้วย อริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่ นี้แล ......สัมมาวาจา......
ของ พระอริยะ ที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค ฯ


ภิกษุนั้นย่อมพยายาม เพื่อละ มิจฉาวาจา เพื่อบรรลุ สัมมาวาจาอยู่ ความพยายาม
ของเธอนั้น เป็นสัมมาวายามะ ฯ


ภิกษุนั้นมีสติ ละมิจฉาวาจาได้ มีสติบรรลุ สัมมาวาจาอยู่ สติของเธอนั้น
เป็น สัมมาสติ ฯ


ด้วยอาการนี้ ธรรม 3 ประการนี้ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ
ย่อมห้อมล้อม เป็นไปตาม ......สัมมาวาจา ของภิกษุนั้น ฯ ......”



สัมมาทิฏฐิ รู้จัก ......สัมมาวาจา...... ด้วยธรรม ทั้งปวง เหล่านี้


ขอให้เจริญในความเพียร อันยิ่งขึ้นไปทุกท่านนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2013, 15:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ รู้จัก มิจฉากัมมันตะ ......เป็นอย่างไร


ขอยกบทธรรมของพระผู้มีพระภาคบางส่วน ดังนี้


“......ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง 7 นั้น

สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธาน ก็ สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธานอย่างไร คือ

ภิกษุรู้จัก ......มิจฉากัมมันตะ ว่า ......มิจฉากัมมันตะ

ภิกษุรู้จัก ......สัมมากัมมันตะ ว่า .....สัมมากัมมันตะ

ความรู้ของเธอนั้น เป็น สัมมาทิฏฐิ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ มิจฉากัมมันตะ เป็นไฉน คือ

......ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร นี้ มิจฉากัมมันตะ ฯ ......”


สัมมาทิฏฐิ รู้จัก ......มิจฉากัมมันตะ...... ด้วยธรรม ทั้งปวง เหล่านี้


ขอให้เจริญในความเพียร อันยิ่งขึ้นไปทุกท่านนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2013, 16:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ รู้จัก สัมมากัมมันตะ ......เป็นอย่างไร


ขอยกบทธรรมของพระผู้มีพระภาคบางส่วน ดังนี้


“......ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมากัมมันตะ เป็นไฉน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าว สัมมากัมมันตะ เป็น 2 อย่าง คือ

......สัมมากัมมันตะ ที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ อย่าง 1
......สัมมากัมมันตะ ของพระอริยะ ที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค
อย่าง 1 ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมากัมมันตะ ......ที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ เป็นไฉน คือ


......เจตนางดเว้นจากปาณาติบาต งดเว้นจากอทินนาทาน งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร
นี้ สัมมากัมมันตะ ที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมากัมมันตะ ของ พระอริยะ ที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ
เป็นองค์มรรค เป็นไฉน


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความงด ความเว้น เจตนางดเว้น จากกายทุจริตทั้ง 3
ของภิกษุผู้มีจิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้

......พรั่งพร้อมด้วย อริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่ นี้แล ......สัมมากัมมันตะ......
ของ พระอริยะ ที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค ฯ


ภิกษุนั้นย่อมพยายาม เพื่อละ มิจฉากัมมันตะ เพื่อบรรลุ สัมมากัมมันตะ
ความพยายาม ของเธอนั้น เป็น สัมมาวายามะ ฯ


ภิกษุนั้นมีสติ ละมิจฉากัมมันตะได้ มีสติบรรลุ สัมมากัมมันตะอยู่ สติของเธอนั้น
เป็น สัมมาสติ ฯ


ด้วยอาการนี้ ธรรม 3 ประการนี้ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ
ย่อมห้อมล้อม เป็นไปตาม ......สัมมากัมมันตะ ของภิกษุนั้น ฯ ......”



สัมมาทิฏฐิ รู้จัก ......สัมมากัมมันตะ...... ด้วยธรรม ทั้งปวง เหล่านี้


ขอให้เจริญในความเพียร อันยิ่งขึ้นไปทุกท่านนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2013, 12:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ รู้จัก มิจฉาอาชีวะ ......เป็นอย่างไร


ขอยกบทธรรมของพระผู้มีพระภาคบางส่วน ดังนี้


“......ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง 7 นั้น

สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธาน ก็ สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธานอย่างไร คือ

ภิกษุรู้จัก ......มิจฉาอาชีวะ ว่า ......มิจฉาอาชีวะ

ภิกษุรู้จัก ......สัมมาอาชีวะ ว่า .....สัมมาอาชีวะ

ความรู้ของเธอนั้น เป็น สัมมาทิฏฐิ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ มิจฉาอาชีวะ เป็นไฉน คือ

......การโกง การล่อลวง การตลบตะแลง การยอมมอบตนในทางผิด
การเอาลาภต่อลาภ นี้ มิจฉาอาชีวะ ฯ ......”


สัมมาทิฏฐิ รู้จัก ......มิจฉาอาชีวะ...... ด้วยธรรม ทั้งปวง เหล่านี้


ขอให้เจริญในความเพียร อันยิ่งขึ้นไปทุกท่านนะครับ


แก้ไขล่าสุดโดย สัมมาทิฏฐิ เมื่อ 17 พ.ย. 2013, 21:03, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2013, 21:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ รู้จัก สัมมาอาชีวะ ......เป็นอย่างไร


ขอยกบทธรรมของพระผู้มีพระภาคบางส่วน ดังนี้


“......ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาอาชีวะ เป็นไฉน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าว สัมมาอาชีวะ เป็น 2 อย่าง คือ

......สัมมาอาชีวะ ที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ อย่าง 1
......สัมมาอาชีวะ ของพระอริยะ ที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค
อย่าง 1 ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาอาชีวะ ......ที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ เป็นไฉน คือ


......อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมละมิจฉาอาชีวะ เลี้ยงชีพด้วยสัมมาอาชีวะ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้ สัมมาอาชีวะ ที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ
ให้ผลแก่ขันธ์ ฯ


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ สัมมาอาชีวะ ของ พระอริยะ ที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ
เป็นองค์มรรค เป็นไฉน


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความงด ความเว้น เจตนางดเว้น จากมิจฉาอาชีวะ
ของภิกษุผู้มีจิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้

......พรั่งพร้อมด้วย อริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่ นี้แล ......สัมมาอาชีวะ......
ของ พระอริยะ ที่เป็น อนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค ฯ


ภิกษุนั้นย่อมพยายาม เพื่อละ มิจฉาอาชีวะ เพื่อบรรลุ สัมมาอาชีวะ
ความพยายาม ของเธอนั้น เป็น สัมมาวายามะ ฯ


ภิกษุนั้นมีสติ ละมิจฉาอาชีวะได้ มีสติบรรลุ สัมมาอาชีวะอยู่ สติของเธอนั้น
เป็น สัมมาสติ ฯ


ด้วยอาการนี้ ธรรม 3 ประการนี้ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ
ย่อมห้อมล้อม เป็นไปตาม ......สัมมาอาชีวะ ของภิกษุนั้น ฯ ......”



สัมมาทิฏฐิ รู้จัก ......สัมมาอาชีวะ...... ด้วยธรรม ทั้งปวง เหล่านี้


ขอให้เจริญในความเพียร อันยิ่งขึ้นไปทุกท่านนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2013, 16:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ ......ย่อมเป็นประธาน อย่างไร


ขอยกบทธรรมของพระผู้มีพระภาคบางส่วน ดังนี้


“......ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง 7 นั้น

สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธาน ก็ สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธานอย่างไร คือ


เมื่อมี ......สัมมาทิฏฐิ ......สัมมาสังกัปปะ จึงพอเหมาะได้

เมื่อมี ......สัมมาสังกัปปะ ......สัมมาวาจา จึงพอเหมาะได้

เมื่อมี ......สัมมาวาจา ......สัมมากัมมันตะ จึงพอเหมาะได้

เมื่อมี ......สัมมากัมมันตะ ......สัมมาอาชีวะ จึงพอเหมาะได้

เมื่อมี ......สัมมาอาชีวะ ......สัมมาวายามะ จึงพอเหมาะได้

เมื่อมี ......สัมมาวายามะ ......สัมมาสติ จึงพอเหมาะได้

เมื่อมี ......สัมมาสติ ......สัมมาสมาธิ จึงพอเหมาะได้

เมื่อมี ......สัมมาสมาธิ ......สัมมาญาณะ จึงพอเหมาะได้

เมื่อมี ......สัมมาญาณะ ......สัมมาวิมุตติ จึงพอเหมาะได้


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยประการนี้แล พระเสขะ ผู้ประกอบด้วยองค์ 8
จึงเป็นพระอรหันต์ประกอบด้วยองค์ 10 ......”



สัมมาทิฏฐิ ......ย่อมเป็นประธาน ด้วยธรรม ทั้งปวง เหล่านี้


ขอให้เจริญในความเพียร อันยิ่งขึ้นไปทุกท่านนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2013, 16:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สัมมาทิฏฐิ ......ย่อมเป็นประธาน อย่างไร


ขอยกบทธรรมของพระผู้มีพระภาคบางส่วน ดังนี้


“......ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง 7 นั้น

สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธาน ก็ สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธานอย่างไร คือ


ผู้มี ......สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นอันสลัด มิจฉาทิฏฐิ ได้ ทั้งอกุศลธรรมลามก
เป็นอเนกบรรดามี เพราะมิจฉาทิฏฐิ เป็นปัจจัยนั้น ก็เป็นอันผู้มี สัมมาทิฏฐิ
สลัดได้แล้ว และ

กุศลธรรมเป็นอเนก ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์ เพราะสัมมาทิฏฐิ เป็นปัจจัย ฯ


ผู้มี ......สัมมาสังกัปปะ ย่อมเป็นอันสลัด มิจฉาสังกัปปะ ได้ ......

ผู้มี ......สัมมาวาจา ย่อมเป็นอันสลัด มิจฉาวาจา ได้ ......

ผู้มี ......สัมมากัมมันตะ ย่อมเป็นอันสลัด มิจฉากัมมันตะ ได้ ......

ผู้มี ......สัมมาอาชีวะ ย่อมเป็นอันสลัด มิจฉาอาชีวะ ได้ ......

ผู้มี ......สัมมาวายามะ ย่อมเป็นอันสลัด มิจฉาวายามะ ได้ ......

ผู้มี ......สัมมาสติ ย่อมเป็นอันสลัด มิจฉาสติ ได้ ......

ผู้มี ......สัมมาสมาธิ ย่อมเป็นอันสลัด มิจฉาสมาธิ ได้ ......


ผู้มี ......สัมมาญาณะ ย่อมเป็นอันสลัด มิจฉาญาณะ ได้ ทั้งอกุศลธรรมลามก
เป็นอเนกบรรดามี เพราะมิจฉาญาณะ เป็นปัจจัยนั้น ก็เป็นอันผู้มี สัมมาญาณะ
สลัดได้แล้ว และ

กุศลธรรมเป็นอเนก ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์ เพราะสัมมาญาณะ เป็นปัจจัย ฯ


ผู้มี ......สัมมาวิมุตติ ย่อมเป็นอันสลัด มิจฉาวิมุตติ ได้ ทั้งอกุศลธรรมลามก
เป็นอเนกบรรดามี เพราะมิจฉาวิมุตติ เป็นปัจจัยนั้น ก็เป็นอัน ผู้มีสัมมาวิมุตติ
สลัดได้แล้ว และ

กุศลธรรมเป็นอเนก ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์ เพราะสัมมาวิมุตติ เป็นปัจจัย ......”


กุศลธรรมเป็นอเนก ย่อมถึงความเจริญบริบูรณ์ เพราะสัมมาทิฏฐิ เป็นปัจจัย ฯ
ด้วยธรรม ทั้งปวง เหล่านี้ ดังนี้แล ./



ขอให้เจริญในความเพียร อันยิ่งขึ้นไปทุกท่านนะครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร