วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2013, 13:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2012, 19:33
โพสต์: 117


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้านับกันจริง ๆ สัตว์ที่ไม่เคยเกิดเป็นมารดา บิดา พี่ชายน้องชาย พี่หญิงน้องหญิงและบุตรของเรา
โดยกาลนานนี้ มิใช่หาได้ง่ายเลยเพราะสงสารนี้ กำหนดที่สุด เบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องผูกพัน ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ /1
ก็เพราะเราแต่ละคนล้วนเวียนตายเวียนเกิด มาแล้วนับภพนับชาติไม่ถ้วน เพียงแค่คนสองคนจากทั่วทุกมุมโลก
จะมีโอกาสเป็นเนื้อคู่กัน จึงมิใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใดและนั่นอาจเป็นที่มาให้หลายคนเชื่อเรื่อง
การโคจรมาพบรักของกันและกันว่านี่คือ “พรหมลิขิต” หรือไม่ก็เป็นชะตาที่ “ฟ้า” กำหนดไว้แล้ว
ทั้ง ๆ ที่ การโคจรมาพบรักของกันและกันหรือ การเป็นคู่บุพเพสันนิวาสนั้น มิใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง
ที่จะมีอำนาจเหนือการกระทำของคนสองคนนี้ได้ ย้อนไปถึงสมัยพุทธกาลสมัยนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ตรัสแก่คฤหบดีและคฤหปตานี ผู้ปรารถนาจะพบกันและกันทั้งในปัจจุบันและสัมปรายภพว่า
ดูกรคฤหบดีและคฤหปตานี ถ้าภรรยาและสามีทั้งสอง หวังจะพบกันและกันทั้งในทิฏฐธรรม(ปัจจุบัน)
ทั้งในสัมปรายภพ(อนาคต) ไซร้ ทั้งสองเทียว พึงเป็นผู้

....มีศรัทธาเสมอกัน....
....มีศีลเสมอกัน....
....มีจาคะเสมอกัน....
....มีปัญญาเสมอกัน....


ภรรยาและสามีทั้งสองนั้น ย่อมได้พบกันและกันทั้งในทิฏฐธรรม ทั้งในสัมปรายภพ ฯ
ภรรยาและสามีทั้งสองเป็นผู้มีศรัทธา รู้ความประสงค์ของผู้ขอ มีความสำรวม
เป็นอยู่โดยธรรมเจรจาคำที่น่ารักแก่กันและกันย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองมาก
มีความผาสุกทั้งสองฝ่าย มีศีลเสมอกันรักใคร่กันมาก ไม่มีใจร้ายต่อกันประพฤติธรรมในโลกนี้แล้ว
ทั้งสองเป็นผู้มีศีลและวัตร เสมอกัน ย่อมเป็นผู้เสวยกามารมณ์เพลิดเพลินบันเทิงใจอยู่ในเทวโลก ฯ /2

สอดคล้องกับอีกพุทธวจนะหนึ่งที่พระองค์ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อน! ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาความรักนี้ย่อมเกิดด้วยเหตุสองประการ คือ ได้เป็นมารดาบิดา ธิดาบุตร พี่น้องชายพี่น้องหญิง สามีภรรยา หรือสหายมิตรกันในภพก่อน เคยอยู่ร่วมที่เคียงกันมา
ความรักนั้นย่อมไม่ละ คงติดตามไปแม้ในภพอื่น เพราะการอยู่ร่วมกันในกาลก่อนอย่างหนึ่ง
อีกอย่างหนึ่ง ความรักนั้นย่อมเกิดเพราะความเกื้อกูลกันในปัจจุบันอันได้ทำในอัตภาพนี้
ความรักนั้นย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุสองประการฉะนี้ เปรียบเหมือนอุบลในน้ำฉะนั้น
คือเหมือนอุบลและบุปผชาติที่เกิดในน้ำต่างๆ เกิดในน้ำ ก็ได้อาศัยเหตุสองอย่าง
คือน้ำและเปือกตมฉันใด ความรักก็ย่อมเกิดด้วยเหตุสองประการนี้ฉะนั้นหากพิจารณา “พุทธวจนะ”
ข้างต้นนี้อย่างถี่ถ้วน การที่ 1 หญิง และ 1 ชาย ปรารถนาจะพบกันและกันทั้งในทิฏฐธรรมและสัมปรายภพนั้น
ขึ้นอยู่กับ ธรรม 4 ประการที่จะต้องมีเสมอกัน คือ ศรัทธา ศีล จาคะและปัญญา
กล่าวอย่างสั้นที่สุด ทั้งสองคนนี่แหละเป็น “คู่สร้างคู่สม” ในธรรมทั้ง 4 เมื่อต่างปรารถนาจะพบกันและกันแล้ว ก็ย่อมปรารถนาจะอยู่ร่วมกัน
และการอยู่ร่วมกันของชายและหญิงนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน 4 ลักษณะ คือ

....ชายผี อยู่ร่วมกับ หญิงผี....
....ชายผี อยู่ร่วมกับ หญิงเทวดา....
....ชายเทวดา อยู่ร่วมกับ หญิงผี....
....ชายเทวดา อยู่ร่วมกับ หญิงเทวดา....

และท่านบัญญัติศัพท์ “...ผี” ไว้ว่า เป็นผู้มัก
ฆ่าสัตว์... ลักทรัพย์.... ประพฤติผิดในกาม... พูดเท็จ....พูดส่อเสียด
พูดคำหยาบ...พูดเพ้อเจ้อ.....มีความละโมบ......มีจิตพยาบาท....มีความเห็นผิด
เป็นคนทุศีล มีบาปธรรม มีใจอันมลทิน คือ ความตระหนี่ครอบงำ
ด่าและบริภาษสมณพราหมณ์ อยู่ครองเรือน

และบัญญัติศัพท์ “...เทวดา” ไว้ว่า เป็นผู้งดเว้นจากการ
ฆ่าสัตว์....ลักทรัพย์....ประพฤติผิดในกาม....พูดเท็จ....พูดส่อเสียด....พูดเพ้อเจ้อ
ไม่มีความละโมบ....ไม่มีพยาบาท....มีความเห็นชอบ
มีศีล มีกัลยาณธรรม มีใจปราศจากมลทิน คือ ความตระหนี่
ไม่ด่า ไม่บริภาษสมณพราหมณ์ อยู่ครองเรือน

ดังนั้น
หากภรรยาและสามีทั้งสองเป็นผู้ทุศีล เป็นคนตระหนี่ มักด่าว่าสมณพราหมณ์
ชื่อว่า เป็นผีมาอยู่ร่วมกันสามีเป็นผู้ทุศีลมีความตระหนี่ มักด่าว่าสมณพราหมณ์
ส่วนภรรยาเป็นผู้มีศีล รู้ความประสงค์ของผู้ขอ ปราศจากความตระหนี่ ภรรยานั้น
ชื่อว่า หญิงเทวดาอยู่ร่วมกับชายผี
สามีเป็นผู้มีศีล รู้ความประสงค์ของผู้ขอ ปราศจากความตระหนี่
ส่วนภรรยาเป็นผู้ทุศีล มีความตระหนี่ มักด่าว่าสมณพราหมณ์ ชื่อว่า
หญิงผีอยู่ร่วมกับชายเทวดา
และหากทั้งสองเป็นผู้มีศรัทธารู้ความประสงค์ของผู้ขอ มีความสำรวม
เป็นอยู่โดยธรรม ภรรยาและสามีทั้งสองนั้น เจรจาถ้อยคำที่น่ารักแก่กันและกัน
ย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีความผาสุก ทั้งสองฝ่ายมีศีลเสมอกันรักใคร่กันมาก
ไม่มีใจร้ายต่อกันครั้นประพฤติธรรมใน โลกนี้แล้ว เป็นผู้มีศีลและวัตรเสมอกัน
ย่อมเป็นผู้เสวยกามารมณ์เพลิดเพลินบันเทิงใจอยู่ในเทวโลก
ฯ ชื่อว่าหญิงเทวดาอยู่ร่วมกับชายเทวดา

ท่านกล่าวไว้อย่างนี้แล.


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร