วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 20:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 719 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 48  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 14:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 14:32
โพสต์: 874

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นใจและเข้าใจคุณมานิตาค่ะ ดิฉันเองก็ยังไม่ได้มีความสุขนะค่ะ ตราบใดที่เขายังมีคนอื่นอยู่เราจะมีความสุขได้อย่างไร (ยังไม่บรรลุธรรม)
เรื่องของดิฉันดิฉันเองก็อยากจะจบ แต่ยังไม่รู้จะจบอย่างไร ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่เช่นกัน ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีเพื่อนนะค่ะ ยังงัยก็จะยังเข้ามาในลานนี้เสมอ
เรื่องคุณขอแยกทางกับสามี ในความคิดของดิฉันคิดว่า ถ้าคุณเข้มแข็งพอแล้ว การเดินจากกันไม่ทำให้คุณเจ็บปวดมาก และลูก ๆ เข้าใจดิฉันก็เห็นด้วยนะค่ะ การทำอย่างนี้เราอาจจะเจ็บ แต่คิดว่าเป็นการเจ็บเพียงครั้งเดียวไม่ต้องเจ็ยซ้ำ ๆ เรื้อรังไม่รู้ว่าจะเยียวยาอย่างไร แต่หากการจากกันทำให้คุณเจ็บปวดมาก ดิฉันว่าลองให้อภัย แล้วหันมาใช้ธรรมะเข้าช่วยก็จะเป็นอีกทางออกนึง
ขอให้คิดใตร่ตรองให้รอบครอบนะค่ะ ไม่ว่าคำตอบคืออะไร หรือไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร เพื่อน ๆ ในลานนี้ยินดีให้กำลังใจเสมอค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 11:51
โพสต์: 505

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากค่ะ คุณ นนนน ตอนนี้ก็กำลังชั่งใจตัวเองอยู่ ฉันก็เหมือนคุณคือไม่รู้ปัญหาจะจบอย่างไร
ถ้าสามีไม่ยอมจบ ปัญหาเกิดจากสามีนี่แหละถ้าเขายอมรับ ยอมคิดให้กว้าง ๆ ก็สามารถแก้ปัญหาได้
ถ้าเขาไม่จบ เราก็ต้องจบจะให้ทุกข์ไปจนตายก็คงไม่ไหว ฉันคงตายก่อน เพราะทุกวันนี้ก็กินไม่ได้
นอนไม่หลับอยู่แล้ว
ฉันถามสามีประจำว่าทำอย่างนี้แล้วได้อะไร ผลเป็นอย่างไร
ก็ทำมึน เมื่อวานฉันบอกกับสามีว่า หัวมีไว้ทำอะไรมีสมองคิดหรือเปล่า
หัวโตยิ่งกว่าบาตรพระ แต่สมองเท่ากองขี้ไก่

ก็ยังนั่งเฉยอมยิ้ม ทำไม่รู้ไม่ชี้
เออ กลุ้มเหลือใจจริง ๆ แล้วแวะเวียนมาให้กำลังใจอีกนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 15:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2009, 09:21
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใจเย็นๆคุณมานิตา คำว่าจบของคุณมานิตาหมายถึงหย่า หรือแยกกันอยู่ ถ้าหย่าเราเคยบอกแล้วไงว่า อย่าไปหย่า ขวางโลกไว้อย่างนี้แหละคุณสามีเขาไม่ใช่นักธุรกิจ คงไม่มีหนี้สินอะไรที่พวกเราต้องตามไปชดใช้ แต่ถ้าแยกกันอยู่เราเห็นด้วย เพราะการที่เขาไปอยู่ที่อื่น ที่เราไม่รู้ไม่เห็นมันอาจจะช่วยให้ไม่ต้องคิด ไม่ต้องเครียดมาก แล้วมันจะช่วยให้จิตใจค่อยๆว่างเปล่าลงไปเรื่อยๆ แรกๆก็อาจจะเสียใจบ้าง แต่พอนานๆวัน ผ่านไปเป็นอาทิตย์ ผ่านไปเป็นเดือน จิตมันจะค่อยๆลืมไปเอง ถึงจะมีคิดบ้าง มันก็จะเป็นแบบลอยๆมา แล้วถ้าจะให้ลืมเร็วขึ้น ก็จงเก็บรูปเขาทั้งหมดลงลังไปเลย ถ้าไม่เห็นรูป ไม่เห็นตัวจริง จะทำให้ลืมเร็วขึ้น ไม่ต้องโทรหาเขา ไม่ต้องรับสายเขา อย่าให้เสียงเขามาเข้าหูเรา ตัดทุกสิ่ง ทุกอย่างของเขาออกไปจากชีวิตเราให้หมด ถ้าทำได้ตามนี้ คุณมานิตาจะหายหงุดหงิดแน่นอน แต่สามีคุณมานิตาเขายังรักลูกอยู่ คุณมานิตาคงจะกำจัดเขาออกไปจากระบบชีวิตยากหน่อย แต่เราก็ยังเป็นกำลังใจให้อยู่นะ


แก้ไขล่าสุดโดย ทุกข์ใจ เมื่อ 05 พ.ย. 2009, 15:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 15:01
โพสต์: 408

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มานิตา เขียน:
ต่อไปนี้เราอยากจะขอร้องคุณทักทายหรือเพื่อน ๆ ในลานนี้ ขอความกรุณาเข้ามากระทุ้ง
ว่าเราให้เจ็บ ๆ เลย รับรองไม่โกรธ


รับรองว่าลานนี้ไม่มีใครที่ว่าหรือซ้ำเติมเพื่อนๆ ค่ะ มีแต่จะช่วยกับปลอบโยน และดิฉันคนหนึ่งที่เห็นใจกับความรู้สึกของคุณมานิตา อย่ากล่าวโทษตัวเองเลยนะค่ะ จะยิ่งทำให้เราหดหู่ค่ะ

มานิตา เขียน:
เพราะนอกจากในลานนี้แล้วเราไม่เคยคุยให้ใครฟังเลย


ดิฉันก็เหมือนคุณค่ะ ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง เพราะเรื่องบางเรื่องเราก็ไม่จำเป็นต้องเล่าให้เพื่อนหรือพ่อแม่ฟัง ดีแล้วค่ะที่เรามาเล่าสู่กันฟังในลานนี้

หากสิ่งที่คุณมานิตากำลังคิด ก็อยากฝากไว้ว่า ทางออกในการเลิกรากันโดยการหย่าทางกฎหมาย ก็เป็นแค่ตามกฎหมายค่ะ แต่ทางใจเรายื่นได้อย่างมั่งคงหรือยัง เข้มแข็งพอหรือยัง เมื่ออะไรๆ พร้อมแล้วเราสามารถตัดสินใจได้เต็มที่เลยค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 19:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 11:51
โพสต์: 505

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะคุณทุกข์ใจ คุณเพชร การหย่าร้างคงยาก ถ้าเป็นไปได้น่าจะเป็นการแยกกันอยู่ก่อน
แล้วดูเหตุการณ์ว่าจะต้องหย่าร้างหรือไม่ แต่สามีคงไม่ยอมออกจากบ้านแน่เพราะมองดุรูปการณ์แล้ว
ถ้าออกไปเขาต้องอายเพื่อน ๆ ก็คงใช้วิธีแบบแวบไปแวบมา กลับบ้างไม่กลับบ้างทำนองนี้
นี่แหละที่มันเป็นปัญหาเพราะเราเองก็เบื่อวิธีการแบบนี้เต็มทน บ้านเป็นที่ของเราสามีเข้ามาอยู่ด้วย
มันถึงตัดไม่ได้สักทีไง แล้วจะมาเล่าให้ฟังใหม่นะคะ คิดถึงทุกคนค่ะ
:b20: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 23:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เมื่อคืนนี้ก็อยู่ถึงเกือบเที่ยงคืน
แต่ไม่ได้แวะมาบ้านคุณมานิตา ไม่ได้หมายความว่าไม่ห่วงนะค่ะ :b1:

ตอนนี้ถ้าถามทักทาย ก็อยากจะบอกว่า หย่า หรือไม่หย่า
มันก็แค่กระดาษแผ่นเดียว ถ้าเขายอมเซ็นใบหย่าให้คุณ แล้วใบหย่า
สามารถช่วยให้คุณหายจากความเศร้า เลิกเป็นทุกข์ ลืมเรื่องราวเหล่านี้ไปได้
จะมีชีวิตที่ดีขึ้น เป็นสุขขึ้น เลิกรักเขา เลิกคิดถึงเขา ได้เพราะใบหย่าหรือเปล่า?
แล้วถ้าเขายังแวบมาแวบไปเหมือนเดิมหลังเซ็นใยหย่าแล้ว
คุณมานิตาจะไล่เขาไม่ให้เข้าบ้าน ได้หรือเปล่าค่ะ? เอาใบหย่าไปแปะไว้
ที่หน้าบ้าน พอเขาเห็นแล้ว เขาจะไม่กล้าเข้าบ้านหรือเปล่า? :b6:

ทุกสิ่งทุกอย่างแก้ไขได้ที่ "ใจ" อย่างเดียว ไม่ใช่ใบหย่า
ถึงไม่หย่ากัน แต่ถ้าคุณมองเขาเป็นแค่คนรู้จัก
เข้าบ้านมาอยากทักก็ทัก ไม่อยากทักก็เดินหนีไปเสีย
ทำทุกอย่างเป็นปกติ ไม่ต้องไปคิดว่าเขาเป็นสามีเรา เขาเป็น
ของเรา เขากำลังนอกใจเรา คิดแค่ว่าเขาเป็นคนมาขอเช่าบ้าน
หรือเพื่อนที่มาขออาศัยบ้าน จะกลับก็ช่าง ไม่กลับก็เรื่องของคุณ
เราไม่มีสิทธิที่จะไปห้าม หรือบงการเขา นี่ก็เหมือนหย่าขาดจากกัน
อยู่แล้ว อย่าพยายามเอาแค่กระดาษใบเดียวเป็นที่พี่งเลย "ใจ" ของเรา
นั้นแหละที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน ทุกข์หรือไม่ทุกข์ :b7:

คุณมานิตาไม่ต้องไปหา ตัวช่วยที่ไหนเลย? อยู่ที่ตัวเราทั้งนั้น ขอย้ำอีกครั้งว่า
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับ "ใจ" เราทั้งนั้น ปัญหาอยู่ตรงที่คุณไม่สามารถทำใจได้
ว่าเขาไม่ใช่ของเรา มันก็เลยพัวๆพันๆ วนๆเวียนๆ อยู่อย่างนี้ ลองคิดใหม่
ท่องไว้ว่า "เขาไม่ใช่ของเรา" "เขาไม่ใช่สามีเรา" แค่คนรู้จัก บังเอิญได้
มารู้จัก ได้มาอยู่ร่วมกัน ก็เท่านั้นเอง ถ้าคิดได้อย่างนี้ คุณจะไม่สนใจ
อะไรทั้งสิ้น :b4:

คุณมานิตาอย่าโกรธตัวเองเลยนะค่ะ ค่อยๆคิด ค่อยๆฝึกทำใจไป ไม่ใช่คุณ
เพียงคนเดียวที่หาทางออกไม่ได้ แค่ยังคลำไม่เจอประตู ถ้าเจอช่องเมื่อไหร่?
ทุกอย่างก็จะหลุดเอง ตัดเอง ดับเอง ไม่อาลัย ไม่เสียดาย ไม่อาวรณ์ใดๆทั้งสิ้น :b10:

อย่าทุกข์นักเลยค่ะ กำลังจะหมดไปอีกปีแล้ว เราเข้าใกล้ป่าช้าไปอีกหนึ่งก้าวแล้ว
อย่ามัวแต่ห่วง หวงทรากศพอยู่เลยค่ะ จะหล่อแค่ไหน จะสวยแค่ไหน จะดี
วิเศษณ์แค่ไหน? สุดท้ายก็ ถ้าไม่เผาก็ฝัง เน่าเปี่อย ผุพัง กันทั้งนั้นค่ะ :b22:

หวังว่าคงทำให้คุณมานิตาดีขึ้นบ้าง ทักทายไม่เคยเบื่อ ไม่เคยหน่ายที่จะให้กำลังใจ
มีให้ไม่อั้น ระบายมาได้ ถึงจะซ้ำๆ ก็ไม่เป็นไร ยินดีและดีใจมากที่คุณมานิตา
ไว้ใจและอยากคุยกับทักทาย ถึงไม่เคยเห็นหน้า แต่รับรู้ถึงความทุกข์ที่คุณมีอยู่
แบ่งเบาได้ก็อยากจะแบ่งเบามาบ้าง เป็นห่วงนะค่ะ :b4:


.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2009, 10:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 15:01
โพสต์: 408

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บางทีการถอยคนละก้าว มันก็อาจจะมีอะไรๆ ดีขึ้นนะค่ะ แต่ต้องค่อยๆ ถอยนะค่ะ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ :b4: :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2009, 14:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 14:32
โพสต์: 874

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วยกับคุณทักทายนะค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ ใจ
คิดซะว่าเขาไม่ใช่ของเรา เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งในบ้าน
แต่อยากบอกว่ายากมาก ดิฉันเคยคิดเช่นนี้เหมือนกัน เป็นเพียงผู้ชายคนนึง
คิดแม้กระทั้งว่า เขากับเราไม่มีความผู้พันกันหรอก เหมือนกิ๊กคนนึง
ตอนช่วงโกรธก็พอทำได้ค่ะ แต่พอเขาทำดีกับเรา ความรัก ความผูกพันที่มีมันก็เรียกความรัก
ความรู้สึกดีดี กลับมาหมด แล้วก็กลับมาเจ็บอีกเวลาเขาทำพฤติกรรมที่ส่อจะไปหาเธอคนนั้น ซ้ำ ๆ
แต่เชื่อไหมค่ะ ธรรมะ และสติ ทำให้เราเจ็บน้อยลงได้ แต่ละครั้งดิฉันเจ็บ แต่รับรู้ได้ว่าความเจ็บนั้นมันลดลงเรื่อย ๆ และคิดไว้เหมือนกันว่าสักวันคงทำได้อย่างที่คุณทักทายบอกไว้
ขอให้คุณมานิตาใจเย็น ๆ หากิจกรรมสนุก ๆ ทำกับลูก หาอะไรเพลิน ๆ ทำ ว่าง ๆ ก็นั่งสมาธิ
ช่วยได้มากที่เดียวค่ะ
เป็นกำลังใจเสมอนะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2009, 02:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 04:04
โพสต์: 356

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใจเย็น ๆ นะค่ะ ค่อย ๆ คิดปัญหาไปทีละเปาะ... ถ้ารู้สึกชีวิตมันมืด ก็ลองยืนนิ่ง ๆ สักพักนะค่ะ เดี๋ยวร่าง
กาย จิตใจ ของเรามันคุ้นชิน ก็คงจะพอเห็นแสงเรือง ๆ บ้างล่ะค่ะ .....อย่าท้อนะรับปากซิ.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2009, 09:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2009, 09:21
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณมานิตาเป็นอย่างไรบ้าง มัวแต่ไปเยี่ยมบ้านคนอื่น เดี่ยวโดนยึดบ้านไปจำนองไม่รู้นะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 16:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 11:51
โพสต์: 505

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ

รู้สึกว่าตอนนี้ไม่ค่อยมี ญาติพี่น้องมาหาเลย ไปเที่ยวบ้านสมาชิกใหม่กันหมด เราก็เลยตามไปด้วย

ปัญหาที่ไม่มีวันจบ ตอนนี้เริ่มเบื่อแล้วปล่อยให้เวลามันผ่านไปวัน ๆ คิดอีกทีคนของเรามันไม่ดีเอง
ถ้าคนของเราหยุดทุกอย่างก็จบ พูดจากใจจริงเลยนะตอนนี้พยายามอยู่อย่างเดียวคือพยายาม
จะไม่คิดถึงสามีว่าจะไปไหนกับใคร ทำอะไร จะไม่สนใจ จะทำใจให้เกลียดให้เบื่อให้ได้
พยายามเป็นอย่างมากแต่ก็ยังทำไม่ค่อยได้ ใจมันชอบแว๊บไปคิดอยู่เรื่อย แต่จะพยายามทำต่อไปคิดว่าสักวันคงจะสำเร็จได้ แล้วอย่าลืมแวะมาให้กำลังใจกันอีกนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 17:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2009, 16:10
โพสต์: 149

งานอดิเรก: ปลูกต้นไม้
ชื่อเล่น: off
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มาให้กำลังใจคุณมานิตาค่ะ สู้ๆนะคะ :b4: :b4:

.....................................................
(กัมมุนา วัตตะตี โลโก)
สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 17:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2008, 14:11
โพสต์: 839

ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


นอกจากเราจะใช้สติปัญญาในการทำงาน เพื่อแก้ปัญหาและหาหนทางเจริญก้าวหน้าอยู่นั้น มีทฤษฎีมากมายที่หวังให้เราปฏิบัติตาม ลองย้อนกลับมาใช้ธรรมะง่ายๆ ที่ให้คุณประสบความสำเร็จในการทำงานสูงสุด
ธรรมะที่เราควรจะหยิบยกมาใช้ในการทำงานทุกวันนี้ คงหนีไม่พ้นอิทธิบาท 4 เพราะความหมายของอิทธิบาท 4 คือธรรมให้ถึงความสำเร็จ หรือหนทางแห่งความสำเร็จนั่นเอง โดยหลักอิทธิบาท 4 นั้นเป็นหลักธรรมสำคัญที่ทำให้เกิดสมาธิในการทำงาน ไม่ฟุ้งซ่านไปกับสังคมและกระแสต่างๆ พร้อมทั้งตีกรอบให้เราทำงานอย่างคงเส้นคงวาอีกด้วย

ฉันทะ = ฉันพอใจกับงานที่ทำอยู่
มีใครบ้างไหม ไม่ชอบงานที่ทำอยู่ ให้คุณลองตรวจสอบตัวเองดูว่า คุณนั้นมีความชอบหรือศรัทธากับงานแบบใด หรือพอใจกับงานแบบใดอยู่ เหมือนกับคุณเป็นนักศึกษาที่เพิ่งจบใหม่กำลังใช้ความคิดใตร่ตรองว่าคุณต้อง การเดินไปเส้นทางใด เรื่องเหล่านี้ไม่มีใครให้คำตอบคุณได้เพราะเป็นความชอบความศรัทธาที่ก่อเกิด จากตัวของคุณเอง
จริงอยู่ที่งานแต่ละอย่างไม่มีทางที่คุณจะชื่นชอบไปทั้งหมดทุกกระบวนการ แต่ถ้าคุณพอใจที่จะทำให้ดี สบายใจที่จะต้องเจอมันทุกวันเราเรียกว่าความศรัทธา เป็นสิ่งแรกที่มนุษย์ต้องการและเป็นพื้นฐานของความสำเร็จ อย่างเช่น คุณมีความศรัทธาและใจรักที่จะเป็นพนักงานขายที่ดีและซื่อสัตย์ สิ่งนี้จะเป็นพลังให้คุณเดินไปหาความสำเร็จได้แบบเป็นเส้นตรง และเข้าถึงจิตใจเนื้อแท้ในการทำงานมากกว่าคนที่ไม่ได้มีความศรัทธาใดๆ กับงานที่ทำ
คุณอาจเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการตั้งคำถามกับตัวเอง ฉันทำงานเพื่ออะไร ฉันมีความสุขหรือไม่ เพียงแค่นี้คุณก็จะทราบตัวเองว่ามีความลึกซึ้งกับงานที่ทำอยู่เพียงใด เผื่อเราจะได้มีเวลาค้นหาและปรับเปลี่ยนตัวเอง หรือปรับศรัทธาของตัวเองให้เข้ากับงานที่ทำอยู่

วิริยะ = ฉันขยันหมั่นเพียรกับงานที่มี
คงไม่มี คนไหนประสบความสำเร็จโดยปราศจากความเพียร เป็นคำคมที่แปลง่ายแต่ความหมายเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก เพราะความวิริยะนั้นเป็นเครื่องมืออีกอย่างหนึ่งที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จ ได้ ยิ่งคุณขยันเท่าไรผลตอบแทนที่คุณจะได้รับมันก็มีมากเท่านั้น ยกตัวอย่างต่อจากหัวข้อฉันทะ คุณเป็นพนักงานขายที่มีความศรัทธากับงานที่ทำ มีความสุขในการทำงานเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ร่วมกับความขยันหมั่นเพียร ไม่เฉยชาที่จะต้อนรับลูกค้า กระตือรือล้นหาลูกค้าใหม่ๆ อยู่เสมอ มีวินัยในการทำงาน ไม่ท้อกับปัญหาและอุปสรรคที่เข้ามา มีความทุ่มเทอย่างนี้ ตำแหน่งที่สูงขึ้นไปอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน ที่สำคัญความวิริยะจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยความศรัทธาของฉันทะนั่นเอง และความวิริยะไม่ใช่การทำงานแบบเอาเป็นเอาตาย แต่เป็นการหมั่นฝึกฝนตนเองต่างหาก


จิตตะ = ฉันเอาใจใส่รับผิดชอบกับงานที่ทำ
จิต ใจที่จดจ่อกับงานไม่วอกแวกไปเที่ยวเล่นล้วนเกิดผลดีต่องานที่ทำ จิตตะเป็นธรรมแสดงถึงสติและจิตใจที่รอบคอบและความรับผิดชอบที่จะตามมา ซึ่งในสังคมการทำงานปัจจุบันนี้มุ่งเน้นแย่งชิงตำแหน่งกัน และขัดขาจนลืมคิดไปว่า งานที่ตนเองต้องรับผิดชอบนั้นคือสิ่งใดกันแน่ จิตตะจึงมีความสำคัญในการทำงานโดยไม่วอกแวกออกไปนอกลู่นอกทาง
ดังนั้น เมื่อคุณมีทั้งฉันทะและวิริยะแล้ว จิตตะจะเป็นเสมือนรั้วของเส้นทางที่ไม่ให้ไขว้เขวออกนอกทางสู่ความสำเร็จได้ รวมทั้งเป็นสติที่สื่อออกมาถึงความมุ่งมั่นที่สูงกว่าความพอใจและความขยัน หมั่นเพียร

วิมังสา = ฉันใคร่ครวญและใช้ปัญญาตรวจสอบงาน
สิ่ง สุดท้ายในการทำงานคือการใช้ปัญญา ที่เป็นกุญแจสูงสุดของอิทธิบาท 4 เมื่อคุณมีความรักในงานที่ทำ มีความขยันหมั่นเพียร มีสติรับผิดชอบ การมีปัญญาคือการทบทวนตนเองและปัญหา ว่าสิ่งที่เราได้ทำมานั้นมีผลดีผลเสียอย่างไร มีสิ่งใดที่เข้ามากระทบใจเราหรือคนอื่นหรือไม่ เราจะได้รู้จุดยืนของเราว่าทำงานและอยู่ในด้านทุกข์หรือสุข ล้มเหลวหรือประสบความสำเร็จ อย่างเช่น ทบทวนตัวเองนิ่งๆ ว่าวันนี้ทั้งวันเราทำอะไรบ้าง สรุปกับตัวเองว่าทำเพื่ออะไร เราจะได้มีกำลังใจต่อในวันต่อๆ ไป และไม่ทำผิดซ้ำซากอีกเช่นเดิม พร้อมกันนั้นเราจะสามารถเห็นหนทางได้ว่า เส้นทางไหนที่จะนำเราสู่ความสำเร็จได้จริงๆ
ไม่มีอะไรเป็นของเราเฉยๆท่าเดียว พุทโธๆๆๆ

.....................................................
ทำดีทุกทุกวัน เมื่อโอกาสมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2009, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 เม.ย. 2009, 09:21
โพสต์: 376

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นใจคุณมานิตาเป็นที่สุดเลย เรานึกภาพออกเลยว่าเป็นอย่างไร ตราบใดที่เรายังเห็นหน้าเขาอยู่บ้าง มันจะทำให้เราตัดใจลำบาก ถ้าไม่เห็นหน้า ไม่รู้เรื่องอะไรของเขาเลย จะทำให้ตัดใจได้ง่ายขึ้น บางครั้งลืมไปเลยว่ามีคน คนนี้อยู่ในโลก อืมม์ :b6: ทำอย่างไรดีที่จะให้เขาไปพ้นๆหน้า ยังคิดไม่ออก :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2009, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 11:51
โพสต์: 505

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ทุกคน


วันนี้เสียใจมาก เพื่อน ๆ ช่วยแนะนำด้วยว่าจะทำอย่างไรดี บังเอิญมีโทรศัพท์เข้ามาเครื่องสามีเราก็เลยรับสาย ปรากฏว่าร้านขายรถยนต์โทรมาทวงค่ารถ สามีไม่ส่งมาหลายงวดแสดงว่าเค๊าซื้อรถให้กัน
ซึ่งเราเคยถามสามีบอกว่าไม่เคยซื้ออะไรให้เลย เราแทบล้มทั้งยืน ก็มีปากเสียงกันสามีบอกว่าจะเอาอย่างไรก็เอา จะเลิกก็เลิก เบื่อเต็มทนมีแต่ปัญหา เค๊าหาว่าเราไปเชื่อคนอื่น ทั้ง ๆ ที่เรื่องที่คนอื่นบอกเราเป็นเรื่องจริงทุกอย่าง สามีเราเองด้วยซ้ำที่โกหกเราไปวัน ๆ ทีกับเราเงินทองบอกว่าไม่มีไม่พอใช้
แอบกู้หลายแสนโดยที่เราไม่รู้ก็หลายหน ( เรามารู้ตอนหลัง ) เราก็ยอมไม่ว่าอะไรเพราะถือว่าพูดไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เราจับได้ว่าสามีเราโกหกเราก็ทน ตอนนี้ไม่รู้ว่าเราควรจะทำอย่างไรดี คิดไม่ออกตอนนี้เราก็คงเหมือนซากศพเดินได้แล้วมั้ง นอนไม่หลับบางวันก็ปวดหัวคลื่นใส้เหมือนจะอาเจียน สามีบอกว่าเรื่องแค่นี้เราทำเป็นจะเป็นจะตาย อยากตายก็ตายไปเลย แล้วอย่างนี้เราจะทำอย่างไร ลูกคนโตบอกว่ายังทำใจไม่ได้ถ้าไม่มีพ่อ ลูกคนเล็กบอกว่าแม่กับพ่ออย่าเพิ่งเลิกกันนะ
ลูกอายเพื่อนๆ ( กำลังเรียนมัธยม) ช่วยบอกหน่อยนะคะว่าควรทำอย่างไรดี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 719 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 48  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 19 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร