วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 05:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 15:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมสังเกตดูนะครับว่า บอร์ด ความรัก-ผูกพัน-พลัดพราก นี้
ซึ่งเต็มไปด้วยคนที่บอบช้ำทางด้านจิตใจ
ต่างคนก็ต่างหอบเอาบาดแผลและความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสมา
แต่เมื่อได้เดินผ่านเข้ามาในบอร์ดแห่งนี้ กลับสัมผัสได้ถึงความร่มเย็น

น้อยนักที่จะมีข้อความที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง หรือมีก็จะสงบได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยจิตใจอันสงบที่ถูกฝึกมาดีของหลายๆท่าน การผ่านการพิจารณาความเจ็บปวดมามาก
คงทำให้หัวใจแกร่งจนสามารถปล่อยวางสิ่งต่างๆได้อย่างง่ายดาย

ต่างกับบางบอร์ด ที่มักเกิดความขัดแย้งมากมาย
หลายครั้งอ่านดูก็สามารถสัมผัสได้ถึงความร้อนรุ่มที่กำลังเกิด
จนบางครั้งไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ที่โต้ตอบกันอยู่นั้นเป็นผู้ปฏิบัติธรรม
เนื่องจากบางทีแทบมองไม่เห็นการปล่อยวาง การมีความอดทนอดกลั้นในการสนทนานั้นๆ

การนำบัญญัติมาโต้แย้งกันต่างๆนาๆมากมาย
ก็ดูจะไม่มีประโยชน์ถ้าทราบแล้วไม่นำไปปฏิบัติให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
และไม่ทราบในจุดประสงค์ของบัญญัติต่างๆว่า
จะนำไปสู่แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาอย่างไร

ขณะที่หลายคนในบอร์ดแห่งนี้ ดูท่าน่าจะไปได้เร็วมากในการปฏิบัติ
เนื่องจากได้ลงมือปฏิบัติกันอยู่เสมอๆหรือแทบจะตลอดเวลา
เพราะมีข้อสอบให้ทำให้พิจารณาอย่างหนักและสม่ำเสมอ

การพิจารณาสภาวะต่างๆของกายใจตามความเป็นจริงนี้
เป็นการปฏิบัติที่เป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาที่จะทำให้ไปถึงความพ้นทุกข์


ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านด้วยนะครับ
ที่ได้ผ่านเข้ามาในบอร์ดที่ร่มเย็นแห่งนี้
ยินดีที่มีความทุกข์ให้ได้พิจารณากันตามความเป็นจริง
เพื่อจะได้สามารถถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น สู่ความสิ้นสุดแห่งกองทุกข์เสียทีครับ


:b49: :b50: :b49: :b50: :b49: :b50: :b49: :b50: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 17:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอน"เขาวาง" เราไม่เห็นหรอก
เราจะเห็น แต่ตอนที่ "ไม่วาง"

เลยดุว่าเยอะ ดูว่าถี่

เหมือนข่าวสารบ้านเมืองน่ะ
เห็นแต่ข่าวร้าย ก็เลยมองว่าบ้านเมืองมีแต่ข่าวร้าย
สังคมเสื่อมทราม อะไรก็ว่าไป


นี่เรียกว่า ไม่เห็นตามความเป้นจริง
แต่โดนเขาหลอกว่านี่คือความจริง

ร้ายจะตายไป สื่อสารมวลชนน่ะครับ


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 26 มี.ค. 2010, 17:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2010, 14:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
ตอน"เขาวาง" เราไม่เห็นหรอก
เราจะเห็น แต่ตอนที่ "ไม่วาง"

เลยดุว่าเยอะ ดูว่าถี่


เห็นด้วยครับ ใครวางใครไม่วางเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ดี

แค่อยากให้สนทนากันด้วยความเมตตา
ไม่ค่อยอยากเห็นการถือตัวตน อยากเอาชนะคะคานกันน่ะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2010, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2007, 23:29
โพสต์: 1065


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านพงพัน เขียน:
ผมสังเกตดูนะครับว่า บอร์ด ความรัก-ผูกพัน-พลัดพราก นี้
ซึ่งเต็มไปด้วยคนที่บอบช้ำทางด้านจิตใจ
ต่างคนก็ต่างหอบเอาบาดแผลและความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสมา
แต่เมื่อได้เดินผ่านเข้ามาในบอร์ดแห่งนี้ กลับสัมผัสได้ถึงความร่มเย็น

น้อยนักที่จะมีข้อความที่จะทำให้เกิดความขัดแย้ง หรือมีก็จะสงบได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยจิตใจอันสงบที่ถูกฝึกมาดีของหลายๆท่าน การผ่านการพิจารณาความเจ็บปวดมามาก
คงทำให้หัวใจแกร่งจนสามารถปล่อยวางสิ่งต่างๆได้อย่างง่ายดาย

ต่างกับบางบอร์ด ที่มักเกิดความขัดแย้งมากมาย
หลายครั้งอ่านดูก็สามารถสัมผัสได้ถึงความร้อนรุ่มที่กำลังเกิด
จนบางครั้งไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ที่โต้ตอบกันอยู่นั้นเป็นผู้ปฏิบัติธรรม
เนื่องจากบางทีแทบมองไม่เห็นการปล่อยวาง การมีความอดทนอดกลั้นในการสนทนานั้นๆ

การนำบัญญัติมาโต้แย้งกันต่างๆนาๆมากมาย
ก็ดูจะไม่มีประโยชน์ถ้าทราบแล้วไม่นำไปปฏิบัติให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
และไม่ทราบในจุดประสงค์ของบัญญัติต่างๆว่า
จะนำไปสู่แก่นแท้ของพระพุทธศาสนาอย่างไร

ขณะที่หลายคนในบอร์ดแห่งนี้ ดูท่าน่าจะไปได้เร็วมากในการปฏิบัติ
เนื่องจากได้ลงมือปฏิบัติกันอยู่เสมอๆหรือแทบจะตลอดเวลา
เพราะมีข้อสอบให้ทำให้พิจารณาอย่างหนักและสม่ำเสมอ

การพิจารณาสภาวะต่างๆของกายใจตามความเป็นจริงนี้
เป็นการปฏิบัติที่เป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาที่จะทำให้ไปถึงความพ้นทุกข์

ยังไงก็ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านด้วยนะครับ
ที่ได้ผ่านเข้ามาในบอร์ดที่ร่มเย็นแห่งนี้
ยินดีที่มีความทุกข์ให้ได้พิจารณากันตามความเป็นจริง
เพื่อจะได้สามารถถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น สู่ความสิ้นสุดแห่งกองทุกข์เสียทีครับ


:b43: :b43: :b43:

สาธุค่ะ ท่านพงพัน :b8:

อาจะเป็นเพราะเรื่องราวของความรักความผูกพันนี้
คือมูลเหตุที่สร้างกิเลสตัณหา เป็นตัวนำเกิด
เป็นยางเหนียวร้อยรัดให้มนุษย์ชาติต้องวนเวียนอยู่หลายภพชาติ
เป็นโจทย์ที่ยากแก่การถอดถอน
เป็นโจทย์ที่ดึงกันไว้ในวัฏฏมายาวนานอย่างนับไม่ถ้วน


ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงทรงจัดสรรเส้นทาง
แห่งการปฏิบัติเนกขัมฯเพื่อให้ออกจากกามอย่างถาวรด้วยการออกบวช


ในขณะที่ฆราวาสอย่างเรา...
แม้อาจปฏิบัติเพื่อสั่งสมเนกขัมมบารมีได้เป็นครั้งคราว
แต่ก็สามารถใช้สภาวะแห่งทุกข์ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง
จาก โลภะ โทสะ โมหะ นานาประการ
พิจารณาโดยแยบคายเพื่อให้ซึ้งถึงธรรมได้....
แม้ต้องเรียกใช้กำลังของสติและปัญญาบารมีอย่างยิ่งยวดเพียงใดก็ตาม :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2010, 14:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2007, 23:29
โพสต์: 1065


 ข้อมูลส่วนตัว


อาสยาม เขียน:
ตอน"เขาวาง" เราไม่เห็นหรอก
เราจะเห็น แต่ตอนที่ "ไม่วาง"

เลยดุว่าเยอะ ดูว่าถี่

เหมือนข่าวสารบ้านเมืองน่ะ
เห็นแต่ข่าวร้าย ก็เลยมองว่าบ้านเมืองมีแต่ข่าวร้าย
สังคมเสื่อมทราม อะไรก็ว่าไป

นี่เรียกว่า ไม่เห็นตามความเป้นจริง
แต่โดนเขาหลอกว่านี่คือความจริง

ร้ายจะตายไป สื่อสารมวลชนน่ะครับ


:b43: :b43: :b43:

เห็นด้วยค่ะอาสยาม
ตอนเขาวางเราไม่เ็ห็น ส่วนใหญ่มักเห็นตอนเขาไม่วาง
จริงๆแล้ววางไม่วางมีแต่ตนเท่านั้นที่รู้ดี

ส่วนเรื่องข่าวสารบ้านเมืองน่ะ
ข้าพเจ้าขอแสดงความเห็นที่ต่างไปสักหน่อย
(ในฐานะเรียนมาทางนี้) :b13:

ข้าพเจ้าว่าสื่อเขาก็ต้องทำหน้าที่เป็น "สื่อ" เป็น "ตัวกลาง"
วางตัวเป็นกลาง
ทำหน้าที่เสนอความเป็นจริงในสังคม
เป็นเรื่องปกติตามหน้าที่อยู่แล้วนะ

เพียงแต่ตอนนี้เรื่องดีดี เรื่องจรรโลงสังคมมันหายาก
แต่ก็ใช่ว่าสื่อจะละเลยไป
เพราะจริงๆตอนนี้สังคมต้องการความสามัคคี
ต้องการฟังเรื่องดีดีเพื่อเสริมสร้างความหวัง กำลังใจ
เพื่อจรรโลงจิตคนในสังคมไทยกันมากกว่า...


แต่อย่าลืมว่าในขณะเดียวกัน
เราก็ปฏิเสธความจริงที่ปรากฏในสังคมไม่ได้
ไม่นำเสนอเดี๋ยวก็โดนกล่าวหาว่าบิดเบือน ไม่ทำหน้าที่
จริงๆแล้วสื่อสารมวลชนน่ะ โดนทั้งขึ้นทั้งล่องเลยนะ....อาสยาม :b7:

บางทีหากใช้สื่อเป็นเครื่องมือเพื่อสำรวมอินทรีย์..
และตามดูรู้ทันอารมณ์ของจิตตนให้ทัน
อาจเป็นอีกหนึ่งในวิธีที่ทำให้เราก้าวหน้าในการปฏิบัติก็ได้นะ
:b4:


แก้ไขล่าสุดโดย มัทนา ณ หิมะวัน เมื่อ 27 มี.ค. 2010, 22:50, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2010, 15:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มัทนา ณ หิมะวัน เขียน:

สาธุค่ะ ท่านพงพัน :b8:

อาจะเป็นเพราะเรื่องราวของความรักความผูกพันนี้
คือมูลเหตุที่สร้างกิเลสตัณหา เป็นตัวนำเกิด
เป็นยางเหนียวร้อยรัดให้มนุษย์ชาติต้องวนเวียนอยู่หลายภพชาติ
เป็นโจทย์ที่ยากแก่การถอดถอน
เป็นโจทย์ที่ดึงกันไว้ในวัฏฏมายาวนานอย่างนับไม่ถ้วน


ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงทรงจัดสรรเส้นทาง
แห่งการปฏิบัติเนกขัมฯเพื่อให้ออกจากกามอย่างถาวรด้วยการออกบวช


ในขณะที่ฆราวาสอย่างเรา...
แม้อาจปฏิบัติเพื่อสั่งสมเนกขัมมบารมีได้เป็นครั้งคราว
แต่ก็สามารถใช้สภาวะแห่งทุกข์ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง
จาก โลภะ โทสะ โมหะ นานาประการ
พิจารณาโดยแยบคายเพื่อให้ซึ้งถึงธรรมได้....
แม้ต้องเรียกใช้กำลังของสติและปัญญาบารมีอย่างยิ่งยวดเพียงใดก็ตาม :b1:

กิเลสตัณหามันก็ยึดเกาะเหนียวแน่นมาหลายกาลหลายสมัย
ซึ่งก็ต้องอาศัยบารมีและความเพียรในการถอดถอนความยึดมั่นในกิเลสตัณหานี้

ผมว่า ฆราวาสหรือพระสงฆ์ ก็มีธาตุขันธ์ไม่ได้แตกต่างกันแม้แต่นิดเดียว
ถ้าเรารู้หลักว่า การถอดถอนความยึดมั่นถือมั่นเพื่อที่จะพ้นทุกข์นั้น
ต้องถอดถอนที่ไหนละที่ไหน ก็ถือว่าไม่หลงทาง
การละกิเลสตัณหาต่างๆก็ละที่จิต พิจารณาให้จิตเข้าไปเห็นความเป็นจริงจนยอมรับ มันก็เลิกหลง
การละกิเลสตัณหาก็ไม่ได้ละไม่ให้มันมีมันเกิด
แต่ละในความยึดมั่นถือมั่นในอาการต่างๆของมัน
อาศัยวิปัสสนาเข้าไปพิจารณาให้จิตเห็นจิตยอมรับ มันก็จะหลุดได้
เหมือนกับการที่พระอรหันต์พูดว่ายังมีโกรธอยู่เต็มๆแต่ไม่ใช้ไม่เอามันนั่นแหละครับ
ท่านก็ละที่จิต ไม่ได้ละไม่ให้มันมีมันเกิดขึ้นมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2010, 15:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2007, 23:29
โพสต์: 1065


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านพงพัน เขียน:
กิเลสตัณหามันก็ยึดเกาะเหนียวแน่นมาหลายกาลหลายสมัย
ซึ่งก็ต้องอาศัยบารมีและความเพียรในการถอดถอนความยึดมั่นในกิเลสตัณหานี้

ผมว่า ฆราวาสหรือพระสงฆ์ ก็มีธาตุขันธ์ไม่ได้แตกต่างกันแม้แต่นิดเดียว
ถ้าเรารู้หลักว่า การถอดถอนความยึดมั่นถือมั่นเพื่อที่จะพ้นทุกข์นั้น
ต้องถอดถอนที่ไหนละที่ไหน ก็ถือว่าไม่หลงทาง
การละกิเลสตัณหาต่างๆก็ละที่จิต พิจารณาให้จิตเข้าไปเห็นความเป็นจริงจนยอมรับ มันก็เลิกหลง
การละกิเลสตัณหาก็ไม่ได้ละไม่ให้มันมีมันเกิด
แต่ละในความยึดมั่นถือมั่นในอาการต่างๆของมัน
อาศัยวิปัสสนาเข้าไปพิจารณาให้จิตเห็นจิตยอมรับ มันก็จะหลุดได้
เหมือนกับการที่พระอรหันต์พูดว่ายังมีโกรธอยู่เต็มๆแต่ไม่ใช้ไม่เอามันนั่นแหละครับ
ท่านก็ละที่จิต ไม่ได้ละไม่ให้มันมีมันเกิดขึ้นมา


:b43: :b43: :b43:

"เหมือนกับการที่พระอรหันต์พูดว่ายังมีโกรธอยู่เต็มๆแต่ไม่ใช้ไม่เอามันนั่นแหละครับ
ท่านก็ละที่จิต ไม่ได้ละไม่ให้มันมีมันเกิดขึ้นมาท่านก็ละที่จิต
ไม่ได้ละไม่ให้มันมีมันเกิดขึ้นมา


:b4: :b8: สาธุ... .อย่างยิ่งยวดค่ะ ท่านพงพัน :b8: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2010, 05:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ประโยชน์ของทุกข์ที่เกิดจาก
ความรัก ผูกพัน พลัดพราก คือสามารถทะลายกำแพงทิฐิได้
ในส่วนหนึ่ง ทำให้ผู้ที่เข้ามาในบอร์ดนี้ ซึ่งมีแต่ผู้แพ้
ไม่มีผู้ชนะ จึงมีแต่ความเมตตากรุณา...เอื้ออาทร..เกื้อกูลกัน
เพราะต่างก็บาดเจ็บมา ทิฐิมานะทั้งหลาย คลายตัวลงไป
ความเร่าร้อนต่างๆจึงหายไป เหลือแต่ความเห็นอกเห็นใจ
ซึ่งกันและกัน ความสงบ ร่มเย็นจึงตามมาค่ะคุณพงพัน... :b1:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2010, 15:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


taktay เขียน:
ประโยชน์ของทุกข์ที่เกิดจาก
ความรัก ผูกพัน พลัดพราก คือสามารถทะลายกำแพงทิฐิได้
ในส่วนหนึ่ง ทำให้ผู้ที่เข้ามาในบอร์ดนี้ ซึ่งมีแต่ผู้แพ้
ไม่มีผู้ชนะ จึงมีแต่ความเมตตากรุณา...เอื้ออาทร..เกื้อกูลกัน
เพราะต่างก็บาดเจ็บมา ทิฐิมานะทั้งหลาย คลายตัวลงไป
ความเร่าร้อนต่างๆจึงหายไป เหลือแต่ความเห็นอกเห็นใจ
ซึ่งกันและกัน ความสงบ ร่มเย็นจึงตามมาค่ะคุณพงพัน... :b1:


เห็นด้วยอย่างยวดยิ่งครับ
โดนมากันขนาดนี้ ตัวตนจะไปเหลืออะไรเท่าไหร่กัน
ปลงโลกกันไปได้ซะเยอะ
มีอะไรเข้ามาก็ปลง ปล่อยวางไป ขี้เกียจยึดถือไว้แล้ว เหนื่อยเหลือเกินแล้ว
คงเป็นเหตุที่ทำให้ ใจเย็น เกิดความสงบร่มเย็นตามมาใช่มั้ยครับ

ผมขอพูดถึงการปฏิบัตินิดนึงว่า
ผู้ที่เจ็บปวดชอกช้ำมามากๆ ยอมรับอย่างถึงจิตถึงใจว่าชีวิตนี้มีแต่ทุกข์
ผมว่าเป็นสภาวะพื้นฐานที่ดีมากในการปฏิบัติเพื่อการถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น
ถ้ามาพิจารณากายนี้ในความเป็นธาตุ๔ เพื่อละสักกายทิฏฐิในกาย
ไม่นานความเป็นโสดาบันเกิดอย่างแน่นอน นี่คือความจริง ในบัญญัติที่สมมติกันไว้

แต่ผู้ที่ตั้งใจในการปฏิบัติ ย่อมจะไม่นึกถึงขั้นของพระอริยเจ้าอยู่แล้ว
สิ่งที่ปารถนาคือความพ้นทุกข์ มีแต่อยากจะละ มีหรือที่จะอยากเอาสมมติต่างๆเข้าตัวอีกให้มันหนัก
อย่างคำว่าโสดาบัน สกิทา อนาคา อรหันต์ นี่ก็เป็นสิ่งที่สมมติขึ้นมาทั้งสิ้น
ผู้ปฏิบัติจริงท่านไม่เอาหรอก ท่านปารถนาแต่ความพ้นทุกข์เท่านั้น
พ้นทุกข์แล้วก็แล้วกัน ท่านไม่แบกคำว่าอรหันต์ไว้หรอก แม้แต่สมาธิหรือปัญญาก็ไม่แบก

เพราะฉนั้นผู้ที่ปฏิบัติเพื่อปารถนาความพ้นทุกข์อย่างแรงกล้า
พิจารณาถอนถอนความยึดมั่นถือมั่นในกายใจ(ขันธ์๕)นี้
โดยไม่ได้สนใจตำแหน่งพระอริยะที่สมมติขึ้นมากันนั้น
ไม่มัวแต่พยายามเทียบเคียงสภาวะของตนกับบัญญัติต่างๆ
จะไปได้เร็วทีเดียว

อย่าคิดว่าไม่ค่อยรู้บัญญัติเท่าไหร่ คงไปได้ไม่ไกล
เพียงรู้หัวใจในการปฏิบัติแล้วล่ะก็ บัญญัติเป็นหมื่นๆข้อก็ไม่สำคัญแล้ว
อาวุธที่สำคัญคือการพิจารณาถอดถอนความยึดมั่น โดยมีสมาธิเป็นเครื่องช่วยบ้างก็ดี
โดยมีกายใจเป็นสนามรบและศรัตรูที่เราต้องเข้าไปห้ำหั่น
พิจารณาไม่หยุด จิตมั่นก็ค่อยๆถอดถอนความยึดมั่นจากกายใจนี้ได้เอง

เป็นกำลังใจให้ทุกคนในการปฏิบัติครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2010, 16:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
อ้างคำพูด:
ชาติสยาม / เขียน
ตอน"เขาวาง" เราไม่เห็นหรอก
เราจะเห็น แต่ตอนที่ "ไม่วาง"

เลยดุว่าเยอะ ดูว่าถี่

เหมือนข่าวสารบ้านเมืองน่ะ
เห็นแต่ข่าวร้าย ก็เลยมองว่าบ้านเมืองมีแต่ข่าวร้าย
สังคมเสื่อมทราม อะไรก็ว่าไป


นี่เรียกว่า ไม่เห็นตามความเป้นจริง
แต่โดนเขาหลอกว่านี่คือความจริง

ร้ายจะตายไป สื่อสารมวลชนน่ะครับ

:b12:
...ทุกคนมีหน้าที่บนลานแห่งนี้...
...การมาทำให้ลานเลอะเทอะ...
...ย่อมต้องมีคนช่วยกันถือไม้กวาด...
...วางไม่ได้ต้องช่วยกันกวาด...
...โดยเฉพาะท่านชาติฯ...
...ขาโจ๋นักกวาดประจำลาน...
:b13:
:b9: :b32:
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 29 มี.ค. 2010, 16:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 12:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


พงพัน เขียน:


เห็นด้วยอย่างยวดยิ่งครับ
โดนมากันขนาดนี้ ตัวตนจะไปเหลืออะไรเท่าไหร่กัน
ปลงโลกกันไปได้ซะเยอะ
มีอะไรเข้ามาก็ปลง ปล่อยวางไป ขี้เกียจยึดถือไว้แล้ว เหนื่อยเหลือเกินแล้ว
คงเป็นเหตุที่ทำให้ ใจเย็น เกิดความสงบร่มเย็นตามมาใช่มั้ยครับ

เป็นกำลังใจให้ทุกคนในการปฏิบัติครับ


ความเห็นของทักทาย คือไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น
เบื่อไปหมด ได้ก็ทุกข์ ไม่ได้ก็ทุกข์...จะชนะ หรือแพ้ก็ทุกข์ทั้งนั้น
พอไม่ "อยาก" ก็ไม่กระวนกระวาย ไม่เร่าร้อน เมื่อไม่เร่าร้อน ความร่มเย็น
ก็เข้ามาแทนที มันเป็นสัจจธรรมที่เห็นได้ชัดอยู่แล้ว

พอเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีตัวตน ไม่มีอะไรที่จะยึดถือได้สักอย่างเดียว
แม้กระทั้งตัวของเราเอง ก็ยังไม่ใช่ของเรา มองไปทางไหนก็มีแต่ทุกข์
จึงปรารถนาที่จะพ้นทุกข์....ขอแค่พ้นทุกข์ หนทางเดียว
ที่จะให้พ้นทุกข์ ก็คือต้องไม่เกิดอีก...ทางที่จะไม่ให้เกิดอีกก็ต้องเพียรปฏิบัติ
ให้หลุดพ้นให้ได้...โดยที่ไม่ได้คิดเรื่องการเป็นอรหันต์ หรืออะไรทั้งนั้น ขอให้ไม่ต้อง
เกิดอีกแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ

อนุโมทนา เจริญในธรรมค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
...โดยเฉพาะท่านชาติฯ...
...ขาโจ๋นักกวาดประจำลาน...
:b13:
:b9: :b32:
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44:


อ๊ะ จริงรึ

ถ้าบอกว่าข้าพเจ้าเป้น WATCH DOG นี่ข้าพเจ้าเข้าใจ

แต่ที่ว่าว่าข้าพเจ้าเป้น"นักกวาด" ข้าพเจ้างง
(งงจริงๆนะ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


มัทนา ณ หิมะวัน เขียน:
ส่วนเรื่องข่าวสารบ้านเมืองน่ะ
ข้าพเจ้าขอแสดงความเห็นที่ต่างไปสักหน่อย
(ในฐานะเรียนมาทางนี้) :b13:

ข้าพเจ้าว่าสื่อเขาก็ต้องทำหน้าที่เป็น "สื่อ" เป็น "ตัวกลาง"
วางตัวเป็นกลาง
ทำหน้าที่เสนอความเป็นจริงในสังคม
เป็นเรื่องปกติตามหน้าที่อยู่แล้วนะ

เพียงแต่ตอนนี้เรื่องดีดี เรื่องจรรโลงสังคมมันหายาก
แต่ก็ใช่ว่าสื่อจะละเลยไป
เพราะจริงๆตอนนี้สังคมต้องการความสามัคคี
ต้องการฟังเรื่องดีดีเพื่อเสริมสร้างความหวัง กำลังใจ
เพื่อจรรโลงจิตคนในสังคมไทยกันมากกว่า...


แต่อย่าลืมว่าในขณะเดียวกัน
เราก็ปฏิเสธความจริงที่ปรากฏในสังคมไม่ได้
ไม่นำเสนอเดี๋ยวก็โดนกล่าวหาว่าบิดเบือน ไม่ทำหน้าที่
จริงๆแล้วสื่อสารมวลชนน่ะ โดนทั้งขึ้นทั้งล่องเลยนะ....อาสยาม :b7:

บางทีหากใช้สื่อเป็นเครื่องมือเพื่อสำรวมอินทรีย์..
และตามดูรู้ทันอารมณ์ของจิตตนให้ทัน
อาจเป็นอีกหนึ่งในวิธีที่ทำให้เราก้าวหน้าในการปฏิบัติก็ได้นะ
:b4:


ที่คุณยายว่ามาน่ะ มันเป้นยุคปกติ เวลาบ้านเมืองปกติ
นายทวารข่าวสารไม่ค่อยมีข้างมีสี
แต่ยุคนี้นายทวารข่าวสารมีข้างมีสีกันเกือบหมด

ถ้าเป้นสีที่ตัวเองเอียงอยู่ ก็จะเอาเรื่องที่เรียกคะแนนนิยมมาพูดบ่อยๆ ถี่ๆ
แล้วเลือกเรื่องที่ทำลายคะแนนฝ่ายตรงข้ามมาพูดบ่อยๆ ถี่ๆ
สองมาตรฐานมากเลย

ข้าพเจ้าดูข่าวแล้วก็... shocked ... ฟังเทศน์ดีกว่า
ช่างบ้านช่างเมืองเถ๊อะ
หมาแมวมันไม่มีคำว่าชาติ ไม่มีคำว่าบ้านเมือง มันเลยไม่ทุกข์เพราะข้อนี้
อิจฉาหมาแมวจริงๆเลยนะคุณยาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 13:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
Rosarin เขียน:
...โดยเฉพาะท่านชาติฯ...
...ขาโจ๋นักกวาดประจำลาน...
:b13:
:b9: :b32:
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44:


อ๊ะ จริงรึ

ถ้าบอกว่าข้าพเจ้าเป้น WATCH DOG นี่ข้าพเจ้าเข้าใจ

แต่ที่ว่าว่าข้าพเจ้าเป้น"นักกวาด" ข้าพเจ้างง
(งงจริงๆนะ)

อืม....
ผมเข้าใจว่า กวาดสิ่งสกปรกไรประมาณนั้นป่าวครับ
คงไม่ต่างกับวอชด๊อกกระมัง :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 13:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ย. 2009, 16:20
โพสต์: 537

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
ข้าพเจ้าดูข่าวแล้วก็... shocked ... ฟังเทศน์ดีกว่า
ช่างบ้านช่างเมืองเถ๊อะ
หมาแมวมันไม่มีคำว่าชาติ ไม่มีคำว่าบ้านเมือง มันเลยไม่ทุกข์เพราะข้อนี้
อิจฉาหมาแมวจริงๆเลยนะคุณยาย

ข้อนี้ ผมก็อิจฉาอ่ะครับ :b19:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 41 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร