ผู้นำชาวพุทธ ๓๒ ประเทศ ทูลถวายพระเกียรติยศอันสูงสุด สมเด็จพระสังฆราช “ผู้นำคณะสงฆ์สูงสุดแห่งโลกพระพุทธศาสนา” ครั้งแรกของโลก ชาวพุทธทั้งไทยและชาวพุทธทั่วโลกให้การเคารพ

วันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๖ ที่วัดบวรนิเวศวิหาร พระ ดร.อนิลมาน ธมฺมสากิโย ผู้ช่วยเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เปิดเผยว่า ที่ประชุมสุดยอดพุทธศาสนิกแห่งโลก ที่มีสุดยอดผู้นำชาวพุทธโลกจาก ๓๒ ประเทศเข้าร่วมประชุม ณ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเร็วๆ นี้ ได้มีมติทูลถวายตำแหน่งพระเกียรติยศอันสูงสุด “ผู้นำคณะสงฆ์สูงสุดแห่งโลกพระพุทธศาสนา” แด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แห่งราชอาณาจักรไทย ในฐานะผู้ทรงได้รับการเคารพอย่างสูงสุด และได้รับการไว้วางใจอย่างสุดซึ้งจากพุทธศาสนิกชนชาวไทยที่เต็มเปี่ยมด้วยศรัทธา ว่าทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แห่งดินแดนแห่งรอยยิ้ม ทรงเป็นผู้สอนพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ทุกคนปฏิบัติธรรมตั้งอยู่ในพระปัญญาธรรมและพระกรุณาธรรม ทั้งทรงเป็นผู้นำราชอาณาจักรไทยไปสู่สันติภาพ และความเจริญรุ่งเรือง นับว่าเป็นแบบอย่างของสากลโลก และทรงมีพระบารมีปกแผ่ไพศาลไปทั่วราชอาณาจักรไทย และประเทศพุทธศาสนาทั่วโลก พร้อมมนุษยชาติทุกคน

พระ ดร.อนิลมาน กล่าวว่า พระศรัทธาที่เปี่ยมพระทัยในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของพระองค์ที่มีมายาวนาน จึงได้รับการแซ่ซ้องและเทิดทูนจากพุทธศาสนิกชนทั่วโลก โดยตัวแทนคณะผู้นำคณะสงฆ์ได้เข้ากราบทูลถวายตำแหน่งพระเกียรติยศดังกล่าวแด่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เมื่อวันที่ ๘ กันยายน ที่ผ่านมา ณ โรงพยาบาลจุฬาฯ มี พระเทพสารเวที (บุญยนต์ ปุญญาคโม) เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้แทนพระองค์รับมอบการทูลถวาย โดยการถวายครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของโลก

“สมเด็จพระสังฆราช เป็นที่ยอมรับของคณะสงฆ์ทุกนิกาย ไม่ว่าจะเป็น มหายาน เถรวาท และ วชิรยาน เป็นที่เทิดทูนของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก แม้แต่องค์ทะไลลามะ ยังยกย่องเรียกสมเด็จพระสังฆราช ว่า เป็นพี่ชายคนโตของฉัน ที่สำคัญ พระองค์ยังได้พระนิพนธ์หนังสือต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมาก มีการเขียนและการแปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง ๕ ภาษา ได้แก่ ไทย จีน อังกฤษ เยอรมัน และ ฝรั่งเศส และถือเป็นวาระโอกาสที่ดีที่พระองค์ได้รับการทูลถวายพระเกียรติยศในครั้งนี้ สอดคล้องกับวาระฉลองพระชันษาครบ ๙๙ ปี ในวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๕ นี้ สำหรับพระอาการของสมเด็จพระสังฆราช ขณะนี้โดยทั่วไปปกติดี” พระ ดร.อนิลมาน กล่าว