วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=25



กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2013, 17:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

รูปภาพ
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๘ ท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ. ๙)
ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระอุดมวิชาญาณเถร ได้เป็นพระอาจารย์ถวายวิปัสสนากรรมฐาน
แด่สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ (ปัจจุบันคือ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี)
ซึ่งได้เสด็จมาสมาทานพระกรรมฐาน ณ วัดมหาธาตุฯ เป็นเวลาถึง ๑ เดือน



ประวัติย่อเกี่ยวกับการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
และสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์

(ปัจจุบันคือ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี)


:b44: :b47: :b44:

สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ (ปัจจุบันคือ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ สมเด็จย่า) ท่านทรงบรรทมไม่หลับต้องเสวยพระโอสถเป็นประจำ และต้องเพิ่มพระโอสถขึ้นไปเรื่อยๆ จึงจะบรรทมหลับได้ ถ้าจำไม่ผิดก็มีคุณหมอสายหยุด ดิษฐการภักดี (เก่งระดมยิง) เป็นผู้ถวายการแนะนำพระองค์ท่านให้ทรงทราบ จนได้เสด็จมาสมาทานพระกรรมฐาน ณ พระมณฑปพระบรมธาตุ วัดมหาธาตุฯ เมื่อวันอังคารที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๘ เวลา ๑๗.๐๐ น. โดยมี ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถระ) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระพิมลธรรม” เป็นผู้ถวายศีล และแนะนำวิธีกราบเบญจางคประดิษฐ์ อีกโสดหนึ่งท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระอุดมวิชาญาณเถร” เป็นผู้ถวายพระกรรมฐาน และถวายการสอบอารมณ์พระกรรมฐานเป็นประจำทุกๆ วัน ณ พระมณฑปพระบรมธาตุ ในเวลา ๑๗.๐๐ น. ทั้งได้ถวายพระพรให้พระองค์ทรงเลิกเสวยพระโอสถตั้งแต่วันแรก จนกระทั่งได้ฟังเทศน์ลำดับญาณเป็นต้นมา

พระองค์ทรงได้เสด็จมาสอบพระกรรมฐานทุกๆ วัน เป็นเวลาประมาณ ๑ เดือน ปรากฏว่าพระองค์ทรงสนพระทัยตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติจริงๆ ทรงเพียบพร้อมไปด้วยพระวิริยะอุตสาหะเป็นพิเศษ ได้สอบอารมณ์ถวาย ได้อธิบายธรรมถวายตามโอกาสอันควร ได้เพิ่มบทเรียนถวายตั้งแต่ระยะที่ ๑ จนถึงระยะที่ ๖ และเมื่อสภาวธรรมปรากฏชัดดีแล้ว ก็ให้ทรงอธิษฐานไปตามลำดับๆ ดุจหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ จนกระทั่งได้ฟังเทศน์ลำดับญาณพร้อมกันกับหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภายในพระอุโบสถ วัดมหาธาตุฯ

ปรากฏว่าได้ผลดีมากอยู่ พระองค์ท่านทรงเลิกเสวยพระโอสถแล้วก็บรรทมหลับได้สบายเสมอมา จนมีพระวรกายดีขึ้นมาเรื่อยๆ ใครได้เห็นพระองค์ท่านก็ชมว่า พระองค์มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ดี ผิวพรรณวรรณะดี ทรงเบิกบานพระทัย ทรงยิ้มแย้มแจ่มใสดี บางคนก็ถามว่า พระองค์ทรงเสวยยาอะไร จึงสมบูรณ์ดีอย่างนี้ก็มี ถึงในตอนที่พระองค์แม้จะมีพระชนมายุจะ ๘๕ พรรษาแล้ว ก็ยังทรงแข็งแกร่งอยู่เช่นเคย เสด็จไปบำเพ็ญมหากุศล สาธารณประโยชน์ แก่ไพร่ฟ้าประชาชนด้วยพระวิริยะอุตสาหะ อันเต็มเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาธรรมทุกหนแห่ง ดังที่ปรากฏแก่สายตาของสาธุชนอยู่แล้วนั้น ข้อนี้สมด้วยพระบาลีที่องค์สมเด็จพระชินสีห์ได้ตรัสไว้ในพระไตรปิฏกว่า “ธมฺมจารี สุขํ เสติ” ผู้ปฏิบัติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุข ดังนี้


นอกจากนั้น ยังได้เป็นพระอาจารย์ถวายวิปัสสนากรรมฐานแด่ท่านเจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ) ตั้งแต่ครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ “พระภาวนาโกศลเถร” ซึ่งท่านเป็นพระอาจารย์มีเกียรติคุณในด้านสมถกรรมฐาน (วิชชาธรรมกาย) ที่มีชื่อเสียงมากในประเทศไทย โดยในวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๘ ท่านเจ้าคุณพระภาวนาโกศลเถรได้มอบหมายให้พระทิพย์ปริญญา มาติดต่อกับท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรม ขอให้พระอุดมวิชาญาณเถรไปสอนวิปัสสนากรรมฐานแก่ท่าน ดังนั้น พระอุดมวิชาญาณเถร พระทิพย์ปริญญา และนายเสวต เปี่ยมพงศ์สานต์ จึงได้เดินทางไปถวายวิปัสสนากรรมฐานแก่ท่านในตอนเย็นวันนั้น ณ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เนื่องจากท่านเจ้าคุณพระภาวนาโกศลเถรได้อธิษฐานไว้ว่าท่านจะไม่ไปค้างคืนที่วัดอื่น ดังนั้น ท่านจึงขอร้องให้พระอุดมวิชาญาณเถรไปสอนภายในพระอุโบสถ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ท่านได้ปฏิบัติครบบทเรียน ครบหลักสูตรแล้วใช้เวลาประมาณ ๑ เดือน

ต่อมาท่านได้มาฟังเทศน์ลำดับญาณ ณ พระอุโบสถ วัดมหาธาตุฯ โดยพระอุดมวิชาญาณเถรได้ถวายเทศน์ลำดับญาณ เทศน์จบก็ได้ถวายวิชาครูท่านไป ๑ ชุด ปรากฏว่า ท่านเจ้าคุณพระภาวนาโกศลเถรได้ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นอย่างดี เพราะท่านได้นำสมถกรรมฐานมาต่อวิปัสสนากรรมฐาน พิจารณาไตรลักษณ์ มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ เป็นว่าท่านเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถทั้งในด้านสมถะและด้านวิปัสสนา เป็นพระเถระที่ไม่มีทิฏฐิมานะสมเป็นนักปฏิบัติธรรมแท้ ควรแก่การเคารพบูชาเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นท่านเจ้าคุณพระภาวนาโกศลเถร ได้ส่งภาพของท่านมาถวายไว้เป็นที่ระลึกแก่สำนักวิปัสสนากรรมฐานวัดมหาธาตุฯ และได้เขียนบันทึกใต้ภาพยกย่องว่า “ให้สำนักวิปัสสนา วัดมหาธาตุ ไว้เป็นที่ระลึก ในโอกาสที่ฉันได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนาตามแบบแผนที่วัดมหาธาตุ สอนอยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว ยืนยันได้ว่า การปฏิบัติแบบนี้ถูกต้องร่องรอยในมหาสติปัฏฐานสูตรทุกประการ”

ลงชื่อ พระภาวนาโกศลเถร วัดปากน้ำ ธนบุรี ลงวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๘


:b8: :b8: :b8: คัดลอกเนื้อหามาจาก...
ประวัติและปฏิปทา “พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ)”

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=19975

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

:b45: การกราบพระรัตนตรัย (แบบเบญจางคประดิษฐ์)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=20827

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ “พระภาวนาโกศลเถร”
ได้ส่งภาพของท่านมาถวายไว้เป็นที่ระลึกแก่สำนักวิปัสสนากรรมฐาน
วัดมหาธาตุฯ และได้เขียนบันทึกใต้ภาพยกย่องว่า

“ให้สำนักวิปัสสนา วัดมหาธาตุ ไว้เป็นที่ระลึก
ในโอกาสที่ฉันได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนาตามแบบแผนที่วัดมหาธาตุ
สอนอยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว ยืนยันได้ว่า การปฏิบัติแบบนี้
ถูกต้องร่องรอยในมหาสติปัฏฐานสูตรทุกประการ”

พระภาวนาโกศลเถร
วัดปากน้ำ ธนบุรี
๒๐ เมษายน ๙๘


:b47: :b45: :b47:

:b44: เมื่ออาตมา (หลวงพ่อจรัญ) เรียนกรรมฐานที่วัดมหาธาตุฯ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=47470

:b44: “เจ้าคุณโชดก” และ “หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ”
๒ ครูบาอาจารย์ของ “หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม”

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=48697

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2015, 14:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2008, 20:15
โพสต์: 45


 ข้อมูลส่วนตัว




page123.jpg
page123.jpg [ 147.15 KiB | เปิดดู 14275 ครั้ง ]
มีคนโจทย์กันว่า..หลวงพ่อวัดปากน้ำเลิกฝึกธรรมกายจริงหรือ..?
http://khunsamatha.com/blog/dhammakaya-C1.html



เวบให้ความรู้ทุกแง่มุมเกี่ยวกับวิชาธรรมกาย
http://khunsamatha.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2015, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2008, 20:15
โพสต์: 45


 ข้อมูลส่วนตัว




pathan1.JPG
pathan1.JPG [ 24.57 KiB | เปิดดู 14273 ครั้ง ]
บทวิเคราะห์จากการสืบหาความจริงกรณีหลวงพ่อวัดปากน้ำเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบหนอ โดยคุณธารณธรรม อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/215065

เหตุผลที่หลวงพ่อสดเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบหนอก็ เพราะว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาสภมหาเถระ) เมื่อครั้งมีสมณศักดิ์ที่พระพิมลธรรม เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง (สมัยนั้นมีสังฆมนตรีเพียง ๔ รูป) ผู้มีอำนาจมาก มีบารมีมาก มีบริวารมาก และมีสมณศักดิ์เกือบสูงสุด ท่านเจ้าประคุณ มีความดำริจะส่งเสริมวิปัสสนากรรมฐานให้เจริญแพร่หลายในประเทศไทย โดยเฉพาะท่านเชื่อว่าการสอนวิปัสสนาธุระที่เป็นระบบถูกต้องมีเฉพาะในประเทศพม่าเท่านั้น ทั้งที่ตอนนั้นสายพระอาจารย์มั่นและสายวัดปากน้ำได้ปฏิบัติธรรมอย่างมีระบบแล้ว

หลวงพ่อวัดปากน้ำและพระเถระผู้เชี่ยวชาญกรรมฐานฝ่ายมหานิกายจึงถูกเกณฑ์ให้เรียนกรรมฐานแบบหนอ

สำหรับหลวงพ่อสดนั้นถูกขอร้องเป็นพิเศษ ด้วยหลวงพ่อมีลูกศิษย์ลูกหามาก น่าจะมากที่สุดในประเทศไทยในสมัยนั้น ให้ช่วยเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯให้ด้วย ไม่ใช่เป็นอย่างคำบิดเบือน “ที่กล่าวว่าหลวงพ่อปฏิบัติไป ๆ แล้วติดตันขึ้นมา ต้องไปขอให้ให้อาจารย์วัดมหาธาตุแนะทางให้ จึงรู้ว่าที่ท่านปฏิบัติมานั้นผิดทาง” ซึ่งยุทธการกล่าวบิดเบือนดังกล่าวมีมาตลอด แต่ที่เขียนบิดเบือนเป็นลายลักษณ์อักษรนั้นปรากฏเป็นครั้งแรกในหนังสือมักกะลีผล

ในการเกณฑ์ให้เรียนนั้น ท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระอุดมวิชาญาณเถรต้องไปถวายการสอนที่ในโบสถ์วัดปากน้ำตอนบ่าย หลายวัน โดยปิดประตูโบสถ์ ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปฟัง หลวงพ่อวัดปากน้ำและท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนีถกอะไรกันบ้าง นั้นไม่มีใครทราบ พระดร. มหาทวนชัย อธิจิตโต ท่านเล่าว่าตอนนั้นท่านยังเป็นสามเณรมีหน้าที่ปูอาสนะสองที่หน้าพระประธาน เมื่อหลวงพ่อ และท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี เข้าไปในโบสถ์แล้ว หลวงพ่อสั่งให้ท่านปิดประตู ห้ามใครเข้าใกล้

แต่สามารถอนุมานได้ว่าท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี และเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(ครั้งมีสมณศักดิ์ที่พระพิมลธรรม) มีประสงค์จะให้หลวงพ่อเปลี่ยนการปฏิบัติกรรมฐานจากวิชชาธรรมกายเป็นแบบวัดมหาธาตุ ซึ่งหลวงพ่อไม่ยอม (พระดร.มหาทวนชัย อธิจิตโต, ๒๕๔๕, ใต้บารมีหลวงพ่อ ใน ที่ระลึกงานมุทิตา ฉลองพัดยศ พระครูสัญญาบัตรชั้นโท พระครูมงคลพัฒนคุณ เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ (บน) บางคูเวียง นนทบุรี, หน้า ๓๗)

หลวงพ่อวัดปากน้ำได้เล่าให้ศิษย์บรรพชิตท่านฟังว่า ท่านปฏิบัติบรรลุญาณ ๑๖ มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ก่อนที่กรรมฐานแบบวัดมหาธาตุจะเข้ามาสู่ประเทศไทย เพราะวิชชาธรรมกายก็มีการพิจารณาไตรลักษณ์ และพิจารณาสติปัฏฐาน ๔ คือพิจารณากายในกาย เวทนาใน้เวทนา จิตในจิต และพิจารณาธรรมในธรรม และท่านยังได้บอกศิษย์ว่า สามเณรที่ทางวัดมหาธาตุรับรองว่าบรรลุญาณ ๑๖ แล้ว (เข้าใจว่าเป็นรูปแรก) ที่บอกใครๆ ว่าสามารถเข้าสมาบัตินั่งตัวแข็งได้ทุกที่นั้น ซึ่งโด่งดังมากในสมัยนั้น จะไม่สามารถเข้าสมาบัตินั่งตัวแข็งได้ที่วัดปากน้ำ และเป็นจริงตามที่หลวงพ่อพูด ต่อมาสามเณรรูปนั้นสึกแล้วเป็นหัวขโมย [หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน มหาวีระ ถาวโร), ......, เรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม ๑, น.๑๖๙- ๑๗๒.]

-->> หลวงพ่อวัดปากน้ำได้เขียนรับรองให้จริง แต่เขียนให้ในฐานะที่ท่านเป็นพระอาจารย์ที่ปรึกษา เขียนรับรองวิทยานิพนธ์ของศิษย์ เพราะคนที่จะเขียนรับรองอะไรได้นั้น จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชานั้นๆ ใช่หรือไม่

(หลวงพ่อสดวัดปากน้ำเทศน์...ที่วัดมหาธาตุ) หลวงพ่อสดท่านเป็นพระผู้ใหญ่กว่าอย่างไร ท่านได้รับการไว้วางใจจากเจ้าคุณพระพิมลธรรม (ช้อย ฐานทตฺตมหาเถร) อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ องค์ที่ ๑๕ สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง และปฐมสภานายกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมาก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้ พิจารณาในกระทู้นี้... https://www.gotoknow.org/posts/215640

การที่หลวงพ่อยอมเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯ ตามที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาสภเถร) สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองขอร้องแกม..... และตามคำขอของเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ท่านทั้งสองเสียหน้า หลวงพ่อได้เขียนรับรองไว้ใต้ภาพถ่ายของท่านที่มอบให้วัดมหาธาตุฯ มีใจความดังต่อไปนี้ :

“ให้สำนักวิปัสสนา ในการที่ฉันได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนาตามแบบวัดมหาธาตุสอนอยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว ยืนยันได้ว่าการปฏิบัติแบบนี้ ถูกต้องร่องรอยในมหาสติปัฏฐานสูตรทุกประการ” พระภาวนาโกศล วัดปากน้ำ ธนบุรี ๒๐ เมษายน ๒๔๙๘ [วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, ไม่ระบุปีที่พิมพ์, ประวัติและผลงานพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ.๙), วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, กรุงเทพมหานคร หน้า ๑๓. (คณะ ๕ โทร. ๐๒-๒๒๒-๖๐๑๑)] แต่หลวงพ่อไม่ยอมเขียนว่าวิชชาธรรมกายไม่เป็นวิปัสสนา

จึงเป็นเหตุให้ผู้ที่ไม่ประสงค์ดีต่อวิชชาธรรมกายนำไปบิดเบือน คือพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว แต่อีกครึ่งไม่ยอมบอกใครๆ ว่า ที่หลวงพ่อยอมเขียนรับรองให้นั้นเป็นการเขียนรับรองตามคำขอเพราะเจ้าประคุณพระพิมลธรรม (อาสภเถร) สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองนั้นใหญ่มาก มีอำนาจมาก เป็นเรื่องที่ได้ยินได้ฟังจากครูอาจารย์ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และที่เสียชีวิตไปแล้วเล่าให้ฟัง

วิชชาธรรมกายนั้นเป็นทั้งสมถะและวิปัสสนา ผู้ปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกาย สามารถบรรลุนิพพานได้เช่นเดียวกัน แถมยังมีฤทธิ์ประดับบารมีด้วยต่างกับการปฏิบัติวิปัสสนาแบบวัดมหาธาตุฯ ซึ่งโดยปรกติแล้วการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯจะไม่มีฤทธิ์ประดับบารมี เว้นแต่เป็นของที่ติดภพเก่ามา หลักฐานที่ยืนยันได้แน่นอนว่าการปฏิบัติวิชชาธรรมกายนั้น สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้จริง คือตัวของหลวงพ่อเอง หลวงพ่อวัดปากน้ำได้บอกศิษย์บรรพชิตให้ทราบว่าท่านบรรลุญาณ ๑๖ มานานแล้ว ก่อนที่วิธีปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุจะเข้ามาสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะอัฐิธาตุศิษย์วิชชาธรรมกายบางท่านกลายเป็นพระธาตุก็มีให้เห็นแล้ว

หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านบอกว่า “ต้นธาตุสั่งให้ท่านมาเกิดเพื่อปราบมาร” เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๔๙๘ (นางแฉล้ม อุศุภรัตน์, ๒๔๙๙, โอวาทเจ้าคุณพ่อ, ในเรื่องธรรมกายของพระมงคลราชมุนี, วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ, กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ไทยพณิชยการ, หน้า ธ–ป.) ซึ่งหลวงพ่อสดเทศน์ภายหลังจากที่ท่านเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วประมาณ ๕ เดือนครึ่ง นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าหลวงพ่อเชื่อมั่นในวิชชาธรรมกาย

การที่หลวงพ่อสดได้พยากรณ์ว่าสมเด็จป๋าจะได้เป็นใหญ่ที่สุดในหมู่สงฆ์เมื่อปี ๒๔๙๗ นั้น เพราะหลวงพ่อหยั่งทราบว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์จะต้องคดีจนหมดสิทธิ์ที่จะขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช ทั้งๆ โดยตำแหน่งแล้วสมเด็จพระพุฒาจาย์ฯ จะต้องได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ก่อนสมเด็จป๋าอย่างแน่นอน

สมมุติว่าถ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชแล้ว สมเด็จป๋าหมดสิทธิ์ที่จะเป็นสมเด็จพระสังฆราช เพราะว่าสมเด็จป๋าสิ้นพระชนม์ก่อนสมเด็จพระพุฒาจารย์ถึง ๑๖ ปี คือสมเด็จป๋าสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๑๖ ส่วนสมเด็จพระพุฒาจารย์มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๓๒ นั้นแสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อทราบเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

หลวงพ่อสดหยั่งรู้อยู่แล้วว่าในปี ๒๔๙๘ ท่านจะต้องถูกเกณฑ์ให้เรียนกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุท่านผู้มากไปด้วยความเมตตา ทราบดีว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์จะต้องคดี ยากที่หาหลักฐานมาแก้ต่าง แต่ถ้าได้คำรับรองของท่านไปใช้แก้ต่างก็สามารถช่วยให้ชนะคดีได้ซึ่งทนายของสมเด็จพระพุฒาจารย์ได้ใช้ข้อเขียนของหลวงพ่อสดที่เขียนรับรองว่าการปฏิบัติกรรมฐานวัดมหาธาตุถูกต้องตามสติปัฏฐาน ๔ ใช้เป็นหลักฐานหักล้างในการต่อสู้ จนชนะคดีในที่สุด (...มหาจุฬาฯ, ๒๕๓๕, ประวัติการสถาปนา เลื่อนชั้น ลดตำแหน่ง แต่งตั้ง ถอดถอน คืนสมณศักดิ์ พระพุทธาจารย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ พระพิมลธรรม สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. ๒๕๓๕, (๒๐๘) ๒๕๓๒, หน้า ๒๐๗)

“ระหว่างต้องคดี เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ต้องถูกคุมขังอยู่ที่ห้องสันติบาลตำรวจ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๕ ถึงวันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นเวลา ๕ พรรษา” (...มหาจุฬาฯ, ๒๕๓๕, หน้า ๑๑๙) โดยเจ้าประคุณสมเด็จฯนุ่งห่มผ้าขาวแบบสบงและอังสะ และมีจีวรห่มคลุม และท่านถือวัตรอย่างพระภิกษุ’ ( .....มหาจุฬาฯ, ๒๕๓๓, หน้า ๒๑๕ )

“บั้นปลายชีวิตของสมเด็จพระพุฒาจารย์ เมื่อมีอายุสูงขึ้นได้ถูกโรคาอาพาธเบียดเบียน จนมือและเท้าด้านซ้ายเป็นอัมพฤกษ์ ไม่สามารถใช้งานได้ตามปรกติ ต้องอาศัยศิษย์ทั้งที่เป็นบรรพชิตและคฤหัสถ์คอยปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิด ทุกๆ อย่างในช่วงนี้เอง ศิษย์บางคนจำพวกได้ถูกความโลภเข้าครอบงำจิตสันดาน จึงอาศัยเกียรติคุณและตำแหน่งการงานของท่าน แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ทั้งภายในและภายนอกวัดมหาธาตุฯ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งพระอุปัชฌาย์ปลอมของสมีเจี๊ยบ ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๒

สมีเจี๊ยบหรือพระครูสมุห์สรศักดิ์ (เจี๊ยบ) คมฺภีรปญฺโญ เป็นพระฐานานุกรมที่พระครูสมุห์ ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นพระหนุ่มและเป็นเลขานุการประจำตัวของเจ้าประคุณ และในระหว่างที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ตั้งแต่วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ ถึงวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๒ ได้ถูกความโลภครอบงำ โดยเห็นแค่เงินสินจ้างรางวัลเลยถูกจับในคดีปลอมตราสมเด็จพระสังฆราช ทำการแต่งตั้งพระอุปัชฌาย์วิสามัญ ตลอดจนมั่วกับสีกา มีเมียเกือบ ๑๐ คนทั้งที่ยังครองผ้าเหลืองอยู่ สร้างความเสื่อมเสียให้สำนักวัดมหาธาตุฯ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ตลอดวงการคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก เรียกว่ากลางปี พ.ศ. ๒๕๓๒ สำนักวัดมหาธาตุฯ เสียชื่อเสียงมากที่สุด และในที่สุดพระครูสมุห์สรศักดิ์ก็ต้องถูกจับสึก เพราะคดีปลอมตราสมเด็จพระสังฆราชทำการแต่งตั้งพระอุปัชฌาย์วิสามัญ และเสพเมถุน เป็นอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุเป็นนายสรศักดิ์ พรรัตนสมบูรณ์ หรือสมีเจี๊ยบ”. (...มหาจุฬาฯ, ๒๕๓๕, หน้า ๒๙๑)

ถามว่าทำไมวิบากกรรมของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาสภมหาเถระ) จึงมีมากมายขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และมีเจตนาดีต่อพระศาสนา ถ้าไม่ต้องคดีเสียก่อน รับรองว่าจะต้องได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชอย่างแน่นอน

-->> เป็นไปได้ไหมว่า วิบากกรรมของสมเด็จพระพุฒาจารย์นั้น ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากการที่ท่านได้บัญชาให้พระเถระผู้เชี่ยวชาญกรรมฐานฝ่ายมหานิกายของสงฆ์ไทย ต้องไปเรียนกรรมฐานแบบพม่า เพราะผู้เขียนเคยทราบจากพระเถระผู้เชี่ยวชาญกรรมฐานรูปหนึ่ง ท่านบอกว่ากรรมที่กระทำต่อผู้ทรงญาณสัมมาทิฏฐินั้นเป็นบาปมาก ยิ่งกระทำต่อพระอริยเจ้าแล้วจะบาปมากขนาดไหน

..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/215065
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2015, 11:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: จากประวัติของหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม
ในกระทู้...เมื่ออาตมาเรียนกรรมฐานที่วัดมหาธาตุฯ

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=47470

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม ท่านพูดถึงคำบอกเล่าของ “หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ” (ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์องค์หนึ่งของท่าน โดยหลวงพ่อจรัญเคยไปฝึกวิชาธรรมกายด้วยเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๓ ต่อมาหลวงพ่อจรัญท่านได้มาฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่วัดมหาธาตุฯ กับท่านเจ้าคุณอาจารย์โชดกฯ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๕ เป็นเวลาหลายเดือนจนได้รับฟังเทศน์ลำดับญาณ และประสบการณ์การสอบอารมณ์ พร้อมกันกับหลวงพ่อสด-สมเด็จย่า)

ไว้อย่างชัดเจนว่า...

อาตมาได้ฟังเทศน์ลำดับญาณ โดยอาจารย์พม่ามาเทศน์ และมีทูตมาแปลเป็นภาษาไทย ฟังพร้อมกับ “หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ” เดิมทีอาตมาไม่ทราบว่าท่านมานั่งกรรมฐานที่วัดมหาธาตุฯ พอดีท่านเจ้าคุณอาจารย์ไปสอบอารมณ์ อาตมาก็ตามไปฟัง หลวงพ่อสดบอกอาตมาว่า

เราเป็นขี้ข้าเขามาหลายสิบปี มีแต่นิมิตเครื่องหมายมากมาย และติดนิมิต พอกำหนดเห็นหนอๆ นิมิตธรรมกายหายไป ปัญญาเกิด และเข้าผลสมาบัติได้ถึง ๘๔ ชั่วโมง หลังจากนั้นก็เข้านิโรธสมาบัติได้ด้วย

อันนี้ขอเปิดเผยเพราะท่านมรณภาพไปแล้ว และท่านยังบอกอาตมาอีกว่า

ถ้าเราอยู่ เราจะสอนอย่างนี้ต่อไป แต่ถ้าเราจะหมดอายุ เราก็ขอแค่ตัวเราพ้นทุกข์


:b50: :b49: :b50:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2018, 18:25 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2019, 08:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ :b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร