วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 19:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 281 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13 ... 19  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 06:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว




1213073440.jpg
1213073440.jpg [ 50.26 KiB | เปิดดู 4001 ครั้ง ]
:b27: มีแต่รูปมาฝาก คิดถึงค่ะ ต่อจากคุณน้ำมาเป็นคู่ :b4:

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 19:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




r3_11.jpg
r3_11.jpg [ 15.41 KiB | เปิดดู 3988 ครั้ง ]
มองฟากฟ้า แจ่มกระจ่าง เบื้องบนสรวง
เหมือนดั่งคน พ้นเคราะช้ำ พ้นความเหงา
พ้นจากทุกข์ พ้นจากเวร จากกรรมเก่า
ทำให้เรา แลโลก เบิกบานธรรม

วันนี้แจ่ม วันหน้าหมอง ครองคู่กัน
ผ่านคืนวัน ที่เศร้าหมอง แล้วสุขใจ
สลับเปรียน หมูนเวียน เช่นนี้ไป
พอทนได้ เพราะคู่กัน ดังฉันและเธอ

แต่ฟ้าแจ่ม เพียงหน้อยนิด ซิคิดมาก
ทนลำบาก เพราะฟ้าครื้ม กระหื่มฝน
ขู่คำราม แผดเสียง อยู่เบื้องบน
ทำเอาคน ใต้ล้า หน้าเศร้าหมอง

หลายคนแล ดูฟ้า นภาสลับ
นอนนั่งนับ เดือนปี ให้เปลี่ยนผล
เปลี่ยนจากฟ้า คะนองกระหื่ม อยู่เบื้องบน
ให้เป็นผล งอกงาม ตามกฎเกณท์

วันใดหนอ ฟากฟ้า จะสดใส
พอให้มวล พืชไม้ ได้เกิดผล
เกิดไปตาม กฎเกณท์ ของความเป็นคน
ให้หลุดพ้น จากกงกรรม และกงเกวียน

สาะุ..ค่ะ..สาธุ

ขอบคุณ..คุณคนไร้สาระ...คุณน้ำ...
ที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนทั้งคู่..น่ารักจัง...

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 13 ก.ค. 2009, 20:57, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 19:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แต่งกลอนได้ไพเราะ ถ้าใช้เวลาแต่งแต้มมันขึ้นมามากกว่านี้
และได้เกลาอีกสักหน่อย คงงามหยดย้อย อ่านได้ไม่รู้เบื่อ


ความพากเพียร ทำให้เกิด พรแสวง

พรแสวงที่พัฒนาไม่ลดละ

ทำให้กลายเป็นพรสวรรค์

พรสวรรค์ คงทำให้บุคคลเดินดิน
ท่องไปยังถิ่นแห่งสรวงสวรรค์ ได้ในทุกห้วงแห่งจินตนาการ
ได้ในทุกเวลาเมื่อปรารถนา


:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




02pr0.jpg
02pr0.jpg [ 47.82 KiB | เปิดดู 3979 ครั้ง ]

แมงปอปีกขาว เจ้ากางปีกสวย

วานบอกเขาด้วย คิดถึงเขาจัง :b15:



..อิอิ .. อันนี้ก็หยิบมาฝากคุณปลาฟ้าเหมือนกันค่ะ ...

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 02:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กระแสลมลวง......

เช้า​นี้ฉันลืมตาตื่นมาด้วย​ความสดชื่นกว่าทุกวัน ​ความรู้สึกเหมือน
เดินวนอยู่​ในม่านหมอกมานาน มีบางครั้ง​ที่เดินหลุดออกมาพบช่องแสงกระจ่าง ​
และรู้สึกสดชื่นคล้ายวันนี้ ​แต่ไม่นาน ฉันก็พบตัวเองอยู่​​กับกลุ่มหมอกหนาหนักอย่างเดิม
นี่อาจ​เป็นผลจากยากล่อมประสาท ​ที่หมอสั่งให้ฉันกินติดต่อกันมากว่าสามเดือนแล้ว​
เม็ดยาเหล่านี้ทำให้ฉันเหมือน​กับล่องลอย ออกจากสภาพ​ความจริง ​
และดูเหมือนทำให้ เวลาไม่มี​ความหมาย คืนวันสั้นลง ​ความจำระยะสั้น
หาย​ไป ฉันจึงแทบ​จะจำอะไร​ไม่​ได้ในระยะสามเดือน​ที่ผ่านมา

มีน้อยครั้งมาก ​ที่ฉัน​จะรู้สึกสดชื่นเหมือนเช้า​วันนี้ ตอนย่ำรุ่งก่อนฟ้าสาง
ฉัน​ได้ยินเสียงเคาะบอกเวลา จากยามประจำหมู่บ้าน มันดังห้าครั้ง แก๊งๆ​.. แก็งๆ​.. แก็ง.. ​
แต่ฉันยังไม่ลืมตา ฉัน​กำลังฝันดี...​.

เรือนแถวห้องสุดท้ายใกล้ชายทะเลแห่งหนึ่ง​ ถูกดัดแปลง​เป็นร้านกาแฟเล็กๆ​ ร้านหนึ่ง​
ฉันนั่งอยู่​​กับ​เพื่อนๆ​ ชายหญิงกลุ่มใหญ่ ​เพื่อน​ที่รัก​และชื่นชมในวิถีชีวิตของฉันไงละ
พวกเรากินกาแฟ บางคนเลือกชา​และมะนาวฝาน เราเปิดเพลงบรรเลงคลอ​ไป ​
กับบรรยากาศ​ที่มีเสียงคลื่นจากทะเล​เป็นแบ็กกราวน์...​

ร้านเล็กๆ​แห่งนี้ คลาคล่ำ​ไปด้วยผู้คน​ที่มี​ความสุข เรารู้ว่ายังมี​เพื่อนบางคนยังมาไม่ถึง
พวก​เขามาแน่.. ต่าง​กำลังเดินทางมาหากัน ฉันไม่แปลกใจเลย​ ก็ใน​เมื่อ​ที่แห่งนี้
ล้วนมี​แต่มิตรสหาย และมีกลิ่นอายแห่ง​ความสุข ​ความสบายๆ​​ที่ไม่เร่งรีบ
​ที่นี่จึงเหมือนห้วงมหาสมุทร ​ที่สายน้ำทุกสายย่อมไหลมารวมกัน

ฉันออก​ไปเดินเล่นนอกร้าน แดดบ่ายอ่อนแรงลงมากแล้ว​
ริมทางเดินลงชายหาด มีดอกไม้เล็กๆ​ สีส้มสดกระจายประดับสองข้างริมทางเดิน
ดอกดาวกระจายไงละ มันขึ้น​ตามซอกหิน ​และแซม​กับใบหญ้าเรียวเหมือนใบไผ่
สายลมพัดพวกมันโอนเอน​ไปมา แดดอ่อนโลมไล้ดอกไม้​และใบหญ้า
มองเห็นเงาไหวเอน​ไปตามทางเดิน ฉันนั่งลงชื่นชม​ความงดงามนั้น..เพียงลำพัง...​

...​กระแสลมแรงยังไม่...​สายลมรัก...​ลมกระซิบว่าใจข้าห่วง...​.โชยพัดผ่าน​ไป...​

เสียงเพลงรักเก่าๆ​ เพลงหนึ่ง​ ดังขึ้น​ในห้วงคำนึง
เนื้อเพลงจำ​ได้กระท่อนกระแท่น รู้สึกเพียงว่าไม่​ได้ยินมานานแล้ว​
ฉันเดินกลับมาหากลุ่ม​เพื่อน ​และถามหากระดาษ​กับดินสอ..
พยายาม​จะเขียนเนื้อเพลงออกมาจาก​ความทรงจำ
หญิงสาวคนหนึ่ง​ในกลุ่ม​เพื่อน สนใจเนื้อหาในเพลง ​แต่ช่วยนึกไม่​ได้
เพราะเพลงเก่าเกินกว่าเธอ​จะรู้จัก ​เพื่อนอีกคนอายุมากกว่าฉันหลายปี
เดินเข้ามาช่วยย้อนนึกเนื้อเพลงเก่านี้ด้วยกัน ​เขารู้จักเพลงนี้ดี
เสียง​เขาท่องเนื้อเพลงให้ฟัง ด้วยทำนองคำกลอน
ฉันฟัง​และจดตาม..

ลมจ๋า.....สุชาติ ชวางกูร

ลมเอยเจ้าหอบรักมาให้ใคร
จงพัดกลับไป เพราะดวงฤทัยข้าไม่ต้องการ
ข้ากลัวเหลือเกิน กลัวรักที่สิ้นสงสาร
กลัวรักจะทรมาร กลัวดวงวิญญาณจะต้องร้องไห้

ลมเอยเจ้าหอบรักไปเถิดหนา
จงพัดกลับมา แล้วกลัวน้ำตารักต้องตกใน
ข้ากลัวรักลวง กลัวรักอารมณ์อ่อนไหว
กลัวรักจะไม่เข้าใจ กลัวดวงฤทัยไม่กล้าชื่นชม

กระแสลมแรง ยังไม่แสลงเท่าลมรักลวง
ลมกระซิบที่เคยว่าห่วง กลับกลายสลายเป็นลม
คอยพัดบาดใจ ให้รอยทุกข์ระทม
ใจรักจึงต้องขื่นขม เพราะหลงเชื่อลมรักลวง
ดวงใจข้าตรมแล้วลมเจ้าเอ๋ย
อย่าเย้ยข้าเลย พัดเลยผ่านไปแล้วไม่ต้องห่วง
ข้ายอมช้ำใจ ในรักที่ข้าเคยหวง
ลมจ๋าอย่าตามมาลวง สงสารดวงใจดวงนี้เถิดลม......

เนื้อเพลงบรรยายภาพสายลม พัดกระซิบผ่านกอดอกไม้ริมทาง ​
เป็นบทกวี​ที่ไพเราะ​และอ่อนโยน เต็ม​ไปด้วย​ความรัก ​และมองทุกสิ่งสวยงามอย่างยิ่ง
หญิงสาวคนนั้น​ฟังเนื้อเพลงแล้ว​เอ่ยว่า ชอบมาก ​เป็นเนื้อเพลง​ที่เต็ม​ไปด้วย ​
ความรู้สึกเหงาอันอ่อนหวาน ท่ามกลางสายลมรัก..ริมทะเล...​
ฉันมองสบตาเธอแล้ว​ยิ้ม พวกเราต่างดื่มด่ำ ​กับ​ความรู้สึกละเมียดละไมนี้ ..
เธอมองตอบฉัน ​และยิ้มกว้าง รอยยิ้มแห่งเธอ เพิ่มบรรยากาศให้สดใสยิ่งขึ้น​​ไปอีก...​.

เสียงกรุกกรักคุ้นหูดังขึ้น​ ​เป็นเสียงเดินลงบันไดของแม่
เสียงนั้น​ปลุกฉันตื่นจาก​ความฝันแสนหวาน...​ ฉันรู้สึกดี​กับเช้า​วันนี้...​
ฉันตั้งใจว่า​จะเขียนบันทึก​ความฝัน ​และ​ความสุขนี้ให้​เพื่อนๆ​อ่าน...​
พอมานั่งหน้าแป้นคีย์บอร์ด ​และเริ่มย้อนนึกเนื้อเพลง...​
อนิจจา.. เนื้อเพลงจริงไม่​ได้ไพเราะดั่งกวีแสนหวานในฝันเลย​

ตอนนี้ฉันจำเนื้อเพลงนี้​ได้แทบ​จะหมด​ทั้งเพลง
เนื้อหาเพลงจริงๆ​ แตกต่างจากในฝันมากเหลือเกิน
โลกแห่ง​ความจริง มิ​ได้งดงามดั่ง​ความฝันเลย​
แสงแดดเช้า​ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาแล้ว​ แดดเริ่มแรงขึ้น​
วงจรชีวิตจริงๆ​อันน่าเบื่อหน่าย ​กำลัง​จะหมุนวน​ไปอย่าง​ที่มันเคย​เป็น..
ฉันไม่อยากจบบันทึกแบบนี้เลย​ ​แต่​จะทำอย่างไร​ได้...​

...เพลงมันจบแล้ว.....

....นายรำพึง....

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 20 ส.ค. 2009, 03:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 04:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว




69f497b7cfab6fb060fc45942c688f77_1206698180.gif
69f497b7cfab6fb060fc45942c688f77_1206698180.gif [ 106.71 KiB | เปิดดู 3980 ครั้ง ]
:b8: ด้วยความรู้สึกขอบคุณและยินดีค่ะ

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 21:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




prod_189_40761.jpg
prod_189_40761.jpg [ 90.14 KiB | เปิดดู 3938 ครั้ง ]
สายสัมพันธ์

ฉันสาบานต่อท้องฟ้าและดวงดาว

จะตราบนี้หรือตอนไหนก็ตาม

ไม่ว่าจะอยู่ที่แห่งหนตรงไหน

ฉันจะไม่มีวันทิ้งเพื่อนของฉัน

ไม่มีวันลืมเพื่อนของฉัน

ไม่มีวันปล่อยเพื่อนของฉันไว้ข้างหลัง

ฉันจะเดินตามหลังเพื่อน

จะคอยดูแลเพื่อนทุกคนจากด้านหลัง

แต่ฉันก็เห็น

ทุกคนจะหันกลับมามอง

และเรียกให้ฉันเดินตามให้ทัน

รู้มั้ยว่าฉันดีใจกับคำนั้นมากแค่ไหน

สายสัมพันธ์ที่พวกเธอไม่เคยทอดทิ้ง

สายสัมพันธ์ที่พวกเธอไม่เคยทำร้าย

แม้พวกเราจะทะเลาะกันไปบ้าง

แต่ก็จะมารวมกันเป็นหนึ่งเสมอ

ฉันสาบานกับตัวเอง

จะไม่ลืมสายสัมพันธ์นี้ไปเด็ดขาด

ขอให้ทุกคนจงเชื่อ

ถ้าหมดกำลังใจ ให้นึกถึงฉัน

ถ้าไม่มีใคร ให้นึกถึงฉัน

ถ้าต้องการใครรับฟัง ให้นึกถึงฉัน

ฉันจะอยู่ตรงนั้นเพื่อเพื่อนทุกคน

เพราะพวกเธอทุกคน

เป็นสายสัมพันธ์อันมีค่าของฉัน


เห็นบทความไพเราะแล้วนึกถึงคุณปลายฟ้าค่ะ :b12:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 22:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกกลอนล้วนมีความไพเราะสวยงามยิ่งนัก

ถ้าเป็นเมื่อวาน ฉันคงจะอ่านและซึบซับในความซาบซึ้ง

แต่วันนี้ .... เมื่อฉันอ่านแล้ว ก็ยังตกอยู่ในอารมณ์เงียบงัน

มีเพียงร่องรอยการขยับยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก

และตามมาด้วยเสียงถอนหายใจแผ่ว ๆ

ฉันหันกลับไปมองบทกลอน และผู้เอื้อนเอ่ยบทกลอน อีกครั้ง

:b1: :b1: :b1:

และก็เดินจากไป...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 23:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




prod_699_40574.gif
prod_699_40574.gif [ 152.91 KiB | เปิดดู 3940 ครั้ง ]

ให้คุณเอรากอนค่ะ

ความเหงากับความคิดถึง***
ความเหงามันเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ชอบ (รึป่าวหว่า?)
ความเหงากับความคิดถึงมันมาพร้อมๆกัน (น่าจะใช่)
ถ้าคุณมีความเหงาคุณจะรู้สึกหว้าเหว่าและอ้างว้าง
อย่างบอกไม่ถูก (น่าจะเป็นอย่างนั้น)
แล้วคุณก็จะคิดถึงใครคนนึงที่คุณรักหรือคนรู้ใจหรือใครสักคน (อิๆ)
หรือไม่ก็คิดถึงความประทับใจที่ผ่านมาแล้ว
แต่ความเหงาทำให้เราประมาท (งงล่ะสิท่า)
เพราะว่าความเหงาเมื่อเกิดขึ้นกับใครแล้ว
เมื่อมีใครเข้ามาสักคนนึง
คุณก็จะไม่มีความลังเลที่จะปฏิเสธใคร
ไม่ว่าเขาจะดีหรือไม่ดีก็ตาม (รึป่าว?)
เพราะคุณมีความต้องการใครสักคนที่จะมาคุยด้วย
มาทำให้เราคลายเหงาไปได้
คุณอาจจะไม่คิดว่าใครคนนั้น
เขาอาจจะคิดไม่ดีต่อเราก็ได้
คนๆนั้นเขาอาจจะไม่ดีอย่างที่คุณคิดไว้
เขาอาจจะถือโอกาสตอนที่คุณมีความเหงาครอบงำอยู่
เพราะฉะนั้นทุกคนอย่าให้ความเหงามาครอบงำอย่างเด็ดขาด
เพราะการที่จะเจอคนที่จริงใจนั้นน้อยมากในปัจจุบันนี้
มีแต่การเอารัดเอาเปรียบกัน (มันเกี่ยวกันป่ะ?)



ข้อความจากบทความท่อนท้ายน้ำไม่ค่อยจะเห็นด้วยนะคะ


คุณอาจจะไม่คิดว่าใครคนนั้น
เขาอาจจะคิดไม่ดีต่อเราก็ได้
คนๆนั้นเขาอาจจะไม่ดีอย่างที่คุณคิดไว้
เขาอาจจะถือโอกาสตอนที่คุณมีความเหงาครอบงำอยู่
เพราะฉะนั้นทุกคนอย่าให้ความเหงามาครอบงำอย่างเด็ดขาด
เพราะการที่จะเจอคนที่จริงใจนั้นน้อยมากในปัจจุบันนี้
มีแต่การเอารัดเอาเปรียบกัน


คืออันนี้ก็มองคนในแง่ร้ายเกินไป

ทุกอย่างมันมีเหตุปัจจัยให้เกิด ไม่มีเรื่องบังเอิญหรอกค่ะ

เราเคยทำกับเขาไว้ เขาก็ทำกับเรา

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 00:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
[color=#004000]
ให้คุณเอรากอนค่ะ



เอ่อ...เราดูเหมือนคนขี้เหงาขนาดนี้เลยหรือคะ...นี่

คุณมองดูจากอาการตรงไหนของเรา...คะ

:b5: :b5: :b5:

แต่ดีจังเลยค่ะ
ดูเหมือนเพื่อนเป็นห่วงเพื่อน
และสอนเตือนเพื่อน
เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกก็จากคุณนี่ล่ะค่ะ...

:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 04:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชายคนหนึ่ง​​กับ ถังน้ำ 2 ใบ

ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร
ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก
ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง
แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล จากลำธารกลับสู่บ้าน
จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็ม
ที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำกลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง
ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจ ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเองมันรู้สึกโศกเศร้า
กับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา

หลังจากเวลา 2 ปีที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่น
วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า
"ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะ รอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้า
ทำให้น้ำที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทาง ที่กลับไปยังบ้านของท่าน"

คนตักน้ำตอบว่า
"เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่า มีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า
แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่ง
เพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่ ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้า
และทุกวันที่เราเดินกลับ... เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเล็ดพันธุ์เหล่านั้น
เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวย ๆ เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว
ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว...เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้"

คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น
อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้
สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น
และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง

*** มองโลกหลาย ๆ ด้าน เพราะคนเราไม่ได้มีแต่ข้อเสียเท่านั้น ***

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 20 ส.ค. 2009, 03:02, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 21:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




05uw5.jpg
05uw5.jpg [ 60.75 KiB | เปิดดู 3921 ครั้ง ]

เมื่อเราคิดว่าดี .. ย่อมดีในความคิด ...

เมื่อใดที่เราคิดว่าไม่ดี ... ย่อมไม่ดีในความคิด ...

เพราะทั้งนี้ทั้งนั้น ... ล้วนเป็นเพียงแค่ความคิด ...


อิอิ ... นำความคิดมาฝากค่ะ :b16:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2009, 00:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




13807.jpg
13807.jpg [ 34.37 KiB | เปิดดู 3898 ครั้ง ]
เรือบุญ......

ค่อยค่อยพายเรือดอกไม้ธรรมสู่ฝั่งฝัน
ตามตะวันแสงนิพพานแสนไสว
เรือดอกไม้เบาสบายกุศลใจ
แล่นปลิวไปกับตะวันลาฟ้าสีทอง

แม้นเดียวดายอ้างว้างกลางทะเลโลกย์
วิดกิเลสโศกกิเลสสุขทุกข์หม่นหมอง
ไม่มีเขาไม่มีใครคอยประคอง
เรือกุศลลอยล่องท่องสู่แคว้น ณ..แดนฟ้า

เพียรพายพาแลเห็นฝั่งอยู่ลิบลิบ
ท่ามฟ้าขลิบเงาทองยามอุษา
ทีละน้อยทีละน้อยด้วยแรงบุญหนุนนำพา
ฝ่าพายุกล้าลมแรงราวแกล้งใจ

สะพานรุ้งสู่โลกทิพย์จักเปิดรอ
ผู้ไม่ท้อผู้ไม่พ่ายไร้หวั่นไหว
เรือดอกไม้ธรรมดอกไม้ทองเทียบท่าใจ
เรือมนุษย์ยิ่งใหญ่ข้ามมหานทีสีทันดร..จะมีสักกี่ลำ...?

พุดพัดชา


ขอบคุณ...คุณคนไร้สาระ...คุณน้ำ...คุณบัวศกล...คุณเอรากอน...
และทุกๆ ท่านที่แวะเวียนมา....

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2009, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเราไม่ควรพลาดเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจ
ให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก
เพราะถ้าเราวิ่งตามกิเลส กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ
กิเลสไม่เคยเหนื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า

ควรคิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะชอบ หรือไม่ชอบใคร
หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบ หรือมาชัง แต่เราเกิดมาสู่โลกนี้เพื่อทำในสิ่ง
ที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ
เอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆ กับคนอื่นนั้น หันกลับมามองตัวเองดีกว่า
ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ

นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า
เราได้ทำอะไรไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง
คนทุกคนนั้นต่างก็มีดีมีเสียอยู่ในตัวเอง
ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขา
จิตใจของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้

เวลาที่เสียไป เพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่นก็เป็นเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า
บางที่ คนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้น
เขาไม่เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลย
เราเผาตัวเราเองอยู่ฝ่ายเดียวด้วยความหงุดหงิด ขัดเคืองและอารมณ์เสีย

วันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้ไม่เคยทำให้ใครมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาได้เลย
ลองเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่า
คิดเสียว่าคนเราไม่มีใครดีพร้อมหรือ เลวไม่มีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอก
เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว
มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม
อะไรที่ควรทำก็รีบทำเถิดปล่อยวางเสียบ้าง
ความโกรธ ความเกลียดนั้น

ขอบคุณที่มา :
วิสัชนา โดย ว.วชิรเมธี

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 20 ส.ค. 2009, 03:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2009, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


ปลายฟ้า...ค่ะ เขียน:
คนเราไม่ควรพลาดเวลาอันสูงค่าด้วยการปล่อยตัวปล่อยใจ
ให้ตกเป็นทาสของความชอบ ความชัง มากนัก
เพราะถ้าเราวิ่งตามกิเลส กิเลสก็จะพาเราวิ่งทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ต่อไปไม่รู้จบ
กิเลสไม่เคยเหนื่อย แต่ใจคนเราสิจะเหนื่อยหนักหนาสาหัสไม่รู้กี่เท่า

ควรคิดเสียใหม่ว่า เราไม่ได้เกิดมาเพื่อที่จะชอบ หรือไม่ชอบใคร
หรือเพื่อที่จะให้ใครมาชอบ หรือมาชัง แต่เราเกิดมาสู่โลกนี้เพื่อทำในสิ่ง
ที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะทำ
เอาเวลาที่รู้สึกแย่ๆ กับคนอื่นนั้น หันกลับมามองตัวเองดีกว่า
ชีวิตนี้เรามีอะไรบ้างที่เป็นแก่นสาร มีงานอะไรบ้างที่เราควรทำ

นอกจากนั้นก็ควรมองกว้างออกไปอีกว่า
เราได้ทำอะไรไว้ให้แก่โลกบ้างแล้วหรือยัง
คนทุกคนนั้นต่างก็มีดีมีเสียอยู่ในตัวเอง
ถ้าเราเลือกมองแต่ด้านเสียของเขา
จิตใจของเราก็เร่าร้อน หม่นไหม้

เวลาที่เสียไป เพราะมัวแต่สนใจด้านไม่ดีของคนอื่นก็เป็นเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างไร้ค่า
บางที่ คนที่เราลอบมอง ลอบรู้สึกไม่ดีกับเขานั้น
เขาไม่เคยรู้สึกอะไรไปด้วยกันกับเราเลย
เราเผาตัวเราเองอยู่ฝ่ายเดียวด้วยความหงุดหงิด ขัดเคืองและอารมณ์เสีย

วันแล้ววันเล่า สภาพจิตใจแบบนี้ไม่เคยทำให้ใครมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาได้เลย
ลองเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมองโลกเสียใหม่ดีกว่า
คิดเสียว่าคนเราไม่มีใครดีพร้อมหรือ เลวไม่มีที่ติไปเสียทั้งหมดหรอก
เราอยู่ในโลกกันคนละไม่กี่ปี ประเดี๋ยวเดียวก็จะล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว
มาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระทำไม
อะไรที่ควรทำก็รีบทำเถิดปล่อยวางเสียบ้าง
ความโกรธ ความเกลียดนั้น

ขอบคุณที่มา :
วิสัชนา โดย ว.วชิรเมธี


:b51: :b52: :b53: :b54: :b49: :b48: :b47: :b46: :b45: :b41: :b46: :b47: :b48: :b50: :b51: :b52:

:b8: อนุโมทนาสาธุ..ซาบซึ้งใจทั้งบทกวีธรรม และ รูปภาพค่ะ
วันหน้าจะแวะเอารูปกบน่ารักๆ มาฝากคุณปลายฟ้านะคะ
(เห็นรูปนี้แล้วนึกได้ว่ามีอยู่ในคอมที่ออฟฟิศค่ะ)

เมื่อได้ศึกษาธรรมะ รักษาศีล ทำให้ระมัดระวังกายใจ เลิกเพ่งโทษคนอื่น หันมาพิจารณาตัวเองมากขึ้นค่ะ สาธุ :b8:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 281 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 7, 8, 9, 10, 11, 12, 13 ... 19  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 70 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร