วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2012, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

วันฉัตรมงคล (Coronation Day)


:b8: “วันฉัตรมงคล” ตรงกับวันที่ ๕ พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันที่รำลึกถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ และราชอาณาจักรไทย ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และวันฉัตรมงคลปีนี้เป็นวันครบรอบ ๖๒ ปี แห่งพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยพระองค์ได้ทรงเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ สืบต่อจากสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ และดำรงพระอิสริยยศเป็น “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” เนื่องจากยังมิได้ทรงผ่านพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระราชพิธีบรมราชาภิเษก หมายถึง พระราชพิธีในการสถาปนาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์อย่างสมบูรณ์ หรือพิธีที่จัดขึ้นเพื่อรับรองฐานะความเป็นประมุขของรัฐอย่างเป็นทางการ พระมหากษัตริย์พระองค์ใดที่ยังมิได้ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จะไม่ใช้คำว่า “พระบาท” นำหน้าคำว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และจะยังไม่ใช้นพปฎลเศวตฉัตรหรือฉัตร ๙ ชั้น อันเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นพระเจ้าแผ่นดิน


เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ เสด็จสวรรคต ในวันที่ ๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๙ รัฐบาลในขณะนั้นได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กราบบังคมทูลฯ ขอพระราชทานอัญเชิญพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบต่อจากสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เป็นพระมหากษัตริย์ไทยลำดับที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์

เนื่องจากขณะนั้น พระองค์ทรงมีพระชนมายุเพียง ๑๙ พรรษา ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จึงยังมิได้ทรงประกอบพิธีพระบรมราชาภิเษก อีกทั้งยังทรงไม่สำเร็จการศึกษา จึงได้เสด็จกลับไปศึกษาต่อยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และได้ทรงเปลี่ยนการศึกษาจากสาขาวิทยาศาสตร์ มาเป็นวิชากฎหมายและการเมืองเพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับพระราชภาระในฐานะองค์พระประมุขของชาติ โดยมี “คณะอภิรัฐมนตรี” ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ในขณะนั้น ทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ประกอบด้วย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ารังสิตประยูรศักดิ์ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร, พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอลงกฎ กรมหมื่นอดิศรอุดมศักดิ์, พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าธานีนิวัตกรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร, พระยามานวราชเสวี (ปลอด วิเชียร ณ สงขลา) และพลตำรวจเอกหลวงอดุลเดชจรัส (บัตร พึ่งพระคุณ หรืออดุล อดุลเดชจรัส)

เมื่อสำเร็จการศึกษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จนิวัตกลับประเทศไทยในปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ทรงประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ ต่อจากนั้นได้โปรดเกล้าฯ จัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓ และรัฐบาลไทยได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมจัดงานพระราชพิธีฉลองพระเศวตฉัตร หรือรัฐพิธีฉัตรมงคล หรืออาจเรียกว่าพระราชพิธีฉัตรมงคล ซึ่งกระทำในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ถวายเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมหาราชวัง ในวันนั้นพระองค์ได้ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า

“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”


(มีต่อ)

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2012, 13:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

พระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก ที่ได้มีการยึดถือเป็นระเบียบแบบแผนมาจนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วย

๑. ขั้นเตรียมงานพระราชพิธี เริ่มตั้งแต่พิธีตักน้ำและทำพิธีเสกน้ำ ณ เจดีย์สถานสำคัญจากสถานที่ตักน้ำ ก่อนที่จะส่งเข้ามาประกอบการทำพระราชพิธีต่อไปในพระนคร น้ำที่เสกนี้ใช้สำหรับถวายเป็นน้ำอภิเษก และสรงมุรธาภิเษก โดยมีระเบียบกำหนดให้ใช้น้ำจากแม่น้ำสำคัญ ๕ สาย ได้แก่ แม่น้ำคงคา แม่น้ำยมนา แม่น้ำสรภู แม่น้ำมหิ และแม่น้ำอิรวดี ในชมภูทวีป หรือที่เรียกว่า “ปัญจมหานที” แต่เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ห่างจากชมภูทวีปมาก ไม่สะดวกในการเดินทาง จึงเปลี่ยนมาใช้น้ำจากแม่น้ำ ๑๘ แห่งจากภายในพระราชอาณาจักรแทน นอกจากนี้ยังมีพระราชพิธีจารึกดวงพระราชสมภพในพระสุพรรณบัฏ และแกะพระราชสัญจกร

๒. พิธีเบื้องต้น เริ่มตั้งแต่ตั้งน้ำวงด้ายสายสิญจน์ จุดเทียนชัย และเจริญพระพุทธมนต์

๓. พระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก เริ่มจากสรงมุรธาภิเษก ต่อจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และพราหมณ์นั่งประจำทิศทั้ง ๘ กล่าวคำถวายพระพรชัยมงคล และถวายดินแดนให้อยู่ในความคุ้มครองของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อจากนั้นทรงรับน้ำอภิเษกขึ้นสู่พระที่นั่งภัทรบิฐพระราชอาสน์องค์ใหม่ พระมหาราชครูเริ่มร่ายเวทย์พิธีพราหณ์ เมื่อร่ายเวทย์เสร็จแล้วจึงกราบทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไธย ถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ คือ เครื่องหมายแสดงความเป็นพระมหากษัตริย์ ประกอบด้วย พระมหาพิชัยมงกุฎ ๑ พระแสงขรรค์ชัยศรี ๑ ธารพระกร ๑ พัดวาลวิชนีและพระแส้ ๑ และฉลองพระบาท ๑ เมื่อทรงรับพระมหาพิชัยมงกุฎสวมพระเศียร เจ้าพนักงานจะประโคมดนตรี ทหารยิงปืนใหญ่ พระสงฆ์เคาะระฆัง และสวดชัยมงคลคาถาทั่วพระราชอาณาจักรไทย หลังจากนั้นพราหมณ์ถวายพระแสงศาสตราวุธ เป็นอันเสร็จพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก

๔. พิธีเบื้องปลาย เมื่อเสร็จพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกแล้ว จะเสด็จออก ณ มหาสมาคม เพื่อให้เหล่าข้าราชการ และประชาชนได้ถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวโรกาสสถาปนาสมเด็จพระบรมราชาภิเษก และตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ เป็นต้นมา ได้มีพระราชพิธีประกาศสถาปนาสมเด็จพระบรมราชินี นอกจากนั้นเสด็จพระราชดำเนินเพื่อประกาศพระองค์เป็นศาสนูปถัมภกษัตริยาธิราชเจ้า ในพระบรมมหาราชวัง

๕. เสด็จเยี่ยมราษฎร เมื่อทรงเสด็จพระราชพิธีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเสด็จพระราชดำเนินให้ราษฎรได้มีโอกาสชมพระบารมี การจัดพระราชพิธีเฉลิมฉลองวันฉัตรมงคลในอดีตแต่เดิมเป็นงานพิธีเฉลิมฉลองของเจ้าพนักงานในพระราชฐาน ที่มีหน้าที่รักษาเครื่องราชูปโภคและพระทวารประตูวัง ได้จัดการสมโภชสังเวยเครื่องราชูปโภคที่ตนรักษาทุกปีใน ๖ เดือน ต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงมีพระราชดำริว่า ในอารยประเทศย่อมนับถือกันว่า วันคล้ายวันบรมราชาภิเษกเป็นวันมงคลสมัย สมควรมีการเฉลิมฉลอง จึงทรงริเริ่มวันฉัตรมงคลขึ้น แต่เนื่องจากเป็นธรรมเนียมใหม่ อธิบายให้ฟังก็ไม่เข้าใจ เผอิญวันบรมราชาภิเษกไปตรงกับวันสมโภชเครื่องราชูปโภคที่มีแต่เดิม จึงทรงอธิบายว่า วันฉัตรมงคลเป็นวันสมโภชเครื่องราชูปโภค ทำให้ไม่มีใครติดใจสงสัย

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีการเฉลิมฉลองโดยนิมนต์พระสงฆ์มาสวดเจริญพุทธมนต์ ในวันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๖ รุ่งขึ้นมีการถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ด้วยเหตุนี้จึงถือว่า การเฉลิมฉลองพระราชพิธีฉัตรมงคลเริ่มมีในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นครั้งแรก ในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ วันบรมราชาภิเษกตรงกับเดือน ๑๒ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานวันฉัตรมงคลในเดือน ๑๒ ก็ไม่มีผู้ใหญ่ท่านใดยินยอม จึงทรงแก้ไขด้วยการออกพระราชบัญญัติว่าด้วยตราจุลจอมเกล้าสำหรับตระกูลขึ้น ให้มีพระราชทานตรานี้ตรงวันคล้ายบรมราชาภิเษก ท่านผู้ใหญ่จึงยินยอมให้เลื่อนงานฉัตรมงคลมาตรงกับวันบรมราชาภิเษก แต่ยังให้รักษาประเพณีสมโภชเครื่องราชูปโภคอยู่ตามเดิม

การจัดพระราชพิธีฉัตรมงคลในปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช รัชกาลที่ ๙ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบพระราชกุศลในวันฉัตรมงคล ๓ วัน คือ

วันที่ ๓ พฤษภาคม มีงานบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุประทาน คือ พระราชพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่พระบรมราชบุพการี ซึ่งเป็นพิธีสงฆ์ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ซึ่งในวันนี้ได้เพิ่มพระราชพิธีตรึงหมุดธงชัยเฉลิมพลที่จะพระราชทานแก่หน่วยทหารบางหน่วยเข้าไว้ด้วย

วันที่ ๔ พฤษภาคม เป็นวันเริ่มพระราชพิธีฉัตรมงคล เจ้าพนักงานจะได้อัญเชิญเครื่องราชกกุธภัณฑ์ขึ้นประดิษฐานบนพระแท่นใต้พระมหาปฎลเศวตฉัตร พระครูหัวหน้าพราหมณ์อ่านประกาศพระราชพิธีฉัตรมงคล แล้วทรงสดับพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์

วันที่ ๕ พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันฉัตรมงคล พระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปถวายภัตตาหารแด่พระสงฆ์ ทรงบูชาเครื่องกกุธภัณฑ์ พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภช พระมหาเศวตฉัตรและราชกกุธภัณฑ์ ตอนเย็นพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าแก่ผู้มีความดีความชอบ แล้วเสด็จนมัสการพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร และถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าที่ปราสาทพระเทพบิดรเป็นเสร็จพระราชพิธีในวันฉัตรมงคล

สำนักพระราชวังได้เปิดปราสาทหลายแห่งให้ประชาชนได้เข้าชมและถวายบังคม งานพระราชพิธีฉัตรมงคลเป็นเครื่องหมายยืนยันว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติมาครบรอบปีด้วยดีอีกวาระหนึ่ง และตลอดเวลาที่ผ่านมา พระองค์ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและปวงชนชาวไทยนับอเนกอนันต์ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ประชาชนชาวไทยจึงได้จัดให้มีการเฉลิมฉลองเนื่องในวันฉัตรมงคลเป็นประจำทุกปี


(มีต่อ)

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2012, 13:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ในการบรรยายเรื่อง “พระมหากษัตริย์อันเป็นที่รัก” โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เมื่อวันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๕ เนื่องในโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “ภัทรมหาราช ธนบัตรชาติไทย” ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ยั่งยืนของคนไทย ข้างหลังภาพธนบัตร” ดร.สุเมธ กล่าวในตอนหนึ่งว่า

ในฐานะนักรัฐศาสตร์เต็มตัว รู้สึกฉงนใจและประทับใจกับประโยคแรกที่ทรงรับสั่งว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม”

ทรงใช้คำว่า “ครอง” แทนคำว่า “ปกครอง” ซึ่งไม่ได้มีมิติของอำนาจเลยแม้แต่นิดเดียว หากแต่มีมิติของจิตใจความรู้สึกความเคารพความนับถือ และเหนือสิ่งอื่นใดนั้นคือความรัก ซึ่งเหนือกว่าการปกครองด้วยซ้ำ เพราะการปกครองไม่ต้องใช้ความรู้สึกความรักก็ได้ แค่ใช้อำนาจอย่างเดียว


“เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม... ณ วันนั้นทรงประกาศคำว่า Good Governance แล้ว ก่อนฝรั่ง ๕๐ ปี คนไทยต้องมารอให้เกิดวิกฤติต้มยำกุ้งเสียก่อน แล้วลุกขึ้นมาพูดคำว่า Good Governance ธรรมาภิบาลตามฝรั่ง ความจริงพระเจ้าอยู่หัวทรงประกาศมาก่อนตั้ง ๕๐ ปี เราจะครองแผ่นโดยธรรม คำว่าธรรมะนี้ คือ ธรรมาภิบาล ภาษาอังกฤษ คือ Good Governance”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรทั่วประเทศอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นถิ่นทุรกันดารแค่ไหน ทำให้ทรงเห็นและตระหนักในทุกข์ของราษฎรของพระองค์ และกลายเป็นความผูกพันและห่วงใยอันลึกซึ้งและยาวนานที่มีต่อราษฎร ความผูกพันและความห่วงใยนี้เองที่ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทุ่มเทพระวรกายและพระราชหฤทัยคิดค้นหาทางอยู่ตลอดเวลาที่จะทำให้ราษฎรคลายทุกข์ และอยู่ดีกินดี เพราะราษฎรชาวไทยส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงสนพระทัยโดยเฉพาะในเรื่องดินและน้ำอันเป็นปัจจัยสำคัญของเกษตรกรรม ทรงศึกษาด้วยพระองค์เองจนทรงมีความรู้แตกฉาน ทรงสามารถที่จะร่วมกับเจ้าหน้าที่และนักวิชาการพิจารณาแก้ปัญหา และพระราชทานความคิดเห็นที่นำไปสู่โครงการตามแนวพระราชดำริต่างๆ ที่มีอยู่ประมาณ ๓,๐๐๐ โครงการทั่วประเทศ

ด้วยพระปรีชาสามารถในด้านต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลและเกียรติยศต่างๆ มากมาย ทั้งจากบุคคลและคณะบุคคลในประเทศและต่างประเทศ อันเนื่องมาจากพระราชกรณียกิจและพระราชอัธยาศัยในการแสวงหาความรู้ เป็นต้นว่า “รางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์” จากสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๙ จากการที่ได้ทรงอุทิศกำลังพระวรกายและทรงพระวิริยะอุตสาหะในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจมาตลอดพระชนมชีพ, “เหรียญรางวัลผู้นำโลกด้านทรัพย์สินทางปัญญา” (Global Leaders Award) จากองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (World Intellectual Property Organization) เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อเทิดพระเกียรติที่ทรงมีบทบาทและมีผลงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาที่โดดเด่น

พระองค์เป็นผู้นำโลกคนแรกที่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญรางวัล และล่าสุดเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ สหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ (International Union of Soil Sciences-IUSS) นำโดยอดีตเลขาธิการสหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ ทูลเกล้าฯ ถวาย “รางวัลนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม” (The Humanitarian Soil Scientist) เป็นพระองค์แรกของโลก

นับตั้งแต่วันที่ทรงมีพระปฐมบรมราชโองการว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์แห่งมหาชนชาวสยาม” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงอุทิศพระวรกายประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนของพระองค์อย่างต่อเนื่อง ทรงบำเพ็ญพระองค์อยู่ในทศพิศราชธรรม หรือธรรม ๑๐ ประการของพระราชาอย่างเคร่งครัด

๖๒ ปีที่ผ่านมา ทรงครองแผ่นดินโดยธรรมอย่างแท้จริง และธรรมแห่งราชานี้เองที่คุ้มครองปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มั่นคงแข็งแรง เป็นมิ่งขวัญและศุนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ



:b44: รวบรวมและเรียบเรียงเนื้อหามาจาก
(๑) ASTVผู้จัดการออนไลน์ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๕
(๒) สารคดีเฉลิมพระเกียรติฉัตรมงคล
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2012, 09:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ในวโรกาสนี้ขออัญเชิญบทความที่เกี่ยวกับพระองค์ท่านมาฝากทุกท่านค่ะ

• ครองราชย์....ครองธรรม
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=25&t=31396

• อันเนื่องในวันฉัตรมงคล : กระแสพระราชดำรัสด้านความมั่นคง
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=25&t=22099

• บอร์ด...ในหลวงกับพระสุปฏิปันโน
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=25


:b8: :b8: :b8: ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ทรงพระเกษมสำราญ ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน หายจากอาการพระประชวรโดยเร็ววัน มีพระวรกายและพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และทรงเป็นมิ่งขวัญของเหล่าปวงชนชาวไทยตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2015, 07:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 เม.ย. 2015, 09:43
โพสต์: 702

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาบุญนะครับ :b17:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร