ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
พระพุทธศากยมุนีพระพุทธเจ้า วัดโพธิ์เย็น จ.กาญจนบุรี http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=41616 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | พุทธคุณ [ 28 มี.ค. 2012, 23:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | พระพุทธศากยมุนีพระพุทธเจ้า วัดโพธิ์เย็น จ.กาญจนบุรี |
พระศากยมุนีพระพุทธเจ้า คือ พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถของวัดโพธิ์เย็น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี มีพระนามเดิมว่า สิทธัตถะ หรือสิทธารถะ พระองค์ทรงประสูติในสกุลกษัตริย์ พระเจ้าสุทโธทนะ และพระนางศิริมหามายา เป็นพระราชบิดาและพระราชมารดา ทรงประสูติที่สวนลุมพินี ในวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๔ (ปฏิทินจีน) ก่อนพุทธศก ๘๐ ปี เมื่อประสูติได้ ๗ วัน พระราชมารดาก็สิ้นพระชนม์ ผู้ที่รับหน้าที่อภิบาลดูแลพระองค์มาแต่เยาว์วัย คือ พระเจ้าน้านางประชาบดีโคตมี พระองค์ทรงศึกษาทั้งศิลปะและวิทยาการหลายแขนงจนเจนจบ เมื่อพระชนมายุ ๑๖ พรรษาได้อภิเษกกับพระนางพิมพายโสธรา มีพระโอรสหนึ่งพระองค์ ชื่อ พระราหุล ในกาลต่อมาพระองค์ทรงพิจารณาเห็นถึงความเป็นจริงของชีวิตว่า เมื่อทุกสิ่งแปรเปลี่ยนไปทั้งความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตาย ที่มิมีผู้ใดสามารถหนีพ้นได้เลย เมื่อนั้นก็จะถูกความทุกข์เข้ารุมเร้าอย่างแสนสาหัส ด้วยพระทัยที่ตั้งมั่นจะค้นหาสัจธรรมแห่งชีวิต เพื่อช่วยเหลือมวลมนุษย์ให้ยืนอยู่เหนือความทุกข์นั้นได้ พระองค์จึงตัดสินพระทัยเด็ดเดี่ยวออกผนวชในขณะพระชนมายุ ๒๙ พรรษา ในวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๒ (ปฏิทินจีน) ทรงพากเพียรบำเพ็ญทุกกรกิริยาอย่างหนัก ก็ยังไม่สามารถบรรลุธรรมอันใด จวบจนพระองค์ได้ประจักษ์ถึงแนวทางการบรรลุธรรมด้วย ญทุกกรกิริยาอย่างหนัก ก็ยังข์นั้นได้ จึงตัดสินพระทัยเด็ดเดี่ยว “มัชฌิมาปฏิปทา” ซึ่งเป็นทางสายกลางที่มิได้สุดโต่งไปด้านใดด้านหนึ่ง จึงสำเร็จผลได้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณเป็นที่สุด ทรงรู้แจ้งถึงหลักธรรมแห่ง “อริยสัจ ๔” ซึ่งเป็นเหตุและผลของพระสัทธรรมอย่างตลอดสาย ทรงชี้ให้เห็นถึงตัวทุกข์ เหตุแห่งการเกิดทุกข์ ความดับไปของทุกข์ และหนทางปฏิบัติให้ถึงซึ่งความดับทุกข์นั้น ทรงเล็งเห็นเวไนยสัตว์ทั้งหลายแหวกว่ายทุรนทุรายอยู่ในทะเลทุกข์ และวนเวียนอยู่ในภพน้อยภพใหญ่มากมายสุดคณานับ ทำให้พระองค์เกิดสลดพระทัย จึงมุ่งเสด็จออกจาริกเผยแผ่พระธรรมไปทั่วทุกโลกธาตุ ทรงเป็นครูผู้ประเสริฐสุดของเหล่าเทวดา มนุษย์ และเวไนยสัตว์ทั้งหลาย หลักธรรมสำคัญที่ทรงมอบให้สาธุชนได้ถือปฏิบัติ คือ การละจากบาปทั้งปวง กระทำกุศลให้ถึงพร้อม และชำระจิตแห่งตนให้ผ่องใส (ไม่ขุ่นมัวด้วยอกุศล) พระองค์ทรงพระปรีชาญาณในการสั่งสอนโปรดสัตว์ ทรงสอนถึงหลักธรรมเบื้องต้นแห่งโลกียธรรม ไปจนถึงโลกุตตรธรรมเบื้องสูงให้กับเหล่าเวไนยสัตว์ได้อย่างแยบยลและชาญฉลาด พุทธโอวาทของพระองค์จะงดงามทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และบั้นปลาย เหมาะแก่กาลสมัยทุกเมื่อ จนเป็นที่ยอมรับไปทั่วทุกโลกธาตุ การน้อมนำคำสอนของพระองค์มาเป็นแนวทางปฏิบัติ ได้ประพฤติตนตามธรรมก็จะถึงซึ่งความสุข สงบ ร่มเย็นในชีวิต พระองค์ทรงสรรเสริญผู้ปฏิบัติบูชาว่าประเสริฐสุดกว่าการบูชาด้วยอามิสใดๆ ทรงบำเพ็ญพุทธกิจเผยแผ่พระสัทธรรมจนล่วงถึงปัจฉิมวัย และเสด็จดับขันธปรินิพพานเมื่อพระชนมายุ ๘๐ พรรษา ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๒ (ปฏิทินจีน) จึงเป็นความโทรมมนัสของพุทธสาวกและพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย พระองค์ทรงมอบพุทธโอวาทประโยคสำคัญก่อนจะปรินิพพานไว้ว่า “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา” ให้สาธุชนได้รำลึกถึงพระองค์ นับเป็นเวลายาวนานตลอดพระชนม์ชีพ ที่ทรงตรากตรำพระวรกายโปรดเวไนยสัตว์ผู้ตกทุกข์ได้ยากอย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย ทรงฉุดช่วยเวไนยสัตว์มากมายให้ได้พบกับแสงพระธรรมอันสว่างไสว เป็นแสงนำพาชีวิตแห่งตนมิให้เดินหลงทางตกจมและมืดมน มีพระธรรมคำสอนเป็นเข็มทิศนำทางให้ก้าวไปสู่ความเจริญทั้งโลกนี้และโลกหน้า อย่างมิต้องเคลือบแคลงสงสัยใดๆ อีกแล้วในทุกๆ ประการ จากน้ำพระทัยที่เต็มเปี่ยมด้วยมหาเมตตา-มหากรุณาอย่างสูงสุด แห่งพระองค์ได้หลั่งไหลลงสู่เวไนยสัตว์อย่างหาที่เปรียบมิได้ ยากที่จะกล่าวถึงได้หมดสิ้น จึงนับว่าเป็นบุญอย่างอเนกอนันต์แล้วที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ได้เกิดมาภายใต้พระบรมโพธิแห่งพระพุทธองค์ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระศากยมุนีพระพุทธเจ้า พระองค์นี้ด้วย วิสุทธิจิต ของเหล่าพุทธบริษัททั้งหลาย สาธุ สาธุ สาธุ ข้อมูล: http://www.watpoyen.com/prasak.html |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |