ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (หลวงพ่อทองคำ) วัดไตรมิตรวิทยาราม http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19304 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | เว็บมาสเตอร์ [ 01 ธ.ค. 2008, 15:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (หลวงพ่อทองคำ) วัดไตรมิตรวิทยาราม |
ไหว้พระประธาน ๗๗ จังหวัด พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร หรือ “หลวงพ่อทองคำ” พระประธานในพระมหามณฑป วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” หรือ “หลวงพ่อทองคำ” เป็นพระพุทธรูปทองคำที่ได้รับการบันทึกไว้ในกินเนสส์บุ๊ก พ.ศ.๒๕๓๔ (THE GUINNESS BOOK OF WORLD RECORDS 1991) ว่าเป็น “พระพุทธรูปทองคำแท้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก” และเป็น “ปูชนียวัตถุที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก” คือมีมูลค่าสูงกว่า ๒๑ ล้านปอนด์ แต่คุณค่าแห่งพลังศรัทธา ในจิตใจของพุทธศาสนิกชนนั้น มูลค่าใดๆ ก็มิอาจจะเทียบเทียมได้ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ พระมหามณฑป “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร เลขที่ ๖๖๑ ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย (ปางชนะมาร, ปางสะดุ้งมาร) ศิลปะสุโขทัย ในพระอิริยาบถนั่งสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาวางเหนือพระชานุ (เข่า) ปลายพระหัตถ์ชี้ลงพื้นธรณี ขนาดหน้าตักกว้าง ๖ ศอก ๕ นิ้ว หรือมากกว่า ๒.๕๐ เมตร ความสูงจากพระเกตุมาลาถึงฐานทับเกษตร (ฐานที่รองรับพระพุทธรูป) ๗ ศอก ๑ คืบ ๙ นิ้ว หรือประมาณ ๓.๐๔ เมตร ๑๐ ฟุต มีน้ำหนักประมาณ ๕.๕ ตัน หรือ ๕,๕๐๐ กิโลกรัม นักประวัติศาสตร์ชี้ว่า เป็น “พระพุทธรูปทอง” ในวิหารวัดมหาธาตุ กรุงสุโขทัย ที่อ้างถึงในศิลาจารึกหลักที่ ๑ ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช บรรทัดที่ ๒๓-๒๗ มีข้อความปรากฏดังนี้ “กลางเมืองสุโขทัย มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารส มีพระพุทธรูป มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันราม มีพิหารอันใหญ่ มีพิหารอันราม” ข้อความดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในสมัยสุโขทัยมีการก่อสร้างพระวิหาร พระพุทธรูปปูนปั้น โลหะ และทองคำ ทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลาง ดังปรากฏเป็นหลักฐานประติมากรรมสมัยสุโขทัยที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน จึงสันนิษฐานได้ว่า หลวงพ่อทองคำน่าจะถือกำเนิดในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก่อนปี พ.ศ.๑๘๒๖ อันเป็นพุทธศักราชที่ทรงประดิษฐ์ตัวอักษรไทย หากนับเนื่องมาจนถึงปัจจุบันปี พ.ศ.๒๕๕๐ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ ทรงมีพระบรมราชโองการให้อัญเชิญพระพุทธรูปตามวัดร้างต่างๆ ที่สุโขทัยมาประดิษฐานไว้ที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ รวมจำนวนได้ ๑,๒๔๘ องค์ รวมทั้ง “หลวงพ่อทองคำ” ด้วย ซึ่งในขณะนั้นอยู่ในสภาพพอกปูนปั้นหุ้มทั้งองค์ ดูเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นธรรมดา ต่อมาปี พ.ศ.๒๓๔๔ ได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธาน ในวัดพระยาไกร หรือวัดโชตินาราม อันเป็นวัดที่ พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ทองจีน ไกรฤกษ์) สร้างถวายเป็นพระอารามหลวง ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ เรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ.๒๔๗๕ ต่อมา วัดพระยาไกรชำรุดทรุดโทรม บริษัท อีสต์เอเซียติก ได้มาขอเช่า จัดสร้างโรงเลื่อยไม้ขนาดใหญ่ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ชำรุดทรุดโทรม ของวัดออกจนเหลือแต่พระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่ ขณะนั้น วัดสามจีน หรือที่ต่อมาเป็น วัดไตรมิตรวิทยาราม แห่งนี้ กำลังบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ และเห็นว่าจะทิ้งพระพุทธรูปไว้เช่นนั้น ไม่เหมาะสม จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๗๘ เล่ากันว่าอาจจะด้วยปาฏิหาริย์ที่หลวงพ่อทองคำท่านคงจะเลือกประดิษฐานอยู่ที่นี่ เพราะมีหลายครั้งที่วัดวาอารามในต่างจังหวัดได้ทำการขอพระพุทธรูป จากวัดต่างๆ ในส่วนกลางมาหลายครั้ง และองค์หลวงพ่อทองคำก็ได้ถูกยกให้ ทางวัดต่างๆ หลายครั้งเช่นกัน แต่ก็ไม่มีวัดไหนอัญเชิญไปสักที บางวัดตัดสินใจรับที่จะอัญเชิญไปแล้ว แต่ในที่สุดก็ติดปัญหาต่างๆ จนมิได้อัญเชิญไป การก่อสร้างใช้เวลาถึง ๒๐ ปี จึงแล้วเสร็จในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๘ ทางวัดได้ประกอบพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปปูนปั้นองค์นี้ขึ้นไปประดิษฐาน บนพระวิหาร ที่สร้างขึ้นใหม่ ขณะทำการโยกย้ายอัญเชิญองค์พระซึ่งมีน้ำหนักมาก ก็เกิดอุบัติเหตุ เชือกลวดสะลิงที่ยกองค์พระลอยขึ้นจากพื้นเกิดขาด องค์พระตกกระแทกพื้น ขณะนั้นเป็นช่วงค่ำและฝนตกหนัก การอัญเชิญหยุดชะงักลง ตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น พระวิสุทธาธิบดี (ไสว ฐิตวีโร) เจ้าอาวาสในขณะนั้น เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น พระวีรธรรมมุนี ได้มาตรวจตราดูองค์พระ สังเกตเห็นปูนตรงพระอุระแตกเป็นรูกว้าง มองเห็นเนื้อทองคำจับตา เมื่อกะเทาะปูนและลอกรักที่หุ้มออก พบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำทั้งองค์ ที่มีพระพุทธลักษณะงดงามสุกปลั่งขนาดใหญ่มหึมาเช่นที่เห็นในปัจจุบัน และยังพบกุญแจกล ซ่อนอยู่บริเวณฐานทับเกษตร ที่สามารถใช้ไขถอด หรือแยกองค์พระออกได้เป็น ๙ ส่วนด้วยกัน อันเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย ที่ทำไว้เพื่อให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายได้เมื่อยามจำเป็น และยังมีทองคำเนื้อเดียวกันบางส่วนสำรองไว้ที่ใต้ฐานองค์พระ เพื่อไว้สำหรับเชื่อมต่อเมื่อประกอบให้เป็นเนื้อเดียวกัน นับเป็นความรอบคอบของบรรพบุรุษผู้สร้างเป็นอย่างยิ่ง ทางวัดจึงได้ถอดหรือแยกองค์พระออกเป็นสี่ส่วน แล้วอัญเชิญขึ้นไป ประดิษฐานบนพระวิหาร แรกๆ เรียกว่า พระสุโขทัยไตรมิตร ต่อมา พ.ศ.๒๕๓๕ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ว่า “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” ตามลักษณะของพระพุทธรูป เพื่อเป็นสรรพสิริสวัสดิ์พิพัฒน์มงคลสืบไป แต่ประชาชนทั่วไปนิยมเรียกพระองค์นี้ว่า “หลวงพ่อทองคำ” มาจนปัจจุบัน พ.ศ. ๒๕๔๙ วัดไตรมิตรวิทยารามเห็นว่าวิหารหลังเก่าของหลวงพ่อทองคำ ซึ่งสร้างมาแต่ พ.ศ.๒๔๙๘ อยู่ในสภาพทรุดโทรมและคับแคบ ไม่สะดวกแก่การรับนักท่องเที่ยวหลายชาติหลายศาสนาที่มาสักการะ และเป็นโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชครบ ๖๐ ปี และเจริญพระชนมายุ ๘๐ พรรษาในปี พ.ศ.๒๕๕๐ จึงได้จัดโครงการสร้างพระมหามณฑปหลังใหญ่ขึ้นใหม่ เพื่อเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” หรือ “หลวงพ่อทองคำ” มีนามว่า พระมหามณฑป “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” โดยมีประชาคมนักธุรกิจเขตสัมพันธวงศ์ ชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนร่วมสมทบทุน มีงบประมาณการก่อสร้าง ๑,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลตั้งงบประมาณสนับสนุน ๒๕๐ ล้านบาท เริ่มลงมือก่อสร้างมาตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๔๙ เป็นอาคารหินอ่อนทรงไทย ๓ ชั้น ปิดทองในส่วนที่เป็นลวดลาย และเนื่องจากมีพื้นที่ก่อสร้างแคบ จึงเป็นอาคารทรงสูง ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับศาสนสถานอื่นๆ ภายในวัด ชั้นบนสุดของพระมหามณฑปเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อทองคำ อีก ๒ ชั้นเป็น “พิพิธภัณฑ์ชุมชน” บอกเล่าความเป็นมาของย่านเยาวราช หลวงพ่อทองคำ ความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่แถวเยาวราชมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ ยังเป็นเอกลักษณ์อันยิ่งใหญ่เคียงคู่ชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนอีกด้วย หลวงพ่อทองคำ มีพระพุทธลักษณะงดงามยิ่งนัก สมดังที่ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นรูปแบบของศิลปกรรมสุโขทัยยุครุ่งเรือง ที่ได้รับการยอมรับว่ามีความวิจิตรอ่อนช้อยกว่าสกุลช่างยุคใด ขนาดและน้ำหนักทองคำขององค์หลวงพ่อสะท้อนความสามารถ อันฉลาดลุ่มลึกของฝีมือช่าง ทั้งด้านการออกแบบ ศิลปกรรม การปั้นหล่อ เป็นหนึ่งในมรดกทางอารยธรรมล้ำค่ายิ่งของพระพุทธศาสนาคู่ผืนแผ่นดินไทย พระมหามณฑป “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร ที่ประดิษฐาน “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” หรือ “หลวงพ่อทองคำ” ในปัจจุบัน พระวิสุทธาธิบดี (ไสว ฐิตวีโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร --------- รวบรวมและเรียบเรียงมาจาก :: (๑) หนังสือประวัติพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร รวบรวมโดย พระครูโสภณสุทธิวัฒน์ (๒) หนังสือไหว้พระประธาน ๗๗ จังหวัด กองบรรณาธิการข่าวสด สำนักพิมพ์มติชน ขอขอบพระคุณที่มาของรูปภาพ :: คุณย้ง yong พระพุทธทศพลญาณ หรือ “หลวงพ่อโต วัดสามจีน” พระประธานในพระอุโบสถ วัดไตรมิตรวิทยาราม วรวิหาร http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=47984 พระวิสุทธาธิบดี (ไสว ฐิตวีโร) วัดไตรมิตรวิทยาราม ๑ ใน “คณะสังฆมนตรี” ยุคสมเด็จฯ จวน อุฏฺฐายี เป็นสังฆนายก (คณะสังฆมนตรีชุดสุดท้ายในประวัติศาสตร์คณะสงฆ์ไทย) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=22&t=49524 |
เจ้าของ: | ศิษย์หลวงปู่ทา [ 03 ก.พ. 2015, 13:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพฯ |
ไปสักการะมาแล้วครับ มีความปีติสุขมากๆๆที่ได้กราบองค์พระ อีกทั้งยังได้นั่งสมาธิอยู่อีกครึ่งชั่วโมงก่อนจะไปกราบพระประธานในพระอุโบสถของวัด |
เจ้าของ: | AAAA [ 07 มี.ค. 2020, 21:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร วัดไตรมิตรวิทยาราม |
4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 14 ก.ค. 2021, 10:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร (หลวงพ่อทองคำ) วัดไตรมิตรวิทยารา |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |