คนที่ตายไปพุทธภูมิ คือ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่
มีตกนรกไปสวรรค์เหมือนเราท่าน จนกว่าจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
คนที่ตายไปนิพพาน คือ ศึกษาธรรมแล้วได้บรรลุธรรมขั้นอรหันต์
ตายแล้วก็ไม่ต้องกลับมาเกิดในสามโลกอีกเป็นอนันตกาล
พระอรหันต์ คือ
ผู้ปรารถนาเป็นพระสาวก ศึกษาธรรมของพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง
แล้วบรรลุธรรม ไม่กลับมาเกิดอีก
พระปัจเจกพุทธเจ้า คือ
พระพุทธเจ้าประเภทหนึ่ง ตรัสรู้เอง จะสั่งสอนก็แต่ ทาน ศีล ภาวนา
ไม่สั่งสอนให้สัตว์โลกบรรลุธรรมตามพระองค์
พุทธภูมิ คือ
ผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ตรัสรู้เอง
สั่งสอนสัตว์ให้บรรลุธรรมตามพระองค์เป็นอเนกอนันต์
พระพุทธเจ้านี้ต้องบำเพ็ญบารมีสิบ เป็นสามขั้น คือ
ขั้นบารมี สละทรัพย์สิ่งของอันเป็นที่รัก เพื่อพระโพธิญาณ ด้วยความเต็มใจ
ขั้นอุปบารมี สละอวัยวะอันเป็นที่รัก เพื่อพระโพธิญาณ ด้วยความเต็มใจ
ขั้นปรมัตถะบารมี สละชีวิตอันเป็นที่รัก เพื่อพระโพธิญาณ ด้วยความเต็มใจ
ประเภทของพระพุทธเจ้า
๑. พระโพธิสัตว์ประเภทปัญญาธิกะ (ยิ่งด้วยปัญญา)
เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พระโพธิสัตว์ประเภทอุคฆฏิตัญญู
คือ พระโพธิสัตว์ผู้มีปัญญาเป็นองค์ธรรมนำ เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์
ท่านจะบำเพ็ญบารมีอีก ๔ อสงไขย กับอีกแสนกัปป์
๒. พระโพธิสัตว์ประเภทสัทธาธิกะ (ยิ่งด้วยศรัทธา)
เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พระโพธิสัตว์ประเภทวิปจิตัญญู
คือ พระโพธิสัตว์ผู้มีศรัทธาเป็นองค์นำ เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์
ท่านจะบำเพ็ญบารมีอีก ๘ อสงไขย กับอีกแสนกัปป์
๓. พระโพธิสัตว์ประเภทวิริยาธิกะ (ยิ่งด้วยวิริยะ)
เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พระโพธิสัตว์ประเภทเนยยะ
คือ พระโพธิสัตว์ผู้มีวิริยะเป็นองค์ธรรมนำ เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์
ท่านจะบำเพ็ญบารมีอีก ๑๖ อสงไขย กับอีกแสนกัปป์
เฉพาะพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ท่านปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า
ใช้เวลาทั้งสิ้น ๒๐ อสงไขย คือ
ปรารถนาในใจ ใช้เวลา ๗ อสงไขยกัปป์
ปรารถนาโดยการเปล่งวาจา ใช้เวลา ๙ อสงขัยกัปป์
เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว ใช้เวลาอีก ๔ อสงไขย แสนมหากัปป์
มีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระพุทธองค์เสด็จจากดาวดึงส์ลงสู่โลกมนุษย์นั้น
ทรงแสดงปาฏิหารย์ให้สัตว์โลกทั้งสาม (มนุษย์ นรก สวรรค์) สามารถมองเห็นกันได้
ทำให้สัตว์โลกทั้งหลาย ปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์กันถ้วนหน้า
แต่จะมีสักเท่าไร ที่สมปรารถนา ..
