สวัสดีค่ะ คุณนนนน ทำไมไม่รู้ เข้ามาตอบกระทู้ของคุณ 2 ครั้งแล้ว พิมพ์เสร็จจะส่ง เน็ตหลุด พอดีเลยก็เลยไม่ได้แสดงความคิดเห็นกับคุณสักที(ตอบกระทู้ของคุณเพชรก็เป็น)พิมพ์ใหม่ล่ะกัน
มีคนรู้จักคนหนึ่งบอกว่า ถ้าเรามีปัญหาครอบครัว ถ้าเราไม่ต้องการจะกลับไปใช้ชีวิตครอบครัวเหมือนเดิมก็ให้หมั่นทำบุญ สวดมนต์ เจริญภาวนา เพราะเมื่อเราสร้างแต่บุญกุศล ส่วนสามีสร้างแต่กรรม เวลาที่สามีจะกลับมาง้อขอคืนดีกับเราเขาจะเอื้อมไม่ถึงเราแล้ว เพราะสถานะของบุญเรากับสามีมันต่างระดับกัน แต่ถ้าเรายังรักสามีอยู่ หรือแค่อยากให้เขาพูดจากับเราดี ๆ ไม่โกรธ ไม่เกลียดเรา คือให้มีสติกับเรา ก็ให้เราใส่บาตรช่วงเช้าอุทิศบุญให้แก่เขา เช่น ถ้าคุณนนนน เกิดวันศุกร์ วันศุกร์ เป็นมิตรกับวันอังคาร ก็ให้ไปใส่บาตรในเช้าวันอังคาร(ทำทุกอังคาร) พอจะกรวดน้ำ ให้เอาน้ำใส่แก้ว แล้วเทลงบนดิน อย่าเอานิ้วมือรองไม่ต้องเทใส่ภาชนะใด ๆ ทั้งสิ้น และขณะเทน้ำลงดินก็ให้คุณพูดว่า ข้าพเจ้า....ชื่อ-นามสกุล.....ขออุทิศบุญกุศลจากการทำบุญใส่บาตรเช้าวันนี้ให้กับ......ชื่อ-นามสกุลสามี.....ถ้าชาติก่อนได้ทำอะไรไม่ดีกับเขาไว้ ก็ขอให้เลิกแล้วต่อกัน นับแต่นี้ต่อไป ขอให้เขาดีต่อข้าพเจ้า เมตตาข้าพเจ้าด้วย ...ถ้าน้ำยังเหลือก็เทลงดินให้หมดแก้วเลย ......อย่าว่างมงายเลยนะค่ะช่วงขณะที่เราเคว้งคว้างอะไรที่คิดว่าจะทำให้คู่ของเราดีขึ้น ก็ลองทำทั้งนั้น เพราะดูแล้วว่าถึงจะไม่มีผลอันใดเกิดขึ้น เราก็ยังได้ทำบุญได้ใส่บาตรให้พระฉันจริงไหมค่ะ ...ดิฉันลองทำดู 3 อังคาร สามีก็ดูเป็นมิตรกับเราขึ้น ดูใจเย็น มีสติ(อาจจะเป็นเพราะด้วยเวลาเลยทำให้สามีมีสติขึ้นก็ได้) สามีไม่เดินหนีเราเหมือนก่อน คือยังรับฟังเราบ้าง และไม่ใช่จะทำแค่นี้ ดิฉันยังสวดมนต์ ทุกคืนเน้น ๆ เลยคือบทพาหุงมหากา อิติปิโสเท่าอายุ + 1 แล้วแผ่เมตตาให้ตัวเอง ให้สามี(เมียน้อยถ้ามี)ให้ญาติที่ล่วงลับ เจ้ากรรม นายเวร และสรรพสัตว์ทั้งหลาย ....และก็สั่งพิมพ์หนังสือสวดมนต์ เล่มเท่าขนาดฝ่ามือ มีบทสวดเยอะดี พกพาสะดวก สั่ง 100 เล่มเลยชีวิตจะได้พอดี พอดีไม่ขาดไม่เกิน ดิฉันเอาไปวางไว้ตามร้านค้าที่รู้จักหลาย ๆ ร้านพร้อมเขียนว่า"แจกฟรี" มันก็รู้สึกดีนะค่ะที่หนังสือสวดมนต์อาจจะมีประโยชน์กับคนอื่น ๆด้วย ....ดิฉันลองตรองดูแล้วว่าดิฉันกำลังหลงทางหรือเปล่าแต่ก็คิดว่าไม่เพราะยังไงมันก็ยังเป็นบุญเพื่อน ๆ ว่าจริงไหมค่ะ....คุณนนนน จะลองทำดูไหม ว่าแต่คุณเกิดวันอะไรค่ะจะได้บอกถูก.

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะค่ะคุณ PENYA ดิฉันเกิดวันอาทิตย์ค่ะ ตอนนี้ก็สวดมนต์ทุกวันค่ะ แผ่ส่วนกุศล อุทิศส่วนกุศลไปให้สามีและเธอคนนั้นด้วย ดิฉันว่าเรื่องที่คุณนะนำไม่งมงายหรอกค่ะ อย่างว่าอย่างน้อยเราได้ทำบุญ กุศลก็จะส่งผลให้เราพบสิ่งที่ดี ๆ และก็เป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้เราใจเย็นลง และควบคุมสติตัวเองได้ดีกว่าเมื่อก่อนมาก ดิฉันเชื่อในเรื่องกรรมนะค่ะ เพียงแต่เมื่อก่อนอาจเข้าใจผิดไปบ้าง คือเมื่อก่อนเข้าใจว่าตั้งแต่เกิดมาเราคิดดี ทำดีมาโดยตลอด เราน่าจะได้เจอแต่สิ่งดี ๆ แต่ลืมนึกถึงกรรมจากชาติ ภพที่ผ่านมาที่จะมาส่งผลกับเราในขณะนี้

มีคนแนะนำว่าเวลากรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวรให้ใช้คำว่า ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ผู้ที่ข้าพเจ้าเคยเบียดเบียน ล่วงเกิน ด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน ข้ามภพ ข้ามชาติ เพื่อเจ้ากรรมนายเวรของเราที่ผ่าน ๆ มาจะได้รับโดยทั่ว ๆ ลองใช้ดูนะคะ

คุณ นนนน สู้สู้นะค่ะเป็นกำลังใจให้ค่ะ

วันอาทิตย์เป็นมิตรกับครูคือวันพฤหัสบดี ลองใส่บาตรช่วงเช้าทุกพฤหัส นะค่ะ แล้วกรวดลงดินเลยอย่างที่บอก ลองดูสัก 2 - 3 พฤหัส ว่าจะมีอะไรดีขึ้นบ้างไหม....คุณเกิดวันอาทิตย์ตามตำราว่าคุณค่อนข้างใจร้อนนะค่ะ รักความยุติธรรม มีความกระตือรืนร้น มีความเป็นผู้นำ มีความกล้าอย่างมาก และมีความหยิ่งทะนง รักศักดิ์ศรีเป็นที่สุด.....วันอาทิตย์ คือธาตุไฟ เป็นความร้อน คุณมาถูกทางแล้วค่ะ หลักธรรมะสอนให้เรารู้จักความสงบ ปล่อยวาง ละความอาฆาตพยาบาท เดี๋ยวคุณก็สามารถเปลี่ยนไฟจากความร้อนให้เป็น "ไฟเย็น" ได้ค่ะ.... ดูคุณทักทายซิยังเปลี่ยนจาก ธาตุน้ำ(เดือด) เป็นน้ำแข็งใส่น้ำหวานได้เลยใครอยู่ใกล้ก็ชื่นใจ ....ส่วนดิฉัน ธาตุน้ำ แต่เป็น "น้ำกรด" กำลังจะเปลี่ยนให้เป็น "น้ำกดแช่เย็น" อยู่แต่ไม่รู้ต้องใช้เวลานานแค่ไหน....สู้ สู้ ต่อไปนะ ทาเคชิ

เห็นด้วยกับคุณเพชรค่ะ ที่ดิฉันมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ก็เพราะลานธรรมจักรแห่งนี้ค่ะ ทุกๆท่านได้ช่วยเหลือดิฉันและเป็นกำลังใจมาตลอดค่ะ

ดิฉันเห็นว่าดีนะค่ะ และจะทำด้วยค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อแนะนำดีดีค่ะ

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ แล้วจะพยายามไปใส่บาตรในวันพฤหัสให้ได้นะคะ บังเอิญวันนี้เป็นวันที่ยุ่งที่สุดของแต่ละสัปดาห์ เอ มีข้อสงสัยว่าทำไมเราถึงไม่ใส่วันอาทิตย์เลยคะ

เติมกำลังใจให้ตัวเองและเป็นกำลังใจให้กับทุก ๆ คนค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณนนนน ที่คุณทักทายบอกไว้ถูกค่ะ เพราะวันอาทิตย์เป็นมิตรกับครู จะได้เกื้อหนุนกัน คือให้ใส่วันพฤหัส เพราะเราต้องการให้สามีเรามองเราแบบเป็นมิตรขึ้นก็จำเป็นต้องใส่วันนี้ค่ะ หรือถ้าคุณนนนนต้องการให้ เมียน้อย(ไม่อยากพิมพ์คำนี้เลย)ลดการจองเวรจองกรรมกับเราในชาตินี้ ก็ให้คุณนนนน ใส่บาตรทุกวัน อังคาร เพราะวันอาทิตย์เป็นศัตรูกับวันอังคารค่ะ หรือถ้าเรามีบุตรที่ดื้อ ไม่ฟังพ่อแม่ ก้าวร้าว ก็ให้ใส่บาตรในวันอังคาร เหมือนกัน และตอนกรวดน้ำทั้ง 2 แบบ ก็ให้พูดเหมือนกับใส่บาตรวันพฤหัสค่ะ
ไม่แน่ใจนะค่ะว่าจะได้ผลมากน้อยแค่ไหน แต่ทุกวันนี้ ดิฉันจะใส่บาตร แน่ ๆ เลย คือวันอังคาร และวันเสาร์(ให้ลูก ลูกดื้อค่ะ) ฝนจะตก จะนอนดึกแค่ไหนก็ต้องตื่นเช้าไปใส่บาตรค่ะ....ส่วนวันอื่น ๆ ถ้าคืนไหนนอนเร็วก็จะตื่นไปใส่เหมือนกัน เพื่อกรวดให้ญาติ สรรพสัตว์ ที่ล่วงลับค่ะ แต่สาเหตุหลัก ๆ ด้วยที่ไปใส่คือจะไปซื้อของกิน กับข้าว ผลไม้ มาให้คนที่บ้านกินกัน(เบื่อทำกับข้าว).....วันนี้ดิฉันรู้สึกหดหู่ เบื่อจัง ถ้าสามีของเราชอบพูดโกหกแล้วเราจับได้ แต่ไม่พูด ดูเค้ามีความสุขกับสิ่งนี้ เราจะได้บุญไหมเนียะ ไม่รู้ว่าสามีโกหกเค้ามีเหตุผลของเค้าเพื่ออะไร แปลกนะคนพูดโกหก เวลาพูดประโยคเดิม คำพูดมันจะไม่เหมือนกันสักครั้ง พูดโกหกครั้ง สองครั้ง ก็คงไม่เป็นไร แต่นี่มันบ่อย ๆ มันเลยเซ็งจัง(นอกเรื่องเลย...ไม่รู้จะระบายกับใคร ขอใส่ในกระทู้ คุณนนนน หน่อยนะค่ะ).

คุณ PENYA การพูดโกหกผิดศีลนะค่ะ สามีคุณน่าจะรู้ดี แต่จริง ๆ แล้วคนที่พูดโกหกนะไม่มีความสุขหรอกค่ะ (ถือว่าได้รับผลกรรม) เพราะกลัวว่าเราจะจับโกหกได้
ที่เรารู้แล้วไม่พูดเขาอาจคิดได้ว่าเราไม่รู้ และก็อาจจะใช้การโกหกนี้เพื่อหนี...หรือแก้ปัญหาอะไรของเขาไป คุณอาจบอกเป็นนัย นัย ว่าจริง ๆ เรารู้นะว่าเขาโกหก เพื่อเขาจะได้ไม่ใช้บ่อย จะได้ไม่ทำผิดศีลบ่อย ๆ นะค่ะ

หลีกเลี่ยงการซักถาม เพื่อช่วยให้สามีไม่พูดโกหกค่ะ เราเองก็ได้กุศลเหมือนกัน เพราะถ้าถามไปก็ไม่ได้คำตอบที่จริงหรอกค่ะ ไม่รู้จะถามไปทำไมเพราะหากเรารู้ว่า คำตอบที่ได้นั้นคือคำโกหก เราเองที่จะยิ่งหงุดหงิด และไม่สบายใจ

ช่วงนี้สามีเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อยค่ะ แต่ถึงอยู่ด้วยกันหรือไม่ ดิฉันรับรู้ได้ว่าความไว้วางใจที่เคยมีให้เต็มร้อยมันแทบไม่เหลือ เวลาออกบ้านมันมักจะคิดว่า เขาต้องมีอะไร อะไรแน่ ๆ พยายามไม่คิดนะค่ะ พยายามบอกตัวเองว่าช่างมันเถอะ เขาไปไหน ทำอะไรก็เรื่องของเขา เราไม่สามารถไปกำหนดอะไรได้ แต่ความไว้วางใจในตัวเขามันน้อยมาก จนบางครั้งคิดว่า เราต้องอยู่กับความรู้สึกนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ แย่จังนะค่ะ

บางทีการอยู่ใกล้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรักกันมากขึ้น บางทีการอยู่ไกลอาจจะใช้เวลาคิด หรือมีเวลาไตร่ตรองอะไรได้มากขึ้น เป็นประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย ถึงแม้ว่าเค้าอยู่ไกลเรา แต่ไปใกล้คนอื่น ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ของเรา เพราะเค้าจะได้มีเวลาศึกษากันมากขึ้น และสำหรับเราก็จะได้พักใจ พักกาย ละทิ้งความเครียดได้ระยะหนึ่ง

คุณเพชรค่ะ ตอนนี้อยู่ก็เหมือนเราต้องทนกับความเจ็บซ้ำ ๆ ถึงทำใจได้บ้างแต่ก็ยังรับไม่ได้อยู่ดีนั้นแหละค่ะ บางครั้งถามตัวเองว่าทำไมเราต้องทน ถ้าเราไม่มีเขาเราอยู่ได้ไหม มีคำตอบก็คือเพื่อตัวเองเพราะเรายังรักเขา เพื่อลูกจะได้มีพ่อ เวรกรรมยังไม่หมดก็คงต้องชดใช้กันไปใช่ไหมค่ะ