ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

สัจธรรม..ของ..ความรัก
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=25465
หน้า 1 จากทั้งหมด 5

เจ้าของ:  เพลิง. [ 07 ก.ย. 2009, 00:28 ]
หัวข้อกระทู้:  ความรักกับสัจธรรม..บนทางนฤพาน

ความรัก..บนทางนฤพาน

"การสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักร
ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป
ไม่มีอะไรจากเราไปตลอดกาล
ถ้าคลี่เวลาออกเป็นเส้นตรงและสามารถเห็นได้จริงทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคตพร้อมกัน
เราคงเห็นตัวเองได้ของรักแล้วเสียของรัก
หัวเราะแล้วร้องไห้ พบแล้วพลัดพราก
ย้อนเวียนกลับไปกลับมา สลับกันเป็นสายโซ่ยืดยาว"

บทสรุปหนึ่งก็คือว่า รักแท้น่ะมีจริง แต่ที่จริงกว่านั้นคือกิเลส
หมายความว่าถ้ามองตามสายตาทางโลกก็ต้องว่ามี
แต่ถ้ามองตามสายตาทางธรรม ก็ต้องว่ารากของรักแท้นั้นมาจากกิเลสนี่เอง
ที่รักแท้จะมีอันต้องกลับกลายเป็นรักเก๊ ก็ด้วยกิเลสอันเดียวกันอีกนั่นแหละ
โดยมีตัวแปรเช่นบุคคล เวลา และสถานการณ์มาร่วมสมการกิเลส

"พระพุทธองค์ท่านตรัสว่า
คนเรามีรักร้อยก็นับว่าทุกข์ร้อย
มีรักสิบก็นับว่าทุกข์สิบ
มีรักหนึ่งก็นับว่าทุกข์หนึ่ง
หากไม่มีรักเลย ก็แปลว่าไม่ต้องมีทุกข์เพราะรักเลยเช่นกัน…
สรุปคือ ความรักเป็นแค่รูปแบบหนึ่งของความทุกข์เท่านั้น
ต่อให้รักกันยืดยาวจนแก่เฒ่า วันหนึ่งก็ต้องทุกข์ใหญ่หลวง
เพราะความพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักอยู่ดี”

กิเลสมากก็ทุกข์มาก กิเลสน้อยก็ทุกข์น้อย
สมดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์

ภพชาติ ความสัมพันธ์ และสายใยต่างๆนั้นซับซ้อน
มีความไม่แน่นอนเป็นความหวังได้ด้วยเหตุปัจจัยอันลึกลับเกินหยั่ง
ทำใจไว้แต่แรกว่าเราทุกคนเป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว จะได้สบายใจในระยะยาว

เจ้าของ:  เพลิง. [ 07 ก.ย. 2009, 00:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สัจธรรม..กับ..ความรัก

ความเข้มแข็งของคน..กับศีลธรรมที่อ่อนแอของคน

ในชีวิตประจำวัน คนเราต้องพานพบประสบเรื่องราวนานัปการ
บ้างก็เป็นปัญหา บ้างก็เป็นผลสำเร็จ บ้างก็เป็นเรื่องยุ่งยาก บ้างก็เป็นเรื่องง่ายดาย
บางครั้งก็มีทั้งเรื่องราวที่ไร้สาระกับเรื่อง ที่ควรจริงจัง
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราทุกคนพบเห็นได้เป็นประจำในชีวิต
แปลกตรงที่เราแต่ละคนประสบกับสิ่งต่างๆแตกต่างกันไป
บางคนโชคดี บางคนโชคร้าย บางคนมีโอกาส บางคนกลับไร้วาสนา
นี่ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีและน่าเศร้าควบคู่กันไป

มนุษย์มีกำเนิดแตกต่างกันโดยสภาวะ
บางคนก็เกิดมามีพร้อม บางคนก็อัตคัตขัดสนนี้ก็เช่นเดียวกัน
แม้กระนั้นคนเราก็เหมือนกันโดยธรรมชาติ คือมีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง
มีด้านที่เข้มแข็งพร้อมกันนี้ ก็มีด้านอ่อนแอ สภาวะที่เข้มแข็งหรืออ่อนแอนี้เอง
เป็นปัจจัยกำหนดบุคลิกภาพและความกล้าของคนเรา
ผู้ที่เข้มแข็งก็หนักแน่นดั่งขุนเขา ผู้ที่อ่อนแอก็บางเบาดั่งขนนก
ในสถานการณ์ที่มนุษย์ประสบกับเหตุการณ์มากหลายในชีวิต
มีเพียงความเข้มแข็งและความอ่อนแอนี้ เป็นเครื่องชักนำในการแก้ไข
หรือก้าวเดิน เวลาที่เราเจอปัญหาหนักๆ ธาตุแห่งความอ่อนแอมักปรากฎขึ้นเสมอ
แม้โดยปกติภาวะคนๆ นั้น อาจเข้มแข็งแต่ก็มักพ่ายแพ้แก่ความอ่อนแอ
ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะมนุษย์ขาดความเป็นตัวของตัวเอง ยามที่เจอปัญหาก็มักท้อแท้
ยามที่เจอความสำเร็จก็มักหลงระเริงนี้เป็นข้อตรงกันข้าม
คนที่เข้มแข็งจึงมักเป็นคนที่อ่อนแออยู่ลึกๆ คนที่อ่อนแอก็มันเข้มแข็งอยู่ภายใน
นี้เป็นปฏิกิริยาสะท้อนกลับ แต่ทั้งความเข้มแข็งและความอ่อนแอ
ก็ไม่อาจช่วยให้คนเราบรรลุสู่ความสุขสงบของชีวิตได้
มีก็แต่ภาวะระหว่างกลางของความเข้มแข็ง
และความอ่อนแอเท่านั้นที่จะช่วยให้มนุษย์ดำรงตนอยู่ได้อย่างงดงาม
ไม่แข็งและไม่อ่อน ไม่หนักและไม่เบา

"หนักแน่นแม้นเหมือนดั่งขุนเขา บางเบาประดุจขนไร้จุดหมาย
หนักที่เกินก็ยากจะเคลื่อนย้าย เบาก็ง่ายมากจนเกินไม่พอดี
บ้างเข้มแข็งกลับกลายเป็นก้าวร้าว บ้างอ่อนแอก็ฉาวไร้ศักดิ์ศรี
ขอมนุษย์จงเลือกเอาแต่พอดี นี้แหละเรียกชีวิตไม่ผิดทาง"

เจ้าของ:  เพลิง. [ 07 ก.ย. 2009, 01:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สัจธรรม..กับ..ความรัก

คนเรามากมายไม่รู้ว่าตัวตนของตัวเองอยู่ไหน เป็นอย่างไร
ทำอะไรไม่ค่อยรู้ตัว เจอทุกข์ก็ทุกข์ เจอเศร้าก็เศร้า หัวใจอ่อนล้า
บางคนเจอตัวเองก็อยุ่รอดได้ เข้มแข็งได้ดี สู้ได้ตัวกำลังแรงใจของตัวเอง
แต่บางคนก็ต้องอาศัยกำลังใจจากคนรอบข้าง ด้วยการบอกกล่าววิธีต่างๆมากมาย
ทำแบบนี้สิ ทำแบบนั้นสิ แบบนั้นดี แบบนี้ไม่ดี ก็ชีวิตมืดมนใครบอกทางก็ทำตามไป
กว่าจะเข้าใจตัวเอง กว่าจะรู้ว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง จริงๆก็ยากนะ
คนที่จะคิดอะไรเอง ทำอะไรด้วยตัวเองจริงๆ รุ้จักตัวเองมากมาก
เราเองก็เป็นเช่นคนอื่นๆ มาก่อนเช่นกัน ไม่รู้จักตัวเองเลย ไม่เป็นตัวเองเลย
ทำอะไรต้องคอยถามคนอื่น ดีไหม เสมอเสมอ คิดอะไรคิดแค่ข้างหน้า
อยากทำก็ทำ อยากคิดก็คิด แค่ข้างหน้าจริงๆ การที่คนเราทำอะไรตลอดเวลามา
ผลของการที่เราทำนั้นจะเห็นต่อหน้าอยุ่แล้ว เราจะลืมที่จะมองมากกว่า
เพราะถ้าเรามองไว้จะรู้ว่าทำแล้วดียังไง ไม่ดีเปลี่ยนทำใหม่ แต่พอไม่รู้ก็ทำทำทำไป
แถมยังมีข้ออ้างอีกว่า ทำเต็มที่แล้ว ก็ทำเต็มที่หรือได้ผลแค่นี้เหรอ
ผ่านอะไรมา เจอข้อคิดอะไรมามาก เลยทำให้รุ้และคิดได้มาก
คนเราจะเป็นตัวเองได้นั้น เราต้องรู้จักตัวเองให้ได้ก่อน รู้ว่า
เราต้องการอะไร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร อยากทำอะไร ไม่อยากทำอะไร
พูดเหมือนง่ายนะ แต่ทำจริงๆทุกข้อยากมาก

ชีวิตคนเรา มีคนรอบข้างพ่วงมาด้วยเสมอ เราจะทำอะไรคนนั้น คนนี้ อีกมากมาก
แค่คนรอบข้างไม่พอ มีสังคมอีก แต่การทำอะไรก็แล้วแต่
การคิดอะไรอยู่ที่เราเสมอ คิดแล้วทำไหม คิดแล้วทำไม่ได้เพราะอะไร
เราอยากทำจริงไหม อยากทำจริง ต้องทำให้ได้ ไม่ว่าอะไรจะค้าน
เราก็ต้องทำให้ได้ เราต้องเชื่อมั่นตัวเรา ว่าทำได้ แค่เราทำ
ตัวเองทำอะไรไม่ได้เสมอ แค่คิดยังไม่กล้าเลย แต่มีอยู่ครั้งนึงลองที่จะทำ
พอทำแล้ว ทำได้นี่ แค่ทำเท่านั้นเอง ทำให้มั่นใจตัวเองมากขึ้น
พอต่อไปก็คิดอะไรอีก จะคิดเยอะๆ คิดมากมาก คิดหลายด้าน
มองอะไรไกลๆ พอสรุปว่าจะทำ คือทำเลย ทำเฉยๆ มีอะไรมาโต้แย้ง
ก็รับฟังนะ แต่ก็จะทำต่อ เพราะเราคิดแล้วว่าดีที่สุดคือแบบนี้ เราก็ทำ
กว่าจะเดินได้ คิดได้ ก็เหนื่อยมากเช่นกัน

คนที่อยากเป็นตัวเองนั้น สิ่งแรกคือรู้ให้ได้ก่อนตัวเองต้องการ
และจะต้องไม่เดือดร้อนคนอื่น
สิ่งที่ต้องการนั้น คืออะไร จะทำอย่างไร คิดให้ได้
หากแน่ใจแล้วนั้นคือต้องการจริงๆ ลงมือทำเลย ไม่ต้องคิดถึงผลลัพธ์
ผิดทำใหม่ ผิดอีกรอบแรกทำยังไงรอบสองต้องไม่ทำแบบนั้น จำไว้ผิดยังไง
รอบสาม รอบสี่ ทำใหม่ได้เสมอ ทำจนกว่าจะใช่ตามต้องการ
นั้นคือข้อแรกของการเป็นตัวเอง เราเป็นตัวเองเราจะรู้ว่า..อ้อ!
ไม่ว่าอะไรจะผ่านเข้ามาหรือผ่านออกไป เราก็ยืนได้เสมอ
อ่อนแอได้แต่ต้องไม่นาน เข้มแข็งได้แต่ไม่ใช่ทิ้งสังคมเลย
อยู่ได้เสมอไม่ว่าจะมีอะไรหนักแค่ไหน เบายังไง
นั้นแหละ ชีวิตที่เป็นเราเองจริงๆ ชิว ชิว ครับ

เจ้าของ:  เพลิง. [ 07 ก.ย. 2009, 21:21 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สัจธรรม..กับ..ความรัก

ธรรมะที่ทำให้เป็นที่รัก
ทุกคนอยากให้คนอื่นรัก แต่เขาไม่รักก็เพราะขาดหลักธรรม

ทุก คนปรารถนาอยากให้ตนเป็นที่รัก เป็นที่พอใจของเพื่อนสนิทมิตรสหาย ญาติ หรือคนใกล้ชิด
อีกทั้งยังอยากให้คนอื่นมาเคารพนบนอบ และสรรเสริญเยินยอตนเองด้วยกันทั้งหมดทั้งสิน

แต่จะมีสักกี่คนที่ได้สม ความมุ่งมาตรปรารถนา ทั้งนี้เพราะเกิดจากการขาดหลักธรรม หรืออาจจะเพราะไม่รู้ว่ามีหลักธรรมดังกล่าว จึงมิได้นำมาประพฤติปฏิบัติ ผู้เขียนเองก็ไม่เคยทราบมาก่อน เมื่อมาค้นพระไตรปิฎกดู ก็ปรากฎว่ามีหลักธรรมที่ทำให้เป็นที่รักอยู่ หากนำมาเผยแพร่ และมีผู้นำไปปฎิบัติอย่างน้อยก็จะมีคนมารักเพิ่มขึ้น ถึงแม้นจะไม่มีอย่างน้อยเราก็รักตัวเองขึ้นมาบ้าง

ท่านที่ผิดหวังอาจจะได้ย้อนคิด มีเวลามาไตร่ตรองดูตามหลักธรรมว่า ที่เขาทิ้งเราไปเพราะเหตุใด
เราขาดหลักธรรมในข้อไหน หรือเราผิดอะไร... เขาจึงทำกับเราได้

พระบรมศาสดาได้เคยตรัสเกี่ยวกับธรรมะที่ทำให้เป็นที่รักไว้ใน ทุติยอัปปิยสูตรไว้ว่า
ผู้ใดมีธรรม ๘ ประการ ย่อมเป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่เคารพ และเป็นที่สรรเสริญของเพื่อน
ประกอบด้วยคือ

๑. ไม่เป็นผู้มุ่งลาภ

๒. ไม่เป็นผู้มุ่งสักการะ

๓. ไม่เป็นผู้มุ่งความมีชื่อเสียง

๔. เป็นผู้รู้จักกาล

๕. เป็นผู้จักประมาณ

๖. เป็นคนสะอาด

๗. ไม่เป็นคนชอบพูดมาก

๘. ไม่เป็นผู้ด่าบริภาษเพื่อน"

ในทำนองเดี่ยวกัน หากเราต้องการให้คนอื่นไม่รัก
ไม่พอใจเราก็ให้กระทำตรงข้ามกับหลักธรรม ดังกล่าวนี้เช่นกัน
เราเป็นพุทธศาสนิกชนก็นำมาปรับและประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้เช่นกัน
เพราะหลักธรรมมีความใหม่ ทันสมัย และใช้ได้อยู่เสมอ...

เจ้าของ:  เพลิง. [ 08 ก.ย. 2009, 14:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สัจธรรม..ของ..ความรัก

หยาดน้ำตาของนักรบ

ยินข่าวการเข้าปิดล้อมและเข้าตรวจค้นหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-พม่า
แล้วทหารนายหนึ่งถูกยิงเสียชีวิต

ครั้นพอผมสอบถามเพื่อนทหารที่ตั้งชุดปฏิบัติการฯ ภายในศูนย์การเรียนที่ผมสอนหนังสืออยู่นั้น
ทำให้ผมรู้สึกอึ้ง- -เมื่อรู้ว่าทหารผู้พลีชีพนั้น เป็น จ.ส.อ.สมัย สองศรี ซึ่งครั้งหนึ่ง,
ผมเคยไปนั่งสนทนากินดื่มด้วยกัน ที่ริมตะเข็บชายแดนชายแดนไทย-พม่าเมื่อสองเดือนก่อน

เย็นวันหนึ่ง ผมกับเพื่อนควบมอเตอร์ไซค์ไปเยี่ยมเยือนมิ่งมิตร
ที่ทำงานอยู่ตามเขตชายแดนในเขตอำเภอเวียงแหง เชียงใหม่

หลายคนที่นั่น ทำงานตามหน้าที่ของตนอย่างมุ่งมั่นและหาญกล้า

“หมอหนุ่ย” เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ เข้าไปส่งเสริมการเลี้ยงแกะตามแนวพระราชดำริ
“ครูเคน” เข้าไปสอนหนังสือให้แก่เด็กชาวไทยภูเขา
และชุดทหารม้า คอยปกปักรักษาอธิปไตยและความสงบเรียบร้อยตามแนวตะเข็บชายแดน

“ทุกคนที่นี่ล้วนเป็นเช่นนักรบ…” ผมครุ่นรำพึง

พูดก็พูดเถอะ ผมมองวิถีของแต่ละคนแล้ว ทุกคนล้วนทำงานไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก
ที่ขึ้นมาทำงานบนภูเขาที่ติดรอยตะเข็บชายแดนเช่นนี้
ผมเข้าใจว่าทุกคนต้องมีจิตใจที่กล้า แกร่ง อดทน และเสียสละจริงๆเท่านั้น

“เพราะนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย ที่เราต้องช่วยกันร่วมมือกันเพื่อคนส่วนใหญ่…”
ใครคนหนึ่งเอ่ยออกมา

คืนนั้น เดือนมืดและเหน็บหนาว
เรา นั่งอยู่ตรงนั้นหน้าศูนย์การเรียน
แสงเทียนเล่มน้อยส่องสว่างวับแวมไปมา ส่องสาดใบหน้าพวกเขาเป็นสีทอง

ทุกคนล้อมวงกินข้าว ดื่มเหล้าป่า
และพูดคุยสนทนากันถึงเรื่องราวชีวิตกันและกัน

บางห้วงในความเงียบงัน
สีหน้าดวงตาของเขาเคร่งเครียดกับหน้าที่การงานอันหนักหน่วง
ยามชีวิตอยู่กับความหวาดระแวงในวิถีที่ต้องต่อสู้

มองออกไปบนเทือกเขาเบื้องหน้า
แสงไฟวอมแวมอยู่บนฟากฝั่งโน้น

“ นั่นคือฐานของทหารพม่า ที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด” ทหารนายหนึ่งชี้มือบอกผม

ผมบอกให้เพื่อนครูดอย หยิบกีตาร์มาบรรเลงร้องเพลงกล่อม….

“ คืนเดือนมืดหม่น ไร้ผู้คนหมางเมินห่างไกล

ใครให้กำลังใจ ใครจุดไฟให้เราก้าวนำ

ความทรงจำย้ำเตือน มิเคยเลือนอดีตฝังจำ

รอยเท้าเคยเหยียบย่ำ ไปตามหนทางเป็นไท…"
( รอยอดีต,คาราวาน )

บรรยากาศในห้วงยามนั้น ช่างเหงาเงียบยังไงไม่รู้...

ฟ้ามืด ลมนิ่ง ทว่าความคิดความรู้สึกหลายๆ คนนั้นกลับล่องลอยไปไกลแสนไกล…

“ บางครั้ง ผมเคยเฝ้าถามตัวเองว่า เรามาทำอะไรที่นี่
ทั้งที่ฐานะทางบ้านผมนั้นมีกินมีใช้ มีเมียมีลูก แล้วเรามาทำอะไรที่นี่..."

"จะ มีใครบ้างจะคิดถึงพวกเรา คนทำงานตามแนวชายแดน แต่ช่างก็ช่างเถอะ...
แต่เมื่อนึกถึงองค์ในหลวงและประเทศชาติแล้ว ผมกลับมีใจฮึกเหิมและเชื่อมั่นทุกครั้ง … ”

เขาบอกผมอยู่อย่างนั้นซ้ำๆซากๆ

“ อ่านคำบรรยายจดหมายถึงพ่อ

หนูยังรอวันพ่อกลับบ้าน

กล้ามะละกอที่พ่อนั่นหว่าน

คงอีกไม่นานลูกโตน่าดู…”

เพื่อนผมเล่นกีตาร์และร้องเพลง “จดหมายของพ่อ” ของอิ๊ด ฟุตบาท ให้เขาฟัง…

“ พ่อไปคราวนี้แม้จะยาวนาน

พวกเราทางบ้านเป็นกำลังใจ

แต่บางคืนแม่สะอื้นร้องไห้

ลูกแกล้งหลับไป สงสารแม่จัง…”

พอเราร้องถึงท่อนนี้ ผมจ้องมองลึกในดวงตาของเขา
หยาดน้ำใสๆไหลรินอาบแก้มทหารหนุ่ม
เห็นเขายกมือปาดน้ำตาให้เหือดหาย
เราร้องเพลงนี้ไม่จบ เมื่อเขาขอให้หยุดร้อง…

เช้ามืดวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2546
ชุด ทหารหน่วยเฉพาะกิจทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ได้เข้าปิดล้อมหมู่บ้านเป้าหมาย
ตามแนวชายแดนที่มีความเคลื่อนไหวยาเสพติดรุนแรงแห่งหนึ่งในภาคเหนือ

เขาเรียกให้เจ้าของบ้านออกมาแสดงตัว
ทว่ากลับถูกปืนยิงสวนออกมาทันใด!
กระสุนปืนเข้าที่หน้าอกขวา ทำให้เขาล้มฟุบลงทันที

กว่าฟ้าจะสาง ชีวิตเขาก็ดับและลับลา

“ จ่าหมัยโดนยิงตาย…” ยินข่าวนี้แล้ว

ทำให้ผมรู้สึกเศร้าและเหงาอย่างบอกไม่ถูก
นึกถึงใบหน้าอันเคร่งเครียดของเขา
นึกถึงหยาดน้ำตาของนักรบ
นึกถึงใบหน้าอันเศร้าโศกและเคว้งคว้างของครอบครัว ภรรยาและลูกของเขา

ที่ต้องรับรู้ว่า “พ่อไปคราวนี้ยาวนาน นานและนาน ”

ผมเขียนไว้นานแล้ว เมื่อครั้งเป็นครูดอย...(2537-2547)

เจ้าของ:  ลุงมะตูม [ 08 ก.ย. 2009, 17:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สัจธรรม..ของ..ความรัก

:b55: :b55: :b55:

ไฟล์แนป:
Clapping.gif
Clapping.gif [ 4.6 KiB | เปิดดู 11572 ครั้ง ]

เจ้าของ:  -dd- [ 08 ก.ย. 2009, 18:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สัจธรรม..ของ..ความรัก

ม้าของท่านPlerng. น่ารักนะ อ้อ บทความก็เยี่ยม ขอบคุณครับ.. smiley cool tongue :b4:

เอ๊ะ นั่นลุงมะตูมหรือครับ ?..น่ารักเหมียนกัลลล :b13: :b13: :b13: :b38: :b39: :b45:

เจ้าของ:  บุหลัน..เลื่อนลอย [ 09 ก.ย. 2009, 15:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สัจธรรม..ของ..ความรัก

หวัดดีครับคุณเพลิง...ชอบครับเขียนได้ดี... :b35: :b35:
ไว้ผมจะหามาแจมด้วยครับ :b31: :b31:

เจ้าของ:  ปลายฟ้า...ค่ะ [ 10 ก.ย. 2009, 00:15 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สัจธรรม..ของ..ความรัก

สายสัมพันธ์..นี้คือเพื่อน
ไม่ลบเลือนลาลับดับสิ้นได้
แม้นเดือนดับดาวสิ้นแผ่นดินไป
สานสายใย..ย้ำเตือน..เราเพื่อนกัน

ไฟล์แนป:
1220866408.jpg
1220866408.jpg [ 45.43 KiB | เปิดดู 11469 ครั้ง ]

เจ้าของ:  walaiporn [ 10 ก.ย. 2009, 07:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สัจธรรม..ของ..ความรัก


แวะมาเยี่ยมค่ะ ... cool
ว่างๆเชิญแวะที่ห้องอาหารเจและห้องน้ำสมุนไพรนะคะ :b12:

เจ้าของ:  punyisa [ 10 ก.ย. 2009, 10:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สัจธรรม..ของ..ความรัก

อ่านทุกบรรทัด อ่านจนจบ
ชอบมาก ๆ ค่ะ :b17: :b35:

เจ้าของ:  เพลิง. [ 12 ก.ย. 2009, 23:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สัจธรรม..ของ..ความรัก

ขอบคุณรูปจากคุณปลายฟ้า... :b8:
ขอบคุณทุกๆ ท่านทึ่เข้ามาทักทายกัน :b8:

http://www.imeem.com/innernook/music/lN790g-D//?rel=1

ฉันไม่ใช่ผู้วิเศษ ที่จะเสกปราสาทงามให้เธอ
ไม่มีฤทธิ์เดช ไม่มีราชรถเลิศเลอ
แต่ฉันมีใจพิเศษ จะพาเธอผ่านคืนนี้ไป
ฉันเป็นเพียงผู้ชาย คนนี้ที่มีใจมั่นรักเธอ

โอบกอดฉันไว้ หลับตาผ่อนคลายให้สมฤดี
เราจะบินหนี ข้ามน้ำทะเลและแดนกว้างใหญ่
ดาวพราวดั่งฝัน กลางคืนยาวนานร่านหัวใจ
ปล่อยความเหงาไป ทอดทิ้งใจ รักจะพาแต่เราไปสองคน

ฉันไม่ใช่คนยิ่งใหญ่ ร่ำรวยจ่ายเงินเร็วร้อนแรง
ไม่มีอำนาจใด ประหนึ่งเจ้าชายจะสำแดง
มีเพียงหัวใจ จะพาเธอผ่านคืนนี้ไป
ฉันเป็นเพียงผู้ชาย คนนี้ที่มีใจมั่นรักเธอ

ไม่ใช่ผู้วิเศษ เป็นเพียงผู้ชายมีใจมั่นรักเธอ
ไม่มีฤทธิ์เดช มีเพียงหัวใจที่ใฝ่เฝ้ารักเธอ
ไม่ใช่ผู้วิเศษ เป็นเพียงผู้ชายมีใจมั่นรักเธอ
ไม่มีฤทธิ์เดช มีเพียงหัวใจที่ใฝ่เฝ้ารักเธอ

เจ้าของ:  เจ้านาง [ 13 ก.ย. 2009, 01:21 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สัจธรรม..ของ..ความรัก

:b16: นี่แหละ..สัจธรรม ของความรัก..ประทับใจมากค่ะ :b16:

:b8: ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวดีๆที่มีมาให้อ่าน :b8:

:b41: ซึ้งใจจัง :b41:

:b44: :b44: :b44: :b44: :b44: :b44:

เจ้าของ:  เพลิง. [ 13 ก.ย. 2009, 11:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สัจธรรม..ของ..ความรัก

รูปภาพ
"แสงแห่งรัก?"

"เปล่งประกายแวบวับจับไรผม
วาววับจมสู่ปอยค่อยเร้นสี
สักครู่วาบแสงไหวคล้ายมณี
ทำอย่างนี้แกล้งซ่อนอ้อนให้ตาม

เกาะไต่เส้นเกสาแอบหน้าน้อง
พี่ลอบมองผ่านตาแสงพาหวาม
ในระทึกของใจเต้นไหวลาม
สะกดท่ามสรรพสิ่งนิ่งจังงัง

ผิวหน้าเรื่อชมพูจู่แก้มสาว
แสงค่ำน้าวเงาทอดสู่ยอดขลัง
จังหวะน้องประหม่ามาประดัง
มือพี่รั้งกุมปอยแสงน้อยนิด

กำเบาเบารูดย้ายหลุดปลายผม
น้องอายก้มสั่นคละภาวะจิต
แสงสวรรค์ในมือยังสื่อฤทธิ์
โชนชีวิตอ่อนพลิ้วลอดนิ้วมือ

สะกดน้องช้าช้าปรางหน้ายิ้ม
จารึกพิมพ์จอมขวัญวันใสซื่อ
เร่งน้ำคำออดอ้อนป้อนคำคือ
ฝีปากตื้ออยากเห็นแสงเย็นนวล

พี่ค่อยปล่อยอิสระละถวิล
ลอบจับภาพยุพินเผยยิ้มสรวล
คลายฝ่ามือหิ่งห้อยพร้อยแสงชวน
บันทึกล้วนตรงนี้..ว่ามีรัก?"

เจ้าของ:  COMA! [ 13 ก.ย. 2009, 11:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สัจธรรม..ของ..ความรัก

ยินดีที่ได้รู้จักจ๊ะ..คุณเพลิง...
กลอนคุณสวยนะ..แต่ต้องอ่านให้จบ...ถึงโล่งอก...อ้อ! หิ่งห้อย...นะ :b12:

หน้า 1 จากทั้งหมด 5 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/