วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 08:05
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สามีมีกิ๊กในที่ทำงาน เขาบอกว่าเลิกกันแล้ว แต่ยังคงต้องทำงานด้วยกันต่อไป ดิฉันรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเขากลัวว่าเขาจะกลับไปคบกันอีก เคยขอเลิกกับสามีแต่เขาก็ไม่ยอมเลยรู้สึกทรมานมาก ๆ ช่วยแนะนำด้วยค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2009, 15:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำได้คือ ทำใจตนเองอย่างเดียวครับ เพราะยังอยู่กับสามีก็ต้องระแวงอยู่ การที่จะทราบความจริงคงทำไม่ได้้ง่าย ต้องเตรียมตัววางใจว่าหากยังอยากมีชีวิตคู่ต่อไป ก็ต้องยอมรับให้ได้จนถึงที่สุดแม้เขาจะมีกิ๊กสักกี่คนก็ตาม

พยายามเร่งศึกษาธรรมะไว้เป็นที่พึ่งด้วยครับ เพราะธรรมเป็นปัจจัยแห่งปัญญา ใครๆย่อมล่วงทุกข์ได้เพราะปัญญารู้สิ่งที่เกิดตามความเป็นจริง

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2009, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


10 วิธีพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์

(1). Make connections = สร้างความสัมพันธ์

* ไม่ ว่าชีวิตจะสูงขึ้นหรือต่ำลง... สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การมีญาติสนิทมิตรสหายที่ดี ยุคนี้ดีกว่ายุคไหนๆ ตรงที่ว่า คนเรามีมิตรภาพได้ทั้งออฟไลน์ (off-line = ชีวิตจริงนอกอินเตอร์เน็ต) และออนไลน์ (online = ชีวิตบนอินเตอร์เน็ต)

...

* อาจารย์ หมอบุญนำ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชเขียนไว้ในจุลสารสภานักศึกษา มอ. ประมาณปี 2525 ว่า คนที่มีพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ หรือญาติสนิทมิตรสหายดีเปรียบเสมือนคนที่ที่ "ที่พิงหลัง" พบวิกฤตอะไรก็พอกลับไปลี้ภัยได้ ระบายได้ เปรียบคล้ายกันชน (buffer) ทำให้ชีวิตมีทางออกในยามวิกฤต ทำให้ล้มได้ยาก
* การ มีญาติสนิทมิตรสหายดีๆ อย่างเดียวไม่พอ ต้องรู้จักบ่มเพาะมิตรภาพให้งอกงามด้วย เช่น รู้จักแสดงความชื่นชมคนรอบข้างอย่างน้อยวันละครั้ง ไปเยี่ยมเยียนพร้อมของฝากหรือข่าวดีบ้าง ฯลฯ

...

(2). Avoid seeing crises as unsurmountable problems = หลีกเลี่ยงการมองวิกฤตว่า เป็นทางตัน (ไม่มีทางออก)

* ควร ฝึกมองโลกในหลายมุมมอง เมื่อมีข่าวดีเข้ามา... ให้ลองมองหาข่าวร้ายที่มักจะแฝงมาด้วย เมื่อมีข่าวร้ายเข้ามา... ให้ลองมองหาข่าวดีที่มักจะแฝงมาด้วยเสมอ

...

* ปัญหา (ชีวิต) มีไว้ให้แก้ ไม่ใช่มีไว้ให้เรายอมจำนน กล่าวกันว่า ดาบดีเพราะผ่านร้อนผ่านหนาว
* การ ทำดาบเมื่อก่อนจะเผาไฟ ตีๆๆๆๆ ชุบน้ำ ทำให้เหล็กมันร้อนๆ หนาวๆ อย่างนี้หลายๆ ครั้ง ดาบจึงจะแกร่ง ชีวิตที่ผ่านอุปสรรคมามาก (และยืนหยัด ไม่ยอมแพ้) มักจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

(3). Accept that change is a part of living = ยอมรับว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

* ชีวิตมักจะประกอบด้วยส่วนที่เราควบคุมได้ และส่วนที่เราควบคุมไม่ได้... หน้าที่ของเราคือ ทำส่วนที่เราควบคุมได้ให้ดีที่สุด

...

* อย่าไปกังวล หมกมุ่นกับส่วนที่เราควบคุมไม่ได้มากเกินไป เพราะถึงกังวลก็ทำอะไรกับส่วนนี้ไม่ได้
* เมื่อ ทำส่วนที่เราควบคุมดีที่สุดแล้ว ขอให้มั่นใจว่า เราทำเต็มที่แล้ว ได้เท่าไรก็เท่านั้น เพราะนั่นคือ อะไรที่ดีที่สุด เต็มแรง เต็มกำลังของเราแล้ว... ที่เหลือก็ต้องใช้ยา "ทำใจ" กันบ้างละ

...

(4). Move towards your goal = ก้าวไปสู่เป้าหมาย

* ความสำเร็จใหญ่ๆ มักจะมาจากความพยายามเล็กๆ หลายๆ ครั้ง แน่นอนว่า มักจะต้องผ่านการล้มลุกคลุกคลาน เดินหน้าถอยหลังหลายครั้ง
* คนที่ประสบความสำเร็จในระยะยาวคือ คนที่ยืนหยัดได้บ่อย ได้นาน และพร้อมจะเริ่มต้นใหม่บ่อยๆ ไม่ว่าจะล้มเหลวกี่ครั้งก็ตาม

(5). Take decisive actions = ทำจริง ไม่โลเล

* คน ที่ประสบความสำเร็จมักจะหาข้อมูลรอบด้านมาประกอบการตัดสินใจปัญหา ตัดสินด้วยความมั่นใจ (decisive) และลงมือทำ (actions) ไม่หลีกลี้หนีปัญหา ซื้อเวลา แต่จะตัดสินใจ และลงมือทำ และ "ทำจริง"

...

(6). Look for opportunities for self-recovery = มองหาโอกาสแห่งการพลิกฟื้นกลับคืนมา

* คนที่ประสบความสำเร็จมักจะเป็นคนที่มีวินัยในการควบคุมตัวเองสูง เชื่อมั่นในการลงมือทำอะไรดีๆ

...

* ตัวอย่าง เช่น ถ้าป่วยหนักก็เป็นคนไข้ที่ดี ทำตามที่พยาบาลหรือหมอแนะนำ ไม่กล่าวร้ายชะตากรรมว่า เป็นของคนอื่น ฯลฯ เช่น พยายามทำกายภาพบำบัดให้ความแข็งแรงกลับคืนมา จะได้หายไวๆ ฯลฯ
* ผู้ เขียนสังเกตว่า คนไข้มะเร็ง คนไข้เบาหวานที่อาการแย่ลงไปเรื่อยๆ ฯลฯ ส่วนหนึ่งจะมองโลกในแง่ร้าย เช่น มักจะโทษว่า อาการที่เลวลงเป็นผลจากยา โทษพยาบาล โทษหมอ แต่ไม่มองความประพฤติที่ไม่ดีของตัวเอง เช่น เป็นเบาหวานแต่ละโมบโลภมาก กินลำไยคราวละ 2-3 กิโลกรัม ฯลฯ

(7). Nurture a positive view of yourself = ทะนุถนอมมุมมองด้านบวก

* พัฒนา ตัวเองและใส่ใจสุขภาพ เพื่อให้ตัวเรามีศักยภาพสูงพร้อมรับวิกฤตเสมอ เช่น ออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ นอนให้พอ กินอาหารครบทุกหมู่พอประมาณ เรียนรู้เรื่องใหม่อยู่เสมอ ฯลฯ

...

* นอก จากนั้นควรฝึกทำอะไรดีๆ เป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะการฝึกทำ "อะไรๆ" ให้ดีขึ้นคราวละเล็กละน้อย เช่น ถ้าเป็นคนขับรถก็ต้องเรียนรู้วิธีดูแลรักษารถ วิธีซ่อมรถ วิธีขับรถ ฯลฯ ให้ดีขึ้นทุกๆ วัน เป็นการต่อยอดองค์ความรู้ทุกวัน
* ไม่ ว่าจะทำงานอะไร... ควรถามตัวเองเสมอว่า วันนี้เราทำอะไรได้ดีกว่าเมื่อวานหรือเปล่า ปีนี้เราทำอะไรได้ดีกว่าปีก่อนๆ หรือเปล่า มีทางใดที่จะทำให้ดีขึ้นไปกว่านี้อีกหรือไม่ แล้วเราจะเก่งขึ้น มั่นใจในตัวเองขึ้น พร้อมที่ฝ่าฟันวิกฤตมากขึ้นเรื่อยๆ

...

(8). Keep things in perspective = ใช้มุมมองที่มีเหตุผล

* มอง โลกให้กว้างและไกลออกไป โดยใช้มุมมองที่มีเหตุผล โดยลองเขียนออกมาเป็นตัวหนังสือว่า ถ้าวิกฤตครั้งนี้หนักที่สุดจะเป็นอย่างไร และตรงกันข้าม... ถ้าเบาที่สุดจะเป็นอย่างไร และหาทางผ่อนหนักให้กลายเป็นเบา

...

* การฝึกทำงานอาสาสมัครส่วนใหญ่จะช่วยให้คนเรามองโลกกว้างขึ้น และพบเห็นคนอื่นที่ลำบากกว่าเราอีกเยอะแยะ
* ตัวอย่าง เช่น ถ้าเราเคยไปในเขตพายุนาร์กิสจะพบว่า หมู่บ้านบางแห่งมีคนก่อนพายุ 300 คน หลังพายุเหลือ 30 คน แถมบ้านยังพังเกือบหมด บ่อน้ำก็เต็มไปด้วยน้ำเค็ม ฯลฯ ยิ่งเห็นโลกมากขึ้นเท่าไร... ภัยพิบัติของเราก็จะดูเล็กลงไปเรื่อยๆ

...

* ตรง กันข้ามถ้าวันๆ เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องของเราคล้ายๆ กับการ "พายเรือในอ่าง"... น้ำในอ่างจะยิ่งใหญ่ (ในความคิดของเรา) ราวกับพายุถล่มโลกทีเดียว
* ฝรั่ง มีคำกล่าวว่า ในบรรดาการทำให้คน "เสียคน" ไม่มีอะไรจะเกินการตามใจเด็กอย่างไม่มีขอบเขต และเรียกเด็กที่ถูกตามใจคนเคยว่า เป็นพวก 'spoiled child' หรือเด็กที่ถูกทำลาย เนื่องจากเด็กที่ถูกตามใจมากๆ มักจะเสียคน เช่น โตขึ้นมาก็ติดยาเสพติด หรือกลายเป็นคนที่ "ไม่รู้จักพอ" ฯลฯ

...
(9). Maintain a hopeful outlook = รักษาความหวังไว้

* ไม่ ว่าจะสูญเสียอะไรในชีวิต... สิ่งที่ควรรักษาไว้เสมอคือ "ความหวัง (hope)" เพราะคนที่ยังมีความหวังได้ชื่อว่า เป็นคนที่ยังมี "อนาคต"

...

* ประสบการณ์ ของคนที่รอดจากภัยพิบัติหนักๆ มาได้ ไม่ตายทั้งๆ ที่น่าจะตายตอบตรงกันว่า อยู่ได้เพราะความหวัง เช่น อยากจะกลับไปอยู่กับลูก อยากจะทำอะไรดีๆ ให้มากกว่านี้ ฯลฯ

...

(10). Take care of yourself = ใส่ใจสุขภาพด้วย

* ไม่ ว่าวิกฤตจะใหญ่เท่าฟ้าหรือจะเล็กกว่าเส้นผม... สิ่งที่ไม่ควรลืมคือ อย่าลืมเอาใจใส่ตัวเองทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ เช่น กินอาหารสุขภาพพอประมาณ ออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ นอนให้พอ ฯลฯ

...

* เรื่องที่ไม่ควรทำคือ อย่าทำร้ายตัวเองด้วยการอดข้าว การกินมากเกิน หรือการดื่มเหล้า ฯลฯ
* ถ้า เครียดจนเกินไป... การปรึกษาหมอใกล้บ้านอาจจะช่วยได้ แต่ขออย่าทำตัวเป็นคนขี้บ่นมากเกิน เช่น คนไข้บางคนบ่นตั้งแต่รั้ว (บ่นกับ รปภ.) บ่นกับห้องบัตร บ่นกับพยาบาล บ่นกับหมอ... บ่นๆๆๆ จนหมอปวดหัว เขียนใบสั่งยาผิดพลาด หรือบ่นจนญาติพี่น้องหนีหายไปหมด (พบบ่อยในคนสูงอายุ) ฯลฯ

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2009, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ค่อย ๆ ใช้สติปัญญาคิดแก้ปัญหาที่ละข้อครับ
อย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ
ผมว่า...อีกไม่นาน ทุกอย่างคงผ่านไปด้วยดี
:b4: :b4: :b4: สู้ ๆ ครับ
ผมเอาใจช่วย


:b8: :b8: :b8:

"จงคิดก่อนทำ"

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2009, 19:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 08:05
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำดี ๆของคุณ-dd- และคุณวรานนท์ ที่เตือนสติ และขอขอบคุณทีมผู้จัดทำ website นี้เป็นอย่างมากที่เป็นที่พึ่งของคนที่มีความทุกข์และรู้สึกว่าไม่ได้ทุกข์อย่างเดียวดายเพราะมีกลัยาณมิตรและมีปัญญาเพิ่มขึ้น ขอให้พวกคุณมีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ดิฉันก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่อยากไปอบายภูมิค่ะ ดิฉันผ่านช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตมาแล้ว ไม่ว่าอดข้าว ร้องไห้จนเส้นเลือดตาแตกหรือทำร้ายตัวเองจนถึงเกือบจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายเพราะความไว้ใจเขามากและไม่ใช่คนที่ระแวงอะไรก็เลยช็อคและรับไมได้กับการกระทำของเขา ฯลฯ ตอนนี้ดิฉันก็พยายามปลง บางทีก็ทำได้ บางทีก็ทำไม่ได้ มันรู้สึกแค้นเขาทั้งคู่ ไม่อยากไปตามเขารู้สึกว่ามันเสียเวลา ดิฉันพยายามให้อภัยแต่มันก็ยากมาก ๆ แต่ก็จะพยายามต่อไปค่ะ อย่างมากก็แค่เลิกกันเพราะเรียนรู้ที่จะรักตัวเองมากขึ้นและสงสารแม่ด้วยเพราะแม่เป็นคนที่รักเราจริง ๆ และเป็นคนเดียวไม่เคยทิ้งเรา แต่ก็ยังพยายามทำหน้าที่ภรรยาที่ดีของเขาต่อ ถึงแม้ความรู้สึกต่าง ๆ มันจะไม่เหมือนเดิมแล้วก็ตาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2009, 19:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ค. 2008, 10:19
โพสต์: 246


 ข้อมูลส่วนตัว www


ขอเป็นกำลังใจให้คุณ pinkbutterfly นะครับ คำว่าของของเราเมื่อได้มาแล้วก็กลัวว่าเราจะต้องเสียมันไป ทั้งที่จริงมันไม่ได้เป็นของเราโดยแท้จริง มันต้องไปจากเราโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง เมื่อมันกำลังจะจากเราไปเราก็ดึงดันยื้อยุดมันเอาไว้ ยิ่งฉุดมันก็ยิ่งหนี ทุกข์ใจจริงๆ ทำตัวเราให้มีคุณค่านะครับทำให้ตัวเรามีแต่ความดี ถ้าเขายังเห็นคุณค่าของเราเขาก็คงเปลี่ยนใจเองครับ

.....................................................
ธรรมะคือธรรมชาติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2009, 19:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 08:05
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ คุณชาญวิทย์ด้วยค่ะ ตั้งใจว่าจะต้องเข้มแข็งกว่านี้ และมีชีวิตที่พยายามทำแต่ความดี และตั้งปณิธานว่าจะไม่แย่งคนรักของใครทุกชาติไป เพราะว่าเราอาจกำลังใช้กรรมเก่าอยู่ก็ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2009, 01:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 เม.ย. 2009, 13:18
โพสต์: 70

อายุ: 0
ที่อยู่: ลาดพร้าว

 ข้อมูลส่วนตัว


มันเป็นวาระกรรมที่ต้องเกิดขึ้น ต้องทำใจค่ะ :b8: :b8:

เราขอถามว่าที่คุณทุกข์ เศร้า ร้องไห้เสียใจ เค้ามาทุกข์กับเราไหมอย่างน้อยก็ได้แต่เห็นใจเรา และอาจจะแค่รู้สึกผิด แต่การที่เราทำร้ายตัวเองแบบนี้มันทำให้เค้ากลับมาเหมือนเดิมไหม?

เราว่าอย่าคุณอย่าพาตัวเองจมอยู่ในกองทุกข์อยู่เลย
ถ้าเรายังจมอยู่ในกองทุกข์ ไม่ยืนขึ้น ไม่ออกมาข้างนอกเราก็จะเจอแต่ความมืด ความเศร้า ความทุกข์ และใครที่เจอก็คือคุณคนเดียว
ถามว่าคุณรักตัวเองไหม ถ้ารัก
ออกมาเถอะค่ะ ข้างนี้อากาศดี ท้องฟ้าสดใส นะคะ :b16:

ลองตัดดูสิ มาปฏิบัติธรรมกันดีกว่านะตอนแรกอาจจะยังไม่นิ่ง
แหมมันแน่อยู่แล้วล่ะ ถ้าทุกข์ขนาดนี้มาแล้วปล่อยวางได้เลยก็ขั้นเทพแล้วจริงไหม
ทำสม่ำเสมอ ทำบ่อยๆ ทำเรื่อยๆเมื่อเรานิ่ง เรามีสตินึกรู้ พบดวงตาเห็นธรรม

คุณอาจจะหัวเราะก็ได้ว่า ทำไมนะเราน่าตัดและปล่อยวางกับเรื่องแบบนี้ได้นานแล้วเนอะ :b12:
เป็นกำลังใจนะคะ "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์" แต่ "ที่ใดมีทุกข์ เราก็มีความสุขได้" จริงๆนะ

ขั้นแรกเลยนะ
เอากระจกมาส่องหน้าตัวเองบ่อยๆทั้งตอนร้องไห้และไม่ร้องไห้
และพิจารณาดู ดูสิว่ามันไม่สวยเลย ดูไม่สวยใสเลยใช่ไหม แล้วถามว่ายัยคนนี้มันใครกันนะ เราจริงๆแล้วสวยกว่านี้นิ อ้อ..ร้องไห้แล้วมันเป็นอย่างนี้นี่เอง เพราะฉะนั้นจะร้องไห้ทำไมกันนะ :b16: :b16:

:b48: มาเพิ่มเติมค่ะ
มีคาถามาให้ท่อง ท่องทุกวันเลยนะ ว่าตามนี้ "เราต้องสวย สดใสเสมอ" :b20:
จำง่ายใช่ไหมคะ สำคัญมากๆเลย คือ อย่านะ อย่าปล่อยตัวให้โทรมเด็ดขาด
สามีจะไปมีกิ๊กมีกั๊กที่ไหน เราก็ต้องสวย สดใส
สวยนี่ไม่ใช่ว่าต้องมาแต่งหน้าหนาเป็นงิ้วนะ คือ อย่าปล่อยตัวบำรุงผิวพรรณ ของในตู้เย็นมีอะไร มะเขือเทศ โยเกิร์ต ฯลฯเอามาพอกหน้าทุกๆวัน
อ้วนไปไหมนะ ก็ลดลงมีท่าโยคะง่ายซื้อหนังสือมาลองทำดู
ในหมู่บ้าน หรือสนามกีฬาใกล้ๆมีเต้นแอโรบิค ก็ไปเต้นให้ได้เหงื่อออก มันจะสดชื่น แถมร่างกายแข็งแรงด้วย
ตอนนี้สามีจะไปมีกิ๊กที่ไหนปล่อยเลยนะ มาดูแลตัวเองก่อนเลย ดีไม่ดีถ้าคู่กันแล้วเดี๋ยวก็กลับมาเองแหละ แต่ถ้าไม่กลับก็ช่าง เพราะเรากลับมาสวยแล้วนิ มั่นใจ เฉิดฉายได้เลย
คนจะได้ไม่ครหาว่าอ้อ..มันโทรมอย่างงี้นี่เอง สมควรแล้วที่สามีไปหาเด็กเอ๊าะๆ (สมมุติเอานะอาจไม่ใช่เรื่องจริง)
แล้วก็จัดเวลาสวดมนต์ นั่งสมาธิ ว่างๆก็หาเวลาไปบวชฯปฏิบัติธรรมที่วัด หรือสำนักปฏิบัติต่างๆ

เห็นไหมไม่มีเวลาว่างเลย ไม่มีเวลาคิดเรื่องบั่นทอนใจด้วย
ทั้งสวยทั้งอิ่มบุญด้วยสิ..เป็นกำลังใจให้นะคะ :b12:

.....................................................
ตามความคิดเห็นส่วนตัวของเรา

หากเราเปรียบเจ้ากรรมนายเวรของเราเป็นเจ้าหนี้
เราคือ ลูกหนี้ที่มีสิทธิ์โดนทวงได้ทุกเวลา
การทำบุญ ถวายสังฆฑาน ปล่อยชีวิตสัตว์ หรือการทำทาน เป็นเพียงการใช้ดอกเบี้ย
การทำสมาธิแล้วสื่อจิตถึงเจ้ากรรมนายเวรและขออโหสิกรรมนั้น เป็นการใช้เงินต้นที่เราได้ติดเขานั่นเอง


ลองดูสิว่าถ้ากลับกันตัวคุณเป็นเจ้าหนี้ คุณอยากให้ลูกหนี้ใช้หนี้คุณแบบไหนกันล่ะ ^^


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2009, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 08:05
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากค่ะ คุณP_kae สำหรับอีกหนึ่งกำลังใจ อ่านแล้วรู้สึกน้ำตาไหล เพราะจริงอย่างคุณบอกทุกอย่าง ตอนนี้ชีวิตก็ดีขึ้นบ้างแล้ว ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงก็ช่างเขา เราพยายามไม่สร้างบาปเพิ่มอีก และใช้ชีวิตให้มีความสุข ตอนเช้าก็ตักบาตร ออกกำลังกายในสวนสาธารณะ ไปวัดตอนเย็นบ้าง รู้สึกว่าโลกนี้มันสวยงามขึ้นเมื่อเราปล่อยวางค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 15 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron