วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 06:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2010, 22:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 มี.ค. 2010, 21:14
โพสต์: 15

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สามีนอกใจไปมีอะไรกับเมียเพื่อน เราจะทำยังงัยดี คิดไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก อยู่กันมา 12 ปี นี้ แต่เรื่องเกิดมาได้ประมาณปีกว่าๆแล้ว ตอนแรกๆที่เรารู้ว่าเขาโทรติดต่อกับผู้หญิงคนนี้เราก้อคิดว่าก้อแค่โทรกันไม่ได้มีอะไร เราถามสามีก้อบอกว่าเราคิดมาก เราก้อพยายามไม่คิดอะไร คิดว่าผู้หญิงคงจะตื่อสามีเรา จนเรื่องแดงตอนที่ผู้หญิงคนนี้หนีตามผุ้ชายไปอีกคน แล้วโทรมาสารภาพกับสามีเขาว่ามีอะไรกับสามีเรามาเป็นปีแล้ว เราเพิ่งรู้เรื่องเมื่อต้นเดือนนี้เอง เราแทบบ้า เจ็บสุดๆๆ หาทางออกไม่เจอ ใครก้อได้ช่วยที


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2010, 22:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 00:33
โพสต์: 4

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ให้อภัย ปล่อยวาง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2010, 22:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


หัดสังเกตุจิตใจของเราว่า ทุกครั้งที่คิด ก็แสบก็ร้อนหวั่นไหว ไม่มีความสุข

จู่ๆ มันก็คิดขึ้นมาของมันอีก ใจมันคิดของมันเอง
เราช่วยเหลือตัวเองไมไ่ด้เลย มันเจ็บปวดทรมาน ห้ามไม่ได้
อยากมีความสุขก็บงการจิตใจไม่ได้

เวลาเผลอไปทำเรื่องอื่น มีเรื่องหัวเราดีใจ ก็เป้นคราวที่เราลืมเรื่องนี้

สังเกตุไปเรื่อยๆ เราจะเกิดภูมิคุ้มกันของจิตขึ้นมาเองโดยลำดับ


ถ้าเครียดมาก ก็ควรจะหาอะไรที่มีความสุขทำ หาทางปลดปล่อยออกบ้าง
อย่าทรมานตัวเอง จะดูหนัง ฟังเพลง ท่องเที่ยว ทำอะไรก้ทำไป
ให้หย่อนใจที่ตึงลงเสียบ้าง เราต้องใจใจนี้อีกนาน เป้นสมบัติล้ำค่าที่สุด
อย่าทำเขาเป้นบ้าไปเสียก่อน


ส่วนเรื่องใครควรจะทำอะไร อย่างไร
ผมคิดว่า ก็เป็นเรื่องที่ต้องคิดต้องตัดสินใจเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2010, 22:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2010, 00:33
โพสต์: 4

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะผิดพลาดได้ ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด การอภัยกันได้ก็คือสิ่งที่ดีสุด ทุกอย่างในชีวิตไม่มีใครสามารถเอาอะไรไปได้ ร่างกายเมื่อถึงเวลาก็ต้องสลาย ทำใจให้สบาย...อย่าคิดมาก ทุกอย่างในโลกมีเหตุผล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2010, 23:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เราแทบบ้า เจ็บสุดๆๆ หาทางออกไม่เจอ ใครก้อได้ช่วยที


เข้าใจและเห็นใจครับ.. :b46:

ต่อให้อยู่กันนานเป็นร้อยปี สิ่งนี้ก็เกิดได้ เพราะกิเลสตัณหาของใครๆย่อมไม่เลือกกาลครับ.. :b47:

การที่บุคคลใดในโลกนี้ได้เกิดมา แล้วมีคู่ คู่นั้นนอกใจไปมีหญิงอื่น นี้เรียกว่า"เศษกรรม" ที่บุคคลนั้นเคยกระทำการทิ้งขว้างผู้อื่น เคยนอกใจผู้อื่น เคยประพฤติผิดกาเมสุมิจฉาจารมาในอดีตชาติ
อย่าเพิ่งตกใจว่า ท่านผู้ถามเองไม่เคยมีใจคิดแบบนั้นเลย...ก็ใช่หรอกในชาตินี้ แต่ในกาลก่อนๆนั้น ใครเลยจะรู้ว่า กิเลสจะไม่ใช้เราให้ทำกรรมอันเป็นบาปเยี่ยงนั้นหากท่านอยู่ในสถานการณ์ที่ พร้อมให้กิเลสกำเริบ? .. :b47:

กรรม และผลของกรรม ย่อมประกาศตัวเองชัดเจน ผลนั้น ฟ้องเหตุเสมอ เหมือนเราได้ผลมะม่วงจากสวนหลังบ้านมากิน เราย่อมรู้ว่า ผลนั้นมาจากต้นมะม่วง จะมาจากต้นฝรั่งนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะผลย่อมตรงกับเหตุ :b48:

บัดนี้ กรรมที่ท่านทำจบลงไปในเวลาอันเนิ่นนานแห่งสังสารวัฏฏ์นั้น กำลังได้เวลาส่งผลให้ท่านต้องเสวยผลอันเผ็ดร้อนเหมือนที่ท่านเคยกระทำไว้ใน อดีต
หากท่านผู้ถามเข้าใจเรื่องกรรม เรื่องผลของกรรมแล้ว ท่านย่อมจะเกิดปัญญารู้เรื่องกรรม รู้ว่ากรรมนั้นมีผล ท่านพึงจะเป็นผู้ฉลาดในการสร้างกรรมใหม่ สร้างเหตุใหม่ ณ บัดนี้เป็นต้นไป
สามีไปมีอื่น ก็เพราะเขามีกิเลสใช้ให้กระทำ ด้วยความเพลิดเพลิน เหมือนอย่างที่ท่านผู้ถาม หรือแม้แต่ใครๆคนอื่นๆ หากถูกกิเลสที่มีกำลังผลักใสให้กระทำแล้ว ยากเหลือเกินที่จะรอดพ้นจากความเป็นทาสของกิเลส การที่จะปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยงนั้น เป็นไปแทบไม่ได้เลย ก้มหน้าก้มตาทำกรรมไม่ดีอย่างเพลิดเพลินเสมือนเอร็ดอร่อยในรสชาดนั้นนั่น แหละ หากคนๆนั้นไม่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องเหตุผลของกรรม ผลของกรรม และกิเลสที่เวียนวนไม่จบสิ้นมาก่อนอย่างถูกต้อง

ดังนั้น หากท่านผู้ถาม ได้อ่านความเห็นนี้ แล้วเกิดปัญญา เห็นความจริง เข้าใจสภาพธรรมที่เป็นไป ยอมรับว่า กรรมของท่านเองนั่นแหละได้ซัดให้ได้มาพานพบเจอ หลงรักคนที่พร้อมจะกระทำกรรมไม่ดีต่อตนเอง ก็ผู้ชายทั้งแผ่นดิน เหตุไฉนหนอจึงได้มาเลือกเอาคนอย่างนี้เสียได้เล่า?
เพราะอำนาจกรรมย่อมเป็นเช่นนั้น เพราะกรรมไม่ดีนั้นจัดแจง ท่านผู้ถามเลือกเอาคัดเอาไม่ได้หรอก กรรมที่เหนี่ยวใจไว้ ความอาวรณ์เยื่อใยที่เคยมีต่อกัน ตลอดจนอีกหลายๆปัจจัยที่กดดันเราโดยไม่รู้ตัว
นี่อย่างไรเล่า? กรรมจึงชื่อว่ามีอำนาจมากนัก ซื่อตรง และไม่เคยลำเอียง ไม่ว่าจะเป็นท่านคฤหบดี หรือยาจก .. :b46:

กรรมนั้นที่ต่างคนต่างกระทำกรรมย่อมส่งผลตามอำนาจของตนทั้งสิ้น
มาจนถึง ณ บัดนี้ ท่านผู้ถามย่อมกำจัดความเร่าร้อนในใจ ที่ต่อต้าน ไม่ยอมรับ ที่น้อยใจ ที่เสียใจ ที่เคียดแค้น เพราะสามีนอกใจลงไปได้บ้างแล้วนะครับ.. :b47:

:b47: ท่านผู้ถามทำไว้เองทั้งนั้น สามีท่านเป็นเพียงปัจจัยๆหนึ่งในบรรดาปัจจัยแห่งกรรมมากมายที่ช่วยอุปการะ ให้กรรมไม่ดีชนิดนี้มาส่งผลให้สำเร็จลงได้เท่านั้นเอง
ดังนั้นหากจะโทษ อย่าไปโทษเขาเลย จะยิ่งเจ็บปวด กดดันให้ตนเองเศร้าหมอง เป็นการสร้างบาปใหม่ตลอดเวลา แล้วผลที่จะพึงเกิดในภายภาคหน้านั้นจะมิยิ่งนำความเดือดร้อนมาสู่ท่าน เองอย่างมากมายหรือ?
:b47:

:b54: ขอให้โทษตนเอง โทษกรรมแห่งวัฏฏะที่บุคคลทั้งหลายปฏิเสธไม่ได้ ผลักใสไม่ได้ หนีไม่ได้ ต่อให้อยู่บนฟ้า อยู่บนดิน อยู่ในตึกสูงระฟ้า อยู่ในทุ่งกว้าง อยู่ในน้ำ อยู่ในถ้ำก็หนีอำนาจกรรมที่พร้อมจะบันดาลผลไม่ได้เลย .. :b54:

ต้องยอมรับว่า นี้เป็นผลที่เราทำเหตุเอาไว้เอง และพึงดับความเร่าร้อนใจ ความเสียใจนานาประการออกให้หมดจากใจเถิด เพราะหากไม่กำจัด ท่านย่อมผูกเวรต่อไม่รู้จบรู้สิ้น
พิจารณาดูความรู้สึกของตนเอง ว่า เดือดร้อนกายมากแค่ไหน หากอยู่กับสามี หรือไม่อยู่กับสามี?..... และเดือดร้อนใจมากแค่ไหนระหว่างอยู่กับไม่อยู่กับสามี?
ท่านผู้ถามมีบุตรธิดาด้วยกันไหม? หากมี การพิจารณาก็ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบมากขึ้นตามลำดับ


ขอให้พ้นทุกข์ไวๆครับ.. :b46: :b47: :b48: :b41:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2010, 02:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2010, 21:43
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทางออกมันอยู่ที่หยุดหา
หยุดได้ก็เย็น
ถามตัวเองว่าเราเสียอะไร
ร้ายแรงไหม
ร้ายแรงขนาดไหน
ค้นหาคำตอบให้ได้
ก็จะรู้เองว่า
ที่แท้เราคิดว่าเสีย
ที่แท้เราคิดว่าร้าย
ที่แท้เราคิดไปเอง
ดั้งนั้นทุกครั้งที่คิดเรื่องนี้
ตะโกนถามตัวเองในใจ (ด่าแรงๆก็ได้)
คิดมากทุกข์มากคิดน้อยทุกข์น้อย
อยากทุกข์มากๆก็คิดเข้าไป คิดเข้าไป
เชื่อเหอะ ใจมันไม่อยากทุกข์หรอกเดี๋ยวมันเลิกคิดเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2010, 11:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 16:32
โพสต์: 323

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


. :b12: :b12: :b12:.

เรื่องจริง อ่านดูนะ

วันหนึ่ง ขณะที่ธุดงค์ไปพักที่วัดถ้ำแสงเพชร ซึ่งอยู่ไกลจากอำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ
พอสมควร ปรากฏว่า มีโยมอุปัฏฐากที่เป็นผู้มีหน้า มีตา ของอำเภอ และเป็นที่รู้จักกันดีใน
หมู่นักปฏิบัติ มานั่งร้องไห้ต่อหน้าหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ยังคงนั่งเฉยอยู่
จนเมื่อโยมได้สร่างโศกลงบ้าง


ท่านก็ถามว่า

"เป็นอะไรล่ะ จึงนั่งร้องไห้"

โยมผู้นั้นเล่าว่า รถที่เพิ่งซื้อมาใหม่ถูกขโมยไปแล้ว

แต่ หลวงพ่อก็นั่งเงียบ

เผอิญก็มีโยมผู้ชายคนหนึ่งมาพร้อมกับญาติ พอกราบหลวงพ่อเสร็จก็ร้องไห้ เป็นวรรคเป็นเวรเช่นกัน

หลวงพ่อนั่งคอยจนเขาพอพูดได้ ก็ถามด้วยคำถามเดิมว่า "เป็นอะไรไปล่ะ"

เขาก็ตอบว่า "เมียตายสองคน ลูกตายสองคน" (เผอิญชายคนนี้มีภรรยาสองคนอยู่ในบ้าน เดียวกัน)
หลวงพ่อก็ถามต่อว่า "เป็นอะไรตายล่ะ"

โยมผู้ชายก็ตอบว่า "กินเห็ดเบื่อตาย"

หลวงพ่อหันไปถามโยมผู้หญิงที่ยังน้ำตาซึม แต่ก็นั่งเงียบฟังโยมผู้ชายเล่าอยู่ด้วยและพูดว่า

"แลกกันไหมล่ะ ดูซิ ของเขาลูกเมียตายตั้งสี่คน ของโยมรถหายคันเดียว
โลกนี้เป็นอย่างนี้แหละ มีความปรารถนาอะไรแล้วไม่ได้สิ่งนั้นก็เป็นทุกข์
ไม่อยากให้รถหาย มันก็หาย ไม่ อยากให้ลูกเมียตาย ก็ตาย ใครจะห้ามได้
ชีวิตทุกชีวิตเป็นอย่างนี้แหละ ใครอยากล่ะ
โยม อยากให้รถหายไหม โยมอยากให้ลูกเมียตายไหม"


ทั้งคู่ก็ตอบรับหลวงพ่อว่า "ไม่อยากค่ะ (ครับ)"

หลวงพ่อกล่าวต่อไปว่า

"เป็นอย่างนี้แหละ ความโศก ความร่ำไรรำพัน ให้เราพิจารณาดู
ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเราไม่หนีมัน มันก็หนีเรา คนก็เหมือนกัน เราไม่จากเขา เขาก็จากเรา
มันอยู่ที่ ใครไปก่อนใครเท่านั้นเอง บางทีวัตถุก็ไปก่อนเรา บางทีเราก็ไปก่อนวัตถุ
บางทีคนใกล้ชิดเราเขา ก็ไปก่อน บางทีเราไปก่อนเขา มันเป็นไปตามเหตุปัจจัยของกรรม
ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

"สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เราย่อมมีกรรมเป็นทายาท มีกรรมเป็นผู้ติดตาม ให้ผล
ไม่ว่าบุญหรือบาป ดีหรือชั่วก็ตาม เราจะต้องรับกรรมนั้นโดยแน่นอน"


สำหรับโยมผู้ชายนั้นโยมผู้หญิงกับลูกเขาทำกรรมกับเรามาแค่นี้ เขาตายไป
เขาก็ไม่ขอ อนุญาตเรา ไม่บอกเรา ไม่ได้เขียนใบลา เขาก็ตายไป


โยมผู้หญิงก็เช่นกัน รถคันนี้มันทำกรรมกับโยมมาแค่นี้
รถมันก็ไม่บอกเราก่อนว่ามันจะถูกขโมยแล้วนะ อยู่ ๆ มันก็หายไป
ดังนั้นให้เราเห็นว่า เป็นธรรมดาของทุกสิ่งทุกอย่าง
เราไม่หนีมัน มันก็หนีเรา เราเกิดมาเป็นอะไร เกิดที่ไหน เกิดมากี่ ครั้ง ๆ โลกก็เป็นเช่นนี้


เราเองต่างหากที่ไปอุปาทานว่า นี่รถของเรา นี่ลูกนี่เมียของเรา รถมันไม่เคยบอกนะว่า
มันเป็นของเรา เราไปซื้อมันมาตกแต่ง มารักมันเอง ที่จริงรถมันไม่ได้เป็นของใคร
มันเป็น ของธรรมชาติที่ไหลไปตามเหตุปัจจัย มนุษย์ไปสมมุติขึ้นมา
แล้วยึดว่าเราเป็นเจ้าของ เมื่อมันหาย ไปให้เราคิดว่า นั่นเป็นการคืนกลับสู่ธรรมชาติ
โยมผู้ชายก็เหมือนกัน ลูกเมียก็เสียไปแล้ว พิจารณา มองให้เห็นว่าเป็นทุกข์
ไม่ใช่พอสร่างโศกก็ไปหามาใหม่ เป็นการเพิ่มทุกข์ขึ้นมาอีก เราควรทำบุญ ให้ทาน
รักษาศีล ทำภาวนา แผ่ให้ผู้ตายบ้าง เราเองก็ต้องตาย ไม่แน่ว่าเมื่อไร
ขอให้เข้าใจสัจธรรม ของธรรมชาติ"


หลวงพ่อกล่าวเป็นสังเขปพอให้โยมสร่างทุกข์ หน้าที่ของพระก็คือ แก้ไขทุกข์ โดยคิดว่า
ทุกคนเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันหมดทั้งสิ้น เมื่อกล่าวไปแล้วก็ไม่ได้คิดปรุงว่า
จะแก้ ได้หรือไม่ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมีคำตอบอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว
ผู้มีปัญญาก็จะค้นหาคำตอบ ของปัญหาของเขาเองได้ในที่สุด


"ทุกข์มีเพราะยึด
ทุกข์ยืดเพราะอยาก
ทุกข์มากเพราะพลอย
ทุกข์น้อยเพราะหยุด
ทุกข์หลุดเพราะปล่อย"

หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง อุบล

:b16: :b16: :b16:

คัดลอกมานำเสนอโดย

งมงาย

. :b12: :b12: :b12: .


แก้ไขล่าสุดโดย หลวงจีนงมงาย เมื่อ 15 มี.ค. 2010, 11:18, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2010, 16:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 16:32
โพสต์: 323

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12: :b12:

รูปภาพ


เขามีมาเป็นปี เราก็ไม่ทุกข์

ทำไมเราไม่ทุกข์ ไม่รู้สึกแม้แต่นิดเดียว

เพราะเรายังไม่รู้ ทั้งที่เขามีมาเป็นปี

......

ตอนนี้ เราเป็นทุกข์

ทุกข์เพราะอะไร ทุกข์เพราะเรารู้

เรารู้แล้วทำไมมันทุกข์

เพราะเรารู้แล้ว สิ่งที่เกิดตามมา คือ

"ของเรา" "สามีเรา" "ต้องรักเรา เป็นของเราตลอดกาล"


เริ่มยึด เริ่มถือ เริ่มหวงแหน เริ่มปกป้อง

แม้แต่ร่างกายเราเอง เรายังบังคับ ไม่ให้แก่ เจ็บ ตายได้
เราจะไปบังคับอะไรคนอื่นได้

ปล่อย ปล่อย ปล่อย
วาง วาง วาง
ทำยาก แต่ต้องหัดทำ


:b8: :b8: :b8:

ขอปัญญาจงบังเกิดมี

. :b42: :b42: :b42: .


แก้ไขล่าสุดโดย หลวงจีนงมงาย เมื่อ 15 มี.ค. 2010, 16:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2010, 11:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เรื่องมันผ่านไปแล้ว...จะคิดถึงทำไมค่ะ?
ต่อให้คิดจนโลกแตก....ก็เปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้...จะจดจำเอาไว้ทำไม?
สามีคุณเขาก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่ง...ย่อมมีผิดพลาดได้เป็นธรรมดา
ขนาดแชมป์กอล์ฟของโลก...มีทั้งชื่อเสียง มีทั้งเงินทอง..ก็ยังหลงทางเลย
อะไรที่ทิ้งได้ ก็ทิ้งๆไปเถอะ....มองตรงไปข้างหน้าดีกว่า... :b4:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2010, 14:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 มี.ค. 2010, 21:14
โพสต์: 15

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณนะค่ะที่แวะมาให้กำลังใจและคำแนะนำที่ดีๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 15:33
โพสต์: 27

แนวปฏิบัติ: ศึกษาธรรม
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: pan
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากร้องไห้ก็ร้องมาค่ะ ให้เวลาเป็นยารักษาแผลใจ

เป็นกำลังใจให้ สู้ๆๆ

:b4: :b4: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 15:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูก่อนน้องหญิง กรรมชั่วในกาลนี้ น้องหญิงได้เป็นคนก่อไม่ กรรมใดใครก่อย่อมสนองผล หากแต่น้องหญิงเป็นเพียงไปกำ ยึด ของๆโลก ที่เป็นของสมมุติ มาเป็นเรา ของเรา จึงทุกข์เศร้าหมองนั้น ขอน้องหญิงจงเห็นตามความเป็นจริงเถิดไม่มีสิ่งไหนยึดสิ่งไหนได้จริง ผ่านมา ผ่านไปอย่างนั้น จงคลายเสียเถิดจากสิ่งสมมุติที่เป็นเหยื่อของโลก ความผ่องแผ้วย่อมมีแต่หมู่ชนที่คลายเแล้วชึ่งสิ่งสมมุติทั้งหลาย


แก้ไขล่าสุดโดย yodchaw เมื่อ 20 มี.ค. 2010, 18:36, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2010, 08:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อวันที่ 8 -17 มีนาคมนี้ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่ภูลังกา ที่พักสงฆ์ฐิติสาราราม บ้านตาดวิมานทิพย์ ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดหนองคาย พระอาจารย์วินิต สุเมโธได้มอบหนังสือธรรมะมา ที่ท่านรวบรวมประวัติและคำสอนของพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร" แห่งวัดถ้ำชัยมงคล ต.โพธิ์หมากแข้ง อ.บึงโขงหลง จ.หนองคาย เป็นพระป่านักปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานศิษย์หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยเป็นอย่างยิ่ง จึงขอนำธรรมคำสอนท่านมาเผยแผ่ร่วมศึกษา ณ ที่นี้ เพื่อให้เข้าใจเรื่องสมมุติมากขึ้น

ธรรมคำสอนของพระอาจารย์วัง ฐิติสาโร


มนุษย์เราทุกคนย่อมหลงอยู่ในสมมุติของโลกคือ สมมุติให้เป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ เป็นต้นไม้ ภูเขา แผ่นฟ้า แผ่นดิน ทุกอย่างที่อยู่ในพื้นโลกนี้ ก็ถูกสมมุติให้เป็นต่างๆ กันไป ตามคำสมมุตินั้นๆ ส่วนมนุษย์เรานั้นมีส่วนประกอบพร้อมมูล คือสังขารทั้งหลาย ได้แก่ ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ปรุงแต่งให้เป็นมนุษย์ คือคนเราทุกวันนี้ส่วนประกอบที่เห็นได้ชัดๆ ได้แก่ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม รวมประชุมกันอยู่เหมือนๆ กันหมด แต่แล้วก็สมมุติว่า นี่เป็นผู้ชาย นี่เป็นผู้หญิง นี่เป็นบิดา นี่เป็นมารดา เป็นสามี เป็นภรรยา เป็นพี่เป็นน้อง ปู่ย่า ตายาย แล้วแต่จะสมมุติไปตามความประสงค์ที่จะให้เป็น
เหมือนกันกับการสมมุติของคณะหมอลำหมู่ หรือคณะลิเก เล่นละครเมื่อเขาเล่นเขาก็สมมุติกันไปตามเรื่อง คือสมมุติให้เป็นพระเอกนางเอก เป็นเจ้า เป็นบ่าวไพร่ แล้วเขาก็แสดงไปตามเรื่องราวในแต่ละท้องเรื่องนั้นๆ ในท้องเรื่องนั้นก็จะมีทั้งบทรัก ความเศร้าโศกเสียใจ มีทั้งบทหัวเราะ รื่นเริง เพลิดเพลินเจริญใจ บางตอนก็พลัดพรากจากกัน แล้วก็คร่ำครวญร้องให้โศกเศร้าเสียใจ บางคราวมีการกระทบกระทั่งกัน จนถึงมีการฆ่าฟัน ล้มตายกันก็มี เรื่องทั้งหมดนั้นคละเคล้าทั้งส่วนที่สมหวัง ทั้งส่วนที่ผิดหวัง มีทุกรส พร้อมหมดทุกอย่าง เขาก็เล่นกันไปตามสมมุติกันไปตลอดคืน ครั้นรุ่งเช้ามาแล้วก็สมมติว่าจบเรื่อง สิ้นสุดการสมมุติลงแค่นั้น ตัวสมมุติทั้งหลายก็กลับเป็นจริง คือ นาย ก นาย ข นาย ค และนาง ง ตามเดิม ไม่ได้เป็นจริงตามคำสมมุตินั้นเลย
แต่การสมมุติของคนเรานี้ ได้ถูกสมมุติกันทุกวัน ตั้งแต่วันเกิดจนถึงวันตาย ซึ่งเป็นสมมุติที่ยาวถึง ๕๐ ปี ๖๐ ปี ๗๐ ปี หรือยิ่งกว่านั้น ทั้งหมดนี้จึงเรียกว่าละครชีวิต ได้แสดงละครชีวิตนี้ไปตามเหตุการณ์ต่างๆ ที่ประสบเข้า เป็นเช่นนี้ตลอดไปจนกว่าจะถึงวาระสุดท้าย คือจบลงด้วยการตาย สิ่งสมมุติมาแล้วทั้งหมด ก็กลับกลายหาสภาพเดิม คือเป็นดิน เป็นน้ำ เป็นไฟ และเป็นลม อันเป็นสภาพเดิมของโลกต่อไป หมดความเป็นชายเป็นหญิง เป็นสามี เป็นภรรยา เป็นบิดา มารดา เป็นลูกหลานแค่นั้นเอง แต่นี้เราถูกสมมุติให้เป็นไปตามสมมุตินั้นๆ ไม่ได้เข้าใจว่ามันเป็นจริงเพียงสมมุตินั้น แต่ไม่จริงตามความเป็นจริงเลย จึงทำให้หลงผิด คิดผิด เข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่ถูกสมมุติให้เป็นนั้น หารู้ไม่ว่าความจริงนั้นไม่มีอะไรยั่งยืน ย่อมมีเกิดขึ้นในเบื้องต้น มีความเปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง และมีความแตกสลายไปในที่สุด เป็นสัจธรรมคือความจริงตลอดไป เหมือนกันกับพระอาทิตย์ที่ขึ้นสู่ท้องฟ้า และก็จะตกลับขอบฟ้าไป แม้จะมีผู้ใดปรารถนาจะไม่ให้พระอาทิตย์ตกไป แต่พระอาทิตย์ก็ไม่สนใจกับผู้ใด แม้จะข่มขู่ ด่าว่า กราบไหว้ วิงวอน ก็ไม่เป็นดังนึกได้เลย แต่เราก็ยังหลงผิด คิดว่าเป็นจริงตามสมมุตินั้นว่านี่คือบิดา มารดาเรา จึงทำให้หลงรักใคร่พอใจ ยึดติดแน่นหนากับสิ่งที่เข้าใจผิดนั้นอย่างลึกซึ้ง ยากที่จะคลายความรักได้ จึงเป็นเหตุเกิดราคะ ความกำหนัดรักใคร่ โลภะ คือความปรารถนา อยากได้ อยากเป็นตามที่ตนปรารถนานั้น จึงทำให้หวงห่วงอาลัย อยากให้สิ่งที่ตนรักนั้นอยู่กับเรานานๆ ตลอดไป ไม่อยากให้พลัดพรากจากเราไป ไม่อยากให้มีอะไร หรือผู้ใดมาขัดขวางความรักความผูกพันกับสิ่งที่เราหวง ถ้าเกิดมีสิ่งใดหรือผู้ใดมาทำให้เราได้พลัดพรากจากสิ่งที่เรารักเราหลงนั้น สิ่งนั้นหรือผู้นั้นก็ต้องเป็นคู่อริกับเรา จึงเป็นเหตุให้เกิดไฟคือโทสะ ได้แก่ความโกรธ เผาลนจิตใจให้เร่าร้อน จนเกิดเป็นการทะเลาะวิวาท ผิดเถียงกันขึ้นไป เป็นบาป เป็นกรรม ตกนรกหมกไหม้ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด ก็เพราะความหลงผิดติดมั่นในสมมุตินั่นเอง
ทางที่ควรปฏิบัติคือ ให้พิจารณาใคร่ครวญด้วยปัญญาให้เห็นแจ้งตามความเป็นจริง แล้วอย่าหลงยึดติดในสมมุติที่เราเป็น ให้ถือว่าเป็น โลกธรรม คือธรรมประจำโลก มีเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ ยักย้าย ถ่ายเท แปรผันอยู่ตลอดเวลา ไม่มีความสุขความทุกข์ที่ยั่งยืนตลอดไป ย่อมสมมุติว่าเป็นสุข สมมุติว่าเป็นทุกข์ สับสนวนเวียนอยู่เสมอไป ไม่แน่นอน ควรสังวรระวัง ทำให้ใจเป็นกลาง คืออย่ายินดีเกินไปในเมื่อประสบกับสิ่งที่รักใคร่พอใจ อย่ายินร้ายในเมื่อประสบกับสิ่งที่ไม่พอใจ ควรรีบตักตวงประโยชน์ในขณะที่เราเป็น คือเป็นลูกที่ดีของบิดา มารดา เป็นมารดา บิดาที่ดีของลูก เป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ เป็นอาจารย์ที่ดีของศิษยานุศิษย์ เป็นข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ในทางใดๆ แล้วให้เป็นคนดี เป็นคนที่สังคมต้องการในการงานและหน้าที่นั้นๆ พึงสังวรระวังอย่าทำกรรมอันเป็นบาปอกุศล ทุจริต มิจฉาชีพ อย่าทำตนให้เป็นพิษเป็นภัยแก่สังคม อันจะเกิดผลให้ได้รับทุกข์โทษอันไม่พึงปรารถนาทั้งในชาตินี้และชาติหน้า แล้วถึงตั้งใจบำเพ็ญตนในทางดี คือรักษาศีล บำเพ็ญสมาธิและปัญญา เพิ่มนิสัยปัจจัยคือความดี ให้ภิญโญยิ่งๆ ขึ้นไป เพื่อจะได้บรรลุซึ่งธรรมอันจะทำให้สิ้นสุดลงซึ่งสมมติบัญญัติทั้งหลาย ไม่ต้องมาเวียนว่าย ประสบสุข ประสบทุกข์ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่มีที่จะจบสิ้นลงได้ ขอให้เราได้พ้นจากแดนสมมุติอันเต็มไปด้วยกองทุกข์ทั้งปวงนี้ ขอให้รู้แจ้งตลอดซึ่งวิมุตติธรรมนั้น







“ให้พิจารณาใคร่ครวญด้วยปัญญา
ให้เห็นแจ้งตามความเป็นจริง
แล้วอย่าหลงยึดติดในสมมุติที่เราเป็น”

พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2010, 11:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงจีนงมงาย เขียน:
. :b12: :b12: :b12:.


ผู้มีปัญญาก็จะค้นหาคำตอบ ของปัญหาของเขาเองได้ในที่สุด

"ทุกข์มีเพราะยึด
ทุกข์ยืดเพราะอยาก
ทุกข์มากเพราะพลอย
ทุกข์น้อยเพราะหยุด
ทุกข์หลุดเพราะปล่อย"


หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง อุบล

:b16: :b16: :b16:

คัดลอกมานำเสนอโดย

งมงาย

. :b12: :b12: :b12: .


cheesy แจ่ม...ค่ะท่านหลวงจีนฯ

ชีวิตนี้ไม่ปรารถนาอะไรมาึยึดเป็นของตัวให้ห่วงให้หวงอีกแล้ว
...เพียงเท่านี้ พอแล้ว...ทุกข์หลุดเพราะปล่อย...สาธุ :b8:

รูปภาพ

ดูจากรูป เด็กคนนี้อดอยากใกล้จะตายในเร็วๆนี้ ในขณะที่นกแร้งกำลังเฝ้าดูเหยื่อของมันที่กำลังจะตาย
เป็นภาพที่ หากมองในแง่ของความสมบูรณ์ของภาพ ถือว่าจัดได้ลงตัว ครับ


ภาพนี้ ได้รับรางวัล Pulitzer ยอดเยี่ยม ในวันที่ เจ้าของภาพรับรางวัล เค้าก็ได้รับข่าวว่า เด็กคนนั้นได้
สิ้นใจตายหลังจากที่เค้าได้ถ่ายภาพ เพียงแค่วันเดียว ทำให้เจ้าของภาพเสียใจ และได้ระบายออกในขณะ
ที่รับรางวัล ว่า หากเค้าเข้าไปช่วยเหลือเด็กคนนั้น แทนที่จะถ่ายภาพ เค้าคงไม่ตาย จึงได้ลาออกจากวงการ
และหลังจากนั้นอีก 2 วัน เค้าก็ต้องสิ้นใจตายเพราะความเครียด
เรื่องเล่านี้ หากผิดพลาดประการใดช่วยแก้ไขให้ด้วย ครับ ซ้ำขออภัย

.....................เมื่อทุกข์ ก็หัดมองคนที่ทุกข์ยิ่งกว่า (ในโลกนี้ ไม่มีใครไม่ทุกข์.....)

คัดลอกจาก.....http://atcloud.com/stories/31414...โดย Bwitch
(ฮี่ๆๆๆๆ....ลอกเค้ามา ไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง ไม่ห่วงและไม่หวงนะคะ :b9: )

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2010, 03:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2008, 14:07
โพสต์: 285

อายุ: 0
ที่อยู่: ประเทศไทย

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่รัก เขียน:
สามีนอกใจไปมีอะไรกับเมียเพื่อน เราจะทำยังงัยดี คิดไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก อยู่กันมา 12 ปี นี้ แต่เรื่องเกิดมาได้ประมาณปีกว่าๆแล้ว ตอนแรกๆที่เรารู้ว่าเขาโทรติดต่อกับผู้หญิงคนนี้เราก้อคิดว่าก้อแค่โทรกันไม่ได้มีอะไร เราถามสามีก้อบอกว่าเราคิดมาก เราก้อพยายามไม่คิดอะไร คิดว่าผู้หญิงคงจะตื่อสามีเรา จนเรื่องแดงตอนที่ผู้หญิงคนนี้หนีตามผุ้ชายไปอีกคน แล้วโทรมาสารภาพกับสามีเขาว่ามีอะไรกับสามีเรามาเป็นปีแล้ว เราเพิ่งรู้เรื่องเมื่อต้นเดือนนี้เอง เราแทบบ้า เจ็บสุดๆๆ หาทางออกไม่เจอ ใครก้อได้ช่วยที


คือเรื่องที่สามีนอกใจ คิดไม่ออก ก็อย่าไปคิดให้ปวดหัวเลย เพราะเป็นเรื่องของสามีคุณ คุณห้ามเขาไม่ได้หรือไปบงการชีวิตเขาก็ไม่ได้ อยู่ที่เขาจะเลือกเอง

ถ้าจะคิด ให้คิดในแง่ดีว่า
โชคดีที่ไม่ติดเชื้อโรคจากเพศสัมพันธ์
โชคดีที่สามีผู้หญิงคนนั้นไม่มายิงสามีคุณ
โชคดีที่รู้ความจริง
โชคดีที่สามีคุณไม่ได้ทิ้งคุณไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้น
เป็นต้น

สำหรับทางออกนะครับ
อยู่ที่ใจคุณนะครับ ว่าจะให้อภัยเมื่อไร
ถ้ายังให้อภัยไม่ได้ ก็ยังเจ็บอยู่อย่างนั้นแหละครับ
ให้มองสามีคุณด้วยความเมตตา
แล้วตกลงมาเริ่มต้นครอบครัวกันใหม่
และสัญญาว่าจะไม่มีชู้อีก (ถ้าคุณยอมรับได้)

ถ้ายอมรับไม่ได้ ไม่ให้อภัย ก็ต้องหย่า
เพราะอยู่กันไปก็มีแต่เพิ่มความกินแหนงแคลงใจ
ระแวงกันปล่าวๆ อยู่กันด้วยความทุกข์ครับ
ให้แต่ละคนเลือกเป็นอิสระต่อกันและกันจะดีกว่าครับ

.....................................................
"ใครเกิดมา ไม่พบพระพุทธศาสนา ไม่เลื่อมใส ไม่ปฎิบัติ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เป็นโมฆะตลอด ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย"

"ให้พากันหมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา"

พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
http://www.luangta.com/

"ทำสมาธิมากเนิ่นช้า คิดพิจารณามากฟุ้งซ่าน หัวใจของการปฏิบัติคือการมีสติในชีวิตประจำวัน"
หลวงปู่มั่น

"ดูจิต...ด้วยความรู้สึกตัว"
หลวงพ่อปราโมทย์ สวนสันติธรรม ชลบุรี
http://www.wimutti.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 29 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร