ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

อะเฮ้อ.........เผลอ(รัก)เข้าจนได้
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=20916
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  นิรินธน์ [ 05 มี.ค. 2009, 16:42 ]
หัวข้อกระทู้:  อะเฮ้อ.........เผลอ(รัก)เข้าจนได้

แม้ชีวิตได้ผ่านเลยวัยแห่งความฝัน
วันที่ผ่านมาไร้จุดหมาย ฉันเรียนรู้เพื่ออยู่เพียงตัวและจิตใจ
เป็นมิตรแท้ที่ดีต่อกัน

เหมือนชีวิตผันผ่านคืนวันอันเปลี่ยวเหงา ตัวเป็นของเราใจของใคร
มีชีวิตเพื่อสู้คืนวันอันโหดร้าย คืนนี้ตัวกับใจไม่ตรงกัน

คืนนั้นคืนไหนใจแพ้ตัว คืนและวันอันน่ากลัว ตัวแพ้ใจ
ท่ามกลางแสงสี ศิวิลัย อาจหลงทางไปไม่ยากเย็น


เนื้อเพลงทะเลใจ ของคุณแอ๊ด คาราบาว

มาเล่าให้ฟังแบบขำๆ
แม้จะเลยวัยแห่งความฝันแล้วก็ตาม ก็ไม่ควรประมาทกับใจเรา
บางครั้งเราก็เผลอได้

แต่คราวนี้โชคดีที่ตัวยังไม่แพ้ใจ เลยไม่หลงทางไป ให้ยากเย็น :b18:
แต่ใจมันเพ้อ....เฮ้อ.... :b2:

ไปต่างจังหวัดมาหลายวัน
ทำงานเฉพาะกิจ...เร่งรัดด้วยเวลาและสถานการณ์...ยุ่งเหยิงๆๆ
ต้องเกี่ยวข้องกับผู้คนมากมายหลายคน
และเกี่ยวข้องกับคนหนึ่งคนมากมายหลายเวลา
สติไม่เร็ว ไม่ทันต่อผัสสสะ การกระทบทางหู ตา คอ จมุก ปาก
ใจก็เผลอไปเกาะเกี่ยวโดยไม่ทันรู้ตัว

เมื่อตัวกลับถึงบ้าน.....จึงรู้ว่าใจไม่กลับมา
ดูซินั่น ตาม "เขา" ไปซะนี่


ประกาศ!!!!!
ผู้ใดพบเห็นใจของหญิงวัยใกล้ชรา
ช่วยจับไว้และโปรดนำส่งเจ้าของโดยด่วน
มีรางวัลให้ตามสมควร



:b8:
ขออภัยหากมีข้อความไม่เหมาะสม
เพียงแค่อยากเขียน.... :b9:

ขอทุกท่านมีความสุขยามเย็นค่ะ :b39:

เจ้าของ:  ฌาณ [ 05 มี.ค. 2009, 21:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อะเฮ้อ.........เผลอ(รัก)เข้าจนได้

เนื้อเพลง ใจหายไปเลย - Kal แคล

คำร้อง พงษ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
ทำนอง วรัชยา พรหมสถิต
เรียบเรียง ประทีป สิริอิสสระนันท์

เธอไม่เคยบอกบอกให้รู้เรื่องราวในใจ
เธอไม่เคยเปลี่ยนปล่อยฉันให้เดาให้หวั่นไหว
เจอะกันอยู่ทุกวันได้แต่ส่งสายตาแล้วก็เพียงแค่หวังในใจ
อยากได้ยินสักคำอยากให้บอกสักทีคิดกับคนคนนี้ยังไง

เธอแค่เพียงบอกบอกให้รู้สักครั้งเป็นไร
เธอแค่เพียงเอ่ยแอบหวังว่าคงจะตรงใจ
แต่พอเธอพูดมา ออกจากปากของเธอ
ฉันแค่เป็นเหมือนเหมือนใครใคร
แค่อยากเจอทุกวันแค่อยากส่งสายตา ไม่ได้มีความหมายอะไร

ใจหายไปเลยหายไปในอากาศ ลอยไปกับสายลมไปสู่ความเหงา
ใจหายไปเลยเหลือเพียงความว่างเปล่า ฉันไม่ต้องรออีกต่อไป


สิ่งที่เธอพูดมา ออกจากปากของเธอ ฉันแค่เป็นเหมือนเหมือนใครใคร
แค่อยากเจอทุกวันแค่อยากส่งสายตาไม่ได้มีความหมายอะไร

ใจหายไปเลยหายไปในอากาศ ลอยไปกับสายลมไปสู่ความเหงา
ใจหายไปเลยเหลือเพียงความว่างเปล่า ฉันไม่ต้องรออีกต่อไป

ใจหายไปเลยหายไปในอากาศ ลอยไปกับสายลมไปสู่ความเหงา
ใจหายไปเลยเหลือเพียงความว่างเปล่า แล้วรักที่รอก็หลุดหายไป


เอ้าร่วมด้วยช่วยกัน.....เพื่ออะไรดีขึ้นมาบ้าง

เจ้าของ:  ฌาณ [ 05 มี.ค. 2009, 21:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อะเฮ้อ.........เผลอ(รัก)เข้าจนได้

พระพุทธภาษิต

ผนฺทนํ จปลํ จิตฺตํ ทุรกฺขํ ทุนฺนิวารยํ

อุชุ กโรติ เมธาวี อุสุกาโรค ว เตชนํ

อาริโช ว ถเล ขิตฺโต โอกโมกตอุพฺภโต

ปริผนฺทติทํ จิตฺตํ มารเธยฺยํ ปหาตเว


คำแปล

จิตนี้ดิ้นรน กวัดแกว่ง รักษายาก ห้ามยาก
บัณฑิตผู้มีปัญญาย่อมทำจิตนี้ให้ตรง เหมือนช่างศรดัดลูกศร

จิตนี้ เมื่อผู้ทำความเพียรยกขึ้นจากอาลัยคือกามคุณ ๕ แล้ว ซัดไปในวิปัสสนากัมมฐาน เพื่อให้ละบ่วงแห่งมาร ย่อมดิ้นรน เหมือนปลาที่พรานเบ็ดยกขึ้นจากน้ำวางไว้บนบก ดิ้นรนอยู่ฉะนั้น


อธิบายความ

พระพุทธภาษิตนี้แสดงถึงลักษณะของจิตว่า ดิ้นรนกวัดแกว่ง รักษายาก ห้ามยาก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เหลือวิสัยที่จะทำให้ตรงได้ แต่ต้องทำด้วยอุบายอันฉลาด เหมือนช่างศรดัดลูกศรให้ตรง ถ้าไม่ใช่ช่างศร ย่อมทำลูกศรไม่เป็นฉันใด บุคคลผู้ไม่ชำนาญทางการฝึกจิต ก็ไม่สามารถทำจิตให้ตรงได้ฉันนั้น

ที่ว่าจิตนี้ดิ้นรนนั้น คือดิ้นรนอยู่ในอารมณ์มีรูป เป็นต้น ดิ้นรนไปเพื่อเกลือกกลั้วกับอารมณ์นั้น ดิ้นรนไปหารูปอันสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสอันยวนใจ เมื่อถูกกีดกันจากอารมณ์นั้นด้วยสมถกัมมฐาน หรือวิปัสสนากัมมัฏฐาน ย่อมดิ้นรนมากขึ้น เพราะไม่ได้เสวยอารมณ์ที่เคยได้ เหมือนของที่คนเคยกินจนติดแล้วไม่ได้กิน ย่อมแสดงอาการทุรนทุราย


ที่ว่ากวัดแกว่งนั้น คือไม่สามารถดำรงอยู่ในอารมณ์เดียว ไม่สามารถนิ่งได้ เหมือนเด็ก หรือสิ่งไม่อยู่นิ่งในอิริยาบถเดียว หรือเหมือนใบไม้ที่ถูกลมพัดให้หวั่นไหวอยู่เสมอ จิตนี้ก็เหมือนกัน ถูกลมคือโลกธรรม ๘ บ้าง ราคะ โทสะ โมหะบ้าง ทำให้หวั่นไหวกวัดแกว่ง

ที่ว่ารักษายากนั้น เพราะหาอารมณ์อันเป็นที่สบายให้จิตได้ลำบาก ประเดี๋ยวชอบอย่างนั้น ประเดี๋ยวชอบอย่างนี้ และมักชอบตกไปในอารมณ์อันชั่ว ผู้มีปัญญาจึงต้องคอยเหนี่ยวรั้งอยู่เสมอ

เหมือนโคพยายามจะกินข้าวกล้าอันเขียวสด เจ้าของต้องคอยเหนี่ยวรั้งไว้ด้วยเชือก-เชือกที่สำหรับเหนี่ยวรั้งจิตก็คือสติ ถึงกระนั้นก็เหนี่ยวรั้วได้ยาก (ทุนฺนิวารยํ) เมื่อเชือกคือสติขาดมันก็ไปตามที่ปรารถนาอีก แต่บุรุษมีความเพียรก็ต้องพยายามทำจิตให้ควรแก่การงาน

เหมือนอย่างว่า นายช่างศร นำเอาท่อนไม้มาจากป่าปอกเปลือกออกแล้ว ทาด้วยน้ำข้าวหรือน้ำมัน ลนไฟ แล้วตัดให้ตรง เมื่อทำลูกศรให้ตรงได้ที่แล้วก็แสดงศิลปะยิงศรหน้าพระที่นั่งของพระราชา หรือต่อหน้าชุมนุมชนเป็นอันมาก ย่อมได้สักการะและความนับถือฉันใด

ผู้มีปัญญาในศาสนานี้ก็ฉันนั้น ทำให้จิตอันมีสภาพดิ้นรนนี้ให้กะเทาะ เปลือกคือกิเลสออก ด้วยอำนาจธุดงคคุณและการอยู่ป่าเป็นต้นแล้ว ชะโลมด้วยยางคือศรัทธา ลนด้วยความเพียรทั้งทางกายและทางจิต ดัดที่ง่ามคือสมณะและวิปัสสนา ทำจิตให้ตรงให้หมดพยศ แลแล้วพิจารณาสังขาร ทำลายกองวิชชาได้แล้ว ยังคุณวิเศษให้เกิดขึ้น กล่าวคือ วิชชา ๓ อภิญญา ๖ และโลกุตรธรรม ๙ ย่อมได้ชื่อว่าเป็นทักขิเณยยบุคคลผู้เลิศ

บ่วงแห่งมารที่ตรัสถึงในที่นี้ ท่านหมายถึงกิเลสวัฏฏ์ การทำวิปัสสนากัมมัฏฐานก็เพื่อให้ละบ่วงแห่งมารนี้

:b16: :b16: :b16: :b16:

เจ้าของ:  นิรินธน์ [ 06 มี.ค. 2009, 12:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อะเฮ้อ.........เผลอ(รัก)เข้าจนได้

:b8: :b8: :b8:
ขอบคุณค่ะ คุณฌาณ
สำหรับเพลง ใจหายไปเลย -ของ Kal แคล :b29:
และสำหรับธรรมมะ กระตุกใจ :b18:

วันวาน....
เพิ่งกลับมา....จากความวุ่นวาย
เหมือนหยุดรถอย่างกระทันหัน
ยังมีแรงส่งค้างอยู่ ใจกวัดแกว่งไม่นิ่งเลย

วันนี้ใจกลับมาแล้ว :b16:
เก็บใจใส่กล่องไว้เรียบร้อยแล้ว
เย็นนี้พกใจไปต่างจังหวัด(อีกแล้ว)
จะไปปลีกวิเวกแถวๆ ชายป่าชายเขา สัก 2-3 วัน
...แล้วจะกลับมา :b1:

อ้อ....ขอขยายความ
อ้างคำพูด:
เหมือนโคพยายามจะกินข้าวกล้าอันเขียวสด

ที่ใจหายไป....ไม่ใช่อยากกินหญ้าเขียวหรอกนะ :b12:
ใจหายไปกับหญ้าแห้งหมักด้วยสารออแกนนิค :b18:

ขอบคุณ....และ...ขอบคุณ
:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  นิรินธน์ [ 09 มี.ค. 2009, 21:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อะเฮ้อ.........เผลอ(รัก)เข้าจนได้

กลับมาแล้ว....มีรูปเก่ามาฝาก

รูปภาพ
สวนกล้วย...ที่ อ.ด่านช้าง สุพรรณบุรี เมื่อช่วงปีใหม่

รูปภาพ
ต้นอะไรเอ่ย????

เจ้าของ:  ฌาณ [ 09 มี.ค. 2009, 22:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อะเฮ้อ.........เผลอ(รัก)เข้าจนได้

ต้นกล้วยครับบบบบ

เจ้าของ:  นิรินธน์ [ 13 มี.ค. 2009, 15:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: อะเฮ้อ.........เผลอ(รัก)เข้าจนได้

:b18:
ถูกต้องค่ะ คุณฌาน
รูปแรกคือต้นกล้วย


คำถาม "ต้นอะไรเอ่ย?" มีที่มาค่ะ
คือ น้องผู้หญิงที่ไปทำงานด้วยกันเธอรำลึกความหลังให้ฟัง
สมัยก่อน...ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับแฟน
เธอมักถามเรื่องชื่อต้นไม้ - ดอกไม้ ว่า
" นั่นต้นอะไร , นี่ดอกอะไร สวยจัง"

คำตอบที่ได้ก็จะคำตอบเดียวกันคือ "ต้นรัก - ดอกรัก" :b17:

ปัจจุบันเธอกับแฟนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คนแล้ว
วันที่ถ่ายภาพ...แฟนเธอไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
จึงไม่รู้ว่า...หากถามคำถามเดิมแล้ว - จะได้คำตอบเดิมหรือไม่ :b24:

ขอทุกท่านมีความสุขในวันหยุดค่ะ
:b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/