ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=20285
หน้า 12 จากทั้งหมด 19

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 02 ส.ค. 2009, 12:30 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!

อาจจะมีใครที่เคยสับสน และบางคนคงดิ้นรนไขว่คว้า
อาจเคยท้อเสียใจ หวังไว้ไม่ได้มา จนแม้เคยคิดจะหนีหน้าผู้คน

ด้วยวงแขนและเพียงมือสอง โอบประคองหัวใจเจ็บช้ำ
เส้นทางนั้นมืดมน ขาดฝนอันชื่นฉ่ำ
หม่นมัวด้วยความมืดดำสิ้นหวัง

หากดอกไม้แย้มบานในใจแห่งผู้คน ที่ทุกข์ทน
ความสว่างส่องทางสับสน ด้วยความรักที่มอบแก่กัน

ให้ดอกไม้นั้นแทนความงามแห่งน้ำใจ ยิ่งใหญ่
เมฆหมอกก็คงสลาย ด้วยดอกไม้คือความสดใสในแสงตะวัน

sekibetsuno toki kokoro shizukani
hurikaeru sono katani yasahii haruno ame

hohoo nagareru namida koraezu
omoideno tsukirumade tatazumeba ii

towani chiru kotono nai hanao
titowa aishite kureru deshooka

yasashii ameni utarete ochiru
hakanasayue hitowa aisuru no deshioo

hanawa hanayo hitasurasaku
hanawa hanayo hitasurani mau

คือดอกไม้อันดีงาม คงอยู่ด้วยความสดใส
คือดอกไม้ของน้ำใจ งดงามเพียงใดให้แก่กัน

ขอบคุณค่ะ..คุณยูฮู..ที่ชื่นชอบ...
ขอบคุณทุกๆ อนุโมทาน...จากกัลยาณมิตรทุกๆ ท่าน...สาธุค่ะ


ไฟล์แนป:
0a40d01b00901.jpg
0a40d01b00901.jpg [ 169.57 KiB | เปิดดู 3678 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 04 ส.ค. 2009, 23:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!

ความจริงก็​คือในขณะ​ที่เราคิดถึงคนๆ​นึงตลอดเวลา เค้าคนนั้น​อาจคิดถึงคนอื่นอยู่​ก็​ได้​และบางครั้ง ก็อาจมีคนคิดถึงเรา​โดย​ที่เราไม่สนใจเลย​เช่นกัน

บางครั้งการ​ได้ฝัน​ไปคนเดียว มันก็ดีกว่าการ​ที่​ได้รู้ ​ความจริง​ที่ว่า...​สิ่ง​ที่เราคิด​ทั้งหมด...​มัน​คือ​ความฝัน ของเราเพียงคนเดียว ฉะนั้น​ก็ไม่แปลก​ที่คน​ส่วนใหญ่เลือก จ่อมจม​กับ​ความฝันมากกว่าการ​ได้รู้​ความจริง

การไม่​ได้​เป็น​ที่ 1 ในใจ เค้าไม่ใช่เรื่อง​น่าเศร้า...​เราอาจ ​เป็น​ที่ 2 ​ซึ่งมันก็ยังดีกว่า 3 หรือ 4 ...​​และหากเรา​เป็น ​ที่ 10 ในใจเค้า..ก็ขอให้คิดว่า...​ดีกว่าเราไม่มี​ความสำคัญ อะไร​เลย​ในใจเค้า

มันอาจ​ต้องมีน้ำตาบ้าง ในการยอมรับ​ความจริง​ที่ว่า..เราไม่ใช่ ​ที่ 1 ...​ ​แต่โปรดจำไว้เถอะว่า...​ หากหัวใจของคุณยังไม่ร้องไห้ ออกมาดังๆ​ว่า..ชั้นเหนื่อยเหลือเกินแล้ว​โปรดห้ามใจเถอะ ก่อน​ที่ชั้น​จะอ่อนล้า​ไปกว่านี้..จงชอบต่อ​ไปเถอะ

การรัก​ใครซักคนไม่​ต้องการ​ความพยายาม...​...​ การตัดใจต่างหาก​ที่​ต้อง​ใช้​ความพยายามอย่างมากมาย​ ลองชั่งน้ำหนักในใจเราดูสิว่า​ความสุขยาม​ที่คุณ​ได้ สบตา​เขา ​กับ ​ความทุกข์ยาม​ที่คุณ​ต้องคอยหลบตา​เขา อันไหนมันหนักหนากว่ากัน...​

อย่าโทษตัวเอง​ที่มาเจอเค้าสายเกิน​ไป...​...​.. อย่าโทษ​เขา​ที่ไม่มีใจให้...​.. อย่าโทษโชคชะตา​ที่ทำให้เราพบกัน​แต่ไม่​ได้ทำ ให้เราใจตรงกัน...​.

จงยิ้มให้​กับตัวเอง​ที่ อย่างน้อยถึง​จะพบ​เขาสาย​ไป​แต่ก็ยัง​ได้พบ ...​.. ยิ้มให้​เขา​ที่ถึง​จะไม่​ได้ให้ใจเรามา​แต่ก็ยัง​ได้รับ ใจเรา​ไป...​ยิ้มให้​กับโชคชะตา​ที่ถึงไม่​ได้ทำให้ เรารักกัน..​แต่ทำให้เรารู้จักกัน

คุณควรดีใจด้วยซ้ำ​ที่ครั้งหนึ่ง​..คุณ​ได้เจอคน​ที่คุณ อยากเก็บรอยยิ้ม​เขาไว้คนเดียว คน​ที่คุณใส่ใจกว่า ตัวคุณเอง.คน​ที่ทำให้คุณหัวเราะเเละร้องไห้​ได้ มากมาย​ ...​..คน​ที่เพียงแค่ยิ้มของ​เขาเปลี่ยนวัน​ที่หม่นหมอง ให้กลาย​เป็นสดใส...​ เท่านี้มันก็ควรเพียงพอแล้ว​ ไม่ใช่หรือ..???

แค่​ได้เห็นคน​ที่เรารัก​ได้หัวเราะ อยู่​​กับ​ใครซักคน​ที่​เขารักมาก​ที่สุด...​..นั่นแหละ​

​​​ความสุขของการ​ได้รักอย่าง จริง ใจ ^_^


ไฟล์แนป:
Finding_Bliss_by_kattnboys.jpg
Finding_Bliss_by_kattnboys.jpg [ 28.52 KiB | เปิดดู 3649 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 06 ส.ค. 2009, 00:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!

กว่าจะรวมสองใจให้เป็นหนึ่ง
กว่าจะถึงปลายทางแห่งความฝัน
กว่าจะรับความต่างระหว่างกัน
ความผูกพันสองใจใช้เวลา

ด้วยความรักห่วงใยใจคงมั่น
สะพานฝันทอดยาวก้าวตามหา
ความซื่อสัตย์เชื่อใจในสัญญา
ได้นำพาสร้างฝันสานสองใจ

แต่ปลายทางวาดหวังถึงฝั่งฝัน
หมายถึงวันจัดงานอันสดใส
คือจุดจบสวยล้ำงามวิไล
รักยิ่งใหญ่ถึงฝันวันวิวาห์

คือจุดจบหรือเริ่มใหม่ให้สับสน
มีหลายคนไร้สุขทุกข์ถามหา
ชีวิตคู่วาดหวังดังก่อนมา
มีน้ำตากับคำว่า....จำต้องทน


ไฟล์แนป:
Untitled_III_by_xBluepearlx.jpg
Untitled_III_by_xBluepearlx.jpg [ 127.81 KiB | เปิดดู 3459 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 06 ส.ค. 2009, 01:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!

สุดปลายสายรุ้งแห่งความฝัน
มหัศจรรย์แสงทองยามอุษา
หยาดน้ำค้างไพรวะวิบวับงามจับตา
หมู่นกกาผกโผผินบินจากรัง

เทพีไพรยิ้มกับฟ้ากว้างสว่างใส
เริ่มต้นใหม่ตราบชีพนี้ยังมีหวัง
แม้นเบื่อหน่ายในวัฏฏะว่ายวนวัง
ราวกรงขังทุกข์ชีวีใช้หนี้กรรม

อยากหยุดรักเอาไว้เพียงแค่นี้
ก่อนฤดีจะหวามไหวใจถลำ
สู่ห้วงรักเหวลึกอันมืดดำ
สายน้ำตารินร่ำยามพรากลา

อยู่กับธรรมะธรรมชาติ
บริสุทธิ์สะอาดมิ่งขวัญหล้า
ใจอรชรอ้อนจุมพิตพสุธา
คงดีกว่ายอมภักดิ์ใครให้ใจตรอม...!

พุดพัชชา........


ไฟล์แนป:
My_End_of_Loneliness_by_cat_woman_amy.jpg
My_End_of_Loneliness_by_cat_woman_amy.jpg [ 45.44 KiB | เปิดดู 3653 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 08 ส.ค. 2009, 00:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!

..วางจิต สลัดทุกข์พันธนา...!

หยุด...นิ่งเนินนาน..สะเทือนสะท้อนสะท้านใจ
เสมือนย้อนดูละครแห่งชีวาชีวิตมวลมนุษย์..

ที่..ยังมิสิ้นทั้งทุกข์โศกโรคภัย..แลมากดวงใจมืดบอดในความยากไร้
รอต่อยอดแตกกอบุญ..รอหยาดละมุน..จากน้ำค้างน้ำใจ น้ำใสน้ำอมฤตธรรม
ที่จะ..คอยพร่างพรมรินรดหยดให้..อย่างมากมีเมตตากรุณา

ราว...
เพื่อนร่วมโลกชะตากรรม..มาเกิด แก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
ใช้สายตา..พาสายใจสอนสัจจะใจบทเรียนจริง
อย่างนิ่งทบทวน ในภาพ..จิตนิมิต..ตรงหน้า..

หัวใจ..ดวงใสเริ่มหม่นหมอง..กำลังสะอื้นไห้...
กับมากทุกข์ทนหลายชะตากรรมชีวิต
ที่ถูกลิขิตมา อย่างหนีวิบากรักวิบากกรรมมิพ้น..
แม้ตัวเอง..ที่ยังจำต้อง..เวียนว่ายปะปนกับทุกข์สรรพสิ่ง

รอเพียงจิตรู้..วางนิ่ง สลัดทุกข์พันธนาออกไป
ด้วยตัวตน..ด้วยกมล..ที่ฝึกจิต..อย่างมิท้อแท้ยอมแพ้พ่าย...
ให้รู้ทันเท่า....รู้คิดดี คิดได้ คิดให้
อย่างมิยอม..ลด..ละ..เลิกเพียร...

ค่อยๆ ดึงจิตกลับมา..
ทำหน้าที่ เพื่อนร่วมโลก ..ตามชะตากรรม
อย่างช้าช้า อย่างสุขสว่าง ณ กลางใจ..

หาก..คิดว่าชีวิตนี้..
มิยึดติด..ทุกข์ทน..กับเรื่องเงินงาน..
กุศลจิตแห่งความมากเมตตาทานบารมี
ทั้งๆที่...ชีวิตนี้ใช่จะร่ำรวย

ดวงจิตนี้มีกระแสธาร..การให้
พร่างพรายอยู่ในสายเลือด
ในชีวาชีวิตมาตั้งแต่ยามเยาว์
ที่จิตใส คิดได้คิดดี
อยากระบาย...ให้สายธารแห่งเกษมบุญนี้
ได้พลี..
เป็นดั่งบทเรียนไหลละมุน

เพื่อเผื่อแผ่แก่ผู้ที่ยังทุกข์ทน...ผองคนแห่งผู้ชิดใกล้
อย่างผู้ที่...รู้รัก..รู้เสียสละ..รู้ปันแบ่ง..มิแล้งไร้น้ำใจ
ดั่งบัวแล้งน้ำ..หอมกรุ่น..งามใจได้...
รู้คำล้ำเลอค่าคำที่ว่า *ยิ่งให้ยิ่งได้*แม้นเรามิหวังได้ใด..

หากน้ำใส ...น้ำพระธรรม..
จะคืนหลังกลับมา..
ระร่ำรินให้ดวงชีวินชีวิตเรา..ได้พบสิ่งแสนศักดิ์สิทธิ์
ได้พบ..ทิพยนิรมิตพลังธรรมแห่งปิติเกษม..อย่างมิรู้สิ้นรู้จบ..

ได้พบแสงธรรมแสงทอง...คอยทอดทอรอให้พบ..ความสว่าง..
คอยนำทางใจ..ให้แสนไสวพร่างกระจ่างจิต
ดั่งดวงชีวิตคือ อัญมณีแก้ว ..

ที่จัก...แพรวพรายฉายฉันท์..กระจ่างขวัญ
ตราบ...จนถึงวันสุดท้าย...
แห่งลมหายใจนี้
ที่ช่างแสนสั้นเป็นยิ่งนักแล้ว...

แล...ดูธรรมชาติ ...ในวาดวงว่าง..กับใจดวงเริ่มวาง ในงามนิ่ง
กับทุกสรรพสิ่ง..ทิ้งทุกทุกข์มายา...ที่พาดล..ให้ดวงกมล...

ตั้งจิต..มิให้ลอย..เหนือหล้า..เหนือฟ้าดิน..
บ่ถวิลอยาก...ทั้งทุกข์สุขมารุกโหม
ให้หมองหม่น..ในกมลนาน กมลราน..อีก..
ตราบชั่วกาลกัป์ป...ตราบชั่วฟ้าดิน..!

พุดพัดชา.........


ไฟล์แนป:
1172153wmg3jlujm6.gif
1172153wmg3jlujm6.gif [ 215.94 KiB | เปิดดู 3590 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 11 ส.ค. 2009, 22:41 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!

ดอกไม้ในเงาจันทร์../..ฟ้ฟื้น ธรรมชาติ

คือดอกไม้ยามราตรีวิปโยค
โศกซ้ำโศกซ้ำซ้อนอย่างสวยเศร้า
อยู่ในคืนเงียบงันอันปวดเร้า
กับหมอกหนาวพราวน้ำค้างอย่างเนิ่นนาน

คือดอกไม้ก้าวไปบันไดเมฆ
โยกยิเยกสั่นคลอนก่อนถึงฝัน
หมายเติบโตแต่งต้นบนดวงจันทร์
ทุกวิกาลจันทร์ยิ่งไปไกลลิบตา

คือดอกไม้หยัดยืนในคืนเหน็บ
รู้ทันเจ็บด้วยแรงแห่งปรารถนา
สู้ต่อโชคชะตาเร้าคาวมายา
ดื่มน้ำค้างเคล้าน้ำตาล้าแรงกาย

วอนมนต์ตราฉาบแสงนั้นจากจันทร์เจ้า
ไล่ความหนาวสักเวลาจะได้ไหม
กรุ่นอุ่นแสงแห่งจันทร์หมายมั่นใจ
เราดอกไม้จะแสร้งว่าคืออาภรณ์

ในคืนค่ำยามแมลงแล้งน้ำใจ
ขย่ำดอกขยี้ใบหมายหลอกหลอน
แมลงหรือ? ถือสิทธิจะริรอน
เพียงอุทรณ์ฎีกาหาพระจันทร์

คือดอกไม้หมายจะพบทางหลบหนี
หากยังมีรากหยั่งแน่นเป็นแก่นสาร
โดยตกฝันบันไดฟ้าแต่ครานาน
จากที่นั้น! สู่ตรงนี้...ไร้ที่ไป

เพียงส่งฝันอันระวีที่เริ่มล้า
โดยส่งหาเพื่อนฝันว่ามั่นหมาย
ณ ที่แล้งแห่งนี้มีดอกไม้
มีดอกอื่นดอกไหนที่คล้ายกัน?

อนาคตต่อไปในภายหน้า
ด้วยว่าล้ากาย-กำลังพลังฝัน
ระบมร่างจากแมลงเยื้อแย่งทาน
จะลางานท้อและท้อพอเสียที

คิดจะเลือกปลิดชีพในมายา
จะนำพาเจตจินต์บินหลบหนี
มีวิญญานไปจันทร์อันระวี
ต่อแต่นี้ไม่หมายใช้บันไดงาม

คือดอกไม้มีหัวใจห่วงใยรัก
มิอาจจากเพื่อนดอกไม้ไร้คมหนาม
เพียงจะสู้หมายจันทร์ทราบนฟ้างาม
และสู้ทรามความวิโยคโศกโสมม

เป็นดอกไม้จะไปฟ้าคราถึงที่
อันชีวีกลีบล้าจะถาถม
เวลานี้รักจะมอบปลอบประโลม
ดอกไม้อื่นที่ล้าล้มได้หยัดยืน

ความฉ่ำหวานหารแบ่งแมลงไป
แรงร่างกายเจียดให้ฝัน...มั่น! ทน! ฝืน!
สักเวลาจันทร์จะมาหาสักคืน
เหล่าดอกไม้จะได้ชื่นฟื้นพลัง

คือดอกไม้ยามราตรีวิปโยค
เพียงเศร้าโศกหม่นเหงาเบาลงบ้าง
ในคืนงันเงียบเหงาหมอกเทาจาง
คงจะพบจันทร์กระจ่าง....ข้างหัวใจ

ดอกไม้ในเงาจันทร์..หรือ...ดอกไม้ราตรี
ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยก็บานไม่มีวันร่วงเลย
เป็นเรื่องสั้นของกวีเอกแห่งถิ่นเหนือ นาม มาลา คำจันทร์
และหนึ่งในฉากภาพชีวิตหญิงสาวในเรื่องสนิทสร้อยของ รงค์ วงศ์สวรรค์
ที่กล่าวถึงชีวิตเหนื่อยหน่ายยิ่งนักแล้วของหญิงสาวที่ทำงานการคืน

หากคุณได้อ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้..อาจจะทำให้มิติการมองดอกไม้ราตรีในแง่มุมที่ต่างออกไป
แง่มุมที่น่าสงสารและเข้าใจบุคคลอื่นอย่างที่สุด


ไฟล์แนป:
90718u0gvhgh16q.gif
90718u0gvhgh16q.gif [ 261.89 KiB | เปิดดู 3579 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 14 ส.ค. 2009, 00:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!

คลื่นทุกข์.../...ดอกแก้ว

เมื่อเกิดมาต้องพบพาปัญหาหนัก
เรื่องของขันธ์ยากนักจะสุขศรี
หิว เมื่อย ง่วงบ่อยครั้งในชีวี
กายต้องมีเสื้อผ้ามาเปลี่ยนแปลง

เรื่องการงานนานายิ่งพาวุ่น
มีอุดหนุนขัดขวางทางแอบแฝง
ผลประโยชน์เรื่องใหญ่ให้ระแวง
ต้องออกแรงแซงซิ่งเพื่อชิงชัย

การคบหาสมาคมชมรมมิตร
หากไม่คิดรอบคอบชอบนิสัย
อาจพลาดพลั้งคบผิดมิตรนำภัย
ต้องเสียใจซ้ำซ้อนตอนรู้ความ

เรื่องเป็นอยู่ก็ต้องรู้อยู่ให้เป็น
รู้จักเล่นออกกำลังไม่ผลีผลาม
รู้จักกินพอดีไม่ตะกราม
มิเช่นนั้นต้องพบความอึดอัดกาย

คราวเจ็บป่วยหากไม่ช่วยตนรักษา
โรคลุกลามหนักหนาไม่อาจหาย
ต้องบำรุงรักษาไม่ดูดาย
โรคจึงคลายบรรเทาและเบาบาง

ยามชรามากปัญหามาอาศัย
หูและตาเปลี่ยนไปให้ขัดขวาง
ฟังและดูผิดเรื่องผิดทิศทาง
มือเท้าจางจากแรงแปลงเปลี่ยนวัย

กว่าจะตายทุกข์มากมายที่พานพบ
มีปัญหาไม่รู้จบต้องแก้ไข
เหมือนระลอกในกระแสชลาลัย
โถมเข้าใส่ฝั่งชีวินไม่สิ้นเลย


ไฟล์แนป:
4d5129e5.jpg
4d5129e5.jpg [ 184.31 KiB | เปิดดู 3570 ครั้ง ]

เจ้าของ:  คนไร้สาระ [ 14 ส.ค. 2009, 04:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!

:b20: อ่่านแล้วซาบซึ้งบทกวี ซาบซึ้งความเพียร
ของคุณน้อง จ๊ะคิดถึงอยู่้น๊ะ :b4:

ไฟล์แนป:
2004110509251364797vs.gif
2004110509251364797vs.gif [ 22.09 KiB | เปิดดู 3562 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 14 ส.ค. 2009, 13:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!

ประตูแห่งชีวิตจริงฤา..............

..๏สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง จริงนา
สรรพสิ่งเวียนวนยัง ก่อไว้
บันลือส่งทุกข์ปลั่ง สุขถอย หลีกฤา
มนุษย์ที่หลงลืมไซร้ ยากแท้สรวงสวรรค์ ฯ

กรรมใดใครก่อนั้น มากมี
ยากที่สุดเปรมปรีดิ์ ยิ่งแท้
อายตนะส่งชีวี ภพสู่ วนเฮย
สุขทุกข์สุดยากแก้ ยกเว้นทางธรรม ฯ

จตุรธาตุสี่ห้อง เวียนวน
เสริมก่อร่างกายตน แม่นแท้
จิตนำสู่ธาตุกมล ยากยิ่ง รวมนา
ละสิ่งรอบออกแก้ ดิ่งห้วงปวงมรรค ฯ

วิเวกหวานผ่านเวิ้ง มรรคธรรม แน่เฮย
แลส่งประพฤติกรรม สู่ห้วง
เสียงรอบที่เวียนทำ แยะยิ่ง รอบแล
อบอวลกลิ่นรินล้วง รสลิ้มหลงทาง ฯ

หลายหลากรสวนเว้า หวานออม
สัมผัสจัดประนอม มุ่งแก้
จรุงจิตแว่วมิถนอม แยกบั่น สลายแฮ
ทางสู่หากมิแก้ แน่แท้อบายภูมิ ฯ

กุ๊กกิ๊กเกิดก่อแก้ว กงกรรม แกมเฮย
ไขขุ่นขอบเขตขาม แขนข้าง
คงคิดครุ่นควรความ ครอบคู่ เคียงนา
งานงุ่นง่านงามง้าง เงียบเง้างมงาย ฯ

มรรคธรรมนำส่องสร้าง จิตคน จริงแฮ
รู้ว่ายแหวกเวียนวน สู่หล้า
แนะนำส่งปวงชน กอบก่อ ละนา
ใครที่สู่ทางช้า ว่ายข้องวัฏฏะสาร ฯ

ประตูทองผ่องแผ้ว บรรพกาล
มวลสิ่งแหวกนมนาน ยิ่งแท้
อดีตธรรมก่อเบิกบาน ภพสู่ นานแฮ
ชวนท่านมากอบแก้ หมั่นสร้างทางธรรม.๚ะ๛

๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙

ขอบคุณคุณคนไร้สาระ..ลุงมะตูม..ป้าโคม่า..และเพื่อนๆกัลยาณมิตร...ทุกๆท่าน


ไฟล์แนป:
completenessra1.jpg
completenessra1.jpg [ 74.34 KiB | เปิดดู 3554 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 15 ส.ค. 2009, 14:41 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!

* แสงทองส่องลิขิต *
ดวงประทีปส่องทางกลางชีวิต
บันดาลจิตสรรค์สร้างกลางวิถี
ความมืดมนหม่นหมองของชีวี
เปลี่ยนแปลงสิ่งที่หวังทั้งใจกาย

หมุนวนเวียนเพียรเฝ้าเคล้าลิขิต
สิ่งที่ผิดติดพะวงจนเกือบสาย
คดเคี้ยววกกดเกี่ยวเหนี่ยวฤทัย
ใยทั้งหลายพัวพันปานเกลียวปม

มัดแน่นเหนียวเกี่ยวรัดสะบัดย่าง
สู่อ้างว้างสร้างใจจนได้ขม
จริงหรือเท็จเท็จหรือจริงสิ่งระทม
ฝังใส่จมบ่มจริตติดคล้ายเขลา

สิ่งมืดมนหม่นหมองสู้ลองคิด
เรื่องน้อยนิดยังติดจิตหมองเศร้า
สรรค์ผูกพันผันผวนล้วนจากเงา
ยังหลงเฝ้าเพียรหาละล้าละลัง

ความใกล้ชิดเกิดก่อพอสู่ฝัน
สุดเสกสรรพันผูกดุจมนต์ขลัง
นั่งยืนนอนอารมณ์จมภวังค์
ดั่งถูกขังในกรอบสอบพะวง

แสนละเมอเพ้อพกหมกสิ่งนี้
ดุจชีวีคล้ายกรองที่รองผง
ผ่านเข้าออกมิได้ในเจตจำนง
ด้วยลุ่มหลงคงเหลือเชื้อแห่งใจ

แสงสีทองผ่องผ่านประทีปแก้ว
เลอเลิศแล้วหนทางกระจ่างใส
ตรองคิดหวนล้วนผ่านสู่ทรวงใน
เลิกวางไว้สร้างใจให้บันเทิง

ครั้นวางชีวิตที่คิดจิตปนเศร้า
ดุจผ่านเข้าออกธารอันสิ่งเหลิง
สิ่งไตร่ตรองกรองขจัดใจระเริง
ไฟสุมเพลิงมอดสลายในโคมทอง.

๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙


ไฟล์แนป:
A174385771.jpg
A174385771.jpg [ 41.1 KiB | เปิดดู 3548 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 16 ส.ค. 2009, 23:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!

บางเวลาของนักล่าต้องรู้จักรอคอย ............

ทุกคนเกิดมาต่างพบเจอกับความผิดหวัง

มาแล้วเหมือนกันทั้งนั้น

แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันก็คือการรับมือกับความผิดหวัง

บางคนก็ยินดีที่จะจมอยู่กับความทุกข์เศร้า

เฝ้าคร่ำครวญถึงคืนวันที่ผ่านไปอย่างไร้ค่า

และเฝ้ามองเวลาที่ผ่านไปอย่างเปล่าเปลือง

บางคนเก็บซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ใครเห็น

ทำเป็นคนเข้มแข็งประชดชีวิต

ซึ้งไม่เกิดผลดีอะไรกับตัวเองเลย

เราหลอกผู้คนไปวัน - วัน ว่าไม่รู้สึกรู้สา

แต่เราหลอกตัวเองไม่ได้หรอก

สุดท้ายเราก็ต้องยอมรับกับตัวเองว่า

แท้จริงแล้วเราอ่อนแอจนแทบจะทำอะไรไม่ได้

อย่างเช่นตอนนี้ที่เราผิดหวังจากความรัก

เราอาจจะรู้สึกว่าเราพลาด เราแพ้

และเมื่อเรารับมือกับความพ่ายแพ้อย่างไม่ใช้สติ

ตรงนั้นแหละที่จะทำให้เราแพ้จริง ๆ

ทางที่ดีคือยอมรับไปเลย..ยอมรับว่าเรากำลังก้าวพลาด

ชีวิตได้พลั้งไป ยอมรับและตั้งรับใหม่

หาวิธีการที่ดีที่จะรับมือกับชีวิต

เตรียมความพร้อมจะออกล่าฝันครั้งต่อไป

เฝ้ารอตะวันที่จะมาถึงอย่างเงียบ ๆ แต่เต็มไปด้วยพลัง

บอกตัวเองไว้ว่าเราเป็นนักล่า

และเป็นนักล่าที่ดีที่รอคอยเป็น


ไฟล์แนป:
86387v8cn0wcn8a.gif
86387v8cn0wcn8a.gif [ 398.9 KiB | เปิดดู 3510 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 18 ส.ค. 2009, 23:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!

เพียงลำพัง
ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต
ที่หมุนวนมาบรรจบ
ช่วงเวลาแห่งความเงียบเหงา
ใครเล่าจะทำใจให้ผาสุขได้
ตามลำพัง
อยู่ให้สบายเถิด
ถึงแม้จะต้องข่มบังคับ
ความหลงผิดมิได้คิดจากไปไหน
ใจหนอก็ยังคงสงสัยอยู่ในความดิ้นรน
หากแม้นอยู่อย่างสบายใจ
ใจหนอก็สับสนอยู่กับความสบายใจ
ทุกข์ก็เหมือนใบไม้แห้ง
ที่ลอยไปกับสายลม
มันจะลอยผ่านความสนใจของมันไป
สู่ตัวมันเอง
อยู่ให้สบายเถิด
ไม่มีอะไร
จริงๆ
เราอาจจะเหมือนใคร หลายๆคน
บนวิถี ที่ต้องเป็นไป
ความรู้สึก ที่ไม่แตกต่าง
ในชีวิต และสิ่งหวัง

หากแต่ความเป็นจริงนั้น
จะจริงแท้อย่างไร ในเหตุผลของแต่ละคน
ใช่ หรือ ไม่ใช่ ใครตัดสินในความถูกผิดเล่า
ใครพอจะชี้นำ หากเรื่องราวนั้นแตกต่าง ในความรู้สึก

เหตุผล ต่างคนต่างอ้าง
แนวทาง ต่างคนต่างเห็น
ชีวิต ต่างคนต่างเป็น
ร้อนเย็น ต่างรู้แก่ใจ


ไฟล์แนป:
505146m8eztgrhts.gif
505146m8eztgrhts.gif [ 95.87 KiB | เปิดดู 3534 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 20 ส.ค. 2009, 05:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!

ชีวิตนี้เกิดมาทำไม เพื่ออะไร
และ
นั่นคือความเบื่อหน่าย
พาให้ได้ค้นหาความล่วงหลุดพ้น
จากสิ่งที่รัดรึงตรึงตรมพันธนา
จาก...
มายาแห่งการเกิดดับนับเนื่องอสงไขย
จากกรรมใดใครก่อใครรับ
และ..
นับไม่สิ้นภพชาติ...
จิตจึ่งจะพบความสว่างสงบสะอาด
แล้ว..
เลิกยึดมั่น ในความเป็นตัวตน
ให้กมลได้รักษาศีล สร้างกุศล
สะสมเสบียงบุญภาวนา
จนมีสติปัญญา
พาค้นพบอัญมณีล้ำค่า
ณ ภายในใจเราเอง...
จนสิ้นเพรงกรรม
ด้วยตระหนักดี
ถึงความเป็นธรรมดาแห่งเสน่หา
มายามนตราพิสวาท กับทุกบทบาทชีวาชีวิต
ที่ยังติดในรสเกษมซ่านซึ้งหวาน
ปานประดุจดั่งน้ำผึ้งสวรรค์
ยังคงหวังวาดอย่างงดงาม
ว่า...
ในท่ามโลกแล้งหลอนลวงนี้
อาจจะพบคนดี ใครสักคน ที่ใช่เลย
ที่ประทับใจ ที่จักเกาะเกี่ยวก้อยกันไป
สู่แดนขวัญสวรรค์รมณีย์
หรือ....
บางทีคือแดนสุขนิรันดร์
หลัง..
เรียนรู้ ผ่านพ้นบทเรียนทางโลกย์
ทั้งซึ้งโศกแสนสุข..
เลือก..ตามรอยบาทพระบรมศาสดา
ไม่เอาทั้งสุขสนุกแลทุกข์ร้อนร้ายมากรายกล้ำ
หลัง...
พบพระธรรม ณ กลางใจ
ที่สว่างไสวสุกใส
ราวดวงแก้วประภัสสร
ให้..
ค่อยละอาวรณ์อาลัยถวิล
สิ้น...
ความยึดมั่นถือมั่น
ให้ละทิ้งตัวตน ไม่ต้องวนมารับอนันตกรรม
อันเวียนว่ายวนซ้ำย้ำรอยเดิม
ไม่รู้จักกี่ภพชาติ
เวลาจะสอนให้รู้ค่า
คำว่า
*เห็นทุกข์เห็นธรรม*
เห็น..
สายน้ำตาร่ำจะเบื่อหน่ายคลายกำหนัด
และ..
สามารถขจัด..ทุกข์กิเลส เหตุแห่งทุกข์
ให้ค่อยๆพัฒนาไปสู่ความสิ้นสุดหลุดพ้น
แห่งการหลง พะวงภักดิ์พลี
ที่..
ทุกชีวิต
ต้องเรียนรู้
และ
ค้นหาด้วยตนเอง...!


ไฟล์แนป:
231e7278cbec.jpg
231e7278cbec.jpg [ 67.13 KiB | เปิดดู 3533 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 21 ส.ค. 2009, 00:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!

** ศาลาพักใจ **

สุริยันจันทราดาราคล้อย
วกเวียนรอยเส้นทางระหว่างสรรค์
บ้างเจิดจ้าลาวัลย์บ้างรำพัน
ฤาสวรรค์ปนนรกหมกไหม้ตน

มีทั้งรักรวมแค้นแน่นหนักจิต
สร้างชีวิตตัวเราเคล้าสับสน
หาที่แนบแอบอิงล้วนระคน
เฝ้าปะปนจนเพ้ออนันตกาล

บนเส้นทางโลกายากหายิ่ง
ล้วนทุกสิ่งเปลี่ยนไปไร้เสพย์สานต์
หาใช่กลีบกุหลาบซาบซึ้งกานต์
วิวัฒน์ผ่านสรรค์ปองหมองฤทัย

หากรู้จักเพียงพอต่อสิ่งเสพย์
ดุจสับเขปแยกแยะแนะสู่สมัย
ย่อมรู้จักประมาณมิหวั่นหทัย
เส้นทางไกลอย่างไรยากหมองมัว

หาที่พักแอบอิงต่อสิ่งนี้
แล้วสรรค์ที่พักผ่อนย้อมใจสลัว
ให้เจิดจรัสประภัสสรผ่อนกลัว
หลากสิ่งชั่วสร้างสิ่งแคลงอิงใจ

อันทุกข์สุขเส้นทางระหว่างผ่าน
จงประสานสู้ไว้จัดสรรค์ไสว
ระบายสิ่งอิงแอบแนบภายใน
สร้างไฉไลศาลาพักพอเพียง

แล้วระบายสิ่งหมกหมุ่นกรุ่นจิต
เปล่งชีวิตถ้อยคำลำนำเสียง
ต่อสถานที่จัดไว้ด้วยสำเนียง
ที่แอบเคียงหมกหมุ่นกรุ่นใจเรา

ศาลาที่กล่าวคืออัษรภาษากลอน
ฝากขั้นตอนระบายไว้ให้เฉลา
นำทุกข์ที่ซ่อนเร้นเป็นลำเนา
แล้วก็เอาความสุขปลุกอารมณ์.

*** แก้วประเสริฐ. ***


รูปภาพ

ไฟล์แนป:
RE006.jpg
RE006.jpg [ 100.59 KiB | เปิดดู 3413 ครั้ง ]

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 22 ส.ค. 2009, 03:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ชีวิต...มักเป็นเช่นนี้หนอ..!

ณ. คืนนี้...จันทร์ครึ่งดวงพอกันกับใจ..ครึ่งดวง
ช่างเดียวดาย...ราวเดือนเสี้ยว..จันทร์ข้างแรม
เฝ้าเมียงมองจ้องดูจันทร์ดวงงาม
ทอดแสงผ่านใบระยิบของต้นก้ามปูและจามจุรีที่สูงใหญ่
ใบงามพร่างกระจ่างท่ามกลางแสงจันทร์ทอทอดลอดโลมไล้
แม้จะหยาดสายหวานเพียงครึ่งเดียวตามเรียวจันทร์แรม
ใจดวงนี้..ก็ดายเดียวที่เหลือเพียงครึ่งเดียวพอกัน
ข่มตาหลับบนเตียงเก่า..ฟังเพลงเศร้าเคล้าน้ำตา

นับแต่นี้...ตั้งสัจจะ...อธิฐานจิต

พลีดอกไม้หอมหอมจากอ้อมฝัน
มากำนัลแด่คนดีเป็นที่รัก
ความสุขใดไหนเล่าเท่าความภักดิ์
คือมหัศจรรย์จงรักตราบนิรันดร์

เมตตาเอื้อโอบแบ่งปัน
ผ่านคืนวันพิสูจน์เคียงคู่ขวัญ
อย่าน้อยใจใครไม่เห็นความสำคัญ
จงตั้งมั่นสวรรค์มีตาฟ้าเปิดใจ

ในเส้นทางร้างไร้หมายเคียงข้าง
มิอ้างว้างสู่ทางธรรมอันไสว
เกาะเกี่ยวกันสู่นิพพานฝันแม้นแสนไกล
อธิษฐานใจต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์นิมิตธรรม

ให้จิตต่อยอดบุญสร้างทุนทิพย์
คอยจารจิบเพาะบ่มเพียรอบร่ำ
คิดดีพูดดีทำดีพลีน้อมนำ
พรสัจจธรรมจากใจดวงนี้อัญมณี...ไพร!

พุดพัชชา.........


ไฟล์แนป:
2093.jpg
2093.jpg [ 33.37 KiB | เปิดดู 3491 ครั้ง ]

หน้า 12 จากทั้งหมด 19 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/