วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 08:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.พ. 2012, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
โบราณสถานซาก “ยมกปาฏิหาริย์สถูป”
บริเวณนอกเขตเมืองสาวัตถี แห่งแคว้นโกศล
สถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ปราบทิฏฐิพวกเดียรถีย์
ซึ่งเป็นนักบวชนอกศาสนาพุทธ ณ โคนต้นมะม่วงคัณฑามพฤกษ์
สถูปแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากวัดเชตวันมหาวิหารประมาณ ๒.๕ กิโลเมตร


¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤

ยมกปาฏิหาริย์ อัศจรรย์ไฟคู่น้ำ

¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤


มีเหตุการณ์สำคัญอีกประการหนึ่งที่เกิดขึ้นในวันอาสาฬหบูชา ตรงกับวันเพ็ญกลางเดือน ๘ ก่อนวันเข้าพรรษา ๑ วัน คือ พระพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ปราบทิฏฐิพวกเดียรถีย์ ภายใต้ต้นมะม่วงคัณฑามพฤกษ์ หลังจากออกรับบิณฑบาตที่เมืองสาวัตถี ในพรรษาที่ ๗ หลังตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ และเป็นระยะเวลากว่า ๒,๕๙๖ ปีแล้วหลังเหตุการณ์แสดงยมกปาฏิหาริย์ในครั้งนั้น

เมื่อครั้งที่ พระปิณโฑลภารทวาชะ ทำปาฏิหาริย์สำแดงฤทธิ์ให้เศรษฐีในพระนครราชคฤห์ผู้หนึ่งได้ประจักษ์ว่า มีพระอรหันต์บังเกิดขึ้นในโลกแล้ว ครั้นพระพุทธเจ้าทรงทราบความแล้ว พระบรมศาสดาทรงตำหนิ และมีบัญญัติห้ามมิให้พระสาวกทำปาฏิหาริย์อีกต่อไป

ครั้นพวกเดียรพีย์ได้ทราบข่าว พากันดีใจว่าเป็นโอกาสของเราแล้ว จึงให้สาวกของตนออกประกาศว่า เราจะทำปาฏิหาริย์กะพระสมณโคดม เมื่อพระเจ้าพิมพิสารได้ทรงสดับข่าวนั้นแล้วร้อนพระทัยด้วยความเป็นห่วง รีบเสด็จไปเฝ้าพระบรมศาสดาที่พระวิหาร ทูลถามว่า

"พระองค์ทรงบัญญัติห้ามพระสาวกทำปาฏิหาริย์เป็นความจริงหรือพระเจ้าค่ะ"

"เป็นความจริง มหาบพิตร" พระบรมศาสดาทรงรับสั่ง

"ถ้าพวกเดียรถีย์จะทำปาฏหาริย์แล้วพระองค์จะทำอย่างไร"

"ถ้าพวกเดียรถีย์ทำ ตถาคตก็จะทำด้วย"

"ก็พระองค์ทรงบัญญัติห้ามแล้วมิใช่หรือ"

"ถูกแล้ว มหาบพิตร ตถาคตห้ามพระสาวกต่างหาก หาได้ห้ามอาตมาไม่ เหมือนเจ้าของสวนผลไม้ห้ามเก็บผลไม้ ความจริงก็หาได้ห้ามเจ้าของสวนเก็บมิใช่หรือ มหาบพิตร"

พระเจ้าพิมพิสารทูลถามต่อไปว่า "พระองค์จะทำที่ไหนและจะทำเมื่อใด"

"ถวายพระพร อาตมาจะทำที่เมืองสาวัตถี ในวันเพ็ญเดือน ๘ นับแต่นี้ไปอีก ๔ เดือน"

ครั้นพระบรมศาสดาเสด็จอยู่ที่พระนครราชคฤห์พอสมควรแก่อัธยาศัยแล้ว ก็เสด็จดำเนินไปยังพระนครสาวัตถี พวกเดียรถีย์พากันกลั่นแกล้งโจษจันว่าพระสมณโคดมหนีไปแล้ว เราจะไม่ลดละจะติดตามไปทำปาฏิหาริย์ด้วย

ครั้นย่างเข้าเดือน ๘ ใกล้เวลาทำปาฏิหาริย์ พวกเดียรถีย์ได้จัดสร้างมณฑปใหญ่ประดิษฐ์ด้วยไม้ตะเคียนงามวิจิตร ประกาศให้มหาชนทราบว่าตนจะทำปาฏิหาริย์ที่นี้

ครั้งนั้นพระเจ้าปัสเสนทิโกศลเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา รับจะทำมณฑปถวายเพื่อทำปาฏิหาริย์ พระบรมศาสดาไม่ทรงรับ ตรัสว่าอาตมาจะไม่ใช้มณฑปทำปาฏิหาริย์ แต่จะอาศัยร่มไม้มะม่วงทำปาฏิหาริย์

ครั้นพวกเดียรถีย์ทราบว่า พระบรมศาสดาจะทรงทำปาฏิหาริย์ที่ร่มไม้มะม่วง จึงจ่ายทรัพย์จ้างให้คนทำลายต้นมะม่วงในที่สาธารณะทั้งในและนอกเมืองให้หมด เพื่อมิให้โอกาสแก่พระพุทธเจ้าทรงทำปาฏิหาริย์

ครั้นถึงวันเพ็ญแห่งอาสาฬมาส คือ เช้าแห่งวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกเสด็จเข้าไปภายในพระนครสาวัตถี เพื่อบิณฑบาต ประจวบกับราชบุรุษผู้รักษาสวนหลวงคนหนึ่งชื่อ คัณฑะ เห็นมะม่วงทะวายมีมดแดงทำรังหุ้มอยู่กำลังสุก จึงได้สอยมะม่วงผลนั้นลงมา เมื่อทำความสะอาดดีแล้วก็จัดใส่ภาชนะนำไปจากสวนเพื่อถวายพระราชา พอดีเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จมาแต่ไกลก็มีความเลื่อมใส พลางดำริ มะม่วงผลนี้หากเราจะเอาไปถวายพระราชาก็คงจะได้รับพระราชทานรางวัลไม่เกิน ๑๕ กหาปนะ แต่ถ้าเราจะน้อมถวายพระพุทธเจ้าแล้ว จะเป็นมหากุศลอำนวยอานิสงส์ผลให้ประโยชน์สุขแก่เราสิ้นกาลนาน เมื่อนายคัณฑะดำริเช่นนี้แล้ว ก็น้อมมะม่วงสุกผลนั้นเข้าไปถวายพระพุทธเจ้า

ครั้นพระบรมศาสดาทรงรับผลมะม่วงของนายคัณฑะแล้ว ประสงค์จะประทับนั่ง ณ ที่ตรงนั้น พระอานนท์เถระเจ้าอาสนะถวายประทับตามพุทธประสงค์ ครั้นประทับนั่งแล้ว ทรงหยิบผลมะม่วงในบาตรส่งให้พระอานนท์ทำปานะ พระอานนท์ก็จัดทำปานะมะม่วง คือน้ำผลมะม่วงคั้น ถวายตามพระประสงค์ ครั้นพระบรมศาสดาเสวยแล้วก็ทรงส่งเมล็ดมะม่วงให้นายคัณฑะว่า "คัณฑะ ! เธอจงคุ้ยดินร่วนขึ้นทำเป็นหลุม ปลูกมะม่วงเมล็ดนี้ ณ ที่นี้เถิด" นายคัณฑะก็จัดปลูกมะม่วงเมล็ดนี้ ณ ที่นั้น

พระพุทธเจ้าทรงล้างพระหัตถ์เหนือพื้นดินบนเมล็ดมะม่วงนั้น ในทันใดนั้นก็พลันบังเกิดความอัศจรรย์ขึ้น เมล็ดมะม่วงนั้นในทันใดนั้นก็พลันบังเกิดความอัศจรรย์ขึ้น เมล็ดมะม่วงนั้นเกิดงอกออกต้นขึ้นทันที และในช่วงขณะที่นายคัณฑะพร้อมด้วยพระสาวกทั้งหลายมองดูอยู่ด้วยความพิศวง ต้นมะม่วงต้นน้อยๆ นั้นก็เติบโตใหญ่ขึ้นๆ ออกกิ่งใหญ่ๆ ถึง ๕ กิ่ง ยื่นยาวออกไปถึง ๕๐ ศอก ทั้งล้วนตกดอกออกผล มีทั้งผลดิบผลสุก แลอร่ามไปทั้งต้น ร่วงหล่นเกลื่อนพื้นพสุธา

นายคัณฑะมีปีติเลื่อมใส ได้ประสบอัศจรรย์เฉพาะหน้า ก็เก็บผลมะม่วงสุกที่หล่นมาถวายพระสงฆ์ทั้งหลายที่ติดตามมาให้ฉันจนอิ่มหนำสำราญทั่วกัน

เมื่อพระบรมศาสดาทรงได้ไม้คัณฑามพฤกษ์อันสมบูรณ์ด้วย กิ่งใบสูงใหญ่งามด้วยปริมณฑล สมดังพระประสงค์เช่นนั้น ก็ทรงตั้งพระทัยจะทรงทำปาฏิหาริย์สืบไป ครั้นเวลาบ่ายแห่งวันเพ็ญอาสาฬมาส พระบรมศาสดาเสด็จออกจากพระคันธกุฏี ประทับยืนอยู่ที่มุข ท่ามกลางพุทธบริษัทซึ่งมาสโมสรกันเนืองแน่น โดยใคร่จะชมปาฏิหาริย์ จึงทรงนิมิตจงกรมแก้วอันกว้างใหญ่เหนือยอดไม้คัณฑามพฤกษ์ไพศาลงามตระการวิจิตรควรแก่ความเป็นพุทธอาสน์ที่ประทับสำหรับแสดงปาฏิหาริย์ พระบรมศาสดาทรงเสด็จลีลาศขึ้นประทับนั่งยังจงกรมแก้วมโหฬาร ทรงกระทำปาฏิหาริย์ให้บังเกิด

ท่อไฟพุ่งออกจากพระกายเบื้องบน สายน้ำพุ่งออกจากพระกายเบื้องล่าง และท่อไฟพุ่งออกจากพระกายเบื้องล่าง สายน้ำพุ่งออกจากพระกายเบื้องบน เป็นคู่ ๑

ท่อไฟพุ่งออกจากพระกายเบื้องหน้า สายน้ำพุ่งออกจากพระกายเบื้องหลัง และท่อไฟพุ่งออกจากพระกายเบื้องหลัง สายน้ำพุ่งออกจากพระกายเบื้องหน้า เป็นคู่ ๑

ท่อไฟพุ่งออกจากพระเนตร (ตา) ข้างขวา สายน้ำพุ่งออกจากพระเนตรข้างซ้าย และท่อไฟพุ่งออกจากพระเนตรข้างซ้าย สายน้ำพุ่งออกจากพระเนตรข้างขวา เป็นคู่ ๑

ท่อไฟพุ่งออกจากพระกรรณ (หู, ใบหู) ข้างขวา สายน้ำพุ่งออกจากพระกรรณข้างซ้าย และท่อไฟพุ่งออกจากพระกรรณข้างซ้าย สายน้ำพุ่งออกจากพระกรรณข้างขวา เป็นคู่ ๑

ท่อไฟพุ่งออกจากช่องพระนาสิก (จมูก) ข้างขวา สายน้ำพุ่งออกจากช่องพระนาสิกข้างซ้าย และท่อไฟพุ่งออกจากช่องพระนาสิกข้างซ้าย สายน้ำพุ่งออกจากช่องพระนาสิกข้างขวา เป็นคู่ ๑

ท่อไฟพุ่งออกจากจงอยพระอังสา (บ่า, ไหล่) ข้างขวา สายน้ำพุ่งออกจากจงอยพระอังสาข้างซ้าย และท่อไฟพุ่งออกจากจงอยพระอังสาข้างซ้าย สายน้ำพุ่งออกจากจงอยพระอังสาข้างขวา เป็นคู่ ๑

ท่อไฟพุ่งออกจากพระหัตถ์ (มือ) ข้างขวา สายน้ำพุ่งออกจากพระหัตถ์ข้างซ้าย และท่อไฟพุ่งออกจากพระหัตถ์ข้างซ้าย สายน้ำพุ่งออกจากพระหัตถ์ข้าวขวา เป็นคู่ ๑

ท่อไฟพุ่งออกจากประปรัศว์ (ข้าง, สีข้าง) เบื้องขวา สายน้ำพุ่งออกจากพระปรัศว์เบื้องซ้าย และท่อไฟพุ่งออกจากพระปรัศว์เบื้องซ้าย สายน้ำพุ่งออกจากพระปรัศว์เบื้องขวา เป็นคู่ ๑

ท่อไฟพุ่งออกจากพระบาท (เท้า) ข้างขวา สายน้ำพุ่งออกจากพระบาทข้างซ้าย และท่อไฟพุ่งออกจากพระบาทข้างซ้าย สายน้ำพุ่งออกจากพระบาทข้างขวา เป็นคู่ ๑

ท่อไฟพุ่งออกจากนิ้วพระหัตถ์ (นิ้วมือ) ข้างขวา สายน้ำพุ่งออกจากนิ้วพระหัตถ์ข้างซ้าย ท่อไฟพุ่งออกจากนิ้วพระหัตถ์ข้างซ้าย สายน้ำพุ่งออกจากนิ้วพระหัตถ์ข้างขวา เป็นคู่ ๑


ท่อไฟพุ่งออกจากพระโลมา (ขน) เส้นหนึ่ง สายน้ำพุ่งออกจากพระโลมาเส้นหนึ่ง เป็นคู่ๆ สลับกันทั่วทั้งพระกาย เมื่อท่อไฟพุ่งออกมาแล้วก็สำแดงเป็นสีสันต่างๆ สลับกันรวม ๖ สี คือ สีเขียว สีเหลือ สีแดง สีขาว หงสบาท (สีแดงปนเหลือง, สีแดงเรื่อหรือสีแสด) และประภัสสร (สีเลื่อมพรายเหมือนแสงอาทิตย์แรกขึ้น)

เมื่อสีออกจากแสงไฟซึ่งพุ่งออกมากระทบสายน้ำ ก็ทำสายน้ำให้มีสีต่างๆ ไปตามสีไฟ สลับกันไปมางามน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ทั้งท่อไฟสายน้ำที่พุ่งออกก็พุ่งออกไปไกลทำให้ท้องฟ้าอากาศสว่างไสว มหาชนทั้งหลายมองเห็นทั่วทุกทิศ เป็นที่จำเริญจิตแก่ผู้ได้เห็นทั่วโลกธาตุ ต่อจากนั้นพระบรมศาสดาก็ทรงนิรมิตพระพุทธเจ้าขึ้นอีกพระองค์หนึ่ง มีพระรูปพระโฉมเช่นเดียวกันพระองค์ทุกประการ และโปรดให้พระพุทธนิรมิตพระองค์นั้นแสดงพระอาการสลับกันไปกับพระองค์โดยตลอด คือ

เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จจงกรม พระพุทธนิรมิตก็เสด็จประทับยืน เมื่อพระพุทธนิรมิตเสด็จจงกรม พระบรมศาสดาก็เสด็จประทับยืน เป็นคู่ ๑

เมื่อพระบรมศาสดาเสด็จประทับนั่ง พระพุทธนิรมิตก็เสด็จสีหไสยา (นอนตะแคงข้างขวา) เมื่อพระพุทธนิรมิตเสด็จประทับนั่ง พระบรมศาสดาก็เสด็จสีหไสยา เป็นคู่ ๑

เมื่อพระบรมศาสดาทรงตั้งปัญหาถาม พระพุทธนิรมิตก็ทรงตรัสแก้ เมื่อพระพุทธนิรมิตทรงตั้งปัญหาถาม พระบรมศาสดาก็ทรงตรัสแก้ เป็นคู่ ๑


รวมพระอาการที่ทรงแสดงก็ดี พระอาการที่ทรงถามและทรงแก้ก็ดี ได้ปรากฏแก่มหาชนที่มาประชุมกันอยู่ได้เห็นและได้ยินกันทั่วถึง เป็นเจริญใจเจริญความเลื่อมใสศรัทธาปสาทะเป็นยิ่งนัก

ในที่สุดแห่งยมกปาฏิหาริย์ ธรรมาภิสมัยได้มีแก่พุทธบริษัท เพราะได้เห็นและได้ฟังธรรมเทศนาเป็นอเนก

จากนั้นพระพุทธองค์ก็ทรงรำลึกถึงพระนางสิริมหามายา ซึ่งได้สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่พระองค์ประสูติได้ ๗ วัน ทรงดำริที่จะสนองคุณของพระพุทธมารดา จึงได้เสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทรงแสดงพระธรรมเทศนาอภิธรรม ๗ คัมภีร์โปรดเทพบุตรพระพุทธมารดา (ซึ่งอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต แต่ลงมาฟังพระธรรมเทศนาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์) และเทวดาทั้งหลายอยู่ ๑ พรรษา และด้วยเหตุนี้เองชาวพุทธเราจึงนิยมทำบุญตักบาตร-ถวายมะม่วงสุกแด่พระสงฆ์ ในวันอาสาฬหบูชา

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
ซาก “ยมกปาฏิหาริย์สถูป” บริเวณนอกเขตเมืองสาวัตถี

:b45: :b47: :b45:

ที่มา : ความรู้เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า (ภัทรวรรณ วันทนชัยสุข)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=31169
http://www.panoramio.com/photo/64057367


ประวัติ “พระปิณโฑลภารทวาชเถระ”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=7565

รูปภาพ
ภาพเขียน : “พระปิณโฑลภารทวาชะ” เหาะขึ้นเหนือเรือนเศรษฐีผู้ประกาศท้าทาย
ให้พระอรหันต์เหาะมาเอาบาตรไม้แก่นจันทร์แดงที่แขวนบนปลายยอดไม้ไผ่
พระพุทธองค์ทรงทราบเรื่องแล้ว ได้ตำหนิติเตียนโดยปริยายเป็นอันมากแล้ว
ทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามภิกษุแสดงอุตตริมนุสสธรรมแก่พวกคฤหัสถ์
กล่าวคือ ได้กำหนดเป็นพระวินัยในที่ประชุมสงฆ์ว่า
ห้ามภิกษุแสดงฤทธิ์และห้ามใช้บาตรไม้ ผู้ใดทำ ผิดวินัยสงฆ์

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=39613


รูปภาพ
ภาพเขียน : พระพุทธองค์ทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ยมกปาฏิหาริย์
ที่นอกเขตเมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ณ โคนต้นมะม่วงคัณฑามพฤกษ์
ยมก แปลว่า คู่หรือสอง, ยมกปาฏิหาริย์ คือ การแสดงปาฏิหาริย์เป็นคู่
เช่น น้ำคู่กับไฟ คือเวลาแสดง ท่อน้ำใหญ่พุ่งออกจากพระวรกายเบื้องบน
ของพระพุทธเจ้า เปลวไฟพุ่งเป็นลำออกจากพระวรกายเบื้องล่าง เป็นต้น
และมีเพียงพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่แสดงยมกปาฏิหาริย์ได้
มูลเหตุที่ทรงแสดงคือ เพราะพวกเดียรถีย์นักบวชนอกพระพุทธศาสนา
ท้าพระพุทธเจ้าแข่งแสดงปาฏิหาริย์ว่าใครจะเก่งกว่ากัน
หมู่ครูทั้ง ๖ ด้านซ้ายมือ มีอาการตกใจ พ่ายแพ้ในอำนาจอิทธิฤทธิ์
หมู่ชาวพุทธด้านขวามือ เกิดความเลื่อมใสศรัทธาตั้งมั่นในพระศาสนายิ่งขึ้น

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=45513


¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤¤

:b39: พุทธสังเวชนียสถาน
: สถานที่อันเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=39377

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.พ. 2012, 21:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ส.ค. 2010, 12:21
โพสต์: 637

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2014, 12:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2013, 14:43
โพสต์: 68

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: สาธุ :b8: สาธุ :b8: สาธุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร