วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 09:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2010, 11:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 11:15
โพสต์: 27

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณเคยได้ยินคำถามเหล่านี้ไหม
หนูอยากไปหาพ่อ
ทำไมพ่อไม่มาหาหนูบ้าง (พ่อไปทำงาน พ่อไม่ว่างลูก)
ทำไมแม่ไม่โทรหาพ่อ หนูมีเรื่องจะบอกพ่อ
ทำไมพี่(ชาย)มาบ้าง
หนูอยากไปหาพ่อได้ไหมแม่
พ่อรู้ไหมว่าหนูมี................. (สิ่งของที่อยากจะอวด)

บ้างครั้งเจอรถพ่อจอดอยู่ (แม่นั้นรถพ่อ หนูจำได้ ไปดูใกล้ๆซิ ว่ามีพ่อในรถไหม)
ทำไมอะแม่ ไม่มีพ่อในรถ ทำไมแม่ไม่พาหนูไปดูใกล้ๆ (ไปเหอะลูกอย่ารอเลย /ทำไมอะแม่ หนูอยากรออะ)

ดูการ์ตูน ดูโทรทัศน์ หันมาถามทำไมหนูไม่มีแบบนั้นบ้าง (มีอะไรลูก /ก็มีพ่ออยู่ด้วยไง)
บางครั้งไปเจอพ่อกับชู้รัก ลูก...แม่นั้นพ่อ (ลูกทำท่าดีใจจะตะโกนเรียก แต่แม่ต้องพาหลบแอบบอกว่าอย่าเรียกเลยลูก ทำไมอะแม่ทำไมเรียกไม่ได้ แล้วทำไมต้องแอบด้วย /พ่อมากับเพื่อนจ๊ะลูก /แล้วเพื่อนพ่อชื่ออะไรแม่ ทำไมหนูเรียกพ่อไม่ได้
ทำไมอะแม่ ทำไมเรามีตังน้อย ทำไมเราซื้ออันนั้นไม่ได้ ทำไมพ่อคนอื่นซื้อให้เด็กนั้นได้ล่ะ แล้วพ่อหนูจะซื้อให้ไหม ถ้าพ่อมาแล้วหนูบอกพ่อล่ะ ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.....................กับหลายๆคำถาม ตาโตๆ หน้าเศร้าๆ เสียงอ่อยๆ หนูรักแม่นะค่ะ แล้วหนูก็รักพี่.....รักพ่อด้วยค่ะ.........หนูรอตั้งหลายวันแล้วนะค่ะ หนูไม่เสียใจ หนูไม่ร้องไห้ หนูเข้มแข็งอดทน.......เป็นคำถามน้ำเสียงจากเด็กผู้หญิงอายุ 4 ขวบกว่า

ทำให้จิตของเราที่ฝึกให้เข้มแข็ง ฝึกให้นิ่ง หวั่นไหวเอาไม่เป็นท่า จะทำอย่างไรดี
1.บอกกับพ่อของลูก ในเมื่อคุณสลัดทิ้งฉันกับลูกแล้ว คุณอย่ามาวนเวียนเอาความรู้สึกจากหัวใจน้อยๆของลูกมาล่อเล่น อย่ามาแบบผลุบโผล่ให้ลูกมีความหวัง ให้ลูกคอย อย่ามาอีกเลย (ลักษณะ 3 เดือนโผล่มาหาลูก 1 หน ให้ลูกหลงดีใจ)
2.ลองเอ่ยพูดกับพ่อของลูก ขอเวลาให้เขาแบ่งมาให้ลูกบ้างบ่อยๆ จะได้ไหม ถึงแม้เขาจะแสแสร้งว่ารักลูกก็เหอะ เวลาเขามาหา
3.เราหอบลูกหนีไปให้สุดแสนไกลเลยดีไหม จะได้ไม่ต้องพบเจอกันอีก สงสารความรู้สึกลูก มันบีบคั้นจิตใจเลยเกิน แม่คนนี้จะเข้มแข็งอดทนเพื่อลูก ไม่อ่อนแอ เพื่อลูก ต้องหาสิ่งที่ดีและปลอดภัยกับลูกมากที่สุด...
ทุกวันนี้ไม่ได้ทุกข์เรื่องพ่อของลูกเลย แต่ทุกข์กับคำถามซื่อๆใสของลูก ขอคำแนะนำด้วยค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2010, 14:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้ที่ทำได้ก็น่าจะเป็นการมีสติให้มากที่สุดครับ
มีสติกับทุกข์และปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น
ให้ความรักความอบอุ่นแก่ลูกให้มากที่สุด
อธิบายสิ่งต่างๆอย่างมีเหตุผลที่ลูกพอรับได้ให้เขาค่อยๆเข้าใจและยอมรับความเป็นจริง
อย่างที่คุณทำอยู่ก็ถือว่าดีแล้ว พยายามนำลูกทำสิ่งที่เป็นกุศลในชีวิต
คิดเสียว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นภูมิต้านทานทุกข์ที่ดีให้กับลูก
ต่างจากลูกคนอื่นที่ไม่มีภูมิเพราะไม่เคยเผชิญความทุกข์เลย ในอนาคตก็จะลำบาก
ที่สำคัญอย่าท้อใจกับความทุกข์ ให้ฮึดสู้เสมอ สู้กับทุกข์ในการฝึกฝนจิตใจ
ถ้าเรามีจิตใจที่เข้มแข็งก็จะเป็นที่พึ่งที่ดีให้กับตัวเองและลูกได้
ถึงตอนนี้จะทุกข์มากก็ให้ผ่านมันไปด้วยสติ
ให้คิดว่าความทุกข์ของเราและลูกที่เข้ามาในชีวิตในตอนนี้
จะทำให้เราสามารถสร้างรากฐานที่มั่นคงของจิตใจที่เข้มแข็งได้
มองผลในระยะยาว แล้วค่อยๆแก้ปัญหาระยะสั้นด้วยสติและหมั่นสร้างกุศล
การตัดสินใจใดๆก็ให้อยู่บนความที่จะไม่เดือดร้อนทั้งตัวเองและผู้อื่น
เชื่อได้เลยครับว่าในอนาคตทั้งคุณณภัทรและลูกจะมีจิตใจที่แข็งแกร่งเข้มแข็ง
และจิตใจของคุณทั้งสองจะเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองได้อย่างแน่นอน

นี่เป็นอีกหนึ่งกำลังใจจากผมครับ


:b4: :b4: :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2010, 15:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ม.ค. 2010, 11:38
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านแล้วเศร้าจังค่ะ
ถ้าดิฉันเป็นคุณ ก็ไม่รู้ว่าจะกลั้นน้ำตาไว้ได้อย่างไร
ไม่อยากให้ใคร ๆ ต้องเจอเรื่องแบบนี้เลย
เข้มแข็งนะคะ อดทนและก็สู้ต่อไป
เวลาคงช่วยให้คุณและลูกดีขึ้น
ดิฉันเป็นกำลังใจให้คุณนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2010, 09:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถึงแม้บางครั้งการจะพูดความจริง
มันอาจจะโหดร้ายเกินไป แต่วิธีการที่จะพูด ก็ยังมีหลายวิธี
อีกทั้งยังสามารถเลือกคำพูดให้ฟังแล้ว...กระทบกระเทือนน้อยที่สุดได้
อย่าคิดว่าเด็กสี่ขวบเขาจะไม่รู้ ไม่เข้าใจอะไรนะค่ะ...เขารู้มากว่า
ที่เราคิดเยอะมาก...พยายามอธิบาย...ว่าทำไม?..ทำไม?
ให้ใกล้เคียงความจริงที่สุด...อย่าพยายามโกหกเขา
โดยคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี.....

เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้...แต่เราสามารถสอนให้ลูก
อยู่กับความเปลี่ยนแปลงได้...ไม่ว่าสิ่งนั้นจะโหดร้ายสักแค่ไหน?
เพราะโลกนี้มันมีอะไรอีกมากมายที่เราคาดไม่ถึง ซึ่งเขาจะต้อง
ได้พบพานในวันข้างหน้า....อาจจะไม่มีเราอยุ่ข้างเคียงเขาในวันนั้น
ไม่มีอะไรจะแนะนำ นอกจากขอส่งกำลังใจมาให้อีกหนึ่ง.... :b4:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2010, 23:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
1.บอกกับพ่อของลูก ในเมื่อคุณสลัดทิ้งฉันกับลูกแล้ว คุณอย่ามาวนเวียนเอาความรู้สึกจากหัวใจน้อยๆของลูกมาล่อเล่น อย่ามาแบบผลุบโผล่ให้ลูกมีความหวัง ให้ลูกคอย อย่ามาอีกเลย (ลักษณะ 3 เดือนโผล่มาหาลูก 1 หน ให้ลูกหลงดีใจ)


จุฬาภินันท์ว่าคุณน่าจะตกลงกับสามีก่อนนะคะ ให้เวลาเขาได้เจอลูกบ้าง ยังไงซะลูกก็ควรได้รู้จักผู้ให้กำเนิดแก อย่าทำลูกคุณกลายเป็นคนอกตัญญูในอนาคตเลยค่ะ แม้จะสามเดือนโผล่ก็ทำบรรยากาศดีๆได้ค่ะ Miss Dought Fire เป็นตัวอย่างหนังที่ดีค่ะ

อ้างคำพูด:
2.ลองเอ่ยพูดกับพ่อของลูก ขอเวลาให้เขาแบ่งมาให้ลูกบ้างบ่อยๆ จะได้ไหม ถึงแม้เขาจะแสแสร้งว่ารักลูกก็เหอะ เวลาเขามาหา


นี่แหละค่ะที่ควรทำ สอนให้เด็กกตัญญูนะคะ อย่าเอาอารมณ์ของคุณทำลายความดีนะนั้นค่ะ กตัญญูเป็นหนึ่งในมงคลสามสิบแปดประการ ให้มงคลนั้นอยู่ติดตัวลูกคุณเถอะค่ะ

อ้างคำพูด:
3.เราหอบลูกหนีไปให้สุด แสนไกลเลยดีไหม จะได้ไม่ต้องพบเจอกันอีก สงสารความรู้สึกลูก มันบีบคั้นจิตใจเลยเกิน แม่คนนี้จะเข้มแข็งอดทนเพื่อลูก ไม่อ่อนแอ เพื่อลูก ต้องหาสิ่งที่ดีและปลอดภัยกับลูกมากที่สุด...


ไม่ควรทำค่ะ จุฬาภินันท์ขออนุญาตแนะอย่างที่บอกในสองข้อแรก คุณกำลังโกรธและอารมณ์โกรธนั้นจะไปถูกฝังในตัวลูกของคุณ ไม่ดีเลยค่ะ เด็กย่อมเสียใจแต่เด็กก็เป็นไม้อ่อนที่สามารถดัดได้ง่ายค่ะ คุณต้องอดทนมากนะคะ ในเมื่อคุณไม่แคร์สามีได้แล้วก็ควรคุณกัน อย่าสาดอารมณ์เข้าหากันเพราะไม่อย่างนั้นเรื่องไม่จบ คุณวางอุเบกขากับสามีได้จุฬาภินันท์ยินดีด้วยค่ะ คราวนี้ก็มาสนใจลูกดีกว่าค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 22:50
โพสต์: 3

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมต้องกราบขออภัย กับทุกความเห็นที่ท่านกำลังรู้สึกว่า ผมขวางอารมณ์ของกระทู้อยู่ ณ ขณะนี้ ผมไม่ทราบวา่าประเด็น ที่ตั้งกระทู้นี้ชื่ออะไร และ ไม่ทราบว่าระยะเวลาของเรื่อง ปัญาหาครอบครัวที่เรากำลังอ่าน เกิดมานานเท่าไร แต่อย่างน้อย ผมคิดว่า ไม่ต่ำกว่า สี่ขวบ แน่นอนครับ สิ่งที่เราได้อ่านในกระทู้นี้มันกระแทรก, กระทั้นหรือระเบิดอารมณ์เรา ท่าน ได้อย่างโค ตะ ระ แรง และชวนให้มีอารมณ์อยากเตะ ไอ้ เฮีย พ่อมัน โดยที่แม่ผู้น่ารักของเด็กหญิงได้แสดงออกทางกระทู แต่ปัญหาที่ผมอยากทิ้งไว้ ณ ตอนนี้ ก่อนเวลาที่ท่านแต่ละท่านได้แสดงความรู้สึกว่า ในความเป็นจริงแล้ว
1.ท่านรู้จักผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น พ่อ ตัวเป็น ๆ มากน้อยแค่ไหน หรือ รู้จักลูกมากน้อยขนาดไหน หรือ รู้จักภรรยามากน้อยขนาดไหน
2.ท่านมีความเห็นตอนไหนที่ คิดว่าพ่อเป็นคนที่ผิด ลูกรับข้อมูลที่ถูก หรือ คนที่เขียนกระทู้นี้เขียนความจริงโดยไม่เข้าข้างตัวเอง แล้วคิดว่าพ่อเค้าผิดจริงหรือไม่ แล้วคิดว่าแม่ึคือคนที่ให้ข้อมูลลูกจริง ๆ
3.เวลาของเหตุการณ์ที่เิกิดขึ้นจนถึง ณ ตอนนี้ เด็กหญิงหรือเด็กชายผู้นี้อายุ สี่ขวบ ผมถามหน่อยเถอะว่า มีใครรู้เรื่องราวก่อนหน้านี้บ้างว่าทำไม่พ่อกับแม่ถึงแยกทางกัน พ่อมันแย่ หรือว่าแม่มันเลว(สารภาพตามความรู้สึกกันจริงหรือไม่)
4.ทำไม แม่ถึงเอาลูกน้อยมาไว้กับตัวเอง หรือ คุณรู้ได้อย่างไรว่า พ่อนั้น ไม่แยแสกับลูกในใส้ของตัวเอง และถามว่ามีแมวตัวไหนที่ไม่รักลูกตัวเอง
คุณผู้ชายรู้สึกมั้ยว่า คนที่รักลูกมาที่สุดคือแม่ของลูก ๆ หรือว่าพ่อก็ทำแบบนั้นได้

5.ทำไม่ท่านผู้แสดงความเห็น ถึงได้ด่วนตัดสินใจเพื่อแสดงความเป็นคนมีน้ำใจ ทั้ง ๆ ที่คุณได้ฟังเรื่องราวเพียงไม่กี่บรรทัด อะไรคือ บรรทัดฐานของการตัดสินใจ
ผมสามารถสรุปได้มั้ยว่า ศาลสามารถวินิจฉัยแบบเดียวกันกับท่านที่ได้ลงความเห็นไป ผมทำได้มั้ยครับ
6.สังคมไทยมีวิีธีการคิดแบบนี้หรือไม่ ว่าเราได้ฟังเรื่องรางน่าเศร้าแล้วเรา สามารถสรุปในทันทีทันใดว่า ไอ้ เฮีย พ่อมัน นั่นแหละ ชาติสุนัข โดยที่ใครสามารถพูดก่อน คนนั้นคือคนที่ร้องขอความเห็นใจได้มากที่สุด

ผมไม่ได้ คิดว่าการแสดงความเห็นเป็นเรื่องที่ผิด แต่ผมยังเห็นว่า บางสิ่งบางอย่าง ยังขาดในสังคมไทยอยู่ ง่าย ๆ กับ การแบ่งสี เรา ท่าน แบ่งสีโดยได้รับข้อมูลเพียงไม่กี่ประโยค จริงหรือไม่? เรารีบสรุปว่าคนนึงผึดจากสิ่งที่เราเห็นกันบ่อย ๆ จริงหรือไม่

ตามตำราพุทธท่านกล่าวไว้ว่า
กาลามสูตรกังขานิยฐาน 10 หมายถึง วิธีปฎิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร

1.อย่าปลงใจ เชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา (มา อนุสฺสเวน)

2.อย่าปลงใจ เชื่อ ด้วยการถือสีบๆกันมา (มา ปรมฺปราย)

3.อย่าปลงใจ เชื่อ ด้วยการเล่าลือ (มา อิติกิราย)

4.อย่าปลงใจ เชื่อ ด้วยการอ้างตำรา หรือคัมภีร์ (มา ปิฏกสมฺปทาเนน)

5.อย่าปลงใจ เชื่อ เพราะตรรก (มา ตกฺกเหตุ)

6.อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน (มา นยเหตุ)

7.อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล (มา อาการปริวิตกฺเกน)

8.อย่าปลงใจ เชื่อ เพราะเข้าได้กับทฤษฎีที่พินิจไว้แล้ว (มา ทิฏฐินิชฺฌานกฺขนฺติยา)

9.อย่าปลงใจ เชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้ (มา ภพฺพรูปตาย)

10.อย่าปลงใจ เชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา (มา สมโณ โน ครูติ)

แล้วทำไมท่านผู้เจริญ จึงได้สรุปว่าตัวเอง เป้นผู้เจริญแล้วด้วยสติ

ขอขอบพระคุณ

ผม คมศักดิ์ สุนทร เบอร์ 0894888108


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 03:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ใครก็ตามที่เข้ามาในลานแห่งนี้
ไม่ว่าจะผิดหรือถูก...หรือเรื่องราวจะเป็นอย่างไร?
ไม่ใช่เรื่องสำคัญ....ที่สำคัญคือ...ถ้าท้อแท้
หมดกำลังใจ..ไม่มีคนปลอบใจ...ไร้ที่หวัง..

ณ.ที่นี้มีคนพร้อมที่จะปลอบใจ...เติมกำลังใจให้...
เพื่อจะได้มีแรงลุกขึ้นสู้ปัญหาต่างๆ....และสร้างความหวังใหม่
โดยที่มิได้คำนึงถึงว่าเป็นใคร...มาจากไหน?

หากข้อความ ที่กัลยาณมิตรในลานนี้ ส่งไปเป็นกำลังใจ
ให้กับเจ้าของกระทู้...เผอิญไปกระทบกระเทือนหรือสอดคล้อง
กับเรื่องของผู้ใด...คงต้องขออภัย และขออโหสิกรรม มา
ณ.ที่นี้ด้วย เพราะเชื่อแน่ว่าไม่มีท่านใด ในที่นี้ มีเจตนาเป็นอย่างอื่น....
นอกจากแสดงความเห็นใจ...ในโชคชะตาของเพื่อนร่วมทุกข์เท่านั้นเองค่ะ

อนุโมทนา :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แก้ไขล่าสุดโดย ทักทาย เมื่อ 23 มี.ค. 2010, 04:45, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 07:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 22:50
โพสต์: 3

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ครับ ท่านบอกว่า

ไม่ว่าจะผิดหรือถูก...หรือเรื่องราวจะเป็นอย่างไร?
ไม่ใช่เรื่อง สำคัญ.

ครับ ขอแสดงความเห็นใจด้วยครับ

สาธุ.....

คมศักดิ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 09:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 11:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2008, 11:15
โพสต์: 27

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณกับทุกแรงใจที่ส่งกำลังใจให้อย่างยิ่งค่ะ และต้องขออภัยคุณคมศักดิ์ สุนทร หากกระทู้ที่ดิฉันตั้ง
ไปกระทบกับจิตใจของคุณ การตั้งกระทู้ของดิฉันไม่สามารถทำให้คุณหรือใครๆ คล้อยตามได้ว่า จริงหรือไม่
ถูกต้องค่ะ ที่ทุกท่านไม่ควรได้รับข้อมูลด้านเดียว ดิฉันอาจจะเป็นคนเลว สามีดิฉันอาจจะเป็นคนแสนดี
เพียงแต่เราๆท่านๆ ไม่ได้สัมผัสรู้จักกันอย่างคนบ้านใกล้เรือนเคียง จึงเป็นไปได้ว่าดิฉันอาจ เอาดีใส่ตัว
อย่างที่คุณตั้งข้อสงสัย ขอบคุณที่ช่วยให้คำแนะนำค่ะ เพียงแต่ว่าคนที่กำลังใจเสียไปแล้ว ไม่มีคนข้างกาย
หรือใครที่จะให้กำลังใจต่อสู้และดำเนินชีวิตต่อไปได้ แค่ต้องการกำลังใจจากเพื่อนกัลยาณมิตรจากที่นี้เท่านั้น
แค่ได้อ่าน ไม่ได้รู้จักกัน ก็ทำให้ดิฉันสามารถมีแรงใจในการดำเนินชีวิตต่อไปได้ แม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้ดิฉันลุกยืนขึ้นใหม่ได้ ส่วนเรื่องราวรายละเอียดของดิฉันมันช่างโหดร้ายมากหากคุณไม่เคยประสบ คุณจะไม่
เข้าใจ ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องพลัดถิ่นมาไกล สร้างครอบครัวมีลูก 2 มีสามีคนเดียวที่เป็นเหมือน พี่ พ่อ
เพื่อน เสมือนญาติที่เหลืออยู่คนเดียว 14 ปี กับชีวิตครอบครัว ไม่เคยทะเลาะกันเลย (เรื่องจริง) อยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจ ใช้เหตุผล เคารพให้เกียรติกันมาตลอด แต่แล้ววันหนึ่ง สามีถูกชักนำให้รู้จักหญิงคนหนึ่ง
แล้วทุกอย่างก็พังทลายลงต่อหน้า ดิฉันรับรู้และทำได้อย่างเดียว คือ นิ่ง เงียบ สงบ เจียมตัวมาตลอด ไม่เคยมีปากเสียงกัน สามีขอเลิกขอหย่า เพื่อไปรับผิดชอบหญิงอีกคน ดิฉันก้มหราบแทบเท้าขอให้เห็นแก่ลูกได้ไหม และบอกสามีว่าคนเราย่อมทำผิดพลาดกันได้ ดิฉันเข้าใจไม่โกรธสามี ให้อภัยสามี ดิฉันจะคิดว่ามัน
เป็นแค่เรื่องที่ฝันร้ายไป แต่สามีดิฉันเลือกหญิงคนนั้น อย่างไม่สงสารลูกตาดำๆ นั้งร้องไห้อยุ่บนตักดิฉันเลย
แล้วคุณคิดว่าดิฉันเลวแค่ไหน ไม่สมควรได้รับกำลังใจจากกัลยามิตรที่นี้หรือ ขอโทษค่ะ ที่ทำให้คุณรุ้สึก
ไม่ชอบกระทู้นี้ ขอโทษจริงๆค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 11:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ม.ค. 2010, 11:38
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เข้มแข็งนะคะคุณณภัทร
ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ใจเรา
ขอให้คุณอดทน เข้มแข็ง
แล้วคุณจะผ่านมันไปได้
อย่าอ่อนแอให้ลูกเห็นนะคะ
ยังไงดิฉันก็อยากให้ลูกรับรู้แต่สิ่งดี ๆ
ไม่อยากให้เขาเห็นหรือรับรู้อะไรก่อนเวลาอันควร
เป็นกำลังใจให้คุณค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 12:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2010, 13:22
โพสต์: 176

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ,ฟังธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: อยู่กับปัจจุบัน

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
ใครก็ตามที่เข้ามาในลานแห่งนี้
ไม่ว่าจะผิดหรือถูก...หรือเรื่องราวจะเป็นอย่างไร?
ไม่ใช่เรื่องสำคัญ....ที่สำคัญคือ...ถ้าท้อแท้
หมดกำลังใจ..ไม่มีคนปลอบใจ...ไร้ที่หวัง..

ณ.ที่นี้มีคนพร้อมที่จะปลอบใจ...เติมกำลังใจให้...
เพื่อจะได้มีแรงลุกขึ้นสู้ปัญหาต่างๆ....และสร้างความหวังใหม่
โดยที่มิได้คำนึงถึงว่าเป็นใคร...มาจากไหน?

หากข้อความ ที่กัลยาณมิตรในลานนี้ ส่งไปเป็นกำลังใจ
ให้กับเจ้าของกระทู้...เผอิญไปกระทบกระเทือนหรือสอดคล้อง
กับเรื่องของผู้ใด...คงต้องขออภัย และขออโหสิกรรม มา
ณ.ที่นี้ด้วย เพราะเชื่อแน่ว่าไม่มีท่านใด ในที่นี้ มีเจตนาเป็นอย่างอื่น....
นอกจากแสดงความเห็นใจ...ในโชคชะตาของเพื่อนร่วมทุกข์เท่านั้นเองค่ะ

อนุโมทนา :b8:


ถูกต้องค่ะ ดิฉันเคยได้กำลังใจจากผู้ที่เจริญแล้ว ในลานแห่งนี้
แล้วทำให้ฉันมีกำลังใจ รู้สึกดีขึ้น ได้รับน้ำใจจากผู้ที่ไม่เคยรู้จักกัน
แต่ทุกท่านก็พร้อม ที่จะให้ข้อแนะนำของผู้ที่รู้ด้านธรรมมากกว่าตัวดิฉันเอง ที่พึงปฏิบัติเป็นประจำ แต่ก็ยังถือว่ายังน้อยกว่า ผู้รู้หลายๆท่านในลานแห่งนี้คะ และทำให้ชีวิตเดินในทางที่ถูกที่ควร
ทำให้รู้สึกว่า น้ำใจและความเอื้ออารีของคนไทยไม่เคยจางหาย

สาธุคะ

.....................................................
เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นไปได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 15:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จุดประสงค์การให้กำลังใจหรือคำแนะนำต่างๆในที่แห่งนี้
หลักสำคัญคือการทำให้คนที่กำลังมีทุกข์ ไม่ว่าจะสาเหตุใด
หรือเค้าจะเป็นคนดีหรือไม่ดีอย่างไร
มีกำลังใจ มองเห็นว่าการปฏิบัติตามคำสอนช่วยเราได้จริง
ถ้าไม่มีผู้มีประสบการณ์คอยยืนยัน ว่าธรรมะช่วยเราได้จริง
ผู้ที่มีทุกข์อยู่จะเอากำลังใจและความมั่นใจจากที่ไหน
ศรัทธาเป็นสิ่งที่ปูทางไปสู่การรู้เห็นตามความเป็นจริงตามหลักธรรมคำสอน

ที่แห่งนี้จึงมิใช่ที่ที่จะได้คำแนะนำที่สามารถแก้ปัญหาชีวิตได้อย่างตรงจุดเสมอไป
แต่จะได้แนวคิดในการใช้สติปัญญา จากผู้ที่เคยประสบปัญหามาเช่นกันและเห็นผลจากการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ผู้ที่โดนพายุโหมกระหน่ำ มืดแปดด้านเข้ามาในที่แห่งนี้
ย่อมจะได้แนวคิดและแนวทางการปฏิบัติติดไป ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 16:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ธ.ค. 2009, 11:14
โพสต์: 87

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"ณภัทร"เขียน ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องพลัดถิ่นมาไกล สร้างครอบครัวมีลูก 2 มีสามีคนเดียวที่เป็นเหมือน พี่ พ่อ
เพื่อน เสมือนญาติที่เหลืออยู่คนเดียว 14 ปี กับชีวิตครอบครัว ไม่เคยทะเลาะกันเลย (เรื่องจริง) อยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจ ใช้เหตุผล เคารพให้เกียรติกันมาตลอด แต่แล้ววันหนึ่ง สามีถูกชักนำให้รู้จักหญิงคนหนึ่ง
ดิฉันเข้าใจในความรู้สึกคุณเลยคะ และเห็นใจมากๆ ตอนนี้เรื่องมันเพิ่งเกิด ขอให้คุณตั้งสติดีๆนะคะ มันทำใจยาก และลำบาก ค่อยๆทำนะคะ ปล่อยเขาไปสักพักนึงก่อน อยู่กับปัจจุบันให้มากๆ

"ณภัทร" เขียน แล้วทุกอย่างก็พังทลายลงต่อหน้า ดิฉันรับรู้และทำได้อย่างเดียว คือ นิ่ง เงียบ สงบ เจียมตัวมาตลอด ไม่เคยมีปากเสียงกัน สามีขอเลิกขอหย่า เพื่อไปรับผิดชอบหญิงอีกคน ดิฉันก้มหราบแทบเท้าขอให้เห็นแก่ลูกได้ไหม และบอกสามีว่าคนเราย่อมทำผิดพลาดกันได้ ดิฉันเข้าใจไม่โกรธสามี ให้อภัยสามี

ดีแล้วคะ คุณทำดีที่สุดแล้ว การก้มกราบสามี ก็แสดงว่าเรายังมีความนับถือในตัวสามี ใช้น้ำเย็นคะ
ดิฉันเชื่อว่าเขาต้องคิดได้ มีภรรยาดีขนาดนี้แล้วจะไปหาใครได้อีก อาจจะยังหลงกันอยู่ อย่าไปสนใจเขาเลย เรามีหน้าที่ดูแลลูกดีกว่าคะ แล้วทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ ด้วยความดีของเราคะ อย่าหย่าให้เด็ดขาด

ขอให้พบความสุขเร็วๆนะคะ อดทนเข้าไว้คะ แล้วคุณจะชนะใจตัวเอง


แก้ไขล่าสุดโดย หนุงหนิง เมื่อ 23 มี.ค. 2010, 16:45, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มี.ค. 2010, 22:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 22:50
โพสต์: 3

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โอ เค ครับ คุณเจ้าของกระทู้ ผมเอง ไม่ได้ว่าอะไรเกี่ยวกับข้อความของคุณว่าจริงหรือไม่จริง ผมเพียงตั้งข้อสังเกต เราไม่ควรรับเพียงข้อมูลฝั่งเดียว แล้วลงความเห็นกัน ผมก็ไม่ได้ตั้งข้ออะไรที่ว่าคุณหรือสามีคุณ ใครผิดใครถูก เพราะเราไม่สามารถตัดสินกระกระทำของแต่ละคนได้

แน่นอนว่า ทุกคนต่างรู้สึกเห็นใจซึ่งกันและกัน เป็นเรืื่่องดี ส่วน คุณ Taktay ก็บอกว่า "มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ" นั้น ผมเองคงไม่ต้องแปลว่าอะไรอีก
ก็แน่นอนว่าแม้ว่าเราได้กำลังใจมากมายจากทั่วสารทิศ ท้ายที่สุดคนที่กำหนดว่าตัวเราจะรอดหรือไม่รอด นั่นก็ขึ้นกับตัวเราเอง กำลังใจ แรงใจที่มั่นคง และยิ่งใหญ่ที่สุด คือกำลังใจที่เราสร้างมาจากจิตใจที่เข้มแข็ง ภายในตัวเราเอง หากเราสร้างได้ มันก็ไม่มีวันที่จะหายไปไหนมันจะอยู่กับเราจนวันตาย ไม่มีใครจะมาขโมยจากเราไปได้ คนอื่น ๆ เค้าก็สามารถให้เพียงแต่ความเห็นใจ หรือแม้หากว่า เขาสามารถให้กำลังใจได้จริง ๆ หากเจ้าตัวไม่ได้คิดหาทางออก หรือหาทางรอด หรือตัดสินชะตาชีวิตด้วยตัวของตัว ต่อให้เทวดา หรือสิ่งศักดิ์ ก็มิอาจฉุดดึงขึ้นมาจากเหวได้อย่างแน่นอน เราจะคิดให้เราลงเหว หรือ ให้เราขึ้นเหว เราเท่านั้นกำหนด

กำลังใจ ที่มาจากตัวเอง ไม่มีวันหมด ชีวิตเรามีค่านะครับคุณ อย่าคิดว่า การที่เราไม่มีคนที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเราจะไม่รอด คุณแต่งงานมา 14 ปี นั่นหมายความว่า อย่างน้อยก่อนที่คุณทั้งสองจะเจอกัน คุณก็ดำเนินชีวิตโสดมาได้ตั้งหลายปี นั่น มันก็บอกเราได้ว่าเราก็อยู่คนเดียวมาพอสมควร แต่เราลืมจุดที่เราเคยอยู่คนเดียว เคยสู้คนเดียวไปซะ โดยปล่อยให้ความรู้สึกด้านลบมาบั่นทอนว่า เราคงอยู่ไม่ได้ แท้จริงชีวิตนั้นไม่ได้ขึ้นต่อกันและกัน เราต่างหากที่สมมติว่า มันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเราก็ยึดเอาอันที่เราคิดว่ามีความสุขกับมัน ชอบมัน แล้วบอกว่ามันเป็นสิ่งที่แน่นอนหรือควรจะเป็น พอสถานการณ์มันเปลี่ยน เราก็เป็นทุกข์ (ทุกข์ แปลว่า สิ่งที่ทนได้ยาก)

เรื่องราวความไม่แน่นอนมีอีกเยอะแยะ ที่สำคัญเราควรพยายามไม่ยึดติดให้มาก ถ้าเราทำได้เค้าเรียกกันว่า ปล่อยวาง ความไม่แน่นอนมันแน่นอน ซะที่ไหน

คนเรา เพื่อนเรา สามีเรา ลูกเรา พ่อเรา แม่เรา ญาติพี่น้องเรา ผมถามตรง ๆ เถอะว่า มีใครจะรู้ว่าใครจะตายก่อนใคร เกิดเราไม่คิดเรื่องพวกนี้ไว้ เราก็รังแต่จะเป้นทุกข์ เท่านั้นแหละ วันนึงสุดท้ายเราก็ต้องจากกันไปตามเหตุการณ์ เกิด แก่ เจ็บ แล้วก็ตาย ของสรรพสิ่ง

การยึดมั่นถือมั่น เราทำกันมาในสังคม จนกลายเป็นว่า เรื่องมันต้องควรจะเป็นไปตามนั้น แต่หากมันไม่เป็นล่ะ เราก็รับมันไม่ได้ แล้วใครล่ะทุกข์ ก็เราเองแหละ

เราต้องมีกำลังใจ สร้างกำลังใจ จนวันตาย เหนื่อยก็พัก แต่อย่าหมดกำลังใจ ถ้าหมดกำลังใจ ใครก็ช่วยคุณไม่ได้

ผมขอให้กำลังใจคุณ และหวังว่าคุณจะสร้างความยิ่งใหญ่ในการดำเนินชีวิตของคุณเอง ลูก ๆ และคนรอบข้าง เขาจะได้ไม่มองคุณแบบเห็นใจ

คมศักดิ์ สุนทร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 27 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 58 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร