ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=29429
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เจ้าของ:  see27 [ 08 ก.พ. 2010, 15:45 ]
หัวข้อกระทู้:  ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....

สวัสดีครับ ผมมีข้อข้องใจ ผมแต่งงานแล้ว แต่ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งผมต้องปล่อยทุกอย่างไว้ไปออกบวช
พูดแบบง่ายๆคือ ทอดทิ้ง ภรรยา ทิ้งการงาน ทิ้งทุกอย่าง ไปบวช ครับเราทิ้งเขาไปทำแบบนี้เราปาบไหมครับ เลยอีกอย่างภรรยาผมก็คิดอยู่เหมื่อนกันว่าวันหนึ่งผมต้องทิ้งเธอไป ผมอยากให้เธอเข้าใจผม แต่เธอคงไม่เข้าใจผมหลอก ผมเคยพูดเล่นๆกับเธอ เธอก็ไม่เขาใจว่าทำไมต้องทำแบบนี้กับเธอแล้ว
และดูเหมือนว่าเธอก็คงคิดจะทำใจไว้เหมือนกันเพราะว่าเขาเคยไปดูหมอมา หมอดูทั้ง3ที่เธอไปดูทักว่าผมจะทิ้งเธอไปเมือถึงเวลา เธอก็คิดทำใจไว้แต่เนิ่นๆแต่ใจจริงของเธอยังรับเรื่องนี้ไม่ได้ครับ และ อีกอย่างสุขภาพของเธอไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรผมกลัวว่าวันหนึ่งที่ผมทิ้งเธอไปเธออาจป่วยหนักหรืออาจเสืยชีวิตก็เป็นได้

ยังมีอีกหลายเรื่องที่เกียวข้องกันที่ใครก็นึงไม่ถึงเดียวผมจะมาเล่าต่อผมอยากฟังคำแนะนำก่อน
ขอคำชี้แนะด้วยนะครับ .....

เจ้าของ:  kanalove [ 08 ก.พ. 2010, 16:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....

ทิ้งภริยาไปบวช โดยที่ภริยายังทำใจไม่ได้ = บาป

ทำไมไม่ช่วยกันปฎิบัติธรรมอยู่บ้านละ ทำได้นะ ปฎิบัติธรรมด้วนกัน รู้แจ้งด้วยกัน อยู่ด้วยกันได้ด้วยธรรมะ

เชื่อหมอดูทำไม อนาคตน่ะ มันต้องสร้างด้วยตัวเองสิ ไม่ใช่ฟ้าลิขิตเพียงอย่างเดียว....

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 08 ก.พ. 2010, 16:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....

-คุณมีหนี้สินหรือไม่
-มีลูกกี่คน คนเล็กอายุเท่าไหร่
-มีเงินเก็บไว้ให้ครอบครัวหลังจากไปบวชไหม
-มีบ้านช่องเป็นของตนเองไหม

สิ่งเหล่านี้ควรติดเตรียมการไว้เมื่อวันหนึ่งข้างหน้าคิดว่าเราบวชแน่ ๆ

เจ้าของ:  see27 [ 08 ก.พ. 2010, 16:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....

กรัชกาย เขียน:
-คุณมีหนี้สินหรือไม่
-มีลูกกี่คน คนเล็กอายุเท่าไหร่
-มีเงินเก็บไว้ให้ครอบครัวหลังจากไปบวชไหม
-มีบ้านช่องเป็นของตนเองไหม

สิ่งเหล่านี้ควรติดเตรียมการไว้เมื่อวันหนึ่งข้างหน้าไม่แน่ว่าเราบวชแน่ ๆ


ผมไม่มีลูก

ผมก็คิดว่าจะส่งเขาไห้ถึงที่สุด คือ มีเงินเก็บ นิดหน่อย มีบ้าน มีอาชีพที่มั่นคงไว้ไห้เขา
เพราะเหตุนี้ละผมถึงยังไม่ไป
แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่
แล้วถ้าผมไปโดยไม่มีอะไรไว้ไห้เขาเลยละครับ

เจ้าของ:  see27 [ 08 ก.พ. 2010, 16:27 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....

kanalove เขียน:
ทิ้งภริยาไปบวช โดยที่ภริยายังทำใจไม่ได้ = บาป

ทำไมไม่ช่วยกันปฎิบัติธรรมอยู่บ้านละ ทำได้นะ ปฎิบัติธรรมด้วนกัน รู้แจ้งด้วยกัน อยู่ด้วยกันได้ด้วยธรรมะ

เชื่อหมอดูทำไม อนาคตน่ะ มันต้องสร้างด้วยตัวเองสิ ไม่ใช่ฟ้าลิขิตเพียงอย่างเดียว....



ผมนะไม่เชือหมอดูแต่แฟนผมเชือ แฝนของผมให้ไปปฎิบัติธรรม คงยาก (แบบจิงจัง) แต่ถ้าเป็นทำบุญใส่บาตร ทั่วไปเขาก็ทำอยู่
ความในใจผมสั้นๆที่ยึดถือมาตลอด
ผมไม่ได้คิดว่าการทำงานมีเงินมีทองเป็นทางที่ดีที่สุด ตรง กันข้ามผมแทบไม่ได้สนใจในเรื่องการเงินการทองการงานเลย แล้วจะใช้ ชีวิตแบบคนทั่วไปได้อย่างไร

เจ้าของ:  หลวงจีนงมงาย [ 08 ก.พ. 2010, 16:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....


.smiley.

หนองน้อยเท่ารอยโค ใครหนอจะโผข้ามพ้น

แหวกว่ายวกวน สับสนวุ่นวาย

หนอนน้อยในอาจม สุขสมอารมณ์หมาย

หลากรสมากมายสุขสบายทุกวันคืน


ขอบเหวลึกอย่านึกว่าเหวตื้น

ปากมันลื่นอย่าคะนองไปลองผลัก

ตกเหวหินปีนป่ายไม่ยากนัก

ตกเหวรักกระเสือกกระสนไปจนตาย



ไม้สด แช่น้ำ ย่อมสีให้เกิดไฟได้ยาก

ไม้สด ถึงไม่แช่น้ำ ย่อมสีให้เกิดไฟยากเช่นกัน

ไม้แห้ง ไม่แช่น้ำ ย่อมสีให้เกิดไฟง่าย

กายเกี่ยวข้อง ใจหมกมุ่น ตัดกิเลศยาก

กายไม่เกี่ยวข้อง ใจยังหมกมุ่น ก็ตัดกิเลสได้ยาก

กายไม่เกี่ยวข้อง ใจไม่หมกมุ่น ตัดกิเลศได้ง่าย


................................

เรื่องนี้ขออนุญาตให้ความเห็น สร้างกุศลให้เกิดทั้ง ๒ ฝ่าย

พบกันครึ่งทาง ทางสายกลางดีที่สุด

พาเขาไปด้วย อย่าทิ้งเขา

ไม่ต้องพาไปให้ตลอด พาไปสักครึ่งทางก็ยังดี

อย่าให้เขาเกิดความรู้สึก เขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า

จะเป็นบาปกรรมทั้งเขาและเรา

เมื่อเราสร้างขึ้นมาเอง จะมากจะน้อยอย่าทำลายด้วยตัวเอง

อย่าหักด้ามพร้าด้วยเข่า จะไม่หลุดพ้นทั้งสองฝ่าย



ถ้าจะบวชจริง ตั้งใจจริง ขออนุโมทนา

แต่ ต้อง

- มีทุนรอนอาชีพให้เขาเลี้ยงตัวพอควร ตัวเขาและญาติจะได้ไม่ว่าได้

- หาวิธีให้เขามีธรรมะเลี้ยงใจ ให้เขาอนุโมทนาในการบวชของเราอย่างเต็มใจ

ทำให้ได้นะครับ ให้กำลังใจ ขอให้ได้บวชสมความมุ่งมาดปรารถนา

........

หลวงจีนงมงาย

. :b51: :b51: :b51: .

เจ้าของ:  ccc [ 08 ก.พ. 2010, 16:34 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....

ธรรมมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับผ้าเหลืองหรอกจริงไหม มันอยู่ที่จิตที่ใจเราไม่ใช่เหรอ
ถ้าคุณมีธรรม ต่อให้ประกอบอาชีพอะไรก็ตามแต่ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในวัด
มีธรรมอยู่ในหัวใจ ถ้าไปวัดแล้วตัดอะไรได้หมด บรรลุธรรม
คนส่วนมากคงจะเข้าไปวัด แล้วก็บรรลุกันหลายรายแล้ว..
เหมือนที่ท่านพุทธทาสบอกว่า "งานก็คือธรรม"
ตอนนี้เรามีธรรมแล้ว เราก็ควรจะทำอะไรที่อยู่ตรงหน้าเราไปก่อน
ถ้าจะบวช แล้วใจมันยังอยากแต่จะบวช เริ่มต้นก็ไม่ควรแล้ว
ลองหาเวลาไปปฏิบัติธรรมกับอาจารย์ผู้รู้จริงก่อนก็ได้ครับ
เผื่อจะคิดอะไรได้กว้างกว่าที่คิดอยู่ตอนนี้ก็ได้...

ลองดูครับ สู้ ๆ

เจ้าของ:  ccc [ 08 ก.พ. 2010, 16:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....

see27 เขียน:
ตรง กันข้ามผมแทบไม่ได้สนใจในเรื่องการเงินการทองการงานเลย แล้วจะใช้ ชีวิตแบบคนทั่วไปได้อย่างไร


ผู้ที่บรรลุธรรมสูง ๆ เขาก็ใช้ชีวิตแบบสามัญกันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอครับ
พระก็ต้องทำตัวติดดิน ทำตัวไม่มี ไม่อยากได้อะไรถึงจะน่าเคารพ
เราอาจจะมีได้ แต่ถ้าเราไม่ยึดติดก็จบแล้ว อยู่แบบสามัญสบายดีนะ

เจ้าของ:  lnwoสูsย์ [ 08 ก.พ. 2010, 16:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....

see27 เขียน:
สวัสดีครับ ผมมีข้อข้องใจ ผมแต่งงานแล้ว แต่ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งผมต้องปล่อยทุกอย่างไว้ไปออกบวช
พูดแบบง่ายๆคือ ทอดทิ้ง ภรรยา ทิ้งการงาน ทิ้งทุกอย่าง ไปบวช ครับเราทิ้งเขาไปทำแบบนี้เราปาบไหมครับ เลยอีกอย่างภรรยาผมก็คิดอยู่เหมื่อนกันว่าวันหนึ่งผมต้องทิ้งเธอไป ผมอยากให้เธอเข้าใจผม แต่เธอคงไม่เข้าใจผมหลอก ผมเคยพูดเล่นๆกับเธอ เธอก็ไม่เขาใจว่าทำไมต้องทำแบบนี้กับเธอแล้ว
และดูเหมือนว่าเธอก็คงคิดจะทำใจไว้เหมือนกันเพราะว่าเขาเคยไปดูหมอมา หมอดูทั้ง3ที่เธอไปดูทักว่าผมจะทิ้งเธอไปเมือถึงเวลา เธอก็คิดทำใจไว้แต่เนิ่นๆแต่ใจจริงของเธอยังรับเรื่องนี้ไม่ได้ครับ และ อีกอย่างสุขภาพของเธอไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรผมกลัวว่าวันหนึ่งที่ผมทิ้งเธอไปเธออาจป่วยหนักหรืออาจเสืยชีวิตก็เป็นได้

ยังมีอีกหลายเรื่องที่เกียวข้องกันที่ใครก็นึงไม่ถึงเดียวผมจะมาเล่าต่อผมอยากฟังคำแนะนำก่อน
ขอคำชี้แนะด้วยนะครับ .....

ไม่ขอตอบ คุณsee27 แต่ขอฝากคำพูดไปให้ ภรรยา คุณsee27

"ถ้าสามีจะบวช ภรรยาไม่อนุญาติให้บวช สามีบวชไม่ได้นะ 555

เจ้าของ:  kanalove [ 08 ก.พ. 2010, 17:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....

อยู่อย่างปุถุชนก็บรรลุธรรมได้

ขอแค่หมั่นปฎิบัติปัฏฐาน อย่าให้ขาดก็เพียงพอแล้ว

ไม่ว่าคุณจะบวชหรือไม่บวช หากใจไม่เปื้อนกิเลสดุจใบบัวไม่เปื้อนน้ำแล้วฉันนั้น

ก็ถือว่าคุณปฎิบัติธรรมได้แล้วละ

เจ้าของ:  panatson [ 08 ก.พ. 2010, 17:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....

ทำไมพระพุทธเจ้าจึงต้องเสด็จหนีออกบวชในตอนกลางคืน?
เพราะถ้าพระบิดา - มารดา ทราบเข้าจะขัดขวาง เพราะกลัวดั่งที่พรามณ์รูปหนึ่งเคยทำนาย
ความรู้สึกยึดมั่น ถือมั่นต่อคนที่เรารัก ก็เป็นเหมือน บ่วงที่คอยผูกรัด และ ยึดไว้ให้ติด

ดิฉันก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับแฟนคุณ ย่อมเข้าใจความรู้สึกแฟนคุณดี
แต่ดิฉันก็ต่างจากแฟนคุณตรงที่ ดิฉันเข้าใจในหลักธรรม และ การส่งเสริมในเรื่องทางธรรม

ดิฉันกลับมองว่าปัญหาทุกอย่างมีทางออกนะคะ
ถ้า ณ เวลานี้ คุณยังแค่รู้สึกว่า ในอนาคต มันต้องใช่แน่ๆ
ดังนั้น จงทำปัจจุบันให้มีค่า มากที่สุด ในขณะที่คุณยังใช้ชีวิตร่วมกับภรรยาในฐานะ ฆราวาส

ดิฉันอยากแนะนำให้คุณ ค่อยๆพาแฟนมาเข้าทางธรรมให้มากๆ ให้เธอได้สัมผัสในสิ่งที่คุณได้สัมผัส
ให้เธอได้เรียนรู้ธรรมชาติของชีวิต แรกๆ เธอย่อมอาจจะต่อต้าน เพราะเธอก็รู้อยู่แล้วเต็มอกว่าคุณจะต้องมาทางนี้ เธอย่อมกลัวว่ายิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งจะต้องเสียคุณไป แต่อยากจะบอกว่าขอให้คุณได้ให้ความเมตตาเธอให้มากๆ เพราะดิฉันเชื่อว่า ทุกอย่างมันเปลี่ยนกันได้ ด้วยอำนาจบุญ ดิฉันเห็นมาแล้วในหลายๆคู่ ขออนุญาติยกตัวอย่าง คู่ของคนที่พอรู้จักกัน

คู่นี้ ฝ่ายชายพื้นฐานลำบากมาก่อน อาศัยมานะอดทน ตัวเองได้แต่งงานกับลูกนายทหาร ฝ่ายหญิงพื้นฐานเป็นคนสบาย แต่งงานกันไป ฝ่ายพ่อแม่ผู้หญิงคอยดูถูกว่าจะเลี้ยงลูกสาวตนไม่ได้ แต่ฝ่ายชายก็มานะต่อไป โดยอาศัยธรรมะเข้าช่วย เพราะศรัทธาและเชื่อมั่น เขามักจะตื่นมาเดินจงกลมตอนตี 2 - 3 เป็นประจำไม่ขาด ช่วงแรกที่ปฏิบัติ พ่อตาแม่ยาย รวมทั้งเมีย ด่าว่า "บ้า" แต่เขาก็ยังคงปฏิบัติต่อไป จนกระทั่งสามารถทำให้คนที่เคยว่าเขาว่า "บ้า" นั้น มาร่วมปฏิบัติธรรมด้วยกันทั้งครอบครัว

อันนี้เป็น 1 ตัวอย่างของคนที่ดิฉันรู้จัก ต่อไปเป็นเรื่องของดิฉัน
ครั้งหนึ่งดิฉัน ก็เคยเจอสภาวะแบบที่แฟนคุณเป็น คือมีคนรักชอบเื่รื่องทางธรรมมาก ถึงขนาดว่าวางแผนชีวิตไว้ในบั้นปลายว่า จะต้องบวช หรือตายในผ้าเหลืองให้ได้ ดิฉันได้ยินครั้งแรก รับไม่ได้ แต่ไม่กล้าพูดออกมา เพราะกลัวบาป แต่ก็ได้ถามไปว่า "แล้วจะมาแต่งงานกับฉันทำไม" เขาก็ให้เหตุผลมาดี แต่อารมณ์ของดิฉันตอนนั้น มันฟังไม่ขึ้น แต่ก็ได้แต่เก็บความกลัวตรงนั้นไว้

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เรามักจะมีกิจกรรมหลักด้วยกันคือ ทำบุญ
ไม่รู้จะทำอะไรก็ไปทำบุญ หรือไม่ก็ไปฟังธรรมกัน
สิ่งต่างๆเหล่านี้เราจึงค่อยๆซึมซับไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป

แต่วิบากกกรรมย่อมมีเป็นปกติของชีวิต มีเหตให้เราต้องแยกจากกัน ดิฉันก็ได้อาศัยธรรมเป็นที่พึ่งทางใจ ในขณะที่เขาก็เช่นกัน ถึงขั้นเสียใจที่อยากจะบวช ช่วงเวลานี้ เราต่างมีเวลาได้อยู่กับสิ่งที่เป็นของจริงมากขึ้น ดิฉันจึงรู้สึกปล่อยวางมากขึ้น และเข้าใจว่าทำไมเขาถึงอยากบวช
เพราะมีช่วงหนึ่งที่ดิฉันได้ไปบวชพรามณ์ มันสงบมาก จนแทบไม่อยากออกจากวัด

จนกระทั่งเราต่างได้กลับมาคุยดีๆต่อกัน ใจที่เคยมึนตึง ก็เบิกบาน สติก็มา
ดิฉันกับเขาจึงมีเป้าหมายร่วมกันว่า ไม่ว่าปัจจุบันจะเป็นเช่นไร จะเป็นแค่เพื่อน หรือจะกลับมาอยู่ดูแลกันหรือไม่ แต่ปลายทางชีวิต เราทั้งคู่จะขอไปอยู่วัด หรือได้ทำอะไรเพื่อส่งเสริมพุทธศาสนาและเพิ่มกำลังบุญให้มากขึ้นยิ่งกว่าเดิมค่ะ


ปัญหาทุกอย่างมีทางออกนะคะ ขอแค่เวลาที่เหมาะสม มันก็จะผ่านไปได้เองค่ะ
โชคดีนะคะ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 08 ก.พ. 2010, 19:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....

see27 เขียน:

ผมไม่มีลูก

ผมก็คิดว่าจะส่งเขาไห้ถึงที่สุด คือ มีเงินเก็บ นิดหน่อย มีบ้าน มีอาชีพที่มั่นคงไว้ไห้เขา
เพราะเหตุนี้ละผมถึงยังไม่ไป
แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่
แล้วถ้าผมไปโดยไม่มีอะไรไว้ไห้เขาเลยละครับ


คุณ see 27 (อายุ 27กระมัง) เพราะเหตุใดคุณจึงอยากบวชครับ ช่วยเล่าแรงบันดาลใจสู่กันฟังหน่อย

สิครับ :b1:

เจ้าของ:  see27 [ 08 ก.พ. 2010, 20:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....

panatson เขียน:
ทำไมพระพุทธเจ้าจึงต้องเสด็จหนีออกบวชในตอนกลางคืน?
เพราะถ้าพระบิดา - มารดา ทราบเข้าจะขัดขวาง เพราะกลัวดั่งที่พรามณ์รูปหนึ่งเคยทำนาย
ความรู้สึกยึดมั่น ถือมั่นต่อคนที่เรารัก ก็เป็นเหมือน บ่วงที่คอยผูกรัด และ ยึดไว้ให้ติด

ดิฉันก็เป็นผู้หญิงเหมือนกับแฟนคุณ ย่อมเข้าใจความรู้สึกแฟนคุณดี
แต่ดิฉันก็ต่างจากแฟนคุณตรงที่ ดิฉันเข้าใจในหลักธรรม และ การส่งเสริมในเรื่องทางธรรม

ดิฉันกลับมองว่าปัญหาทุกอย่างมีทางออกนะคะ
ถ้า ณ เวลานี้ คุณยังแค่รู้สึกว่า ในอนาคต มันต้องใช่แน่ๆ
ดังนั้น จงทำปัจจุบันให้มีค่า มากที่สุด ในขณะที่คุณยังใช้ชีวิตร่วมกับภรรยาในฐานะ ฆราวาส

ดิฉันอยากแนะนำให้คุณ ค่อยๆพาแฟนมาเข้าทางธรรมให้มากๆ ให้เธอได้สัมผัสในสิ่งที่คุณได้สัมผัส
ให้เธอได้เรียนรู้ธรรมชาติของชีวิต แรกๆ เธอย่อมอาจจะต่อต้าน เพราะเธอก็รู้อยู่แล้วเต็มอกว่าคุณจะต้องมาทางนี้ เธอย่อมกลัวว่ายิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งจะต้องเสียคุณไป แต่อยากจะบอกว่าขอให้คุณได้ให้ความเมตตาเธอให้มากๆ เพราะดิฉันเชื่อว่า ทุกอย่างมันเปลี่ยนกันได้ ด้วยอำนาจบุญ ดิฉันเห็นมาแล้วในหลายๆคู่ ขออนุญาติยกตัวอย่าง คู่ของคนที่พอรู้จักกัน

คู่นี้ ฝ่ายชายพื้นฐานลำบากมาก่อน อาศัยมานะอดทน ตัวเองได้แต่งงานกับลูกนายทหาร ฝ่ายหญิงพื้นฐานเป็นคนสบาย แต่งงานกันไป ฝ่ายพ่อแม่ผู้หญิงคอยดูถูกว่าจะเลี้ยงลูกสาวตนไม่ได้ แต่ฝ่ายชายก็มานะต่อไป โดยอาศัยธรรมะเข้าช่วย เพราะศรัทธาและเชื่อมั่น เขามักจะตื่นมาเดินจงกลมตอนตี 2 - 3 เป็นประจำไม่ขาด ช่วงแรกที่ปฏิบัติ พ่อตาแม่ยาย รวมทั้งเมีย ด่าว่า "บ้า" แต่เขาก็ยังคงปฏิบัติต่อไป จนกระทั่งสามารถทำให้คนที่เคยว่าเขาว่า "บ้า" นั้น มาร่วมปฏิบัติธรรมด้วยกันทั้งครอบครัว

อันนี้เป็น 1 ตัวอย่างของคนที่ดิฉันรู้จัก ต่อไปเป็นเรื่องของดิฉัน
ครั้งหนึ่งดิฉัน ก็เคยเจอสภาวะแบบที่แฟนคุณเป็น คือมีคนรักชอบเื่รื่องทางธรรมมาก ถึงขนาดว่าวางแผนชีวิตไว้ในบั้นปลายว่า จะต้องบวช หรือตายในผ้าเหลืองให้ได้ ดิฉันได้ยินครั้งแรก รับไม่ได้ แต่ไม่กล้าพูดออกมา เพราะกลัวบาป แต่ก็ได้ถามไปว่า "แล้วจะมาแต่งงานกับฉันทำไม" เขาก็ให้เหตุผลมาดี แต่อารมณ์ของดิฉันตอนนั้น มันฟังไม่ขึ้น แต่ก็ได้แต่เก็บความกลัวตรงนั้นไว้

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เรามักจะมีกิจกรรมหลักด้วยกันคือ ทำบุญ
ไม่รู้จะทำอะไรก็ไปทำบุญ หรือไม่ก็ไปฟังธรรมกัน
สิ่งต่างๆเหล่านี้เราจึงค่อยๆซึมซับไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป

แต่วิบากกกรรมย่อมมีเป็นปกติของชีวิต มีเหตให้เราต้องแยกจากกัน ดิฉันก็ได้อาศัยธรรมเป็นที่พึ่งทางใจ ในขณะที่เขาก็เช่นกัน ถึงขั้นเสียใจที่อยากจะบวช ช่วงเวลานี้ เราต่างมีเวลาได้อยู่กับสิ่งที่เป็นของจริงมากขึ้น ดิฉันจึงรู้สึกปล่อยวางมากขึ้น และเข้าใจว่าทำไมเขาถึงอยากบวช
เพราะมีช่วงหนึ่งที่ดิฉันได้ไปบวชพรามณ์ มันสงบมาก จนแทบไม่อยากออกจากวัด

จนกระทั่งเราต่างได้กลับมาคุยดีๆต่อกัน ใจที่เคยมึนตึง ก็เบิกบาน สติก็มา
ดิฉันกับเขาจึงมีเป้าหมายร่วมกันว่า ไม่ว่าปัจจุบันจะเป็นเช่นไร จะเป็นแค่เพื่อน หรือจะกลับมาอยู่ดูแลกันหรือไม่ แต่ปลายทางชีวิต เราทั้งคู่จะขอไปอยู่วัด หรือได้ทำอะไรเพื่อส่งเสริมพุทธศาสนาและเพิ่มกำลังบุญให้มากขึ้นยิ่งกว่าเดิมค่ะ


ปัญหาทุกอย่างมีทางออกนะคะ ขอแค่เวลาที่เหมาะสม มันก็จะผ่านไปได้เองค่ะ
โชคดีนะคะ


ขอบคุณ คุณpanatson มากครับเป็นทางออกที่ดีผมก็อยากไห้เป็นแบบนั้น

เจ้าของ:  see27 [ 08 ก.พ. 2010, 20:41 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....

กรัชกาย เขียน:
see27 เขียน:

ผมไม่มีลูก

ผมก็คิดว่าจะส่งเขาไห้ถึงที่สุด คือ มีเงินเก็บ นิดหน่อย มีบ้าน มีอาชีพที่มั่นคงไว้ไห้เขา
เพราะเหตุนี้ละผมถึงยังไม่ไป
แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือไม่
แล้วถ้าผมไปโดยไม่มีอะไรไว้ไห้เขาเลยละครับ


คุณ see 27 (อายุ 27กระมัง) เพราะเหตุใดคุณจึงอยากบวชครับ ช่วยเล่าแรงบันดาลใจสู่กันฟังหน่อย

สิครับ :b1:


ผมอายุ 22 เองครับ
ตั้งแต่ผมความคิดคิดเองเออเองนะครับ ผมก็ตั้งคำถามกับตัวเองเพื่อหาคำตอบถึงการมีอยู่ของชีวิตว่าจะเป็นเช่นไร
ผมตั้งคำถามกับตัวเองตลอดเวลาว่าทำไมต้องแบบนี้ เป็นแล้วมันเป็นยังไง
เช่น เราเกิดมาทำไม เราเกิดมาเพื่ออะไร หาความรู้ ทำงาน มีครอบครัว และก็ ตายไป
แล้วมองลึกลงไปอีก เราเรียนจบสูงๆๆ ป.ตีร ป.โท ป.เอก แล้วทำงานดีๆมีเงินมีทองมากมายประสบความสำเส็จแบบสุดยอด แล้วผมก็ถามตัวเองต่อว่า แล้วไงต่อ มัมก็แค่นี้เองหรือชีวิตที่ว่าประสบความสำเส็จ
อีกอย่างที่ผมเห็นอยู่ตลอดเราทำตัวของตัวเองเพราะความอยากได้อยากมีซึ่งเป็นบ่อแห่งความเกิดทุกข์ เช่น เราอยากได้สิ่งหนึ้งที่ต้องใช้เงินใช้ทองซื่อมา เราก็ต้องดิ้นรณเพื้อสิ่งนั้น เมือไม่ได้เมือไม่มีเราก็ทุกข์
ทางที่ดีที่ควรก็มีเราทำไมไม่ทำตาม เราจะหมุนตามโลกทำไหมกัน

แค่นี้ก่อนนะครับ ความรู้สึกมันอธิบายยาก

เจ้าของ:  kanalove [ 08 ก.พ. 2010, 20:44 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ตัวเองรู้ตัวว่าวันหนึ่งบวชแต่.....

งืม เข้าใจอะคะ ขอโมทนาด้วยนะคะ ^^

ส่วนต่อจากนี้ไปจะตัดสินใจยังไงจะเป็นยังไงต่อไป คุณคงจะได้รู้คำตอบด้วยตัวเอง... ใช้เวลาหน่อยนะ

หน้า 1 จากทั้งหมด 2 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/