วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2012, 17:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


พุทธชยันตี
เรียบเรียงโดย...
พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)


รูปภาพ

:b42: มหาธัมมาภิสมัย ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

ในฐานะที่ประเทศไทยมีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ รัฐบาลไทยได้ประกาศให้ปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองพุทธชยันตีอย่างยิ่งใหญ่ตลอดทั้งปี เนื่องจากเป็นปีที่พระพุทธศาสนามีอายุครบ ๒,๖๐๐ ปี โดยการเฉลิมฉลองให้เน้นหนักด้านการปฏิบัติบูชา และการมีส่วนร่วมของประชาชน ตั้งแต่ระดับครอบครัวไปจนถึงระดับชาติ มุ่งให้ประชาชนได้นำหลักธรรมไปปฏิบัติตามวิถีชาวพุทธอย่างแท้จริง อันจะทำให้เกิดความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์อย่างยั่งยืน

ในระดับนานาชาติ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก รัฐบาลได้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมวิสาขบูชาโลก มีผู้นำชาวพุทธเข้าร่วมประชุมกว่า ๘๕ ประเทศทั่วโลก

นับว่าเป็นการประชุมในระดับนานาชาติที่มีชาวพุทธ ทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายาน เข้าร่วมประชุมมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา


การฉลองพุทธชยันตีถูกกำหนดขึ้นเพื่อน้อมระลึกถึงเหตุการณ์ที่สำคัญเกี่ยวกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น วันประสูติ วันตรัสรู้ และวันปรินิพพาน ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา หรือใช้เรียกการจัดกิจกรรมในปีที่ครบรอบวาระสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น ฉลองครบรอบ ๒๕ พุทธศตวรรษ หรือฉลองครบรอบ ๒๖ พุทธศตวรรษ วันฉลองที่สำคัญนี้เรียกตามสากลว่า Sambuddha Jayanti 2,600 ตรงกับภาษาไทยว่า “สัมพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี” โดยอาจใช้ชื่อต่างกันไปบ้างในแต่ละประเทศ เช่น ศรีสัมพุทธชยันตี สัมพุทธชยันตี พุทธชยันตี ทั้งนี้ เฉพาะประเทศไทย มหาเถรสมาคม (มส.) ได้มีมติให้เรียกงานฉลองนี้ว่า “พุทธชยันตี” ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

แม้จะแตกต่างกันเรื่องการใช้คำพูด แต่รวมความแล้ว ก็คือ การจัดกิจกรรมในปีที่ครบรอบวาระเหตุการณ์ที่สำคัญขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

เมื่อวาระสำคัญเวียนมาบรรจบอีกพุทธศตวรรษหนึ่ง ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาจึงจัดเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ ดังที่เคยฉลองครบรอบ ๒๕ พุทธศตวรรษ หรือ พ.ศ. ๒๕๐๐ มาแล้ว ในขณะนั้นถือกันว่าพระพุทธศาสนามีอายุมาถึงกึ่งพุทธกาล โดยในครั้งนั้น กำหนดนับวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน เป็นวันแห่งการฉลองพุทธชยันตี (๒,๕๐๐ ปี แห่งการปรินิพพาน) แต่ในครั้งนี้ กำหนดนับวันที่พระบรมศาสดาตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเวียนมาบรรจบครบรอบ ๒๖ พุทธศตวรรษ ๒,๖๐๐ ปี เป็นวันแห่งการฉลองพุทธชยันตี (๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้)


:b42: พุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี
พระพุทธศาสนาก้าวสู่พุทธศตวรรษที่ ๒๖


การจัดงานฉลองพุทธชยันตีก็เพื่อน้อมระลึกถึงชัยชนะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มีต่อหมู่มารและกิเลสทั้งปวงอย่างสิ้นเชิง เพราะพระองค์ทรงตรัสรู้ในวันวิสาขบูชาเมื่อ ๒,๖๐๐ ปีล่วงแล้ว ทำให้พระนามว่า “สัมมาสัมพุทธะ” ปรากฏขึ้นในโลก เป็นจุดเริ่มต้นแห่งคำสอนของพระพุทธศาสนา อันเกิดจากปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ทำให้พุทธศาสนิกชนได้มีพระธรรมเป็นหลักแห่งการดำเนินชีวิต

ที่ประชุมมหาเถรสมาคม ณ พระตำหนักสมเด็จฯ วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบให้มีการดำเนินการจัดงานฉลองพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ให้เรียกชื่อว่า “งานฉลองพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า” ให้เสนอเรื่องไปยังรัฐบาล เป็นเจ้าภาพในการดำเนินการจัดงาน พร้อมทั้งให้มีการตั้งคณะกรรมการอำนวยการ โดยมีมหาเถรสมาคม (มส.) เป็นที่ปรึกษา มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการ และให้ของบประมาณในการดำเนินการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งคณะกรรมการอำนวยการที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้น ได้กำหนดกรอบแนวทางในการจัดกิจกรรมและผู้รับผิดชอบเป็น ๓ ด้าน ประกอบด้วย

(๑) ด้านการศึกษา การเผยแผ่ และการปฏิบัติพุทธบูชา มุ่งเน้นส่งเสริมการปฏิบัติธรรมสำหรับพุทธศาสนิกชน ตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน และการมีส่วนร่วมขององค์กรทุกภาคส่วน โดยมีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เป็นผู้รับผิดชอบ และเป็นศูนย์กลางการจัดกิจกรรม

(๒) ด้านวิชาการ เน้นการประชุมสัมมนาทางวิชาการเกี่ยวกับหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา โดยให้มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นหน่วยงานหลักดำเนินการ

(๓) ด้านศิลปวัฒนธรรม มอบให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ และให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทำหน้าที่เป็นหน่วยงานในการประสานจัดกิจกรรม และการประชาสัมพันธ์ และเผยแผ่

การจัดกิจกรรมทั้งหมดมุ่งเน้นให้เกิดการศึกษา การเผยแผ่ การปฏิบัติตามหลักธรรม และการมีส่วนร่วมขององค์กรทุกภาคส่วน พร้อมทั้งประสานการจัดกิจกรรมประชุมสัมมนาทางวิชาการ เพื่อเป็นเวทีถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา และเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนได้เรียนรู้ และเข้าใจหลักธรรมในพระพุทธศาสนามากขึ้น ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ

ในระดับนานาชาติ คาดว่าจะมีชาวพุทธจากทั่วโลกกว่า ๕,๐๐๐ รูป/คน ซึ่งประกอบด้วยผู้นำทางการเมือง ประมุขสงฆ์ ผู้นำองค์กรชาวพุทธ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป จาก ๘๕ ประเทศทั่วโลก เดินทางมาร่วมงานเฉลิมฉลองพุทธชยันตี และร่วมประชุมวิสาขบูชาโลกครั้งยิ่งใหญ่ โดยมีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน ซึ่งจะเป็นการสร้างความร่วมมืออันดีระหว่างองค์กรชาวพุทธ ตั้งแต่ระดับประชาคมอาเซียนจนถึงนานาชาติ เพื่อนำพระพุทธศาสนาก้าวไปสู่พุทธศตวรรษที่ ๒๖ ตามนโยบายของคณะสงฆ์และรัฐบาลไทย

สำหรับหัวข้อหลักที่ใช้ในการจัดงานพุทธชยันตีปีนี้คือ “พระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เพื่อประโยชน์สุขของมวลมนุษยชาติ” และการประชุมสัมมนาทางวิชาการระดับนานาชาตินั้นประกอบด้วยหัวข้อที่สำคัญ ดังนี้

(๑) พุทธิปัญญาและความปรองดอง
(๒) พุทธิปัญญาและสิ่งแวดล้อม
(๓) พุทธิปัญญาและการปรับเปลี่ยนชีวิตมนุษย์


:b42: พุทธชยันตี ๒,๕๐๐ ปี แห่งการปรินิพพาน
รัฐบาลไทยประกาศให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ


การฉลองพุทธชยันตีเมื่อพุทธศักราช ๒,๕๐๐ ที่ผ่านมา ถือกันว่าพระพุทธศาสนามีอายุถึงกึ่ง พุทธกาล จึงจัดงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษกึ่งพุทธกาลอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อน้อมระลึกถึงการปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และรัฐบาลไทยได้ถือโอกาสในวาระที่สำคัญนี้ ประกาศให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ

การฉลองพุทธชยันตีในครั้งนั้น เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางของชาวพุทธนานาชาติ ทำให้ชาวพุทธตื่นตัวไปทั่วโลก และหันมาให้ความสำคัญกับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาอย่างกว้างขวาง

คำว่า สัมพุทธชยันตี หรือ พุทธชยันตี สันนิษฐานว่าเริ่มจัดขึ้นครั้งแรกในช่วงก่อนปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ ในประเทศศรีลังกา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากดำริของ ฯพณฯ อู ถั่น ชาวพุทธพม่า ในสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (United Nations Secretary-General) ท่านได้ดำริให้ชาวพุทธทั่วโลกร่วมกันบูรณะลุมพินีวัน ที่ตั้งอยู่ในประเทศเนปาล ให้เป็นพุทธอุทยานประวัติศาสตร์ของโลก โดยเรียกชื่องานว่า การฉลองพุทธชยันตี ๒๕ พุทธศตวรรษ (2,500th Buddha Jayanti Celebration) โดยนำคำว่า Buddha Jayanti (बुद्ध जयंती) ซึ่งเป็นคำเรียกวันครบรอบของชาวอินเดียและเนปาลมาใช้ เพื่อให้เกียรติแก่ประเทศซึ่งเป็นที่ตั้งของพุทธสังเวชนียสถาน พร้อมทั้งมีการรณรงค์ให้ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนาต่างๆ จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในปีนั้น เช่น พม่า ศรีลังกา อินเดีย และประเทศไทย ฯลฯ

ประเทศศรีลังกาก็ได้ถือเอาการเฉลิมฉลองพุทธชยันตี ๒๕ พุทธศตวรรษ เป็นการฉลองเอกราชและประกาศศักยภาพของประเทศ ภายหลังได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษ ในปี พ.ศ. ๒๔๙๑

ดร.บาบาซาเฮบ อัมเบดการ์ (Dr. Babasaheb Ambedkar) ผู้นำคนจันฑาล ซึ่งเป็นชนชั้นต่ำในประเทศอินเดีย ก็ได้ถือโอกาสประกาศอิสรภาพจากการถูกกดขี่ในระบบชนชั้นวรรณะ ฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศอินเดียให้กลับสู่แผ่นดินเกิดอีกครั้ง ภายหลังจากที่ถูกกองทัพมุสลิมเติร์กทำลายไปอย่างราบคราบ ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๗ หรือประมาณ ๑๓๐๐-๑๗๐๐ ปีหลังจากพระพุทธเจ้าดับขันธปรินิพพาน โดย ดร.อัมเบดการ์ ได้นำชาวอินเดียประมาณ ๒ แสนคนประกาศเลิกนับถือศาสนาฮินดู แล้วปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพุทธชยันตี ๒๕ พุทธศตวรรษ ในขณะที่รัฐบาลประเทศอินเดียได้สร้างสวนสาธารณะพุทธชยันตีไว้ที่กรุงนิวเดลี เพื่อเป็นอนุสรณ์สำหรับวาระนี้

นอกจากนี้ ฯพณฯ เยาวหราล เนรูห์ (Jawaharlal Nehru) นายกรัฐมนตรีคนแรกของอินเดีย ยังได้เชิญชวนให้ประเทศพุทธศาสนาทั่วโลกมาสร้างวัดไว้ในดินแดนพุทธอุบัติภูมิอีกด้วย

ส่วนการเฉลิมฉลองระดับนานาชาติในครั้งนั้น รัฐบาลพม่าได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างปาสาณคูหา เพื่อเป็นเจ้าภาพในการจัดทำ “ฉัฏฐสังคีติ” คือ การสังคายนาพระไตรปิฎกนานาชาติ โดยนำพระไตรปิฎกแต่ละประเทศมาเคียบเคียงความถูกต้อง ซึ่งประเทศพม่านับเป็นการสังคายนาครั้งที่ ๖ และได้จัดพิมพ์พระไตรปิฎกบาลี และคัมภีร์ทั้งหลายขึ้นเป็นจำนวนมาก มีพระสงฆ์ไทย และพระสงฆ์จากทั่วโลกเข้าร่วมสังคายนาพระไตรปิฎกในครั้งนั้นเป็นจำนวนมาก คณะสงฆ์ไทยนั้น มี เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศ เมื่อครั้งเป็นพระมหาเกี่ยว อุปเสโณ และเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เมื่อครั้งเป็นพระมหาช่วง วรปุญโญ วัดปากน้ำ เป็นต้น เป็นตัวแทนคณะสงฆ์ไทยเข้าร่วมประชุมสังคายนาฉัฏฐสังคีตินานาชาติ นับเป็นการเปิดวิสัยทัศน์ของพระสงฆ์ไทยไปสู่นานาประเทศเป็นครั้งแรก จนกระทั่งก้าวไปสู่การเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติในปัจจุบัน

สำหรับรัฐบาลไทยในขณะนั้น จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมเฉลิมฉลองพุทธชยันตี ๒๕ พุทธศตวรรษอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการประกาศให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ประกาศให้วันพระหรือวันธรรมสวนะเป็นวันหยุดราชการ (ตามประกาศสำนักคณะรัฐมนตรี ฉบับที่ ๙ ลงวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๔๙๙) มีการจัดสร้างพุทธมณฑลเป็นอนุสรณ์สถาน สร้างพระพุทธรูปปางลีลาเป็นพุทธสัญลักษณ์แห่งพุทธศตวรรษที่ ๒๕ มีการจัดพิมพ์พระไตรปิฎกภาษาไทยครบชุดเป็นฉบับแรก มีการออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม พระราชบัญญัติล้างมลทิน มีการออกประกาศพระบรมราชโองการ พระราชทานบริเวณสนามหลวงเป็นสังฆปริมณฑลสำหรับจัดงานฉลองในครั้งนี้เป็นการชั่วคราวด้วย นอกจากนี้แล้วรัฐบาลไทยยังได้ออกพระราชบัญญัติเหรียญงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ เป็นกรณีพิเศษด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประเทศไทยที่รัฐบาลมีการออกเหรียญที่ระลึก และแพรแถบ เนื่องในโอกาสสำคัญทางพระพุทธศาสนา อย่างไรก็ดี การจัดงานครั้งนั้นในประเทศไทย ได้ใช้ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “งานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ” ทำให้คำว่า “พุทธชยันตี” ไม่แพร่หลายในประเทศไทยเหมือนประเทศอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังรัฐบาลของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ถูกทำรัฐประหารยึดอำนาจโดยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๐ การประกาศกำหนดวันธรรมสวนะให้เป็นวันหยุดราชการก็ได้ถูกยกเลิกลง ในสมัยรัฐบาลของนายพจน์ สารสิน เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ ด้วยเหตุผลที่ว่า “การหยุดราชการในวันธรรมสวนะไม่สะดวกแก่การปฏิบัติราชการ”


:b42: พุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้
ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก


พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เริ่มต้นเมื่อฉลองพุทธชยันตี ๒,๕๐๐ ปี พร้อมกับรัฐบาลไทยประกาศให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ครั้นถึงพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี พุทธมณฑลได้กลายเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก

ภายหลังจากตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เผยแผ่พระธรรมคำสอน ไปยังประชาชนทุกชั้นวรรณะในชมพูทวีป แม้พระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปนานแล้ว แต่พระธรรมคำสอนของพระองค์ได้แพร่ขยายไปยังนานาประเทศทั่วโลก พระพุทธศาสนาได้กลายเป็นศาสนาที่สำคัญของโลกศาสนาหนึ่ง จนกระทั่งองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้วันที่พระพุทธองค์ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา เป็นวันสำคัญขององค์การสหประชาชาติ และเป็นวันแห่งการฉลองทั่วโลก โดยประกาศให้วันดังกล่าวเป็นวันหยุดของสหประชาชาติ เรียกว่า วัน “United Nations Day of Vesak”

คณะกรรมการจัดงานวิสาขบูชาโลก ๑๔ ประเทศ ได้มีมติให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมวิสาขบูชานานาชาติ ครั้งที่ ๙ พ.ศ. ๒๕๕๕ จากการประชุมคณะกรรมการฯ ที่ประชุมได้หารือกันถึงประเทศที่จะเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมวิสาขบูชานานาชาติ ๒๕๕๕ ซึ่งถือว่า เป็นปีที่มีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนาอย่างยิ่งอีกวาระหนึ่ง เนื่องจากเป็นปีที่ครบรอบ ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า โดยในที่ประชุมได้มีประเทศที่เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน ๒ ประเทศ คือ ประเทศศรีลังกา และประเทศไทย

ที่ประชุมมีมติให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เนื่องจากในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ นอกจากจะเป็นการถวายเป็นพุทธบูชาฉลอง ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้แล้ว ยังเป็นปีมหามงคลของปวงชนชาวไทย ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๕ พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๖๐ พรรษา

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ขับเคลื่อนงานพระพุทธศาสนาและสนองงานคณะสงฆ์ ได้ประสานการจัดงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เนื่องในโอกาสที่พระพุทธศาสนาอุบัติขึ้น อำนวยประโยชน์สุขแก่มวลมนุษยชาติครบ ๒,๖๐๐ ปี โดยเน้นบูรณาการการศึกษา ปฏิบัติ และเผยแผ่หลักธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ และทรงสั่งสอนไปสู่ประชาชนทุกเพศ ทุกวัย อย่างกว้างขวาง รวมถึง กำหนดแนวทางในการจัดกิจกรรมเนื่องในวันวิสาขบูชาอย่างถูกต้อง เหมาะสม และสอดคล้องกับมติมหาเถรสมาคม โดยได้สรุปประเด็นความสำคัญของวาระดังกล่าวเสนอมหาเถรสมาคมพิจารณา

ที่ประชุมมหาเถรสมาคมได้มีมติเห็นชอบให้ปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นปีแห่งการฉลองพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า โดยให้จัดกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนาเป็นพิเศษ ทั้ง ๓ วัน คือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา

สำหรับที่พุทธมณฑล มีการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่จากคณะสงฆ์ไทย คณะสงฆ์นานาชาติ และผู้นำชาวพุทธทั่วโลกกว่า ๘๕ ประเทศ รวมทั้ง มีการวางศิลาฤกษ์อาคารศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก เพื่อเป็นการประกาศเริ่มต้นการดำเนินงานที่ประเทศไทยได้รับการยอมรับให้เป็น “ศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก” พร้อมกันนี้ยังมีการจัดกิจกรรมอื่นๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการฉลองครบรอบ ๒๖ พุทธศตวรรษ มีการบูรณะวัดไทยพุทธคยา วัดไทยแห่งแรกในประเทศอินเดีย บูรณะลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า โดยมหาเถรสมาคม รัฐบาลไทย มูลนิธิไทยพึ่งไทย ร่วมกับประชาชนชาวไทย ซึ่งมีเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช รับเป็นประธาน นับเป็นการบูรณะลุมพินีสถานครั้งที่ ๓ หลังจากพระเจ้าอโศกมหาราช (ราว พ.ศ. ๒๕๐) และองค์การสหประชาชาติ (พ.ศ. ๒๕๑๓) เคยบูรณะไว้

มีการมอบรางวัลผู้นำการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในระดับนานาชาติ แด่ผู้นำชาวพุทธทั่วโลกกว่า ๘๕ ประเทศเป็นครั้งแรก มีการจัดตั้งยุวฑูตพุทธชยันตีตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ หนึ่งใน ๘ ส่วน ที่ตระกูลศากยราชได้รับแบ่งปันเมื่อคราวถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ พุทธศักราชที่ ๑ ซึ่งขุดพบที่กรุงกบิลพัสดุ์ ประเทศอินเดีย และรัชกาลที่ ๕ โปรดฯ ให้บรรจุไว้บนบรมบรรพต (ภูเขาทอง) ออกไปให้ประชาชนสักการะ ตามเกาะรัตนโกสินทร์ และอัญเชิญไปประดิษฐานตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ เช่น ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์นับแต่ครั้งที่รัชกาลที่ ๕ ทรงโปรดฯ ให้บรรจุไว้บนบรมบรรพต (ภูเขาทอง) เป็นเวลา ๑๑๓ ปี เพื่อให้ประชาชนได้สักการบูชา มีการรณรงค์ให้ครู นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ทำสมาธิ ๑ วัน ๑ นาที ก่อนเริ่มบทเรียนหรือทำงาน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา มีการจัดทำพระไตรปิฎกสากล การจัดทำตำราทางพระพุทธศาสนา และสิ่งของที่ระลึกต่างๆ มากมาย

และในโอกาสที่พระพุทธศาสนาก้าวเข้าสู่พุทธศตวรรษ ๒๖ อันเป็นพุทธศตวรรษแห่งความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี มีการรณรงค์ให้เยาวชนและประชาชนนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาเป็นสื่อในการเผยแผ่พระธรรมคำสอน เช่น จัดประกวดภาพยนต์สั้น jariyatam short flim ในหัวข้อ “พุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้” ทั้งระดับนักเรียน นักศึกษา และประชาชน และโครงการสร้าง “พระนักเขียน” เพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าแห่งพุทธศตวรรษที่ ๒๖ โดยมุ่งเน้นให้พระสงฆ์ได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้ในการเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ ที่ประชุมมหาเถรสมาคมยังขอให้มีการจัดทำ “ธงสัญลักษณ์งานฉลองพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า” แจกไปยังทุกวัดทั่วประเทศ และวัดในต่างประเทศทั่วโลกอีกด้วย


รูปภาพ

:b42: ธงสัญลักษณ์งานฉลองพุทธชยันตี
๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
(โดย สาวิกาน้อย)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=42769

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) ได้เสนอรูปแบบพร้อมความหมาย “ธงสัญลักษณ์งานฉลองพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า” ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคม (มส.) ให้ใช้เป็นธงสัญลักษณ์ฯ ในประเทศไทยแล้ว เพื่อเผยแพร่ให้คณะสงฆ์ หน่วยงานราชการ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ใช้ประดับตกแต่ง ณ สถานที่ราชการ วัด สถานที่สำคัญต่างๆ และเคหะสถานบ้านเรือน ตั้งแต่วันมาฆบูชา (วันพุธที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป จนถึงสิ้นปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ โดยธงสัญลักษณ์ฯ ดังกล่าวมีรูปแบบพร้อมความหมาย ดังนี้

รูปแบบ

(๑) ขนาดของธงสัญลักษณ์เท่ากับขนาดของธงธรรมจักรทั่วไป

(๒) พื้นธงสีเหลือง มีรูปใบโพธิ์รอบธรรมจักร ในวงธรรมจักรเป็นสีธงฉัพพรรณรังสี

(๓) รูปธรรมจักรมีซี่จำนวน ๑๒ ซี่ หมายถึง ญาณ ๓ ในอริยสัจ ๔

(๔) มีชื่องานภาษาไทยด้านล่างใบโพธิ์ ส่วนชื่องานภาษาอังกฤษอยู่รอบวงธรรมจักร

การใช้ธงประดับในต่างประเทศหรือสถานที่ระดับสากล สามารถสลับที่ระหว่างภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้

(๕) ชื่องานภาษาไทย
“งานฉลองพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า”

(๖) ชื่องานภาษาอังกฤษ
“Buddhajayanti : The Celebration of 2,600 Years of Buddha’s Enlightenment”

ความหมาย

ใบโพธิ์ หมายถึง การตรัสรู้แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สีเขียวแห่งใบโพธิ์ หมายถึง ความเจริญงอกงามไพบูลย์แห่งพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ที่เผยแผ่ไปทั่วโลก

ธรรมจักรกลางผืนธงฉัพพรรณรังสี หมายถึง รัศมีแห่งพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้ฉายแสงเหนือผืนแผ่นดินไทย และส่องประกายไปยังนานาประเทศ จนประเทศไทยได้กลายเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก


ธงฉัพพรรณรังสี หมายถึง สัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนานานาชาติ เป็นธงพระพุทธศาสนาที่ใช้กันในประเทศต่างๆ มี ๖ สี คือ สีเขียวเข้ม สีเหลือง สีแดง สีขาว สีหงสบาท (สีเหมือนดอกเซ่งหรือดอกหงอนไก่) และสีเลื่อมพรายประภัสสร คำว่า ฉัพพรรณรังสี แปลว่า แสงรัศมี ๖ ประการ ซึ่งเป็นสีที่พวยพุ่งแผ่ออกมาจากตรงจุดกึ่งกลางพระวรกายของพระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า โดยให้ใช้ธงฉัพพรรณรังสีเป็นธงทางพระพุทธศาสนาที่ชาวพุทธทั่วโลกนิยมประดับในวัด หรือสถานที่สำคัญต่างๆ

กนกลายไทยชูช่อฟ้า หมายถึง ผืนแผ่นดินไทยรุ่งเรืองด้วยอารยธรรม ชนชาติไทยได้เชิดชูพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ให้อำนวยประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติ และจะดำรงอยู่คู่ผืนแผ่นดินไทยชั่วกาลปาวสาน

:b42: ชัยชนะและอิสรภาพ คือความหมายแห่ง “พุทธชยันตี”

พุทธชยันตี หรือสัมพุทธชยันตี (อังกฤษ : Sambuddha jayanthi) โดยรากศัพท์ของคำว่า “พุทธชยันตี” มาจากคำ ๒ คำ คือ “พุทธ” แปลว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กับคำว่า “ชยันตี” มาจากคำว่า “ชย” แปลว่า ชัยชนะ (สันสกฤต : जयंती ที่แปลว่า วันครบรอบในภาษาสันสกฤต, อังกฤษ : Anniversary) ซึ่งเมื่อนำคำทั้ง ๒ คำมารวมกัน ก็ได้รูปคำใหม่ว่า “พุทธชยันตี” อันหมายถึง ชัยชนะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่มีต่อหมู่มารและกิเลสทั้งปวงอย่างสิ้นเชิง ปลดเปลื้องจากกิเลสเครื่องร้อยรัด เป็นอิสรภาพจากพันธนาการทั้งปวง อันทำให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อุบัติขึ้นในโลก

“พุทธชยันตี” จึงหมายถึง การตรัสรู้ และการบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันนำมาซึ่งชัยชนะและอิสรภาพแก่มวลมนุษยชาติ เพราะเหตุแห่งชัยชนะต่อกิเลสทั้งปวงของพระพุทธองค์

ในปัจจุบันคำว่า “พุทธชยันตี” ยังถูกนำไปใช้ในความหมายแห่งชัยชนะและความเป็นอิสรภาพของชาวพุทธอีกด้วย
เช่น การต่อสู่เพื่ออิสรภาพจนได้รับเอกราชจากอังกฤษของประเทศศรีลังกา ถือว่าเป็นชัยชนะของประชาชน ทำให้ชาวพุทธในประเทศศรีลังกาเป็นอิสรภาพจากการถูกปิดกั้นทางศาสนา มีสิทธิในการประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก ชาวศรีลังกาจึงจัดพิธีเฉลิมฉลองพุทธชยันตีอย่างยิ่งใหญ่ และในประเทศอินเดีย การประกาศชัยชนะต่อการกดขี่ในระบบชนชั้นวรรณะของ ดร.อัมเบดการ์ โดยประกาศไม่นับถือศาสนาฮินดู และนำประชาชนกว่า ๒ แสนคนประกาศตนเป็นพุทธมามกะ ด้วยการเฉลิมฉลองพุทธชยันตี


:b42: การคำนวณนับปีพุทธชยันตี
จาก ๒,๕๐๐ ปี แห่งการปรินิพพาน ถึง ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้


วิธีกำหนดนับปีทางพระพุทธศาสนานั้น มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง คือ นับวันที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน เป็น พ.ศ. ๑ กับ ครบรอบวันปรินิพพานเวียนมาบรรจบอีกครั้ง จึงนับเป็น พ.ศ. ๑ ประเทศศรีลังกา พม่า และอินเดียนั้น คำนวณนับ พ.ศ. เร็วกว่าประเทศไทย ๑ ปี เพราะเริ่มนับ พ.ศ. ๑ จากวันที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน ขณะประเทศไทยครบรอบหนึ่งปีนับแต่วันปรินิพพานของพระพุทธเจ้า จึงนับเป็น พ.ศ. ๑

ประเทศไทยฉลองพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งช้ากว่าประเทศอื่นๆ ๑ ปี โดยประเทศศรีลังกา พม่า และอินเดียจัดงานฉลองนี้ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ (ตามหลักการคำนวณปีพุทธศักราชแบบไทย)

วิธีคำนวณนับ พ.ศ. แบบไทยนั้น ให้เคียบเคียงวิธีนับปีเกิด เช่น อายุ ๗๙ ปีเต็ม ย่างเข้า ๘๐ ยังให้นับเป็นอายุ ๗๙ ปี จนกว่าจะถึงครบรอบวันเกิด จึงให้นับเป็นอายุ ๘๐ ปีเต็ม และย่างเข้า ๘๑

อย่างไรก็ตาม ในวาระสำคัญเนื่องในมหาธัมมาภิสมัย ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านั้น หากยึดถือตามหลักการคำนวณปีพุทธศักราชแบบไทย ก็อยู่ในช่วงระหว่างวิสาขบูชาปี ๒๕๕๔ ถึง วิสาขบูชาปี ๒๕๕๕ ทั้งนี้ ในวันวิสาขบูชาปี ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ตรงกับวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ อันเป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ครบ ๒,๕๙๙ ปีเต็ม และย่างเข้าสู่ปีที่ ๒,๖๐๐ ทั้งนี้ พระพุทธศาสนามีอายุครบ ๒,๖๐๐ ปีเต็ม ในวันวิสาขบูชาซึ่งตรงกับวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๕


:b42: พ.ศ. ๒๕๕๕ + ๔๕ พรรษา = ๒,๖๐๐

การคำนวณนับปีพุทธชยันตี ๒,๖๐๐ ปี แห่งการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เริ่มนับพุทธศักราชที่ ๑ หลังจากปีที่พระพุทธเจ้าปรินิพพาน จนถึงปีปัจจุบันนับได้ ๒,๕๕๕ ปี บวกด้วย ๔๕ อันเป็นจำนวนพรรษาที่พระพุทธองค์ได้ดำเนินพุทธกิจ ภายหลังการตรัสรู้จวบจนเสด็จดับขันธปรินิพพาน

ในประเทศต่างๆ ที่มีชาวพุทธเข้มแข็ง ได้ประกาศให้มีการเฉลิมฉลองในวาระนี้เป็นเวลา ๓ ปี (ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๕) ดังเช่น ในประเทศศรีลังกา พม่า อินเดีย เป็นต้น ได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างตื่นตัวและยิ่งใหญ่ แม้ที่สำนักงานใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็มีการจัดงานฉลองใหญ่ในช่วงวันวิสาขบูชาที่ผ่านมาเช่นกัน สำหรับประเทศไทยนั้น รัฐบาลไทยได้ประกาศให้มีการเฉลิมฉลองใหญ่ตลอดปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ นี้ อย่างเป็นทางการ โดยสั่งการและสนับสนุนให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการและดำเนินการจัดงานอย่างจริงจัง ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ เน้นหนักด้านการปฏิบัติบูชา และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนโดยให้มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการปฏิบัติธรรมในหมู่พุทธศาสนิกชน มุ่งให้มีการฟื้นฟูวิถีชาวพุทธตั้งแต่ระดับครอบครัวและชุมชนอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และยั่งยืน อันจะเป็นการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี และเกิดความมั่นคงต่อประเทศชาติบ้านเมือง



:b8: :b8: :b8: ขอกราบขอบพระคุณที่มาของบทความ ::
เรียบเรียงโดย พระราชกิจจาภรณ์ (เทอด ญาณวชิโร)
เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระวิจิตรธรรมาภรณ์

จากเว็บไซต์ http://www.onab.go.th/
โยมได้เพิ่มเติม-แก้ไขเนื้อหาในบทความเล็กน้อย
กราบขออนุญาตท่านเจ้าคุณฯ มา ณ ที่นี้ด้วยนะเจ้าค่ะ


==================

:b44: รวมกระทู้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ “วันวิสาขบูชา”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=87&t=45505

:b44: “วันอาสาฬหบูชา” และ “วันเข้าพรรษา”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=42703

:b44: เข้าพรรษาและสัตตาหกรณียะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=42706

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2013, 13:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2013, 17:57
โพสต์: 3

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณสำหรับบทความนี้ครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร