ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
จริตทั้ง ๖ : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=48601 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Hanako [ 02 พ.ย. 2014, 17:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | จริตทั้ง ๖ : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ |
![]() หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ![]() ![]() ความรู้ความเข้าใจของเรานี่น่ะ มันยังลำเอียงไปด้วยกิเลสอยู่ ดังนั้นเราจะไปเชื่อความคิดความเห็น ของเราโดยส่วนเดียวไม่ได้เลย ความรู้ความเห็นของเรา ต้องเทียบกับพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ต้องให้เข้าใจอย่างนั้น เพราะคนเรามันมี ๖ จริต เคยพูดให้ฟังอยู่บ่อยๆ ในจริตหกประการนั้นมันต้องมีอย่างหนึ่ง ...ออกหน้าออกตากว่าเพื่อน มันมีอย่างหนึ่งนั้นน่ะมันมีมากกว่าเพื่อน หมายความว่าอย่างนั้น นอกนั้นมันก็อ่อนกำลังลง ให้สังเกตดูนิสัยของตนเองให้มันได้ ![]() บางคนก็ "ราคจริต" มีความรักสวยรักงามเป็นเจ้าเรือน มีความกำหนัดแรงกล้า อย่างนี้นะ ถ้าหากว่าระงับจริตอย่างนี้ไม่ได้ เดี๋ยวก็ไปทำชั่วด้วยจริตอย่างนี้แหละ ![]() บางคนก็ "โทสจริต" มีความโกรธเป็นเจ้าเรือน แต่กิเลสนอกนั้นไม่รุนแรงเท่าไร ธรรมดาผู้มีความโกรธเป็นเจ้าเรือนนี่ ใครพูดอะไรไม่ถูกใจหน่อยนึงก็ฉุนเฉียวมาเลย แล้วก็ไม่รู้จักระงับใจตัวเองทีนี้ ก็แสดงกิริยาท่าทางแห่งความโกรธออกไปแล้ว ถ้าหากว่าผู้ใดเป็นอย่างนี้ไม่รู้ตัว มันก็ทำชั่วด้วยความโกรธนั่นแหล่ะ นั่นล่ะความโกรธเป็นมูลเหตุ ให้ล่วงธรรม ล่วงวินัย ล่วงศีลต่างๆ หมู่นี้นะ ![]() บางคนก็ "โมหจริต" มีนิสัยเซื่องซึม ไม่อยากคิดอยากนึกอะไร ไม่อยากรู้อะไร ทำตนเป็นคนหลง ไม่สนใจในการศึกษาเล่าเรียน ตนไม่รู้ความรู้อะไรก็ปล่อยให้ตนไม่มีความรู้อยู่อย่างนั้น ตนหลงตนเมาอยู่อย่างไรก็ปล่อยให้ตนเมาอยู่อย่างนั้น นี่ผู้ใดไม่รู้จริตของตัวเองแล้วมันทำชั่วไปได้ คำว่า โมหจริต ก็คือ เป็นผู้มีความหลงเป็นเจ้าเรือน จำอะไรก็ไม่ได้ หลงๆลืมๆ ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้ามาแล้วก็นึกไม่ออก อะไรหมู่นี้นะ หรือว่าเรียนคำสอนมาแล้วไม่จำ มีแต่ลืมกับลืม ไม่ค่อยได้ทบทวนดูคำสอนของพระพุทธเจ้า อันนั้นท่านเรียกว่า โมหจริต ![]() บางคนก็เป็น "ศรัทธาจริต" เชื่อง่าย งมงาย ไม่ค่อยใช้วิจารณญาณ ใครว่าดีก็เชื่อไปตามนั้นว่า ดี ใครว่าชั่วก็เชื่อไปตามนั้นว่า ชั่ว แต่ไม่ทราบว่า มันชั่วจริงหรือไม่จริง ใครมาแสดงความคิดความเห็นอะไรให้ฟัง ถ้าตนชอบใจล่ะก็เชื่อว่าเป็นจริงไปตามเลย ถ้าไม่ชอบใจแล้วถึงใครจะมาแสดงความจริงให้ฟัง อย่างมีเหตุผลยังไงก็ไม่เชื่อไม่เอา คนถือเอาความเชื่อเป็นใหญ่อย่างเดียว ไม่ได้ใคร่ครวญด้วยปัญญา ในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นขึ้น นั่นแหล่ะมันก็เป็นเหตุให้ทำผิดทำชั่ว ด้วยศรัทธาความเชื่ออันนั้นแหล่ะ ![]() บางคนก็เป็น "วิตกจริต" ชอบวิตกวิจารณ์ ไม่หยุดไม่หย่อน พอจะมีเรื่องอะไรมาถึงเข้า ก็เก็บเอาเรื่องนั้นไปวิตกวิจารณ์อยู่นั้นแหล่ะ จนเดือดร้อนใจไม่เป็นอันหลับอันนอนก็มี อันผู้ใดชอบเป็นอย่างนั้นน่ะ ก็เรียกว่า เป็นคนเจ้าความคิด ถ้าหากว่าระงับไม่ได้ มันก็ไปทำชั่วเพราะความวิตกมากนั้นแหล่ะ เช่นอย่างว่า ไม่พอใจให้ใครมานี้ เก็บเอาเรื่องของคนนั้นไปวิตกวิจารณ์ วิตกวิจารณ์มากเข้าไปเท่าใด ความโกรธมันยิ่งรุนแรงขึ้นบัดนี้นะ ทนไม่ไหวก็ต้องแสดงออกมาทางกายทางวาจาแหละบัดนี้ กระทบกระทั่งผู้อื่นเข้าไป นี่มันเป็นอย่างนั้น ครั้นถ้าแก้ไม่ตกนะมันก็ทำความเดือดร้อน ให้แก่ตนและผู้อื่นไป ดังนั้นทุกคนให้รู้จักจริตตัวเอง ![]() บางคนก็เป็น "พุทธิจริต" เรียนเก่ง จำเก่ง แต่ไม่รู้จักใช้ความรู้นั้น ให้เป็นประโยชน์ตนและผู้อื่น มักจะใช้ความรู้อันนั้น ไปตามอำนาจกิเลสภายในหัวใจของตน นี่จริตของคนเราน่ะมันมีอยู่หกประการอย่างนี้แหล่ะ ให้พากันสังเกตดู ว่าใครมีจริตอย่างไร ก็ต้องรู้ตัวเองแหละ ![]() ![]() ที่มา : ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนา http://www.youtube.com/watch?v=T8jU2Jtb734 ![]() ![]() รวมคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689 |
เจ้าของ: | sirinpho [ 07 พ.ย. 2014, 18:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จริตทั้ง ๖ : หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ |
![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |