ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ดิฉันต้องสูญเสียลูกชายไป
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=29789
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  vrk [ 27 ก.พ. 2010, 17:59 ]
หัวข้อกระทู้:  ดิฉันต้องสูญเสียลูกชายไป

ดิฉันได้สูญเสียลูกชายไปด้วยวัยเพียง 3 ขวบ ระยะเวลาในการรักษาเพียง 4 เดือนเท่านั้นก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเค้าไว้ได้ หลังจากที่ลูกเข้าโรงพยาบาลได้ 2 สัปดาห์รวมถึงการผ่าตัดพิสูจน์ชิ้นเนื้อลูกชายบอกกับดิฉันว่าแม่ หนูไม่อยากมาโรงพยาบาลอีกแล้วนะ แล้วดิฉันก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่และตอบกลับไปว่าครับแม่สัญญาและเลือกใช้วิธีรักษากับแพทย์ทางเลือก ตลอดระยะเวลาที่อยู่โรงพยาบาลทั้งสายน้ำเกลือ ทั้งการเจาะเลือดเจาะแล้วแล้วเจาะอีก เจาะไม่ตรงความเจ็บปวดทำให้ลูกชายดิฉันกลัวหมอมาก แต่ตลอดระยะเวลดิฉันอยู่กับเค้าตลอดแม้กระทั่งผ่าตัดเสร็จทั้งสายเข้าในจมูก สายน้ำเกลือ สายต่อท่อปัสสาวะที่อยู่ในร่างการของเค้า เด็ก 3 ขวบกับนอนนิ่งอยู่เฉยๆไม่ใช่เพราะการเจ็บปวดหรอกคะ แต่พื้นฐานนิสัยเค้าเป็นเด็กที่พูดอะไรก็ตามด้วยเหตุผลเค้าจะเชื่อฟังทุกอย่าง พื้นฐานจิตใจจัดว่าดีมาก ไปเล่นของเล่นบอกว่าพอก็หยุดเล่น อยากได้ของเล่นพอพาไปซื้อบอกว่ามันแพงแล้วอธิบายเหตุผลก็ไม่ดึงดันที่จะเอา ชอบไหว้พระ ว่านอนสอนง่ายอย่างที่สุด หรือแม้กระทั่งตอนทานนมแม่ให้ทานถึง 1 ปีเต็ม พอให้เลิกแค่เค้าดูดแค่คำเดียวเค้าก็เลิกได้อย่างน่าอัศจรรย์ เพราะความที่เค้าเป็นเด็กดีเหลือเกิน ดิฉันจึงไม่อยากผิดคำพูดกับเค้าในการเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอีก กลับมาดูแลที่บ้านอย่างทะนุถนอมและพาไปพบแพทย์ทางเลือกอย่างสม่ำเสมอ สวดมนต์ไหว้ พระ ทำบุญอย่างที่เคยปฎิบัติมาทั้งชีวิต จนในที่สุดเมื่อ2 เดือนที่แล้วเค้าก็จากไปในอ้อมตักของพ่ออย่างสงบที่สุด ขนาดในวาระสุดท้ายเค้าเลือกที่จะนอนหลับกับพ่อเพื่อที่ว่าถ้าอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นแม่แล้วคงยากที่จะรับสภาพเหตุการณ์อย่างนั้นได้ ลูกของแม่นอนหลับอย่างสงบ แม่ทำได้ดีที่สุดแล้ว ลูกแม่เป็นเด็กน่ารัก ยาขมกี่ชนิดลูกก็ทานได้หมด ขอแต่เพียงมีผู้เป็นแม่อยู่ใกล้ๆ แม่โชคดีที่ได้ดูแลลูกอยู่ที่บ้านไม่ได้ทำงานอะไร ชีวิตของดิฉันทำความดีมาตลอด เลี้ยงดู พ่อ-แม่-ย่า-ยาย ไม่เคยขาดตกบกพร่อง เหตุอันใด คนดีๆอย่างหนูถึงเกิดมาแล้วไม่มีชีวิตที่ยืนยาวเพื่อได้ตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน หลังจากนั้นดิฉันก็เริ่มเข้าหาธรรมะ จากที่เคยคิดว่าการเป็นคนดีก็น่าจะมีแค่ ทานและศีล เพราะดิฉันชอบช่วยเหลือคนที่เค้าตกทุกข์ได้ยากอยู่เป็นนิจ แต่เมื่อลูกจากไป ก็เพิ่งจะเข้าใจว่าสิ่งที่ลูกได้มอบให้กับผู้เป็นแม่ คือคำสอนของพระพุทธเจ้า "อริยสัจ สี่ " ให้มองเห็นว่ากายนี้เป็นทุกข์ ใจนี้เป็นทุกข์ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยจะมอง เพราะมีชีวิตทุกอย่างที่สุขแบบพอดีมาตลอด เคยคิดว่าน่าจะมีลูกอีกดีมั้ยแต่สุดท้ายก็รู้ว่ามันคือตัณหา ตัณหาก็ทำให้เกิดทุกข์อีกเหมือนเดิม ลูกอาจจะออกมาครบ 32 แต่ต่อไปก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าลูกจะแข็งแรงตลอดทั้งชีวิต ไม่มีอะไรแน่นอนเลย ต้องขอประทานโทษกับผู้ที่เข้ามาอ่านข้อความของดิฉันที่มันยาวเกินไป ดิฉันขอคำแนะนำธรรมะด้วยค่ะ เพื่อจะได้ปฎิบัติได้อย่างถูกต้อง ทุกสภาวะของการกระทำที่เป็นกุศลขอมอบให้ลูกของแม่มีความสุขตลอดไปนะครับ
ปล.ขออนุญาตไม่กล่าวถึงโรคที่ลูกเป็นนะคะ
ขอบพระคุณกัลยาณมิตรทุกท่านที่เข้ามาแนะนำค่ะ

เจ้าของ:  พงพัน [ 27 ก.พ. 2010, 18:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดิฉันต้องสูญเสียลูกชายไป

อ่านดูแล้วเหมือนลูกคุณที่เสียไปนั้นเป็นผู้มีบุญมาเกิดครับ
เนื่องจากมีจิตใจที่ดีแสดงออกมาซึ่งสิ่งดีๆอยู่เสมอ
การมาเกิดเป็นมนุษย์ของลูกคุณนั้นคงจะเป็นการเกิดมาเพื่อรับกรรมที่มีอยู่อีกนิดหน่อย
ก่อนจะไปเกิดบนสวรรค์ก็เป็นได้นะครับ

การเห็นทุกข์ในการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ของคุณเป็นจุดเริ่มต้นที่ประเสริฐ
ขอแนะนำให้ไม่ต้องกังวลมากในสิ่งที่จะทำว่ามันจะส่งผลเสียอะไรในอนาคต
ขอให้สิ่งที่จะทำนั้น ทำด้วยสติและคิดว่าจะไม่เดือดร้อนตนเองและผู้อื่นก็เพียงพอ
และสิ่งที่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งและจะแนะนำนั้นคือการเจริญสติและวิปัสสนาครับ
การเจริญสติตามแนวสติปัฏฐาน๔ และวิปัสสนา พิจารณาขันธ์๕ สู่ความเป็นไตรลักษณ์

ถ้ายังไม่มีพื้นฐานหรือแนวทางผมขอแนะนำเว็บไซต์นี้ครับ
http://www.watpachareongtham-chonburi.com
จะมีแนวการปฏิบัติบอกไว้อยู่ ซึ่งทำไม่ยากเลยครับ
รับรองว่าสุดท้ายแล้วผลที่จะเกิดขึ้นกับคุณจะเป็นประโยชน์อย่างมากทีเดียวครับ
อนุโมทนาบุญด้วยครับกับกุศลที่จะเกิดขึ้นกับคุณในการปฏิบัติธรรม

เจ้าของ:  saisawan [ 27 ก.พ. 2010, 20:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดิฉันต้องสูญเสียลูกชายไป

ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมทุกคนเกิดมาล้วนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งสิ้น ที่มีเหตุอย่างนี้เกิดขึ้นกับชีวิตเรา ทำให้เราเห็นว่าในโลกนี้ทุกสิ่งล้วนอนิจจา
ไม่มีอะไรแน่นอน ขอให้คุณมีกำลังใจต่อสู้ต่อไปนะคะ สุ้ๆๆนะคะ :b48:

เจ้าของ:  ชาติสยาม [ 27 ก.พ. 2010, 20:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดิฉันต้องสูญเสียลูกชายไป

คนล้านคน จะมีสักกี่คนที่ตายอย่างสงบ

พระท่านว่า ถ้าตอนตาย เราตายอย่างสงบ มีความสุข จิตเป้นกุศล
จะได้ไปเกิดเป็นอย่างน้อยที่สุด เป็นมนุษย์ อย่างเลิศก็เป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นใดชั้นหนึ่ง
ท่านเรียกว่า สุขคติ

เจ้าของ:  มัทนา ณ หิมะวัน [ 27 ก.พ. 2010, 22:07 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดิฉันต้องสูญเสียลูกชายไป

:b47: "...ภพชาติความสัมพันธ์ และสายใยต่างๆ นั้นซับซ้ิอน
มีความไม่แน่นอนเป็นความหวังได้
ด้วยเหตุปัจจัยอันลึกลับเกินหยั่ง


ทำใจไว้แต่แรกว่าเราุทุกคนเป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว
จะได้สบายใจในระยะยาว..."
:b47:

:b43: :b43: :b43:

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/007278.htm#24
(วาทะดังตฤณ ฉบับความรักหลากสี, หน้า ๑๖๘)

เจ้าของ:  ทักทาย [ 28 ก.พ. 2010, 03:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดิฉันต้องสูญเสียลูกชายไป

พวกเราทุกคนก็กำลังเดินทาง
ไปสู่จุดสุดท้ายของชีวิตทุกคน
ไม่มีใครที่จะได้อยู่ในโลกนี้ตลอดไป :b20:

ไม่เคยกลัวความตายเลย ที่กลัวก็คือ
ก่อนที่จะตาย...จะทำอย่างไร?
ที่จะไปอย่างสงบ...ไม่ทุรนทุราย
เหมือนลูกชายของคุณแม่ :b48:

มนุษย์ทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้
มีใครบ้างที่ไม่ทุกข์...เขาได้อยู่
ในโลกใบนี้เพียงสามปี.....
แปลว่าเขามีทุกข์น้อย
เขาคงมีที่หมายที่ดีกว่าโลกมนุษย์...
เมื่อเขาได้ชดใช้สิ่งที่ติดค้างไว้ที่โลกนี้หมดแล้ว
ก็ถึงเวลาที่เขาต้องไปในที่ที่อันควร.. :b41:

ขอแสดงความเสียใจกับคุณแม่ด้วยนะค่ะ
บุญกุศลใดๆก็ตามที่ได้กระทำมาแต่อดีต
จนปัจจุบัน...ขอบุญกุศลเหล่านี้
จงหนุนนำให้ดวงวิญญาณของ
"เด็กดี"ของคุณแม่จงไปสู่สุขคติภพ :b8:

เจ้าของ:  kengkoo [ 28 ก.พ. 2010, 05:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดิฉันต้องสูญเสียลูกชายไป

เข้มแข็งมากมากนะคะ สู้สู้ค่ะ

เจ้าของ:  ดอกพุทธ [ 28 ก.พ. 2010, 11:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดิฉันต้องสูญเสียลูกชายไป

เป็นการพรัดพรากดวงใจที่ยิ่งใหญ่ ของผู้เป็นแม่

ขอให้เข้มแข็ง และเป็นกำลังใจให้นะคะ

ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ขอให้มีธรรมอยู่ในใจ

ผลบุญทั้งหลายที่ได้กระทำ ขออุทิศผลบุญให้กับลูกค่ะ

เจ้าของ:  Nymphs [ 28 ก.พ. 2010, 18:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดิฉันต้องสูญเสียลูกชายไป

นอกจากคุณจะมีลูกที่ดีแล้ว ลูกคุณยังมีพ่อแม่ที่ดีด้วยค่ะ ^^

เจ้าของ:  yodchaw [ 01 มี.ค. 2010, 08:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดิฉันต้องสูญเสียลูกชายไป

vrk เขียน:
เมื่อลูกจากไป ก็เพิ่งจะเข้าใจว่าสิ่งที่ลูกได้มอบให้กับผู้เป็นแม่ คือคำสอนของพระพุทธเจ้า "อริยสัจ สี่ " ให้มองเห็นว่ากายนี้เป็นทุกข์ ใจนี้เป็นทุกข์ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยจะมอง เพราะมีชีวิตทุกอย่างที่สุขแบบพอดีมาตลอด เคยคิดว่าน่าจะมีลูกอีกดีมั้ยแต่สุดท้ายก็รู้ว่ามันคือตัณหา ตัณหาก็ทำให้เกิดทุกข์อีก


คงไม่มีใครที่ ไม่อยากได้ดั่งใจ ได้ดั่งตั้ง ได้ดั่งต้อง ของตัวเอง ไม่ ว่าในส่วนของที่เรียกว่า ของตัวเองทั้งหลาย เช่น สามีที่ได้ดั่งใจ ดั่งตั้ง ดั่งต้องที่จะให้เป็น ภรรยาหรือบุตร ธิดา ที่ได้ดั่งใจ ดั่งตั้งใจ ดั่งต้องของตัวเองที่อยากให้ ให้ดี ให้งาม ให้อยู่ในโอวาส ของตัวเอง เป็นต้น หากแต่เมื่อได้ศึกษาพระพุทธศาสนา พระธรรมคำสอนที่ท่านตรัสไว้คือ อนิจจัง ความไม่ยึดติด สรุปทุกสิ่งอย่างไม่ใช่สิ่งที่จะไปยึดติด ถือเอา เอาเป็นประมาณ ได้จริง เมื่อชัดเข้าใจอย่างนี้เป็นธรรมะรองรับอยู่เสมอในใจที่มีเป็นเกี่ยวข้อง ใช้ชีวิต ก็จะได้เข้าใจมากขึ้น ว่าที่อยากให้ได้ดั่งใจ ดั่งตั้ง ดั่งต้อง นี้มันเป็นโปรแกรมทุกข์ มันเป็นโปรแกรมยึดติด ถือเอา มันเป็นเหตุ เป็นสมุทัยของทุกข์ ในอริยสัจ เป็นตัณหาอุปทานที่พยายามยึดให้มันมี ให้มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ หรือ อยู่กับเรานานๆ กลายเป็นว่า ไป บล็อค ล็อค สเปค ไว้ เมื่อดำเนิน คุ้นเคย สร้างเหตุเก่าๆ สร้างสมุทัยแบบเดิม ก็คงหนีไม่พ้น คือทุกข์ ตามมาอยู่ล่ำไป สร้างเหตุ ย่อมมีผลล่ำไป ที่ไม่ได้ดั่งใจ ไม่ได้ดั่งต้อง ไม่ได้ดั่งตั้ง ไม่ได้ดั่งยึด ไม่ได้ดั่งอยากให้มีให้เป็น ทุกข์แล้วทุกข์อีก แต่ก็ทุกข์อยู่ล่ำไป ทุกข์เพราะไม่รู้ว่าสร้างเหตุของทุกข์หรืออย่างใด หรือว่าไม่รู้ทางออก ทางพ้นทุกข์ จึงมีแต่เอาใจตัวเองเป็นที่ตั้งไปตลอด

ขอเชิญศึกษาธรรมปฏิบัติ และดาวน์โหลดธรรมะ
โดย หลวงพ่อโพธิ์ศรีสุริยะ เขมรโต
วัดร่มโพธิธรรม บ้านหลัก 160 ต.หนองหิน อ.หนองหิน จ.เลย

http://www.rombodhidharma.com/ และที่บอร์ดสนทนาธรรมทั่วไป


ขอให้ท่านมีส่วนในความ ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา แจ่มแจ้งในสัจธรรม ลุล่วงพ้นทุกข์ ตามองค์พุทธะ พระอรหันต์ พระโพธิสัตว์ หลวงพ่อโพธิศรีสุริยะ เขมรโต นั่นเทอญ

เจ้าของ:  kaekai [ 04 มี.ค. 2010, 17:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดิฉันต้องสูญเสียลูกชายไป

เข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ค่ะ
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ
น้องคงมีบุญมากนะคะ
คงมาใช้กรรมแค่นี้
เก๋เองก็มีลูก รู้ว่าเจ็บปวดที่สุด
เป็นกำลังใจให้นะคะ

เจ้าของ:  chulapinan [ 12 มี.ค. 2010, 19:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดิฉันต้องสูญเสียลูกชายไป

เสียใจกับการจากไปของลูกชายคุณด้วยค่ะ แต่เชื่อจุฬาภินันท์นะคะว่าแกไปเป็นเทวดา แกไม่ทุกข์อีกแล้วเจอแต่สุขค่ะ รอจนหมดอายุขัยของเทวดาแกก็จะลงมาเป็นมนุษย์พบทุกข์สุขต่อไป

คราวนี้มาถึงเรื่องคุณดีกว่าค่ะ คุณต้องคงความเป็นคนดีของคุณนะคะ เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนดีคนนึงอาจเป็นเรื่องที่ทุกข์แสนแข็ญ นั่นเป็นเพราะกรรมค่ะ (แม่จุฬาภินันท์ก็เป็นคนดีมากแต่ก็เสียลูกชายไป อนาคตอาจเสียลูกสาวก็ได้ ใครจะรู้เท่ากรรม) เป็นวิบากค่ะ เราไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงพ้นได้เลย อย่างไรก็ตามปัจจุบันสำคัญที่สุด กรรมในอดีตชาติเราหนียังไงก็ไม่พ้นค่ะ แต่ปัจจุบันเรารับมือกับผลของมันด้วยสติดีกว่า สติที่มีหลักธรรมในใจน่ะค่ะ เมื่อพบเรื่องทุกข์มากระทบใจก็ปรับความคิดให้เข้าใจเหตุเข้าใจผล เหตุเกิดจากผลและผลย่อมนำไปสู่เหตุ แต่เหตุไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ปัจจุบันน่ะค่ะ แล้ววางอุเบกขาให้ได้ หมั่นถือศีลทำสมาธิชำระจิตใจให้เบิกบาน อะไรดีๆจะตามมาค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/