วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 20:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 62 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 02:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


เกริ่นนำก่อนเข้าเรื่อง Kiss

สวัสดีค่ะ กัลยาณมิตรแห่งลานธรรมจักรทุกคน หลังจากตามอ่านอยู่นานประมาณ 1 เดือน วันนี้ก็เกิดแรงบันดาลใจอยากจะมาตั้งกระทู้บ้างค่ะ แรงบันดาลใจที่ว่านี้ ก็เนื่องมาจากความทุกข์ของเรา และความอยากดับทุกข์เหมือนทุก ๆ คนนั่นแหละค่ะ ความทุกข์ยอดนิยมจะเป็นเรื่องอะไรไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เรื่อง ความรัก s005

เมื่อ 1 เดือนที่แล้ว เราเลิกกับแฟนค่ะ มีความทุกข์มากกก จนถึงขนาดไม่อยากจะตื่นขึ้นมารับรู้ความทุกข์นั้นอีกเลย แต่อาจจะเป็นเพราะบุญเก่ายังพอมี พอมีความทุกข์ แทนที่จะปล่อยตัวเองให้จมทุกข์ ก็มีความพยายามอยู่นิดนึงค่ะ ที่จะหาทางดับทุกข์ ธรรมะ เป็น “ตัวเลือก”นึงของเรา ที่ขอใช้เป็นที่พึ่งเพื่อดับทุกข์ (ตอนเลิกกะแฟนคนที่แล้วเราไม่เคยนึกถึงธรรมะเลยค่ะ ได้แต่ไปเที่ยวให้ลืม ไม่ก็เกาะติดอยู่กะเพื่อน ไม่เคยคิดจะหาทางช่วยเหลือตัวเองเลย ซึ่งก็หายนะคะ แต่กว่าจะหายได้ ทุกข์ใจอยู่เป็นปีเลยทีเดียวค่ะ) พอมาครั้งนี้ เนื่องจากมาศึกษาต่อต่างประเทศ เรื่องจะเกาะติดเพื่อน ก็ตัดไปได้เลย เพราะเพื่อนอยู่ไทย หมดสิทธิ์ นั่นแหละค่ะ เลยต้องหาทางทำอะไรก็ได้ให้คลายเศร้าด้วยตัวเอง มาถึงตอนนี้ รู้สึกว่า ทำไม๊ทำไม คนเราต้องรอให้มีความทุกข์ด้วย ถึงจะนึกถึงธรรมะ ทำไมไม่ยึดเอาคำสอนดีดีของพระพุทธเจ้า มาเป็นแนวทางปฏิบัติตนในชีวิตตั้งแต่แรกก็ไม่รู้ ขอบอกคนที่คิดว่าตอนนี้ตัวเองยังไม่มีความทุกข์อะไรเลยนะคะว่า “กรรม” จะมาตอนไหน เค้าไม่บอกเราล่วงหน้าหรอกค่ะ วันนี้เรามีความสุข รักกกะคนรักอยู่ดีดี พรุ่งนี้อาจจะมีเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจแบบไม่ทันตั้งตัวก็ได้ ที่พูดไม่ได้แช่งนะคะ แต่อยากให้เตรียมพร้อมรับมือกับความทุกข์เสมอ ดังคำที่บอกว่า สุขก็ไม่เที่ยง ทุกข์ก็ไม่เที่ยงนี่แหละค่ะ ไม่มีอะไรอยู่ตลอดไป สุขได้ก็ทุกข์ได้ และแน่นอนค่ะ ถ้าทุกข์ได้ เราก็หายจากทุกข์ได้เหมือนกัน rolleyes

เขียนมาถึงขนาดนี้ หลายคนคงคิดว่า ยัยนี่มันคงคิดได้ ตัดใจได้ และจะมาบอกหนทางดับทุกข์จากความรักแน่ ๆ แต่ขอโทษที่ต้องทำให้ผิดหวังค่ะ คิดได้ ยังอีกห่างไกลค่ะ ทุกวันนี้ดีขึ้นมาก แต่กรรมจากการยึดติดยังมาบังปัญญาอยู่ เลยสละออกไม่ได้ซักที เคยคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าเมื่อไหร่ทำใจได้นะ จะจำไอ้ความรู้สึกที่ทำให้หายได้ไว้แม่น ๆ เลย แล้วจะมาบอกต่อเป็นวิทยาทานให้คนที่ผิดหวังจากความรักคนอื่น ๆ ได้รู้กัน เพราะทุกวันนี้ ตามอ่านเรื่องความทุกข์จากความรัก เห็นอาการเหมือน ๆ กันทุกคนค่ะ คำปลอบก็เหมือน ๆ กัน บางคำโดนใจ ทำให้ฮึดอยากปล่อยวาง แต่ซักพักเดี๋ยวก็กลับมาเศร้าใหม่ แต่ว่าคนเราจะไปให้สติคนอื่นได้ ก็ควรที่จะทำได้เองก่อน จริงมั๊ยคะ ในเมื่อตอนนี้เรายังทำไม่ได้เล้ยยย แล้วจะมีหน้าไปบอกใครเค้า ในเมื่อหัวเดียวคิดไม่ออก ก็ขอความกรุณากัลยาณมิตร ณ ลานธรรมจักร ช่วยระดมปัญญา ได้โปรดให้คำปรึกษาผู้หญิงตาดำ ๆ (ตัวก็ดำ) คนนี้ด้วยเถอะนะค๊า ขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับการติดตามค่ะ huh

ป.ล. ตอนที่มีความคิดอยากเขียนวิธีดับทุกข์จากความรัก อยากเขียนให้ออกแนวนิยายน่ะค่ะ เพราะคิดว่าน่าจะอ่านเพลินและเข้าใจง่ายกว่าบทความที่ใช้คำยาก ๆ ดังนั้น จะขอเล่าเรื่อง ประสบการณ์จริงของตัวเอง ในส่วนที่คิดได้บ้าง และยังคงคิดไม่ได้ อย่างละเอียดนะคะ อย่าเพิ่งเบื่อกันไปก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะมาเล่าใหม่ ให้โอกาสนักเขียนมือใหม่ Based on my sa d story คนนี้ด้วยนะคะพี่น้อง tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 09:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 16:30
โพสต์: 74

ชื่อเล่น: ใบเฟิร์น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อาการเดียวกันเลยค่ะ เลิกกับแฟนมาประมาณเดือนกว่าๆแล้ว ก็ทำใจได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ตอนนี้ดีขึ้นกว่าเดือนที่แล้วเยอะทีเดียว ก็ไหว้พระ สวดมนต์ ก่อนนอนทุกคืนค่ะ ทำให้ใจสงบขึ้นเยอะ ทำตามคำแนะนำของเพื่อนๆพี่ๆในกระทู้ก็ได้ผลบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเรา กำลังใจที่ดีที่สุดก็คือกำลังใจจากตัวเราค่ะ

ปล.จะรออ่านนิยายนะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 10:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


baifearn02 เขียน:
อาการเดียวกันเลยค่ะ เลิกกับแฟนมาประมาณเดือนกว่าๆแล้ว ก็ทำใจได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ตอนนี้ดีขึ้นกว่าเดือนที่แล้วเยอะทีเดียว ก็ไหว้พระ สวดมนต์ ก่อนนอนทุกคืนค่ะ ทำให้ใจสงบขึ้นเยอะ ทำตามคำแนะนำของเพื่อนๆพี่ๆในกระทู้ก็ได้ผลบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเรา กำลังใจที่ดีที่สุดก็คือกำลังใจจากตัวเราค่ะ

ปล.จะรออ่านนิยายนะค่ะ


ได้ค่ะ จะพยายามเขียนให้อ่านง่าย ๆ ค่ะ แต่ว่าเสียดาย เป็นนิยายที่ยังไม่มีตอนจบ รอคำแนะนำอยู่เหมือนกันค่ะ s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 13:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสีชมพู(หม่น) :b27:

หลังจากโดนส่งตัวมาทำวิทยานิพนธ์ที่ต่างประเทศได้เกือบปี ชีวิตของโสดของเราไม่มีอะไรแปลกใหม่เข้ามาเลยค่ะ คนไทยที่อยู่ด้วยกันที่นี่ก็มีแต่ผู้หญิงซะส่วนมาก ชีวิตไม่มีความหวาน แต่ก็ไม่เหงาค่ะ ไปเที่ยวเล่นตามประสาคนโสด คุยกะเพื่อนบ้าง ก็อยู่ได้ สนุกดี ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอะไรมากมาย จะมีบ้างที่เห็นเพื่อนที่เค้ามีคนรัก ถ่ายรูปไปเที่ยวกันกะแฟน แล้วรู้สึกอิจฉา อยากมีกะเค้าบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทุรนทุรายอะไร เราก็มีคุยกะเพื่อนผู้ชายบ้าง แต่ก็ไม่ได้คิดจริงจังถึงขนาดจะเป็นแฟนกัน เหมือนคุยกันถูกคอ แก้เหงาไปวัน ๆ ประกอบกับว่าความผิดหวังจากแฟนคนที่แล้ว ยังไม่หายขาด ถึงจะผ่านมาปีนึงแล้ว เวลาคิดถึงมันก็ยังเจ็บแปลบ ๆ อยู่ค่ะ ครั้งที่แล้วกว่าจะดีขึ้นได้ เดือดร้อนพ่อแม่ เดือดร้อนเพื่อนไปมากทีเดียว กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ร่างกายทรุดโทรม ถึงกับต้องไปหาจิตแพทย์ แรงฮึดที่ทำให้พยายามทำตัวเองให้ดีขึ้น ก็มาจากวันที่คุณแม่พาไปหาจิตแพทย์เนี่ยแหละค่ะ สงสารท่าน ต้องพาลูกสาวคนเดียวมาหาจิตแพทย์เพราะเรื่องผู้ชาย ท่านคงเสียใจมากแน่ ๆ หลังจากนั้นก็เลยพยายามทำตัวเข้มแข็งต่อหน้าคนอื่นตลอด แต่ในใจก็ยังไม่หายสนิทนักค่ะ

และแล้ววันนึง เหมือนฟ้าดลใจ คงคิดว่าเราอยู่คนเดียวมาพอแล้วล่ะซิ วันนั้นจำได้ว่ากำลังนั่งคุยออนไลน์กะเพื่อนชายคนสนิทที่ยังเป็นแค่เพื่อนอยู่นั่นแหละค่ะ อยู่ในห้องดีดี๊ ก็มีเสียงเคาะประตู เรียกให้ลงไปดู มีเด็กไทยมาใหม่วันนี้ เราก็งง เอ๊ะ ไม่เห็นรู้เรื่องมาก่อนเลย ปกติถ้าจะมีคนไทยมา พวกเราคนไทยน่าจะรู้ก่อนนี่นา แต่ก็ลงไปอย่างงง ๆ ถามย้ำอยู่หลายทีว่าคนไทยแน่หรอ เค้าก็บอกว่าใช่ ถามว่า ผู้ชายหรือผู้หญิง เค้าบอกว่าผู้ชาย เราก็แอบคิดในใจ มาไม่รู้เนื้อรู้ตัวยังงี้ หรือจะเป็นเนื้อคู่เรา 555+ (อยู่ ๆ ก็นึกขึ้นมาเองค่ะ ไม่รู้ทำไม) พอลงไปเจอ เออ คนไทยจริงด้วย สอบถามคุยไปคุยมาได้ซักพัก ก็รู้ว่าเค้าคนนั้น ขอเรียกว่า P ละกันนะคะ P มาที่นี่แบบไม่รู้มาก่อนว่ามีคนไทยอยู่ ก็เลยไม่ได้ติดต่อใคร หลังจากเห็น P แวบแรก ความรู้สึกที่ว่า เอ๊ะ คนนี้รึเปล่าน้า ที่จะมาเป็นเนื้อคู่เรา ความรู้สึกนั้น หายแว๊บบบไปเลยค่ะ P ไม่ใช่สเปกเราเลย แต่ก็ทักทายตามประสาคนไทยค่ะ แลก e-mail facebook เสร็จ เราก็กลับขึ้นห้องมา ซักพัก P ก็แอดมาทักทายค่ะ เราก็บอกไปว่า พรุ่งนี้ว่าง ๆ จะพาไปเดินดูร้านข้าว ร้านขายของต่าง ๆ หลังจากคุยเสร็จ เราก็ลองเข้าไปดู facebook ของ P ทำให้รู้ว่า P มีแฟนแล้วค่ะ แฟนมาส่งที่สนามบินซะด้วย ดูน่าอิจฉา ในใจแอบผิดหวังเล็กน้อย (ไม่รู้ทำไม แต่ก็เป็นความรู้สึกแว๊บบเดียว ก็เลยไม่ได้ติดใจอะไรค่ะ) P บอกว่า P จะมาอยู่แค่ไม่กี่เดือน ผิดกะพวกเราคนไทยคนอื่นที่มากันอยู่กันปี รายนี้มาแปลกแฮะ เราคิดในใจ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเราเป็นคนแรกที่เจอ P รึเปล่า P เลยดูจะให้ความสนิทสนมกะเราเป็นพิเศษ จะกินข้าว จะไปไหนก็คอยมาเรียกเราอยู่เรื่อย บางทีเราก็เบื่อ ว่าทำไมชอบมาทำตัวสนิทสนม บางทีเราก็แอบเบี้ยว ทำเป็นติดธุระไม่ไปบ้าง แต่ส่วนมากจะไป เพราะสงสาร เห็นว่าเพิ่งมา อาจจะไปไหนมาไหนไม่ถูก แต่ตอนนั้นไม่คิดว่า P จะเป็นผู้ชายเจ้าชู้หรืออย่างไร เพราะก็ดูพูดถึงแฟนเต็มปากเต็มคำ ไมได้มีท่าทีจะปิดว่ามีแฟนแล้ว ก็เลยวางใจ ว่าคงไม่เป็นไร

อยู่ ๆ ไปซักพัก เราเริ่มรู้ว่า แฟน P ขี้หึงมากกกกก หึงไปหมด หึงไม่เว้นแม้แต่พี่คนไทยที่แต่งงานแล้ว และแน่นอน เราที่ P ดูจะไปไหนมาไหนด้วยบ่อยที่สุด ก็เป็น “ตัวเกร็ง” อันดับ 1 ในฐานะมือที่ 3 จากสายตาแฟนของ P เลยทีเดียว ซึ่งตอนนั้นเราพูดได้เต็มปากว่า เรายังไม่เค๊ยไม่เคยคิดอะไรในแนวนั้นกะ P เลยจริงจริ๊งงง ให้ตายเหอะ P ก็คอยมาบ่นให้เราฟังเรื่อย ๆ ว่าทะเลาะกะแฟน ว่าแฟนไม่เข้าใจ แฟนชอบโทรจิก แฟนชอบให้บอกทุกเรื่อง โน่นนี่ บลา ๆ เราก็ฟังในฐานะที่ปรึกษา คิดถึงใจเค้าใจเรา จากการที่เห็นพฤติกรรมที่ P ทำกะแฟน เช่น แฟนโทรมาหา P ก็ไม่รับ โทรกี่สิบครั้งก็ไม่รับ และไม่มีท่าที จะรีบโทรกลับ อ้างว่า ไม่รับเพราะกลัวฝ่ายโน้นเปลืองเงิน เดี๋ยวว่างแล้วจะโทรกลับเอง เราแอบคิดในใจ ว่าน่าสงสารแฟน P เหมือนกันเนาะ ที่ P ทำแบบนี้ ดูไม่ใส่ใจเลย แต่อีกใจก็คิดว่า แฟน P ก็ตามจิกเกินไป๊ จะคบกันรอดมั๊ยเนี่ย ห่างกันได้แค่เดือนเดียวยังขนาดนี้ ระหว่างที่อยู่ที่นี่ P ก็ยังคงเพียรมีปัญหากะแฟนไปเรื่อย ๆ ค่ะ ดูสถานการณ์แบบห่าง ๆ จากทาง facebook ทำให้รู้ว่า เข้าขั้นวิกฤตเหมือนกัน แต่ P ก็ยังดูร่าเริงเหมือนเดิม ไม่ได้ดูทุกข์ร้อนกะความเดือดเนื้อร้อนใจของฝ่ายโน้นเค้าเล้ยยย แถมช่วงหลัง ๆ P ยังหาเรื่องเข้ามาคุยในห้องเราเป็นประจำ เราก็พยายามปัด บางทีก็ให้คุยอยู่นอกห้อง บางทีก็เรียกพี่คนไทยมาคุยด้วย บางทีปัดไมได้ก็เปิดประตูคุยค่ะ แต่ มีแต่ค่ะ ถึงจะมาคุยกะเราบ่อยขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังไม่ได้เลิกกะแฟนนะคะ บางทีซื้อของฝากให้แฟนมาได้ ก็หิ้วขึ้นมาอวดเราที่ห้อง เราก็เออ วางใจว่าเค้าคงไม่ได้คิดอะไร เหตุการณ์ก็เป็นอย่างงี้ไปเรื่อย ๆ ค่ะ P ก็ดูแลเทคแคร์เรามากขึ้น มีบางทีเราแอบคิดว่า เฮ้ย มาจีบรึเปล่าว้า แต่เนื่องจากเป็นผู้หญิงไม่เข้าข้างตัวเองค่ะ ก็เลยคิดว่าเราคงคิดมากไปเอง เค้ามีแฟนอยู่ คบกันมาตั้งหลายปี จะมายุ่งกะเราที่เพิ่งเจอทำไม

พอใกล้กำหนด P จะกลับไทยค่ะ P เริ่มรุกมากขึ้น เริ่มคุยอะไรที่ส่อไปในทางว่าห่วงใยเราเกินคนอื่น ถามว่าอยู่ที่นี่ไม่มีใครจะเหงามั๊ย จะหาทางกลับมาอยู่เป็นเพื่อน บางทีก็ชอบถามว่าไม่มีแฟนเหงามั๊ย แต่ที่น่าแปลกคือตัวเราเองค่ะ จากที่เคยไม่คิดอะไร และออกจะเบื่อ ๆ P ซะด้วย พอมาถึงตอนนี้กลับกลายเป็นว่า เราเริ่มรู้สึกแปลก ๆ กะ P มากขึ้นทุกวัน อยากให้เค้ามาหา อยากให้เค้ามาคุยด้วย แต่เนื่องจากยังมีความละอายต่อบาปอยู่ คิดได้ว่าเค้ามีแฟนแล้วนะ ก็เลยไม่ได้แสดงท่าทีอะไรค่ะ แต่ก็เริ่มให้เค้าเข้ามาในห้องได้ บางทีอยู่ถึงดึกดื่น (แต่ไมได้ทำอะไรกันเกินเลยนะคะ ยังไม่มีใครพูดความในใจอะไรออกมา แค่เข้ามาคุยกันเฉย ๆ) บางที P ก็มีจับมือบ้าง มุขดึงมือไปดูลายมืออะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ ในใจเราก็คิดว่า เอาน่า ไม่เป็นไร แค่นี้เอง ก็มีปล่อยให้จับบ้าง แต่พอได้สติก็ดึงมือออก

ออก สุดท้ายวันก่อนหน้าที่ P จะกลับไทย วันนั้นมาเต็มค่ะ เหมือนเป็นโอกาสสุดท้าย ก็เต็มที่ไปเล้ยยย มาอยู่ด้วยตลอด ไม่ยอมนอน เรียกเราลงไปช่วยจัดกระเป๋า ซึ่งเราก็ไม่ได้ลงหรอกนะคะ รู้ว่าไม่ควร พอไม่ลงไปหา จัดกระเป๋าเสร็จ ก็ขึ้นมาหาเรา บอกว่าไม่อยากนอน อยากอยู่ด้วย เพราะกลัวตื่นสาย เราก็อ่ะ อยู่เป็นเพื่อนก็ได้ รอถึงเช้า ก็ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกัน เค้าบอกว่าให้รอ เดี๋ยวเค้าจะกลับมาหาปีหน้า เราก็บอกว่าได้ จะรอนะ ตอนนั้นเหมือนแอบเปิดใจกันนิดนึง ทั้ง ๆ ที่เค้าก็ยังมีแฟนอยู่เป็นตัวเป็นตนนะคะ แต่เราสองคนพยายามไม่นึกถึงเรื่องที่ P ยังไม่เลิกกะแฟน แต่ลึก ๆ ก็รู้แล้วค่ะว่าใจตรงกันแน่ ๆ เราพูดไปในใจก็แอบรู้สึกผิดเหมือนกัน เหมือนทำผิดศีลข้อ 3 แต่อีกใจก็เถียงว่า ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็แฟนเค้างี่เง่านี่นา แล้วเค้าก็ทะเลาะกันอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกะเรา เค้ามายุ่งกะเราก่อนนะ เราไมได้ไปทำอะไรเลย แล้วสุดท้ายก็แอบเข้าข้างตัวเองว่า เอาน่า ยังไงเค้าก็จะกลับแล้ว เดี๋ยวพอเค้ากลับไป เค้าคงเลิกย่งกะเราไปเอง อาจจะเป็นเพราะความเหงาละมั้ง ที่ทำให้เค้ารู้สึกดีกะเรา เราก็เหงาเหมือนกันนี่นา ปล่อยเลยตามเลยไปก่อนละกันนะ (แต่ก้อไม่มีอะไรเกินเลยนะคะ มากสุดตอนนั้นแค่จับข้อมือ แล้วก็ลูบหัวเฉย ๆ ค่ะ)

บ่ายวันนั้น P กลับไป เราร้องไห้อยู่เป็นชม. เลยค่ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะใจหายที่เพื่อนคนไทยกลับไป หรือว่าเพราะความรู้สึกที่มีต่อ P กันแน่ แต่เอาเต๊อะ ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป เค้ากลับไปหาแฟนเค้า เราก็ต้องทำวิทยานิพนธ์ต่อ ฮุ่ยเล่ฮุ่ย!!! หลังจาก P กลับไทย เราเคยคิดว่าเค้าจะไม่ติดต่อมาอีก แต่มันไม่ได้เป็นอย่างงั้นน่ะสิคะ…(To be continue)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 13:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากค่ะสำหรับกำลังใจ กะจะเขียนวันละตอนค่ะ วันนี้ลงตอนสองไปแว้วว
ขอสารรูป (สารภาพค้าบบบ) ว่าเกิดมาเพิ่งจะตั้งใจเขียนอะไรยังงี้เป็นครั้งแรก
นอกจากอยากเขียนเพื่อแฉตัวเอง และด้วยความหวังว่า ความผิดพลากของตัวเราอาจจะเป็นข้อคิดให้คนอื่นได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยากได้คำแนะนำด้วยค่ะ เพราะทุกวันนี้พิษรักยังเล่นงานไม่หาย สามวันดีสี่วันทรุดอยู่เลย

เขียนแนะนำกันเข้ามาได้เยอะ ๆ เลยนะคะ ยินดีรับฟัง น้อมรับคำแนะนำ ติ ชม อะไรก็รับหมดค่ะ
ป.ล. ทุกครั้งที่มีความทุกข์ เคยตั้งจิตอธิษฐานไว้ค่ะ ว่าถ้าวันนึงสามารถเข้าใจธรรมะได้อย่างถ่องแท้ ก็ขอให้มีความสามารถที่จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้โดยง่าย แต่วันนี้ยังทำตัวเองไม่ได้ค่ะ อันนี้ก็เลยถือเป็นก้าวแรกในการฝึกวิทยายุทธละกันนะคะ tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 16:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 16:30
โพสต์: 74

ชื่อเล่น: ใบเฟิร์น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ...สู้ๆๆ เรามาให้กำลังใจกันและกัน เราจะผ่านช่วงชีวิตนี้ไปให้ได้ ฮิ้ว!!! s002 s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2011, 17:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


baifearn02 เขียน:
จะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ...สู้ๆๆ เรามาให้กำลังใจกันและกัน เราจะผ่านช่วงชีวิตนี้ไปให้ได้ ฮิ้ว!!! s002 s002


สู้ ๆ ค้าบวัยรุ่น ต้องคอยเตือนสติกัน แล้วเราจะผ่านมันไปได้
หญิงไทย ถ้าคิดจะทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลกค้าบบบ rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2011, 09:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 16:30
โพสต์: 74

ชื่อเล่น: ใบเฟิร์น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Fa_Bluesky เขียน:
baifearn02 เขียน:
จะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ...สู้ๆๆ เรามาให้กำลังใจกันและกัน เราจะผ่านช่วงชีวิตนี้ไปให้ได้ ฮิ้ว!!! s002 s002


สู้ ๆ ค้าบวัยรุ่น ต้องคอยเตือนสติกัน แล้วเราจะผ่านมันไปได้
หญิงไทย ถ้าคิดจะทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลกค้าบบบ rolleyes



อ่ะ..ถูกต้องนะคร๊าบบบบบบ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2011, 12:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


แพ้ใจ (ตัวเอง) :b27:

หลังจาก P กลับถึงไทย P ไม่ลืมที่จะโทรมาหาเราทันทีค่ะ ถึงแม้ในเวลานั้นแฟนของ P จะถ่อมารับถึงสนามบิน P ไม่เพียงแต่ไม่แสดงอาการดีใจที่ได้เจอแฟนที่ไม่เจอกันหลายเดือน แต่ยังทำท่าเฉยเมย จนแฟนงอนและทะเลาะกันอีกต่างหาก ทำไมเราถึงรู้น่ะหรอคะ ก็เพราะว่าวันนั้นที่ P โทรมา เราไม่ได้รับสาย พอตกดึก P ก็ตามมากระเง้ากระงอดใน Msn หาว่าเราไม่ยอมรับสาย ทำท่างอนยังกะคนเป็นอะไรกันแหนะ เราก็แซวไปว่า แฟนไปรับยังกล้าโทรมาอีก (ตอนที่แซว รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นอย่างที่ใคร ๆ เค้าเรียกว่า “กิ๊ก” เลยค่ะ แต่แปลกที่ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรมากมาย ทั้งที่ปกติเป็นคนถือเรื่องการนอกใจเป็นความผิดขั้นสูงสุดของการเป็นคู่รักมาตลอด) หลังจากนั้น P ก็คุยกะเรามาเรื่อย ๆ ค่ะ P ไม่ได้หยุดความสัมพันธ์อย่างที่เราคิดไว้ตอนแรก ถึงแม้ P จะกลับไปเจอแฟนแล้วก็ตาม ยิ่งช่วงหลัง ๆ ยังพูดแนวว่ากำลังจะเลิกกะแฟนอีกต่างหาก เราก็กระหยิ่มยิ้มย่องในใจค่ะ ว่า ด๊ายยย!!! มายุ่งกะเราเองนะ เราไม่ผิดใช่มั๊ยล่ะ ก็ทำตัวเป็นที่ปรึกษาค่ะ บอกว่า เนี่ย ถ้าเป็นเรานะ เราคงไม่งอนไร้สาระแบบนั้นหรอก หรือบางทีก็แอบหยอดให้คิดว่า ทะเลาะกันทุกวันแบบนี้ไม่เหนื่อยหรอ อะไรยังเงี๊ยะอ่ะค่ะ P ก็ดูจะเออออกะเราตลอด

วันนึงเราเลยตัดสินใจถามไปตรง ๆ ค่ะ ว่า P มี something wrong กะใช่เราใช่ม๊า เลยมาคุยทุกวันเนี่ย (ตอนถามเนี่ย มั่นใจไปแล้ว 99.99% นะคะ ว่าต้องมีแน่) P ก็ยอมรับตามตรงค่ะว่า ใช่ แต่ตอนนี้ P ยังไม่เลิกกะแฟนเลย เราต้องรอ เพราะแฟนคนนี้ขี้หึง ขี้วีนมาก P กลัวว่าแฟนจะทำอะไรไม่ดี ทั้งกับเราทั้งกับตัว P เอง (ตลอดเวลาเราได้ฟังแต่ข้อเสียของแฟน P ค่ะ ในใจคิดอยากให้เลิกกันไว ๆ ด้วยซ้ำ ผู้หญิงงี่เง่ายังงี้ จะคบไปทำไมให้เสียเวลา จริงมั๊ยคะ) หลังจาก P เปิดเผยความในใจซะขนาดนี้ เราก็ไม่ยอมน้อยหน้าค่ะ ก็แสดงออกให้ชัด ๆ ไปเลย เรามันหญิงไทยใจกล้าอยู่แล้ว (ปกติเป็นคนเรียบร้อย รักนวลสงวนตัวนะคะ ไม่เคยเริ่มก่อน แต่ราคะนี่มันไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ ค่ะ ยิ่งบวกกะกรรมด้วยแล้ว กันใหญ่เลย) ก็เลยบอก P ไปเป็นนัย ๆ ว่า เราคงยุ่งกะ P ไม่ได้นะ เพราะ P ก็ยังมีแฟนอยู่ แล้วเราจะคบในฐานะอะไรค่ะ (ทุกคนคงพอเดากันออกนะคะ ว่าผู้หญิงที่พูดจาเป็นนางเอกอย่างงี้ ร้อยทั้งร้อยก็คืออยากให้เค้าไปเลิกกะแฟนนั่นแหละค่ะ ซึ่งเราก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องผิดบาปอะไร ไม่ได้ไปแย่งใคร ก็แค่บอกให้เลิกกะแฟนให้เรียบร้อย ถ้าคิดจะมาจีบ แค่นั้นเอง) P ก็บอกว่าต้องรออีกหน่อยค่ะ เราก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร แต่บอก P ว่า เราเป็นคนใจร้อนนะ ไม่ชอบรออะไรนาน ๆ ตอนนั้นคิดว่าตัวเองเป็นต่อค่ะ ยังไงเค้าก็ต้องง้อแน่ ๆ :b32:

ซักพักหลังจาก P กลับไทยไป และคุยกับเราในฐานะ “ว่าที่แฟนใหม่” ได้ไม่นาน ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะ “พรหมลิขิต” หรือ “กรรมชักจูง” กันแน่ เราก็มีเหตุให้กลับไปไทยค่ะ (เหตุเกิดจากความคิดถึงบ้านค่ะ) เข้าล็อคเลยทีนี้!!! พอกลับไปไทย เรากับ P ก็คุยกันมากขึ้นค่ะ P ถึงกับเปลี่ยนซิมมาใช้เครือข่ายเดียวกับเรา เพื่อให้โทรคุยฟรีได้ตลอด 24 ชม. เราก็คอยถามเรื่อย ๆ ค่ะ ว่า P เลิกกับแฟนรึยัง คำตอบคือ ห่างกัน ไม่ได้คุยกันนานแล้ว แต่ด้วยเซนส์ลูกผู้หญิงอย่างเรา ก็รู้แน่ค่ะว่า ยังไม่ได้เลิกกันหรอก แต่เราจะไปยอมได้ไงคะ ให้ใจเค้าไปขนาดนี้แล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องเดินหน้าลูกเดียว ระหว่างนั้น P ชวนไปไหนมาไหน เราก็ไปกะเค้าตลอดค่ะ P ก็เทคแคร์เราไม่ได้ขาด ตามรับตามส่ง คอยเป็นห่วงไม่ว่าเราจะไปไหน ทำอะไร ใจคนมันก็ไม่ใช่ก้อนหินนี่คะ แหม คนมันมีใจอยู่แล้วด้วย ก็ใจอ่อนเอาง่าย ๆ แต่เนื่องจากเราเป็นคนสนิทกับคุณแม่มาก มีอะไรก็จะเล่าให้คุณแม่ฟังทุกเรื่องค่ะ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องของ P แต่คนเราน่ะค่ะ เวลาเล่าอะไร มันก็อดจะมีอคติไม่ได้ ยังไงก็ต้องเล่าบิดเบือนให้ตัวเองถูกวันยังค่ำ ที่เราบอกแม่ก็คือ “P มาจีบ แฟนเค้างี่เง่ามาก หนูไม่ได้ไปยุ่งอะไร ก็บอกไปแล้วว่าถ้าไม่เลิกกะแฟนก็คบด้วยไม่ได้ ไม่ได้บังคับนะคะแม่ แล้วแต่เค้า” คุณแม่ก็รับรู้รับทราบด้วยความกังวลใจ กลัวว่าลูกจะทำบาปโดยไม่รู้ตัว กลัวว่าลูกจะโดนแฟนของ P เล่นงานเข้าซักวัน และที่สุดของความเป็นแม่ คือ กลัวว่าลูกจะถูกทำให้เสียใจ (อีก) จะด้วยเซนส์ของความเป็นแม่ หรือว่าความห่วงที่เรามองว่าเกินกว่าเหตุก็ตาม คุณแม่ก็สั่งห้ามไม่ให้เราคบกับ P ค่ะ คุณแม่ให้เหตุผลว่า กับแฟนเค้าที่คบกันมานานหลายปี เค้ายังเปลี่ยนใจมาหาเราได้ แล้วกับเราที่จะต้องไปเรียนต่ออีกนาน ถ้าอยู่ไกลกัน เค้าก็ไปมีคนใหม่ หนูจะต้องเสียใจอีกนะลูก แล้วครอบครัวเค้าก็ค่อนข้างต่างกับเรา การศึกษาเราก็สูงกว่า คบกันไปจะเข้ากันไม่ได้นะลูก แม่ว่าอย่าคบเค้าเลยนะ แม่ขอร้อง… แต่ค่ะแต่ ตามคอนเซปท์แล้ว นางเองในละครจะเชื่อฟังคุณแม่มั๊ยคะ ไม่หรอกค๊า จะมองว่า โดนที่บ้านกีดกัน รักมีอุปสรรค เราต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ ด้วยรักแท้ของเราสองคน เราก็เอาเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามาอ้างกับคุณแม่ ว่าเค้าทำดีกับเราทุกอย่าง เค้ารักเราจริง หนูโตแล้วค่ะแม่ หนูคิดดีแล้ว เค้าบอกจะไม่ทำให้หนูเสียใจ ถึงคบกันไป หนูก็ต้องกลับไปเรียนต่อ ไม่ได้เจอกัน ถ้าเค้ารอหนูได้ค่อยคิดจริงจัง ถ้าเค้ารอหนูไม่ได้ ไม่ได้เจอกัน หนูคงไม่เสียใจเท่าไหร่ แม่อย่าห่วงนะคะ หนูขอคบกับเค้าเถอะค่ะ คุณแม่ห้ามจนระอา ประกอบกับเห็นความตั้งใจของ P ที่คอยมาดูแลเราทั้งเช้าทั้งเย็น ก็เลยพูดไม่ออก ยอมให้คบแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่ค่ะ แต่ปัญหาหลัก ๆ ก็คือ P ยังไม่ตัดขาดกับแฟนเก่าให้เด็ดขาด เฮ้ออออ

และแล้ว วันแห่งการรอคอยก็สิ้นสุดค่ะ วันนึง P โทรมาหาเราด้วยเสียงเศร้า แต่พยายามฝืนทำเสียงร่าเริง ถามเราว่า เราคิดกับ P ยังไง เราก็คิดในใจ ที่ผ่านมา ชั้นไปไหนมาไหนกับเธอตลอด คุยกะเธอทุกวันวันละเกือบ 24 ชม. ยังต้องมาถามอีกเรอะ ว่าคิดยังไง ก็เลยถาม P ว่า ทำไมมาถามแบบนี้ มีอะไรรึเปล่า P บอกว่า P เพิ่งบอกเลิกกับแฟนอย่างจริงจัง และอยากจะมาขอคบกับเรา จากที่เราคิดมาตลอดว่า ถ้า P เลิกกับแฟนเมื่อไหร่ เราคงดีใจมาก เหมือนไม่มีมารมาขวางความสุข ไปไหนมาไหนด้วยกันก็ไม่ต้องกลัวคนอื่นมาเจอ แต่พอเอาเข้าใจ พอได้ยิน P บอกว่าเลิกกับแฟนแล้ว มันไม่ได้ดีใจสุด ๆ ค่ะ ตอนนั้นในใจคิดสงสารแฟนของ P มาก ๆ นึกเทียบกับตัวเองครั้งที่เลิกกับแฟนคนที่แล้ว รู้สึกได้ว่าเค้าต้องเสียใจมาก นี่เราทำอะไรลงไป เราทำให้ผู้หญิงคนนึงต้องเสียใจ โดยที่เราไปมีส่วนร่วมอยู่ในเหตุการณ์หรอเนี่ย เราเลยถาม P ว่า ถ้าไม่มีเรา P จะเลิกกับแฟนมั๊ย P บอกว่า ถึงไม่มีเราก็เลิก เพราะไปด้วยกันไมได้ ในใจเราก็คิดว่า ไปกันไม่ได้ แล้วทำไมคบกันมาได้ตั้งนาน เพิ่งมาทนไม่ได้ตอนที่เจอเราล่ะ แต่อีกใจก็คิดว่า อ๊าว ก็ความอดทนมันก็ต้องมีที่สิ้นสุดสิคะ เค้าแค่มาบังเอิญหมดความอดทนตอนเจอเราแค่นั้นเอง ไม่ใช่ความผิดของเรานะ เท่านี้ก็สบายใจขึ้นค่ะ แต่ก็ยังไม่ได้ตอบตกลงยอมคบกับ P ไปทันที บอกว่า P เพิ่งเลิกกับแฟนมา ขอเวลาเราทำใจนิดนึง ถ้าจะคบกันเลยก็สงสารผู้หญิง มันเร็วเกินไป (แต่ที่ไปไหนมาไหน ทำอยู่ทุกวันเนี่ย ก็เหมือนคบไปตั้งแต่เค้ายังไม่เลิกกันแล้วนะคะ แต่ตอนนั้นมันคิดไม่ทันจริง ๆ)

ถึงปากจะตอบไปแบบนั้น แต่หลังจากนั้น เวลาไปไหนด้วยกัน เรากับ P ก็สนิทมากขึ้นค่ะ เดินจับมือได้อย่างไม่เคอะเขิน สรรพนามที่เรียกกันก็เปลี่ยนไป ปากบอกว่ายังไม่คบ แต่เอ๊ะ นี่มันยังไง เราก็เลย เลยตามเลยค่ะ คิดว่าก็คบไปแล้วล่ะนะ ในใจคิดว่า ไม่เป็นไร เผื่อใจไว้แล้ว ถึงเกิดอะไรขึ้นก็คงไม่เสียใจมาก เอาน่า ลองให้โอกาสเค้าดู

ช่วงเวลาที่เราอยู่ไทย ได้ไปไหนมาไหนกับ P เป็นช่วงเวลาที่เรามีความสุขมากค่ะ เราบอกคุณแม่ว่า เรามีความสุขมากที่ได้เจอคนคนนี้ ถึงอนาคตจะเป็นยังไง เราก็ไม่เสียใจค่ะ (ตอนนั้นคิดอย่างงั้นจริง ๆ นางเอกมาก ๆ 555) แต่เวลาแห่งความสุขมันมักจะสั้นค่ะ และแล้วก็ถึงช่วงที่เราต้องเดินทางกลับไปทำวิทยานิพนธ์ต่อซักที ก่อนหน้าที่เราจะกลับประมาณ 1 สัปดาห์ P ชวนเราไปเที่ยวทะเลด้วยกัน ค้าง 1 คืน ถึงจากที่เล่ามา เราจะดูเป็นสาวมั่นใจเกิน 100 แต่จริง ๆ เราเป็นผู้หญิงค่อนข้างหัวโบราณนะคะ เรื่องไปค้างอ้างแรมกับผู้ชายสองต่อสองนี่ไม่เคยทำ แต่ คนเรามันก็ต้องมีครั้งแรกค่ะ ความรักมันบังตาขนาดนี้ มีหรอคะจะปฏิเสธให้เสียน้ำใจเค้า ติดอยู่ที่ว่า ที่บ้านเราค่อนข้างคุมเข้ม จะไปไหนมาไหนก็ลำบาก แถมปกติเราไม่โกหคุณพ่อคุณแม่ด้วย ก็กลุ้มใจเหมือนกันค่ะ แต่ตอนนั้นอำนาจรักมันเกินสิ่งอื่นใดแล้ว ไว้ใจเค้าด้วย ก็เลยตกลงใจไปค่ะ แล้วก็โกหกคุณพ่อคุณแม่ว่าจะไปนอนค้างบ้านเพื่อนสนิทคนนึง ตอนโกหกก็แอบกลัวจับได้ค่ะ แต่ความรู้สึกอยากอยู่กับคนที่เรารักมันกลบความรู้สึกผิดซะมิดเลย เหลือแต่ความดีใจที่ได้ไปเที่ยวตามแผน พอถึงวันไปเที่ยว เราก็บอก P อย่างตรงไปตรงมาค่ะ ว่าเราจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นนะ ไม่ทำเรื่องผิด มาเที่ยวด้วยกันเฉย ๆ แยกกันนอนนะ P นอนโซฟาไป ชิ่ว ๆ P ก็ตกปากรับคำเป็นอย่างดีค่ะ


อ่ะแหนะ! อ่านมาถึงตรงนี้ ไม่เชื่อล่ะสิคะ ว่า P จะทำได้ ขอโทษอีกครั้งค่ะ ที่ต้องทำให้ผิดหวัง เรื่องนี้ไม่มีสัญลักษณ์ ฉ หรือ 18+ แน่นอน จะด้วยความเป็นสุภาพบรุษของ P หรือบุญเก่าของเราก็ตาม สรุปคือเรากับ P ไม่มีอะไรในกอไผ่ค่ะ รอดปลอดภัยเหมือนเดิม จะมีกุ๊กกิ๊กบ้างตามประสาวัยรุ่นน่ะค่ะ แต่ไม่มีบุบสลาย (เฮ้อ โล่งอก) ผ่านเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้เรายิ่งประทับใจในตัว P มากขึ้น ว่าถึงอยู่ด้วยกันก็ไม่ฉวยโอกาส ทั้งที่มีโอกาสจะทำได้ คืนนั้น P ได้ขอเราเป็นแฟนอีกครั้งนึง (เราคิดว่าที่ยอมมาด้วยนี่ ไมได้เป็นแฟนกันแล้วเรอะ) แต่เราก็แกล้งทำเป็นเล่นตัวค่ะ บอกว่าเราไม่อยากเสียใจอีก ถ้าตกลงคบกันแล้วเรากลับไปเรียนต่อ อยู่ไกลกัน ถ้าเลิกกัน เราต้องเสียใจอีก เราจะไม่ไหว P รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าจะไม่ทำให้เราเสียใจ และบอกว่า รักเรามาก คำว่า “รัก” เนี่ย เหมือนเป็นคาถาใช้ให้ผู้หญิงตายใจนะคะ รายไหนรายนั้นเลย ได้ยินแล้วใจอ่อน เราเลยตกลงด้วย วาจา เป็นการยืนยันว่า โอเค นับแต่นี้ เราเป็นแฟนกัน…
แล้ว 1 อาทิตย์หลังจากนั้น เราก็บินไปกลับเรียนต่อโกอินเตอร์ค่ะ (To be continue)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2011, 15:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 16:30
โพสต์: 74

ชื่อเล่น: ใบเฟิร์น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะรออ่านต่อนะค่ะ..เรื่องเหมือนจะไปได้สวยงาม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2011, 16:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


baifearn02 เขียน:
จะรออ่านต่อนะค่ะ..เรื่องเหมือนจะไปได้สวยงาม


ชีวิตจริงมันก็เหมือนนิยายนี่แหละค่ะ ต้นเรื่องดูสวยงาม แต่กลางเรื่องก็ต้องมีจุดไคล์แม็กซ์
แต่ตัวเราเปรียบเสมือนคนแต่ง จะแต่งให้เรื่องจบยังไง นั่นแหละค่ะที่สำคัญ
onion

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ มีอะไรแนะนำได้ค่า ยินดี ๆ tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2011, 01:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


หลังจากทำตัวเป็นมือดี เขียนนิยายอิงชีวิตจริงได้ไม่กี่วัน
และแล้ววันนี้ก็มาถึงค่ะ วันนี้ความเศร้า คิดถึง เหงา ก็กลับมาอีกจนได้ Onion_R
ทำไมน๊า มันไปแล้วไม่ไปลับ กลับมาอีกทามม๊ายยยย
แต่ก็เป็นข้อพิสูจน์นะคะ ว่าความสุขก็ไม่เที่ยง ความทุกข์ก็ไม่เที่ยง (แต่ดันมาบ่อย แถมอยู่นาน)
ซักวันค่ะ อยากจะกำจัดไอ้ความทุกข์ เศร้า จากความรักให้ได้แบบเด็ดขาด
แล้วจะมาอุทิศตัวเลย เพื่อช่วยคนที่ผิดหวังด้านนี้ ให้หายไว ๆ สาาาธุ เพราะเล็งเห็นแล้วว่า ทุกข์ไใดก็ไม่เท่าทุกข์เรื่องความรักจริง ๆ ค่ะ cry
ตั้งใจจะทำจริง ๆ นะคะ เพราะฉะนั้นขอให้นู๋ทำให้ตัวเองตาสว่าง คิดได้ สละความทุกข์ออกได้เร็ว ๆ ด้วยเถิ๊ดดด นู๋จะได้มาช่วยคนอื่นเค้ามั่ง สาาาาธุ onion

ขอแวบไปขอคำปรึกษาก่อนนะคะ จิตตกมากมายค่าาา คุณผู้อ่านอันน้อยนิด อย่าเพิ่งหนีไปไหนนะค๊า เก๊าจะมาเขียนต่ออย่างแน่นอนก๊าบบบ Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2011, 10:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 16:30
โพสต์: 74

ชื่อเล่น: ใบเฟิร์น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Fa_Bluesky เขียน:
หลังจากทำตัวเป็นมือดี เขียนนิยายอิงชีวิตจริงได้ไม่กี่วัน
และแล้ววันนี้ก็มาถึงค่ะ วันนี้ความเศร้า คิดถึง เหงา ก็กลับมาอีกจนได้ Onion_R
ทำไมน๊า มันไปแล้วไม่ไปลับ กลับมาอีกทามม๊ายยยย


มันมาเดี๋ยวมันก็ไปคร่า..

Fa_Bluesky เขียน:
แต่ก็เป็นข้อพิสูจน์นะคะ ว่าความสุขก็ไม่เที่ยง ความทุกข์ก็ไม่เที่ยง (แต่ดันมาบ่อย แถมอยู่นาน) ซักวันค่ะ อยากจะกำจัดไอ้ความทุกข์ เศร้า จากความรักให้ได้แบบเด็ดขาด
แล้วจะมาอุทิศตัวเลย เพื่อช่วยคนที่ผิดหวังด้านนี้ ให้หายไว ๆ สาาาธุ เพราะเล็งเห็นแล้วว่า ทุกข์ไใดก็ไม่เท่าทุกข์เรื่องความรักจริง ๆ ค่ะ cry
ตั้งใจจะทำจริง ๆ นะคะ เพราะฉะนั้นขอให้นู๋ทำให้ตัวเองตาสว่าง คิดได้ สละความทุกข์ออกได้เร็ว ๆ ด้วยเถิ๊ดดด นู๋จะได้มาช่วยคนอื่นเค้ามั่ง สาาาาธุ onion

คนรักจากไปหลังจากแต่งงานไปแล้วทิ้งลูก และหนี้สินให้ไว้เป็นมรดก ..ความพิสดารเช่นนี้ท่านต้องการให้เกิดแก่ตนหรือไม่ ? ท่านทุกข์เท่าคนที่ประสบเหตุเช่นว่านี้หรือยัง ถ้ายังก็ควรดีใจ แสดงความยินดีแก่ตนเสียว่า บุญเรายังมีมากคุ้มครองเราไม่ให้ฉิบหายเหมือนคนอื่นที่ว่านี้(อ่านเจอมาค่ะ แต่เจอมาจากกระทู้ไหนจำบ่ได้แว้วว s002 s002


Fa_Bluesky เขียน:
ขอแวบไปขอคำปรึกษาก่อนนะคะ จิตตกมากมายค่าาา คุณผู้อ่านอันน้อยนิด อย่าเพิ่งหนีไปไหนนะค๊า เก๊าจะมาเขียนต่ออย่างแน่นอนก๊าบบบ Kiss


จะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ คุณFa_Bluesky


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2011, 12:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 22:59
โพสต์: 56


 ข้อมูลส่วนตัว


baifearn02 เขียน:
จะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ คุณFa_Bluesky


ขอบคุณมากนะคะ ที่ติดตาม ดีใจจริง ๆ ค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมเลยค่ะ
พอนึกว่าจะเขียนอะไรต่อ มันก็แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก บางที่ก็โหวง ๆ เหมือนเวลาขับลงจากที่สูง ๆ อ่ะค่ะ มันบีบ ๆ บอกไม่ถูก ขอเวลาเคลียร์ตัวเองแปบนึงนะคะ คิดว่าอีกไม่นานจ้า s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2011, 13:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2011, 16:30
โพสต์: 74

ชื่อเล่น: ใบเฟิร์น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Fa_Bluesky เขียน:
baifearn02 เขียน:
จะรออ่านตอนต่อไปนะค่ะ คุณFa_Bluesky


ขอบคุณมากนะคะ ที่ติดตาม ดีใจจริง ๆ ค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมเลยค่ะ
พอนึกว่าจะเขียนอะไรต่อ มันก็แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก บางที่ก็โหวง ๆ เหมือนเวลาขับลงจากที่สูง ๆ อ่ะค่ะ มันบีบ ๆ บอกไม่ถูก ขอเวลาเคลียร์ตัวเองแปบนึงนะคะ คิดว่าอีกไม่นานจ้า s002


ไว้รอพร้อมก่อนก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องเขียนไป เศร้าไปนะค่ะ สู้ๆนะค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 62 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 73 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร