วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 19:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 03:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 03:41
โพสต์: 7

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สองปีที่ผ่านมา ประสบปััญหาการเงิน บ้านถูกยึด ขาดงานที่มั่นคง คนรักเสียชีวิต พี่สาวที่สนิทเสียชีวิตขณะตั้งครรถ์ ต่อมาอีก 1 เดือน รักษาโรคซึมเศร้ามา 4-5 ปีแล้ว เข้าวัดฝึกจิตรนั่งวิปัสนา ทำใจกับการพลัดพราก แต่ผมไปต่อไม่ได้ ความมั่นใจ ไม่เคารพตัวเอง ไม่มีเหลือ อยู่เหมือนไปวัน ๆ ทำงานเลี้ยงตัวเองไป จากเคยมีความฝันวัยเด็ก การงาน เรียน กิจกรรมทุกอย่าง อยู่ในระดับต้น ๆ ตอนนี้ไม่แทบเหลือความเชื่อมั่นอะไรเลย ผมไม่รู้จะเริ่มยังไง อยากมีแนวทางในการกลับมา มีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 04:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



สวัสดีค่ะ พอจะช่วยอะไรได้บ้างคะ :b1:

การกระทำทุกอย่างต้องใช้เวลานะคะ

แล้วการปฏิบัติเป็นอย่างไรบ้างล่ะคะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 04:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 03:41
โพสต์: 7

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

สวัสดีค่ะ พอจะช่วยอะไรได้บ้างคะ :b1:

การกระทำทุกอย่างต้องใช้เวลานะคะ

แล้วการปฏิบัติเป็นอย่างไรบ้างล่ะคะ



จริงๆ แล้วอยากมีความสุขในชีวิตบ้าง ผมขาดความสุขในชีวิตมาตั้งแต่จำความได้แล้วมั้ง
แรงขับต่าง ๆที่นำพา ส่วนใหญ่มีแต่ความทุกข์ น้อยเนื้อ ต่ำใจ แต่มันก็ผลักผมมาไกล และเร็วกว่าคืนอื่น
ผมมี บ้าน มีรถ มีงานทำ เรียนต่อ ผลงานได้รับรางวัลที่ 1 ของประเทศก็เคย แต่มันก็ไม่เหลืออะไรทุกวันนี้
แต่ทุกวันนี้มันเบื่อหน่าย ทำงานแค่คิดว่าได้ค่าแรง มาพอหมุนเวียนชีวิต ไม่มีเป้าหมายเลย อายุก็ สามสิบ จะสี่สิบแล้ว มันเหมือนทุกอย่างมันพัง ไปหมด
ถ้าอยากได้ตอนนี้ อยากมีแรงจูงใจ อยากกลับไปมีเป้าหมาย มีความฝัน เหมือนวัยเริ่มต้น แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง มันเหมือนมองไม่เห็นแสงที่ปลายทางเลย แม้แต่ความฝันทุกวันนี้ ถ้าอธิฐาน ขอเีพียงว่า ให้ผมพบความสุข ก็พอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 04:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


leo1313 เขียน:



จริงๆ แล้วอยากมีความสุขในชีวิตบ้าง ผมขาดความสุขในชีวิตมาตั้งแต่จำความได้แล้วมั้ง
แรงขับต่าง ๆที่นำพา ส่วนใหญ่มีแต่ความทุกข์ น้อยเนื้อ ต่ำใจ แต่มันก็ผลักผมมาไกล และเร็วกว่าคืนอื่น
ผมมี บ้าน มีรถ มีงานทำ เรียนต่อ ผลงานได้รับรางวัลที่ 1 ของประเทศก็เคย แต่มันก็ไม่เหลืออะไรทุกวันนี้
แต่ทุกวันนี้มันเบื่อหน่าย ทำงานแค่คิดว่าได้ค่าแรง มาพอหมุนเวียนชีวิต ไม่มีเป้าหมายเลย อายุก็ สามสิบ จะสี่สิบแล้ว มันเหมือนทุกอย่างมันพัง ไปหมด
ถ้าอยากได้ตอนนี้ อยากมีแรงจูงใจ อยากกลับไปมีเป้าหมาย มีความฝัน เหมือนวัยเริ่มต้น แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง มันเหมือนมองไม่เห็นแสงที่ปลายทางเลย แม้แต่ความฝันทุกวันนี้ ถ้าอธิฐาน ขอเีพียงว่า ให้ผมพบความสุข ก็พอ




อื่มมม .... เข้าใจคุณนะคะ .... เรื่องของความรู้สึก มันยากที่จะทำใจได้

เริ่มต้นใหม่ดีกว่ามั๊ยคะ อย่างน้อยตอนนี้คุณก็มีงานทำเป็นหลักอยู่ ไม่ใช่คนหลักลอย

แสงสว่างน่ะมีอยู่ค่ะ แต่เพราะคุณกำลังท้อแท้เลยมองไม่เห็นแสงสว่างนั้น

คุณทำงานทุกวันเลยหรือเปล่าคะ เห็นคุณมาดึกจัง นี่ก็ใกล้รุ่งแล้ว

คนเราไม่เคยมีใครไม่เคยล้มเหลวหรอกค่ะ การล้มเหลวไม่ใช่สิ่งเลวร้ายนะคะ

ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ เราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ตลอดเวลาค่ะ

เพราะใจคุณไปยึดติดกับอดีตเลยทำให้คุณทุกข์ใจ รู้สึกเสียดายของที่ต้องสูญเสียไป

ทรัพย์สินนอกกาย เราหาใหม่ได้ค่ะ ลุกขึ้นเถอะค่ะ อย่านั่งท้อแท้เลยนะคะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 11:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


leo1313 เขียน:
สองปีที่ผ่านมา ประสบปััญหาการเงิน บ้านถูกยึด ขาดงานที่มั่นคง คนรักเสียชีวิต พี่สาวที่สนิทเสียชีวิตขณะตั้งครรถ์ ต่อมาอีก 1 เดือน รักษาโรคซึมเศร้ามา 4-5 ปีแล้ว เข้าวัดฝึกจิตนั่งวิปัสนา ทำใจกับการพลัดพราก แต่ผมไปต่อไม่ได้ ความมั่นใจ ไม่เคารพตัวเอง ไม่มีเหลือ อยู่เหมือนไปวัน ๆ ทำงานเลี้ยงตัวเองไป จากเคยมีความฝันวัยเด็ก การงาน เรียน กิจกรรมทุกอย่าง อยู่ในระดับต้น ๆ ตอนนี้ไม่แทบเหลือความเชื่อมั่นอะไรเลย ผมไม่รู้จะเริ่มยังไง อยากมีแนวทางในการกลับมา มีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต


ฉันเคยรู้จักคน ๆ หนึ่งค่ะ ฉันเองแหละ...
ไม่ใช่อย่างคุณหรอก แต่อ่านจากบทความของคุณแล้ว
ไม่ได้มีอะไรเหมือนกันแต่ความรู้สึกที่เผชิญก็พอจะมีความใกล้เคียง เทียบเคียงกันได้บ้าง...
รู้สึกเหมือน "ตายทั้งเป็น" ค่ะ
คิดอยู่ทุกคืนว่าอยากจะหลับไปและไม่ต้องตื่นมาอีกเลย
แต่มันก็ตื่นทุกที...น่ะ เซ้ง ชิ๊..หาย ช่วยไม่ได้...
ก็หายใจไปเรื่อย ๆ ค่ะ
ความคิด ความหวังใด ๆ เกี่ยวกับตัวเอง วางค่ะ
เรื่องกำลังใจ หรือคำปลอบใจจากคนรอบข้าง ไม่ใช่สาระสำคัญ
มันหน่อมแน้ม ล่าช้า ไม่ทันกินค่ะ
ประมาณว่า...ชาวบางระจัน จะออกศึก สิ่งสำคัญคืออาวุธ...กับเพลงปลุกใจ..ให้ฮึกเหิม
ไม่ใช่น้ำตาลทรายขาว...

แม่เรา...ขอบอก...เธอสุดยอด...ในวันที่พี่ชายเราไปเรียนต่อกรุงเทพ "ไปดีมาดี ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก"
แต่พอถึงคิวเรา "ถ้าน้ำตาเช็ดหัวเข่ากลับมานะ แม่จะกระทืบซ้ำ.." :b14: :b14: :b14:
อ้าว...ไหง๋งั๊นล่ะแม่...จ๋า และแม่ท่าทีขึงขังเอาจริงด้วย...
:b4: :b4: :b4:

คือสอนลูกชายนี่แม่จะอ่อนโยน แต่สอนลูกสาวอย่างกะ "เสือผาด"
โอ้ว...แม่ของฉัน...น่ารัก...น่ารักจริง ๆ
คือท่านรักไง...รักและห่วงจนไม่รู้ว่าจะสอนลูกสาวยังไง
ให้ลูกสาวเรียนรู้ที่จะเป็นคนที่สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกให้ได้...
และฉันก็บ้าจี้ไปกับคำขู่ของแม่จริง ๆ ด้วย ...

ถ้าเราไม่พยายามที่จะ ซ้ำเติมตัวเอง ก็ไม่มีอะไรจะมาซ้ำเติมตัวเองได้ค่ะ...

เท่าที่อ่านบทความขอคุณ คุณเป็นคนที่มีกำลังในการผลักดันตัวเองสูงอยู่แล้ว
คุณไม่ใช่คนคนอ่อนแอ เพียงแค่ยังรู้สึกอ่อนแรง

leo1313 เขียน:
จริงๆ แล้วอยากมีความสุขในชีวิตบ้าง ผมขาดความสุขในชีวิตมาตั้งแต่จำความได้แล้วมั้ง
แรงขับต่าง ๆที่นำพา ส่วนใหญ่มีแต่ความทุกข์ น้อยเนื้อ ต่ำใจ แต่มันก็ผลักผมมาไกล และเร็วกว่าคืนอื่นผมมี บ้าน มีรถ มีงานทำ เรียนต่อ ผลงานได้รับรางวัลที่ 1 ของประเทศก็เคย แต่มันก็ไม่เหลืออะไรทุกวันนี้
แต่ทุกวันนี้มันเบื่อหน่าย ทำงานแค่คิดว่าได้ค่าแรง มาพอหมุนเวียนชีวิต ไม่มีเป้าหมายเลย อายุก็ สามสิบ จะสี่สิบแล้ว มันเหมือนทุกอย่างมันพัง ไปหมด
ถ้าอยากได้ตอนนี้ อยากมีแรงจูงใจ อยากกลับไปมีเป้าหมาย มีความฝัน เหมือนวัยเริ่มต้น แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง มันเหมือนมองไม่เห็นแสงที่ปลายทางเลย แม้แต่ความฝันทุกวันนี้ ถ้าอธิฐาน ขอเีพียงว่า ให้ผมพบความสุข ก็พอ


ตอนที่ฉันรู้สึก down สุด ๆ ฉันคิดว่า ไอ้ "เฮงซวย" นั่นมันได้ตายไปแล้ว...
และไอ้นี่ที่กำลังหายใจอยู่ตรงนี้ มันไม่ยอมให้ไอ้นั่นมามีอำนาจเหนือมัน...ด้วย...
และถ้าวิญญาณไอ้บ้านั่นมันจะตามหลอกหลอน ครอบงำฉันไม่ให้ได้ผุดได้เกิด
...ขึ้นสังเวียนชกกันเลยดีกว่า...
ต่อให้โดนชกล้มแล้วล้มอีก ถ้าฉันยังมีลมหายใจนะ...ไม่ได้แอ้มข้าหรอก...หุ หุ ข้าหน้ามึน...

คุณก็เป็นคนหน้ามึนค่ะ...เราคิดว่างั๊นนะ...
และก็เป็นโชคดีของคุณมาก ๆ แล้ว ที่หันมาสนใจปฏิบัติธรรม...
แสดงว่า...คุณยังเป็นคนที่รู้วิถีที่เป็น กุศล และ อกุศล
ตอนนี้ สติ กับ ปัญญา ประคองใจเอาไว้
เรื่องที่ยังรู้สึก อ่อนแรง ก็ปล่อยให้มันอ่อนไป ตามดู ตามพิจารณามันตามที่มันเป็น
เชื่อเถอะ... มันมีจุดสิ้นสุด ก็เหมือนกับลูกคลื่น

และคุณจะกลับมาแข็งแรง...

อ๊ะ...แต่คำว่าแข็งแรง ไม่ได้หมายว่าชีวิตคุณจะกลับไปทะยานเหมือนเช่นเคยนะคะ
บางที เมื่อคุณแข็งแรง คุณอาจจะค้นพบความสุขอีกแบบที่แตกต่างไปจากเดิม ๆ
เป็นความสุขที่ผุดขึ้นมาในใจของคุณเอง โดยไม่ต้องพึงพิงสิ่งใด
เหมือนตาน้ำน่ะค่ะ
ไม่ใช่ความสุขที่ได้จากการเทียวออกไปไข่วคว้า โลดโผนโจนทะยานไปตามกระแสสังคมแบบเดิม ๆ นะคะ

:b8: :b8:

อ้อ...ถ้าอยากจะรู้ว่าตาน้ำของตัวเองอยู่ตรงไหน
ว่าง ๆ คุณก็ลองเอาเข็มมาจิ้ม ๆ ตัวเองไปเรื่อย ๆ ดูน่ะ
ถ้าคุณยังมีอาการสะดุ้ง จิ๊ด ๆ อยู่ นั่นล่ะค่ะ แสดงว่ายังไม่ตายด้าน... อิ อิ
คือ ก็พยายามหาอารมณ์ขันมาบำรุงตัวเองหน่อย...
แบรนด์ เป็นเครื่องดืมบำรุงร่างกาย
อารมณ์ขันเป็นอาหารบำรุงใจค่ะ...

:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 13:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 03:41
โพสต์: 7

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฉันเคยรู้จักคน ๆ หนึ่งค่ะ ฉันเองแหละ...
ไม่ใช่อย่างคุณหรอก แต่อ่านจากบทความของคุณแล้ว
ไม่ได้มีอะไรเหมือนกันแต่ความรู้สึกที่เผชิญก็พอจะมีความใกล้เคียง เทียบเคียงกันได้บ้าง...
รู้สึกเหมือน "ตายทั้งเป็น" ค่ะ
คิดอยู่ทุกคืนว่าอยากจะหลับไปและไม่ต้องตื่นมาอีกเลย
แต่มันก็ตื่นทุกที...น่ะ เซ้ง ชิ๊..หาย ช่วยไม่ได้...
ก็หายใจไปเรื่อย ๆ ค่ะ
ความคิด ความหวังใด ๆ เกี่ยวกับตัวเอง วางค่ะ
เรื่องกำลังใจ หรือคำปลอบใจจากคนรอบข้าง ไม่ใช่สาระสำคัญ
มันหน่อมแน้ม ล่าช้า ไม่ทันกินค่ะ
ประมาณว่า...ชาวบางระจัน จะออกศึก สิ่งสำคัญคืออาวุธ...กับเพลงปลุกใจ..ให้ฮึกเหิม
ไม่ใช่น้ำตาลทรายขาว...

แม่เรา...ขอบอก...เธอสุดยอด...ในวันที่พี่ชายเราไปเรียนต่อกรุงเทพ "ไปดีมาดี ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก"
แต่พอถึงคิวเรา "ถ้าน้ำตาเช็ดหัวเข่ากลับมานะ แม่จะกระทืบซ้ำ.." :b14: :b14: :b14:
อ้าว...ไหง๋งั๊นล่ะแม่...จ๋า และแม่ท่าทีขึงขังเอาจริงด้วย...
:b4: :b4: :b4:

คือสอนลูกชายนี่แม่จะอ่อนโยน แต่สอนลูกสาวอย่างกะ "เสือผาด"
โอ้ว...แม่ของฉัน...น่ารัก...น่ารักจริง ๆ
คือท่านรักไง...รักและห่วงจนไม่รู้ว่าจะสอนลูกสาวยังไง
ให้ลูกสาวเรียนรู้ที่จะเป็นคนที่สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกให้ได้...
และฉันก็บ้าจี้ไปกับคำขู่ของแม่จริง ๆ ด้วย ...

ถ้าเราไม่พยายามที่จะ ซ้ำเติมตัวเอง ก็ไม่มีอะไรจะมาซ้ำเติมตัวเองได้ค่ะ...




ครับผม เพิ่งฟื้นจากความเกียจคร้าน เพราะว่าไม่อยากจะตื่น แต่ถ้าไม่ตื่นมา ก็ไม่มีอะไรจะกิน
แต่ผมก็ได้อ่าน ข้อคิดให้กำลังใจ ดี ๆตอนตื่นมาบ้าง อย่างน้อยมันก็เป็นเหมือนเป็นกำลังใจให้ผม เดินไปได้ จริง ๆ แล้ว อาจจะคล้าย ๆกันหรือเปล่า ชีวิตในวัยเด็กวัยเริ่มต้น

ครอบครัวผมมีพี่น้อง ห้าคน ผมเป็นคนกลาง พ่อแม่ ก็มาจากเกษตรกร กับค้าขาย ในต่างจังหวัดนี่แหล่ะครับ ด้วยลูกมาก ผมเลยต้องระเห็จไปอยู่กับบรรดาญาติ ๆ คนที่เลี้ยงผมมา ก็คือ น้องสาวแม่ครับ ผมไม่รู้หรอกว่าแม่ในความหมายยังไง แต่ผมจะรักและอยู่กับอาอี๋ ผม แล้วเค้าก็ชอบพูดกันเล่น ๆว่าพ่อผม หน่ะตายไปแล้วเป็นทหารไปรบ ตายในสงครามเวียดนาม มันทำให้ผมนั่งมองรถทหาร เครื่องบินทหารเวลามันวิ่งผ่านไปพักนึงเหมือนกัน เพราะความรู้สึก คำว่าแม่ ผมเรียก เพราะว่า ผมต้องเรียกแค่นั้นเอง แล้ววันนึงอาอี๋แต่งงาน คุณเชื่อหรือเปล่า ตั้งแต่วันนั้นผมไ่ม่ยอมนอนร่วมกับใครอีกเลย นี่คือความคิดของเด็ก ป.1 ทำไมผมยังจำมันได้ดีก็ไม่รู้ มันเหมือนภาพยนต์ ที่ยังบันทึกไว้ด้วยเทปชั้นดี นี่มั้งครับ เวลาผมไปเรียนหนังสือ ครูเคยตามผู้ปกครองไปพบ แล้วบอกว่า ผมเป็นเด็กมีปัญหา แต่ไม่ใช่เกเร น๊ะครับ ผมไม่พูดคุยกับใคร ชอบนั่งเหม่อลอย ดูทุ่งนาข้าง ๆห้องเรียน ดูแมลง ดูใบไม้ไปตามเรื่อง

แต่อีกอย่่างนึง ที่ สามสิบกว่าปีแล้ว ยังสลัดไม่หลุดออกจากหัวคือ มีหมอดูเค้ามาบอกแม่ว่า ผมจะเป็นคนล้างผาลครอบครัว ทุกวันนี้มันเหมือนยังตามราวี ผมไม่หยุดหย่อน
แต่กับน้องชาย เค้าจะช่วยเหลือครอบครัวได้ เห้อผมจะทำไงกับคำพิพากษาในหัว ผมได้นั่นแหล่ะมั้งที่ผมคิดเอาเอง ว่ามันเลยผลัก ผมไปจากคนอื่น และครอบครัว ผมเลยต้องเรียน ต้องทำกิจกรรม ต้องอีกเยอะแยะ เท่าที่่หัวเด็กคนนึงจะคิดได้ เรียนต้องไปเบอร์ หนึ่ง วันที่รับเกียรติบัตรเรียนดี ไม่มีใครมาซักคน เรียนมัธยม ปิดเทอม ก็ไปเป็นพ่อค้าขายไก่ย่างข้าง ป้ายรถเมล์ ไปรับจ้างสีข้าว ทำทุกอย่างถ้าอยากได้เงินมาซื้อ ทั้งที่ตอนนั้น พ่อแม่ ผมเริ่มมีเงิน มีทองแล้ว
แต่ความรู้สึกลึก ๆ คืออยากให้มีคนอื่นเห็น แล้วพูดว่า แม่รักลูกไม่เท่ากัน ความรู้สึกตอนนั้นมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แต่ผมคิดว่าผมก็ไปไกล ในวันที่ผมเรียนมหาลัยระดับต้น ๆของประเทศ เพื่อนผมหลายคนที่ผมสนิท ยังต้องไปเรียน มหาวิทยาลัยเปิด จบออกมาผมมีรถ ปีต่อมาผมดาวน์บ้านซื้อบ้านได้ ซึ่งผมก็ฝันมาตลอด อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง เพราะว่าผมไม่เคยได้อยู่ กับพี่น้อง พ่อแม่เลย ได้ไปอยู่แค่ สามปีตอนเรียน มัธยมต้นเพราะว่าใกล้บ้าน นี่คือเหตุผลที่ได้กลับไปอยู่บ้าน
แต่การใ้ช้ชีวิตนี่หรือเปล่า ผมไปจำคำโฆษณามาว่า Work Hard Play Hard เลยทำงานหนัก เที่ยวหนัก ดื่มกินอย่างกับไม่มีพรุ่งนี้ให้กิน ตามความคิดผม ผมป่วยเป็นโรคซึมเศร้าไม่รู้ตัว เคยมีหมอบอกผมตอนผมเรียน ปริญญาโท แต่ผมก็ไม่ใส่ใจอะไร เรื่องนี้มันซัก 10 ปีได้แล้ว แต่ผมเริ่มรักษา ก็ประมาณ 5 ปี ผมไม่สามารถทำงานประจำได้ จริง ๆเมื่อก่อนผมเป็นอาจารย์ อยู่ในมหาวิทยาลัยของรัฐ ก็ลาออกมาทำงานเอง ทำสักนักงานตัวเองแต่ว่าก็ต้องไปหา หมอเพื่อรับยาทุกสองอาทิตย์
แต่มันก็ไปแบบลุ่ม ๆดอน ๆแล้ว เพราะว่า ความมรู้สึกเบื่อหน่าย ความรู้สึกไม่เคารพตนเองมันตามอยู่ในหัวผมตลอด ความรู้สึกที่่ว่าอะไรทำไม่ได้ เมื่อก่อนไม่เคยมี เพียงขอโอกาส แล้วผมจะทำ ได้ไม่ได้ค่อยว่ากัน เหลือเพียงงานนี้จะีมีปัญหาหรือเปล่า ลูกค้าจะเบี้ยวเราหรือเปล่า กลายเป็นยิ่งทำยิ่งเครียด การเงินก็เริ่มมีปัญหาจากเศรษฐกิจ ทำงานผิดพลาด เจ๊ง บ้านก็คืนแบ๊งค์ไป รถเก๋งก็เหลือเป็นรถกระบะ
พอมีคนรัก เหมือนอะไรจะเริ่มดีขึ้น อย่างน้อยมีคนให้กำลังใจ ก็มาเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ด้วยมะเร็งในไขกระดูก น้ำตาผมยังไม่ทันแห้ง พี่สาวผม ก็ต้องมาเสียชีวิต เพราะว่ามะเร็งเต้านม ช่วยชีวิตได้แค่ลูกสาว ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า ซึ่งก็ไม่ค่อยสมบูรณ์นัก เดือนหน้าก็จะครบสองปีแล้วเค้าเกิด ในวันที่แม่เค้าเสีย ซึ่งเดือนนี้ก็คือเดือนที่คนรักผมเสีย ผ่านมาไม่ถึง สามวันเลย แต่สองปีที่แล้ว มันทำให้ผม เรียกว่าฟางเส้นสุดท้ายของผม
ผมไปวิปัสนา กรรมฐาน ที่บ้าน คุณแม่สิริ กรินชัย ซึ่งทำให้คิด ได้หลาย ๆอย่าง หันกลับมาคุยกับครอบครัวกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น เพราะทุกคน เริ่มหันกลับมามองกันเอง หลังจากที่พี่สาวผมเสีย ปัญหาเรื่องนี้ลดลง แต่ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเข้ามาแทน ที่
แต่สิ่งเดียวที่ยังคงทิ้งปัญหาให้กลับผม กลับกลายเป็นว่า ผมไม่มีเป้าหมาย ผมไม่มีเส้นทางที่จะเดินไป มันไม่มีความสุขเลย ผมเลยไม่รู้ว่ามันคือปัญหาทางจิต หรือ มันเป็นกรรมของผมกันแน่
ไปไหว้พระที่วัดไหน ไม่เคยขอ แก้วแหวน เงินทอง ขอแต่ความเข้มแข็งให้ผ่านปัญหาต่าง ๆได้ แต่ตอนนี้เหลือสั้นมาก ขอให้มีความสุข และไม่เป็นโรคซึมเศร้าอีก (มันทรมานมากกก)
อยากตื่นเช้า แล้วมีแต่คำว่าลุย ๆ นอนอยากให้มันเช้าเร็ว ๆจะได้ไปทำงาน ผมควรจะเริ่มอย่างไรดีครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 14:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณคิดว่าอะไรเป็นปัญหาเฉพาะหน้า
เป็นปัญหาที่ใกล้ตัว
และเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุดคะ

และอะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะค้ำจุนคุณไว้ได้ในเวลานี้คะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 03:41
โพสต์: 7

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอรากอน เขียน:
คุณคิดว่าอะไรเป็นปัญหาเฉพาะหน้า
เป็นปัญหาที่ใกล้ตัว
และเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุดคะ

และอะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะค้ำจุนคุณไว้ได้ในเวลานี้คะ


ปัญหาเฉพาะหน้า ผม คงเป็นเรื่องเศรษฐกิจ แต่ไม่ทั้งหมด ถ้าผมสามารถทำงานต่อไปได้ แต่การรับยา หมอจะไม่จ่ายยาบางตัวให้ เช่น ซาแนค เพราะว่าไม่งั้นผมจะติด แต่มันทำให้ผมทำงานได้อย่างมีความสุข แต่ยาบางตัวก็ทำให้ผมไม่อยากทำอะไรเลย แต่ตอนนี้ผมไม่รับยา ถ้าเครียดขึ้นมาอีก ก็อาศัย นั่งสมาธิ มากบ้างน้อยบ้าง หรือไม่ก็ไป ว่ายน้ำ แล้วกำหนดจิต เอา ซ้ายหนอ ขวาหนอ ของผมไปเรื่อย คิดว่าเผื่อมันจะช่วยอะไรได้บ้าง

แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องอยู่ก็คือ อยากให้ พ่อแม่เห็นความสำเร็จอีก อยากดูแลหลานสาว ซึ่งพี่สาวได้เสียชีวิตไปแล้ว อยากกลับมามีความภาคภูมิใจกับตัวเอง เหมือนเมื่อก่อนครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


leo1313 เขียน:
ปัญหาเฉพาะหน้า ผม คงเป็นเรื่องเศรษฐกิจ แต่ไม่ทั้งหมด ถ้าผมสามารถทำงานต่อไปได้ แต่การรับยา หมอจะไม่จ่ายยาบางตัวให้ เช่น ซาแนค เพราะว่าไม่งั้นผมจะติด แต่มันทำให้ผมทำงานได้อย่างมีความสุข แต่ยาบางตัวก็ทำให้ผมไม่อยากทำอะไรเลย แต่ตอนนี้ผมไม่รับยา ถ้าเครียดขึ้นมาอีก ก็อาศัย นั่งสมาธิ มากบ้างน้อยบ้าง หรือไม่ก็ไป ว่ายน้ำ แล้วกำหนดจิต เอา ซ้ายหนอ ขวาหนอ ของผมไปเรื่อย คิดว่าเผื่อมันจะช่วยอะไรได้บ้าง

แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องอยู่ก็คือ อยากให้ พ่อแม่เห็นความสำเร็จอีก อยากดูแลหลานสาว ซึ่งพี่สาวได้เสียชีวิตไปแล้ว อยากกลับมามีความภาคภูมิใจกับตัวเอง เหมือนเมื่อก่อนครับ :b8:


ระหว่างยาที่คุณกิน กับ ความเครียดของคุณ คุณว่า ตัวไหนแสบสำหรับคุณสุด ๆ คะ
ยาบ้าอะไร... มีการกินแล้วทำให้ไม่อยากทำอะไรเลย
ถ้าเป็นฉัน...ฉันก็คงจะเลิกกินเหมือนกันล่ะ

ส่วนความเครียดของคุณ และยังโรคซึมเศร้า และเรื่องราวฝังใจ...อีก

นี่... แล้วเรื่องที่ทำให้คุณรู้สึกดี ๆ น่ะ มีบ้างมั๊ย ต้องมีสิ่...
คุณลองเล่าสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกดี ๆ มาให้เราฟังสัก สองสามเรื่อง...

คุณเป็นคนจริงจังกับชีวิตมากไปรึเปล่า...
คือจริง ๆ อารมณ์ขันน่ะ คุณ มีบ้างมั๊ย...
หรือว่าคุณคิดอะไรเป็นเรื่องมีสาระ จริงจังไปซะเกือบทุกอย่าง
คุณเคยให้โอกาสตัวเองหัวเราะแค่ไหน
คุณเป็นคนที่ให้โอกาสตัวเองผิดพลาดรึเปล่า...
หรือว่าคุณเป็นคนที่มุ่งแต่การมีกิจกรรม และการเป็นอันดับหนึ่ง เพราะคุณปราถนาการยอมรับ...
มันทำให้คุณเหมือนต้องคอยวิ่งไล่กวดตัวเอง...จนเผลอปล่อยให้โรคซึมเศร้าคืบคลานเข้ามา...สู่

คืออย่างเรา ตอนที่รู้สึกแย่ ๆ โรคซึมเศร้าไม่ได้เข้ามาครอบงำเราด้วยน่ะ
เราก็เลยไม่ได้มานั่งเจอภาวะวิกฤตอะไรแบบสองเด้ง สามเด้ง น่ะ

เพราะ...เรามันผู้หญิงสายพันธ์พิเศษน่ะ... พ่อเราว่าอย่างงั๊นนนน
พ่อว่า "เป็นผู้หญิงผู้ลิงอะไรวะ หน้าตามันถึงได้ทะเล้นอย่างนี้..."

:b13: :b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



นำมาฝากค่ะ อาจจะช่วยให้ผ่อนคลายลงไปได้บ้างนะคะ

ผมเคยอ่านนิทานเรื่องหนึ่งนานมาแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า ...

อาจารย์ท่านหนึ่งลากเส้นตรงขึ้นมาเส้นหนึ่ง แล้วบอกว่าลองให้นักเรียน

ต่างหาวิธีทำให้เส้นตรงนี้สั้นลงโดยไม่ต้องลบ นักเรียนต่างหาวิธีทำให้เส้นตรงนั้นสั้นลงไม่ได้

เพราะทุกๆคนติดอยู่กับภาพลักษณ์ของการลบเส้นเดิมทิ้งไป เพื่อให้เส้นเดิมสั้นลงไป

อาจารย์ท่านนั้นจึงขอให้นักเรียนรายหนึ่งเขียนเส้นตรงขึ้นมาใหม่ที่ยาวกว่าเส้นเดิม

ภายหลังจากที่นักเรียนลากเส้นตรงเส้นใหม่ที่ยาวกว่าเดิมแล้ว อาจารย์ท่านนั้นอธิบายให้นักเรียนฟังว่า



" การที่มีคนลากเส้นตรงขึ้นมาเส้นหนึ่ง ไม่ว่าเส้นตรงที่ลากมาจะยาวแค่ไหน

เราสามารถทำให้เส้นตรงเส้นนั้นสั้นลงไปได้โดยเราไม่ต้องไปลบเส้นของคนอื่นให้สั้นลง

แต่เราสามารถทำให้เส้นตรงของคนอื่นสั้นลง โดยที่เราลากเส้นของเราให้ยาวขึ้น

ยิ่งเราลากเส้นเราออกไปยาวมากเท่าไหร่ เส้นเดิมที่ลากไว้ก็จะสั้นลงไปทุกที

เปรียบเหมือนการที่ใครสักคนที่ดีอยู่ประสบความสำเร็จอยู่ เราไม่ควรให้ความอิจฉาริษยา

มาก่อให้จิตของเรารุ่มร้อนและหาทางกลั่นแกล้งคนๆนั้น ด้วยการหาทางทำลาย

เหมือนกับการพยายามลบเส้นของผู้อื่นให้สั้นลง ตรงกันข้ามควรจะยินดีกับความสำเร็จของคนอื่น

เหมือนกับที่เรามองเส้นตรงของคนอื่นที่ลากไว้ แต่เราหาทางพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

เหมือนกับการพยายามลากเส้นตรงเส้นใหม่ให้ยาวขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ไปลบเส้นของคนอื่น

เส้นตรงที่เราลากก็จะยาวขึ้นเรื่อยๆ โดยเส้นตรงเดิมที่เราลากไว้ ก็จะสั้นลงไปเรื่อยๆ

โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปลบออกให้สั้นลง "



การคิดในเชิงสร้างสรรค์แบบนี้ ทำให้จิตใจของเราโปร่งสบาย ไม่รุ่มร้อน เพราะเรารู้สึกว่าเรา

ไม่ได้ไปแข่งขันกับใคร แต่เราแข่งกับตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา และเราไม่ได้ไปสร้างศัตรู

หรือไปก่อเวรกับคนอื่น ตรงกันข้ามการแข่งขันระหว่างกันเป็นไปในทางเกื้อกูลกัน

ทำให้ระบบโดยรวมมีการเจริญเติบโตอยู่ตลอดเวลาไปในทางที่เป็นบวก

คงไม่สำคัญว่าคุณต้องชนะคนทั้งหมด สิ่งสำคัญอยู่ที่คุณพยายามชนะตัวของคุณเอง

อยู่ตลอดเวลาต่างหาก เพียงแต่เมื่อใด คุณสามารถชนะตัวคุณเองได้ ชัยชนะที่ได้

ก้จะมีความหมายและทำให้คุณเกิดความภูมิใจ และถ้าคุณยังไม่หยุดพัฒนาตนเอง

อย่างต่อเนื่อง คุณก็จะชนะตัวเองไปเรื่อยๆ เมื่อคุณย้อนมองกลับมาเมื่อไหร่

คุณก็จะมีแต่ความภูมิใจในชัยชนะที่ขาวสะอาด ชัยชนะที่เป็นแรงขับดันให้คุณพยายาม

พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ



การประสพความสำเร็จของแต่ละคนมีอยู่หลายวิธี บางครั้งผู้คนต่างพยายามเลียนแบบ

เส้นทางประสพความสำเร็จของผู้อื่น แต่เมื่อเดินตามเส้นทางนั้น กลับพบว่า ไม่ประสพความสำเร็จ

ความสำเร็จในชีวิตของผู้คนคงไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบอย่างเดียวกันเสมอไป

และเส้นทางไปสู่ความสำเร็จก็ไม่จำเป็นต้องเป็นเส้นทางเดียวกันเสมอไป

สิ่งสำคัญน่าจะอยู่ที่ความสุขใจ ที่ได้เลือกเส้นทางที่เหมาะกับตนเองมากที่สุดมากกว่า




จงอย่าพยายามเลียนแบบเส้นทางไปสู่ความสุขของผู้อื่น เพราะนิยามความสุขของผู้คนต่างกัน

ความสุขที่เราเห็นผู้อื่นมีความสุขกันอยู่ ถ้าเราไปอยู่สถานะนั้น เราอาจจะไม่มีความสุข

อย่างที่เราเข้าใจก็ได้ สุขและทุกข์แท้จริงอยู่ที่ใจของเรากำหนดต่างหาก ลองมองทุกอย่าง

อย่างเป็นกลางๆ ไม่เอาความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง อคติ มาครอบงำ

แล้ววันหนึ่งเราอาจจะค้นพบความหมายของคำว่า สุขที่แท้จริง ของตัวเราเอง




เจ้าของบทความ คุณชาคโร






ความล้มเหลว ความผิดพลาดทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นครูมาสอนเราค่ะ

เราเองก็เคยล้มแบบคุณ เพียงแต่การล้มอาจจะแตกต่างกันที่รูปแบบตามเหตุ

ที่เคยได้สร้างมาของแต่ละคน และเราก็ลุกขึ้นยืนด้วยตัวเราเอง

ไม่ต้องอาศัยมือของคนอื่นๆมาฉุดให้ลุกขึ้น เมื่อลุกขึ้นมาได้ เราก็เดินมุ่งหน้าต่อไป

เพราะทุกย่างก้าวที่เรากำลังเดินอยู่นั้น เรามีจุดหมายปลายทางที่เราวางไว้แล้ว

ความสุขที่แท้จริง

ฉะนั้นไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้ง เราก็จะลุกขึ้นมาใหม่ ไม่เคยคิดจะถอยหันหลังกลับไป

แม้ว่าการลุกขึ้นมาแต่ละครั้ง จะเป็นการนับหนึ่งใหม่ทุกเวลา หรือจะต้องนับหนึ่งใหม่ตลอดชีวิต

ก็จะนับมันไปเรื่อยๆ เพราะสักวันหนึ่ง เมื่อถึงจุดหมายปลายทาง หนึ่งตัวนี้จะมีค่าเป็น สูญ

ไปในทันตา มันคุ้มค่าอยู่มิใช่หรือ ดีกว่ามานั่งแล้วไม่คิดจะลุกขึ้นเดิน

ยิ่งนั่งนานเท่าไหร่ เส้นทางยิ่งเลือนหายจากสายตาไปเรื่อยๆ


อย่าไปกลัวเวลาที่ฟ้าไม่เป็นใจ อย่าไปคิดว่ามันเป็นวันสุดท้าย

น้ำตาที่ไหลย่อมมีวันจางหาย..หากไม่รู้จักเจ็บปวด ก็คงไม่ซึ้งถึงความสุขใจ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



มันไม่ผิดอะไรถ้าใจต้องการ เดินบนทางของตัวเอง
และเมื่อเลือกทางเองต้องเททั้งใจ ไปให้ถึงทางที่ฝัน

จะเหนื่อยจะยากเย็นต้องฝ่าไป
เมื่อเลือกมาทางนี้แล้วจะหยุดทำไม
อยากขอให้เธอจงอย่าหวั่นไหว
มีจุดหมายต้องไปหามัน

นี่คือทางของเธอ เป็นทางที่เธอเลือกเอง
เป็นชีวิตที่เธอต้องการ
ในวันนี้ เธอมีฝัน ถึงแม้ยากเย็นเพียงใด
(ฝ่า/ก้าว)ต่อไปแล้วทำให้มันเป็นจริง

หนีจากความวุ่นวายรบกวนหัวใจ ไปบนทางที่ดีกว่า
ไปให้ถึงที่ฝันแล้วไขว่คว้ามา มันต้องถึงในสักวัน

จะเหนื่อยจะยากเย็นต้องฝ่าไป
เมื่อเลือกมาทางนี้แล้วจะหยุดทำไม
อยากขอให้เธอจงอย่าหวั่นไหว
มีจุดหมายต้องไปหามัน

นี่คือทางของเธอ เป็นทางที่เธอเลือกเอง
เป็นชีวิตที่เธอต้องการ
ในวันนี้ เธอมีฝัน ถึงแม้ยากเย็นเพียงใด
(ฝ่า/ก้าว)ต่อไปแล้วทำให้มันเป็นจริง

มีชีวิตที่มีจุดหมาย มั่นคงไว้แล้วไปข้างหน้า
ไปตามหาฝัน มีจุดหมายต้องไปหามัน

นี่คือทางของเธอ เป็นทางที่เธอเลือกเอง
เป็นชีวิตที่เธอต้องการ
ในวันนี้ เธอมีฝัน ถึงแม้ยากเย็นเพียงใด
(ฝ่า/ก้าว)ต่อไปแล้วทำให้มันเป็นจริง

นี่คือทางของเธอ เป็นทางที่เธอเลือกเอง
เป็นชีวิตที่เธอต้องการ
ในวันนี้ เธอมีฝัน ถึงแม้ยากเย็นเพียงใด
(ฝ่า/ก้าว)ต่อไปแล้วทำให้มันเป็นจริง

http://www.charyen.com/jukebox/play.php?id=19082

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2009, 16:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มองความจริงแล้วก็สู้ชีวิตนะครับ

ผมผ่านช่วงเป็นตายมาเหมือนกันครับ

เคยโดนแฟนทิ้ง คิดฆ่าตัวตาย แต่ไม่ใช่ทางออกครับ

ผมเลยใช้สวดมนต์เยอะมาก ช่วยได้ครับ

ตอนนี้ก็สู้ตายครับ

cool

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2009, 17:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


leo1313 เขียน:
มีหมอดูเค้ามาบอกแม่ว่า ผมจะเป็นคนล้างผาลครอบครัว ทุกวันนี้มันเหมือนยังตามราวี ผมไม่หยุดหย่อน


เอ่อ...ไอ้หมอดูปากเสียคนนี้ยังมีชีวิตอยู่รึเปล่าครับ...
ถ้ายังอยู่เขามีความสุขกายสบายใจดีอยู่รึเปล่าครับ...
ถ้าตายไปแล้ว เขาตายดีรึเปล่าครับ...

:b14: :b14: :b14:

อ้างคำพูด:
เห้อผมจะทำไงกับคำพิพากษาในหัว


ไม่รู้นะครับ อาจจะเป็นคำแนะนำที่เพี้ยน ๆ
ทันทีที่คิดนะครับ คุณถูขี้ไคลก็ได้ หรือแคะขี้มูกก็ได้
และปั้นเป็นก้อนกลม ๆ หยอดใส่ขวดโหลเอาไว้
พอมันเต็ม ก็เอาไปลอยอังคาร...
คือเอาสิ่งที่รบกวนใจคุณ มาผูกกับคำว่าขี้...ให้ได้น่ะ
ทำไปทำมา...คุณอาจจะเผลอเห็นมันเป็นเรื่องขี้ ขี้ ได้ไปในที่สุด...
คือ..เจ้ามังกรที่คอยหลอกหลอนคุณ
คุณต้องหาทางทำมันให้เป็นกิ้งกือให้ได้น่ะ
ถ้ามันโผล่หน้ามา คุณจะทำเป็นแคะขี้มูกแล้วดีดใส่หัวมันก็ได้... :b6: :b6:
ถ้าจะถามว่าผมใช้เทคนิคอะไร
ม่ายบอก...เดี๋ยวจะหาว่าผมอวดสัปดล...
สู้ สู้ ครับ...

:b41: :b41: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2009, 07:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www




009.jpg
009.jpg [ 4.26 KiB | เปิดดู 5572 ครั้ง ]
002.jpg
002.jpg [ 3.11 KiB | เปิดดู 5571 ครั้ง ]
003.jpg
003.jpg [ 3.33 KiB | เปิดดู 5571 ครั้ง ]
001.jpg
001.jpg [ 4.08 KiB | เปิดดู 5572 ครั้ง ]
leo1313 เขียน:

แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องอยู่ก็คือ อยากให้ พ่อแม่เห็นความสำเร็จอีก อยากดูแลหลานสาว ซึ่งพี่สาวได้เสียชีวิตไปแล้ว อยากกลับมามีความภาคภูมิใจกับตัวเอง เหมือนเมื่อก่อนครับ :b8:


ก่อนอื่นเลย คุณลองลบทุกอย่างออกไปจากใจให้หมด หยุดอยู่กับที่
สักแป๊ป แล้วเปิดใจ ค่อยๆหันไปมองรอบๆตัว เช่นเพื่อนที่ทำงาน คนข้างบ้าน หรือใครก็ได้
ที่อยู่ใกล้ๆ ว่าเขามีความเป็นอยู่อย่างไร? เขาสุขแค่ไหน? อะไรทำให้เขาสุข? ท่ามกลางความสุข
นั้น เขามีเรื่องทุกข์ไหม? แล้วเขาทุกข์กันด้วยเรื่องอะไร? แล้วคุณก็จะรู้ว่าคุณไม่ได้ล้มคนเดียว
ไม่ได้พลาดคนเดียว ไม่ได้ทุกข์ และไม่ได้ฯลฯ คนเดียวเลย

แล้วก็ตั้งเป้าหมายใหม่ ไปที่ "อยากให้พ่อแม่เห็นความสำเร็จอีก" "อยากดูแลหลานสาว" เอา
ความตั้งใจอันนี้แหละ มาเป็นน้ำมันหล่อเลี้ยง หล่อลื่นให้กับใจตัวเอง นำมาเป็นพลังขับเคลื่อน
ให้ความตั้งใจสำฤทธิ์ผล ยามใดที่ท้อแท้ หม่นหมอง เบื่อหน่าย ก็ดูหน้าหลานสาวซิค่ะ โฟกัส
ไปที่หลานสาวตัวน้อยนั้น คนเราถ้าไม่มีจุดหมาย ก็เหมือนธนูที่ไม่มีแรงส่ง ลองดูนะค่ะ

[i][color=#8000BF]ฝากรูปหนูน้อยวัยหกขวบที่ต้องใช้ขาเทียมห้าคู่ เขาเล่นกีฬาทุก
อย่างตามที่ต้องการ อย่างมีความสุข ดูหน้าเขาซิค่ะ สู้ สู้ สู้ ค่ะ

อนุโมทนา เจริญในธรรมค่ะ


:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41: [/color][/i

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2009, 23:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2009, 03:41
โพสต์: 7

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
leo1313 เขียน:

แต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องอยู่ก็คือ อยากให้ พ่อแม่เห็นความสำเร็จอีก อยากดูแลหลานสาว ซึ่งพี่สาวได้เสียชีวิตไปแล้ว อยากกลับมามีความภาคภูมิใจกับตัวเอง เหมือนเมื่อก่อนครับ :b8:


ก่อนอื่นเลย คุณลองลบทุกอย่างออกไปจากใจให้หมด หยุดอยู่กับที่
สักแป๊ป แล้วเปิดใจ ค่อยๆหันไปมองรอบๆตัว เช่นเพื่อนที่ทำงาน คนข้างบ้าน หรือใครก็ได้
ที่อยู่ใกล้ๆ ว่าเขามีความเป็นอยู่อย่างไร? เขาสุขแค่ไหน? อะไรทำให้เขาสุข? ท่ามกลางความสุข
นั้น เขามีเรื่องทุกข์ไหม? แล้วเขาทุกข์กันด้วยเรื่องอะไร? แล้วคุณก็จะรู้ว่าคุณไม่ได้ล้มคนเดียว
ไม่ได้พลาดคนเดียว ไม่ได้ทุกข์ และไม่ได้ฯลฯ คนเดียวเลย

แล้วก็ตั้งเป้าหมายใหม่ ไปที่ "อยากให้พ่อแม่เห็นความสำเร็จอีก" "อยากดูแลหลานสาว" เอา
ความตั้งใจอันนี้แหละ มาเป็นน้ำมันหล่อเลี้ยง หล่อลื่นให้กับใจตัวเอง นำมาเป็นพลังขับเคลื่อน
ให้ความตั้งใจสำฤทธิ์ผล ยามใดที่ท้อแท้ หม่นหมอง เบื่อหน่าย ก็ดูหน้าหลานสาวซิค่ะ โฟกัส
ไปที่หลานสาวตัวน้อยนั้น คนเราถ้าไม่มีจุดหมาย ก็เหมือนธนูที่ไม่มีแรงส่ง ลองดูนะค่ะ

[i][color=#8000BF]ฝากรูปหนูน้อยวัยหกขวบที่ต้องใช้ขาเทียมห้าคู่ เขาเล่นกีฬาทุก
อย่างตามที่ต้องการ อย่างมีความสุข ดูหน้าเขาซิค่ะ สู้ สู้ สู้ ค่ะ

อนุโมทนา เจริญในธรรมค่ะ


:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41: [/color][/i




อยากขอบพระคุณ เพื่อน ๆทุกคน ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี ที่ให้กำลังใจ

มันอาจจะยากหน่อย แต่คงเริ่มยิ้ม กับชีวิตมากขึ้น แต่อิจฉา เด็ก เค้ามีขาตั้งสิบคู่ 5555555

อันดับแรกคงต้องหัดยิ้มบ้างผม มีบางคน ไม่ค่อยได้เห็นยิ้มผมมานาน แล้ว เอาง่าย ๆก่อนแล้วกัน

:b12:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 21 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron