วันเวลาปัจจุบัน 30 เม.ย. 2024, 23:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 12:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 11:06
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะทุกคนที่ได้อ่านกระทู้นี้ และขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับผู้ที่ชี้แนะแนวทางสว่างให้กับฉัน ได้อ่านกระทู้ของหลาย ๆ คนที่ได้เขียนระบายและก็มีผู้ที่รู้แนะแนวทางไป อ่านแล้ว ก็คิดอยากจะเขียนเรื่องราวที่จิตใจของเราว้าวุ่น เป็นทุกข์อยู่ทุกวันนี้ เพื่อว่าสักวันดิฉันอาจจะเป็นผู้ที่ไม่ต้องทุกข์ หรือทุกข์น้อยกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ได้ จึงตัดสินใจเขียนมา
ก็คงไม่พ้นเรื่องของความรัก ที่นำมาซึ่งความอาฆาต พยาบาท อย่างแรง ขอใช้คำว่าอย่างแรง เพราะไม่ว่าหลับหรือตื่น จะคิดถึงสิ่งที่เขาทำกับเราตลอดเวลาไม่มีว่างเว้น ด้วยความโกรธ อยากจะฆ่า หรือทำอะไรก็ได้ที่ให้เขาเจ็บปวดเหมือนที่เราเจ็บ
ดิฉันกับผู้ชายคนนี้อยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยาอย่างเปิดเผยทั้งหมด 7 ปี ความสุขมีแค่ปีแรกที่เราไม่รู้ว่าเขามีผู้หญิงที่ท้องแล้วก็กำลังจะคลอดลูกที่เรียกว่าเมีย และเป็นเมียถูกต้องตามกฏหมายหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นคลอดลูก ไม่มีใครรู้สักคน ผู้อ่านคงคิดว่าทำไมช่างโง่เหลือเกิน บ้านของเขาก็ไม่เคยไปเพราะเราคุยกันแล้วว่าถ้าอายุ 30 เมื่อไหล่จะพาไปรู้จักกับบ้านและจะแต่งงาน ดิฉันเฝ้ารอวันนั้น จนวันหนึ่งเขาต้องการกู้เงินก็ต้องเตรียมหลักฐานทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขา วันนั้นความเลยแตก ความรู้สึกหน้าชา อยากร้องไห้ แต่ร้องไม่ออก พูดไม่ออกสักคำ แขนขาไม่มีแรงจะเดิน ไม่อยากพบใครเก็บตัวอยู่อย่างนั้นเป็นอาทิตย์ เฝ้าแต่ถามทำไม มันเกิดอะไรขึ้นกับเรา เราทำผิดอะไร แต่ก็ไม่มีคำตอบในใจเราเลย จากนั้นดิฉันก็ให้เขาเลือก เขาก็บอกว่าเขาเลือกดิฉัน แต่ขอให้ลูกเขาโตหน่อยแล้วจะอย่าแล้วมาอยู่กับดิฉัน ดิฉันก็หลงดีใจคิดว่าเขาพูดจริงก็ตัดสินใจอยู่กับเขาต่อผ่านไปปีที่ 2ก็เหมือนเดิมทะเลาะกันตลอด จนปีที่ 3 ผู้หญิงคนนั้นก็ท้องอีกทั้งที่ดิฉันก็ตามเขาไปทุกที่ ไม่เคยเปิดโอกาสให้พวกเขาได้พบเจอกัน สุดท้ายผู้หญิงคนนั้นก็คลอดลูกอีกคน คราวนี้คำพูดตอนนั้นฉันก็ทวงถาม สุดท้ายคำตอบก็คือเขาเลิกไม่ได้ ถ้าเลิกเขาก็คงต้องเลิกกับดิฉัน จากความรักที่มีก็กลับกลายเป็นความแค้นในใจฉันขึ้นทันที ไม่ใช่ว่าดิฉันไม่มีลูกกับเขา เคยท้องแต่ก็ทะเลาะกันเขาจะไม่รับผิดชอบเพราะตอนนี้เขาก็มีภาระแล้วคนหนึ่ง ดิฉันมาคิดคิดดูแล้วทีกับผู้หญิงคนนั้นเขาก็ยังปล่อยให้ท้อง ดิฉันไม่เคยคิดที่จะเอาลูกมาเป็นเงื่อนไขเหมือนผู้หญิงคนนั้น และตอนนั้นก็คิดแล้วว่าโอกาสที่ดิฉันกับเขาจะเลิกกันก็มีมาก ก็เลยไม่อยากให้ลูกลำบากก็เลยตัดสินใจทำแท้งโดยที่มีเขาไปส่งอย่างเต็มใจช่วงที่ทำแท้งก็ร้องไห้เหมือนใจจะขาด ดิฉันดูสีหน้าเขาไม่มีความรู้สึกเสียใจอะไรเลย แต่ทุกวันนี้ฉันรู้สึกเสียใจมันติดอยู่ในใจตลอดเวลาที่คิดถึงลูก หลังจากนั้นฉันก็ดับเครื่องชนอย่างเดียว คิดอยู่อย่างเดียวในเมื่อฉันไม่มีความสุข ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็ไม่ต้องมีความสุข ก่อนที่จะมีความคิดอย่างนี้ก็โดนรังแกจากฝ่ายญาติของผู้หญิงคนนั้น จนทนไม่ไหว ทั้งโทรมาด่า มาหาถึงที่ จึงดับเครื่องชน แต่ก็ไม่เคยชนะพวกเขาเหล่านั้นสักครั้ง ดิฉันกับเขาก็ทะเลาะกันทุกวัน มีความรุนแรงเกิดขึ้นทุกครั้ง มีบางครั้งที่ดิฉันเดินไม่ได้เพราะถูกเขาทำ ก็ได้แต่แค้นใจใจทุกคืนฉันนอนร้องไห้จนไม่รู้ว่าน้ำตามันมาจากไหน สุดท้ายฉันก็บอกกับตัวเองว่าไม่ไหวแล้ว ไม่ทนแล้ว แต่เขาก็ไม่เลิก ยังมาวอแว มาตามทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อย่างนี้ทุกวันจนล่วงเลยมา 7 ปี ฉันเลยหนี ถ้าเขามาหาก็จะหนีไปอยู่ที่อื่น ทุกวันนี้ก็ไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว แต่ความรู้สึกมันแค้น เคยบอกกับเขาว่า ระหว่างดิฉันกับครอบครัวเขา ต่อให้ชาติไหน ๆ ก็จะขอจองเวรกับเขา ชาติหน้าขอให้เรารู้ตัวว่าโดนเขาทำอะไรกับชาตินี้จะขอแก้แค้นเอาคืนหากชาตินี้ไม่ได้เอาคืนก็ขอชาติหน้า มันเป็นอย่างนี้จริง ๆ ทุกวัน ๆ พยายามปฏิบัติธรรม สวดมนต์ นั่งสมาธิ แต่ก็ไม่เป็นผล อ่านหนังสือธรรมมะ เสร็จแล้วก็น้ำตาไหลทุก ๆ คืน ดิฉันไม่อยากแค้นอย่างนี้ไปจนตาย หากมีผู้ใดที่ชี้แนะดิฉัน ดิฉันจะน้อมรับพร้อมปฏิบัติตามค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 12:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ม.ค. 2010, 11:38
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันเข้าใจและเห็นใจคุณอย่างมาก ๆ
ดิฉันยังไม่มีความสามารถที่จะแนะนำอะไรคุณได้
รอผู้รู้ ที่มีอยู่มากมายมาแนะนำคุณ
ขอฝากกำลังใจให้คุณสู้ สู้
ดิฉันว่าที่คุณทุกข์ใจทุกวันนี้ก็เพราะความคิดของคุณเอง
ถ้าคุณปล่อยวางทุกอย่างลงได้คุณจะพบความสุข
พูดง่ายแต่ทำยากนะคะ เพราะดิฉันเองปัญหาเล็ก ๆ
แต่ยังทำใจไม่ได้เลย
เข้ามาพูดคุยเป็นเพื่อนกัน ระบายความทุกข์ออกมา
จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น มีคนในบอร์ดมากมายที่กำลังประสบปัญหา
แตกต่างกันออกไป

ตั้งสติดี ๆ ใจเราของเรา โกรธแล้วก็ทุกข์ ใจไม่เป็นสุข
ถ้าคุณนิ่งได้ คุณจะพบความสุขที่แท้จริง
หยุดแล้วจึงถึงพระ ละแล้วจึงถึงธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 13:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ย. 2009, 18:14
โพสต์: 435

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




sinnarat02.jpg
sinnarat02.jpg [ 188.05 KiB | เปิดดู 6743 ครั้ง ]
หยุดเสียเถิด…หยุดความคิดของท่านเสียเถิด…
ที่ท่านแค้นอยู่นี้ก็เพราะความคิดของท่านเอง…ที่ไปอยู่กับอดีต
จงอยู่กับปัจจุบันเถิด…พยายามตัดความนึกคิดจากอดีตทิ้งเสีย
ค่อยๆ ทำค่ะ พอมันผุดขึ้นมาก็ให้รู้ว่ามันผุดขึ้นมาแล้วหยุดมันไว้แค่นั้น
หาอะไรทำ ฟังธรรม สวดมนต์ ออกกำลังกาย หรือจ้องมองรูปพระพุทธชินราชนี้ก็ได้น่ะ
เอาใจจดจ่อไว้ที่พระนี้อย่าให้เรื่องอื่นแทรกเข้ามาได้
หรือทำอะไรก็ได้ที่ชอบที่ทำให้ละจากความคิดนั้นได้

สิ่งที่เขาทำนั้นเขาสร้างกรรมให้กับตัวเขาเอง เขาย่อมได้รับกรรมนั้นอย่างแน่นอน
คิดเสียว่าเราเคยทำกรรมกับเขาไว้และได้ใช้หนี้กรรมให้เขาหมดแล้ว
อย่าไปต่อกรรมกับเขาอีกเลย หยุดไว้แค่นั้นเถิด
ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่เราจะไปต่อกรรมกับคนเช่นนั้น

เข้าใจความรู้สึกของท่านมาก ๆ แต่หยุดเสียเถิดน๊ะ ถึงมันจะยากแต่ก็ไม่ใช่จะทำไม่ได้
ท่านเสียทุกสิ่งทุกอย่างมามากแล้วหยุดมันไว้แค่นั้นเถิด อย่าให้มันเสียไปมากกว่านี้เลยนะค่ะ
ถ้าท่านยังไม่หยุด ท่านต้องสูญเสียต่อไปอีก ไม่ว่า สุขภาพ การงาน สติปัญญา เงินทอง ฯลฯ
ดีไม่ดีอาจติดคุกติดตะรางเข้าไปอีก ท่านดูเอาเถิดว่าดีมั๊ย…สมควรมั๊ย ที่จะต้องทำให้สูญเสียต่อไปอีก

เวลามีค่านัก สักแม้นาทีเดียวก็อย่าไปเสียให้กับคนเช่นนั้นอีกเลยนะ พยายามนะค่ะ
ปล่อยเขาไปตามกรรมของเขาเถิด คนเช่นนั้นเขาไม่รู้จักพอหรอก
เขาไม่มีคุณแล้ว เขาก็ต้องมีคนอื่นอีก ที่ไม่ใช่เมียที่จดทะเบียนคนนั้น
อย่าไปรู้ไปเห็นเขาอีกเลย คิดเสียว่าบุคคลเหล่านั้นได้ตายสาบสูญไปจากชีวิตคุณแล้ว

แนะนำว่าคุณควรหาเวลาไปบวชชีพราห์ม อานิสงส์จะช่วยคุณได้มากๆ ค่ะ
และอุทิศกุศลให้กับลูกคุณแล้วขออโหสิกรรมจากลูกคุณด้วยนะค่ะ

รักษาจิตรักษาใจของเราไว้ให้ดีนะค่ะมันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด
เพราะมันสามารถนำพาเราไปได้ทุกๆที่ ไม่ว่านรกหรือนิพพาน


เป็นกำลังใจให้ค่ะ :b44: :b44:

.....................................................
สรุปคำสอนของสมเด็จองค์ปฐม
"ท่านทั้งหลาย การหลบหลีกไม่ต้องตกอบายภูมิ มีนรกเป็นต้น เป็นของ ไม่ยาก
1. ขอทุกท่านจงอย่าลืมความตาย จงคิดว่าความตาย อาจจะมีกับเราเดี๋ยวนี้ไว้เสมอๆ
2. เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ ด้วยศรัทธาแท้ (ด้วยความจริงใจ)
3. มีศีลบริสุทธิ์เป็นปกติ และ
4. เป็นกรณีพิเศษ ปฏิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทวดา นางฟ้า และพรหม ในชาติต่อไป ทุกท่านเห็นนิพพาน แล้วตั้งใจไปพระนิพพานได้ในที่สุด"


แก้ไขล่าสุดโดย sirisuk เมื่อ 11 เม.ย. 2010, 13:51, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 141


 ข้อมูลส่วนตัว


อยากแนะนำให้คุณอโหสิกรรมให้เค้าไป รู้ว่ามันเป็นเรื่องยาก แต่คนแบบนี้ชาตินี้คุณพ้นจากเค้ามาได้นับว่าโชคดีแล้วค่ะ อย่าได้ไปเจอะเจอกันอีกชาติหน้าเลย พยายามปฏิบัติธรรม ถือศีล 5 ให้เคร่งครัด ทำจิตใจให้ผ่องใส แล้วเรื่องดี ๆ จะเกิดขึ้นเอง ส่วนตัวเองเชื่อเสมอค่ะว่ากฏแห่งกรรมเที่ยงตรงเสมอ ใครทำอะไรก็จะต้องได้รัีบผลอย่างนั้น ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ :b39: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 14:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


ญี่ปุ่น:

อ้างคำพูด:
เฝ้าแต่ถามทำไม มันเกิดอะไรขึ้นกับเรา เราทำผิดอะไร แต่ก็ไม่มีคำตอบในใจเราเลย


สวัสดีครับ เห็นใจกับเรื่องที่เกิดและเข้าใจความรู้สึกครับ ณ.บัดนี้ ขอให้สงบใจและตั้งใจอ่านให้ดีเพราะการที่จะอ่านสิ่งต่อไปนี้ ไม่อาจเกิดขึ้นได้หากคุณไม่มีบุญเก่าที่ทำมาดีแล้ว..

ขอให้เข้าใจไว้ก่อนว่า คำตอบที่จะให้นี้ มีธรรมะเป็นฐานหลัก...จึงอาจไม่ถูกใจหรือรับไม่ได้เพราะมีความขัดกับความรู้สึกแบบโลกๆที่มีอยู่ และขอฟันธงไว้ก่อนว่า การแก้ปัญหาด้วยธรรมะ เป็นวิธีเดียวที่จะสามารถกำจัดปัญหาและทุกข์ได้อย่างถอนรากถอนโคนจริง ไม่มีทางอื่นที่ทำได้เช่นนี้..

พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า"สิ่งทั้งปวงย่อมไหลมาจากเหตุ" หมายความว่าสิ่งประดามีทั้งหลายที่เกิดกับเราและสรรพสัตว์ก็ย่อมมี"เหตุ"ทีีมาเช่นกัน ไม่อาจเกิดเองลอยๆหรือเทพเจ้าบันดาลหรืิอเพราะซวยฟลุคเป็นต้น...

ทีนี้"เหตุ"อะไรหนอ มาจัดแจงปัญหาให้คุณ"ญี่ปุ่น"ได้เช่นนี้ ...ในคำสอนของพระพุทธเจ้าแสดงว่า"สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน" แปลว่า กรรมใดๆที่เราทำทั้งดีและชั่ว.. เมื่อทำแล้วก็มีผลตามมาเสมอ ไม่มีใครทำกรรมแทนใครๆได้.....เหมือนกินอาหาร ใครกินคนนั้นอิ่มเอง กินแทนกันไม่ได้..กรรมและผลย่อมสอดคล้องกัน ไม่แหวกแนวเป็นไปอย่างอื่น ดังนั้น เรื่องที่เกิดแก่คุณญี่ปุ่นจึงพออนุมาน ได้ว่า แม้เมื่อกาลก่อน อาจเป็นชาติก่อนหรือเมื่อล้านชาติที่แล้วมา คุณเองได้เคยล่วงศีลข้อกาเมฯ และมุสาฯมาเป็นหลัก..ก็ผลของทุจริตเช่นนั้นคือการได้ไปสู่นรก เมื่อใช้กรรมที่นั่นจนหมดแล้วยังมีเศษกรรมตามมาส่งผลหลังจากได้เกิดเป็นคน คือได้เกิดเป็นหญิง มีความไม่สมหวังในรัก ถูกหลอกลวงเรื่องเพศ คนรักทิ้งไป นอกใจ มีอันต้องแตกร้างกันไป...เรียกว่าวิบัติเรื่องคู่ทีเดียว ส่วนที่ไม่ทราบว่าเขามีเมียแล้วนั้นก็มาจากการที่เราเองก็เคยลวงคนอื่นมาด้วยวิธีการทำนองเดียวกัน เรียกว่าโกหกคนอื่นมาแล้วนั่นแหละ....

จากข้างบนนี้ คุณญี่ปุ่นคงได้คำตอบสำหรับคำถามที่มีอยู่ในใจ ดังที่quoteไว้ข้างบนแล้ว?...และคงตอบตนเองได้ว่า "นี่เป็นความผิดของใครกันเล่า?" ใครกำหนดมา?.......

ก็เมื่อทราบเช่นนี้ ย่อมคิดได้ว่่า โอ้หนอ เพราะความมัวเมาประมาทที่เราเคยมีมาก่อนนั้นเอง จึงต้องมาพบเรื่องเช่นนี้ ส่วนชายคนนี้ก็กำลังบันเทิงในการสร้างบาปกรรมใหม่อย่างมืดบอดเพราะไม่เคยมีสติปัญญาแยกแยะอะไรดีชั่ว ถูกผิดเพราะไม่เคยมีบุญได้สดับธรรมะของพระพุทธเจ้ามาก่อน จึงหลงทำบาปชั่วนี้ เพื่อที่จะได้ไปเจอวิบากเลวร้ายเหมือนกับที่เรากำลังได้รับอยู่ในเวลานี้ ในภพต่อไปอีกนับร้อยชาติพันชาติ..ใครจะน่าสงสารเท่าคงไม่มี......ส่วนเราผู้วิบากชั่วส่งผลแล้วย่อมหมดวิบากเลวๆไปเป็นลำดับจนในที่สุดก็ย่อมหมดไม่เหลือ..

อ้างคำพูด:
ดิฉันกับผู้ชายคนนี้อยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยาอย่างเปิดเผยทั้งหมด 7 ปี ความสุขมีแค่ปีแรกที่เราไม่รู้ว่าเขามีผู้หญิงที่ท้องแล้วก็กำลังจะคลอดลูก ที่เรียกว่าเมีย และเป็นเมียถูกต้องตามกฏหมายหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นคลอดลูก ไม่มีใครรู้สักคน ผู้อ่านคงคิดว่าทำไมช่างโง่เหลือเกิน บ้านของเขาก็ไม่เคยไปเพราะเราคุยกันแล้วว่าถ้าอายุ 30 เมื่อไหล่จะพาไปรู้จักกับบ้านและจะแต่งงาน ดิฉันเฝ้ารอวันนั้น


นี่เป็นเรื่องที่หญิงทั้งหลายพึงจำไว้เป็นอุทาหรณ์ ถึงความไม่ชอบมาพากลของชายที่"ผิดปกติ"หรือเป็นคนชั่ว..จึงไม่ควรปล่อยกายและใจให้เขาง่ายดาย เพราะปัญหาจะตามมา..และในคนที่หลงไปก็ด้วยอำนาจกรรมนั่นแหละที่ทำให้ตาบอดคิดไม่ได้มองไม่เห็นความไม่ชอบมาพากลเช่นนี้..อำนาจกรรม เมื่อได้ปัจจัยพร้อมส่งผล ใครเล่าจะทัดทานห้ามปรามได้?..


อ้างคำพูด:
จากนั้นดิฉันก็ให้เขาเลือก เขาก็บอกว่าเขาเลือกดิฉัน แต่ขอให้ลูกเขาโตหน่อยแล้วจะอย่าแล้วมาอยู่กับดิฉัน ดิฉันก็หลงดีใจคิดว่าเขาพูดจริงก็ตัดสินใจอยู่กับเขาต่อผ่านไปปีที่ 2


นี่คืออำนาจของตัณหาราคะ คือการทำงานของโลภะจิตที่มีกำลังกล้า จนขาดหิริโอตตัปปะ..เพราะงานของโลภะจิต คือการเอา การอยากที่จะได้มา..แม้รู้แล้วว่าเขามีเมียและลูก ก็หาได้พยายามปลีกตนออกห่างไม่ กลับถลำลึกล่วงบาปกรรมเพราะความรักอย่างมืดบอด บดบังความละอายชั่วกลัวบาปจนมิดชิด คิดเพียงเพื่อแย่งชิงเอามาเป็นของตนโดยไม่เห็นความทุกข์ของคนอื่น ความรักเช่นนี้แหละที่ลากจูงเราไปนรกง่ายดายที่สุด..

เมื่อสั่งสมความโลภจนเป็นอุปนิสัย แม้ความชั่วยิ่งกว่านี้ก็ย่อมทำได้เป็นปกติ นี้เรียกว่าสาปแช่งตนเองไป นรกอย่างต่อเนื่องจนอาจหาทางออกไม่ได้เลยตลอดสังสารวัฏ..(นี่เป็นเรื่องที่กล่าวไว้ในพระอภิธรรม มิได้เพ้อเจ้อออกมาเพื่อให้ใครวิตกเพราะเป็นบาปมีโทษมาก..)

จึงพึงเร่งฉุดรั้งจิตใจตนมิให้ตกอยู่ใต้อำนาจโลภะจนเกินขอบเขตด้วยการประพฤติศีลให้ยิ่งยวด

อ้างคำพูด:
ก็เลยไม่อยากให้ลูกลำบากก็เลยตัดสินใจทำแท้งโดยที่มีเขาไปส่งอย่างเต็มใจ ช่วงที่ทำแท้งก็ร้องไห้เหมือนใจจะขาด ดิฉันดูสีหน้าเขาไม่มีความรู้สึกเสียใจอะไรเลย แต่ทุกวันนี้ฉันรู้สึกเสียใจมันติดอยู่ในใจตลอดเวลาที่คิดถึงลูก


บาปแรกก็เป็นปัจจัยให้ก่อบาปสองตามมา นี่แหละหนอ สัตว์ทั้งปวงก็หลงทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพราะมัวเมาขาดปัญญาจากคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงต้องวนอยู่ในทุกข์แล้วๆเล่า...พอทุกข์เพราะบาปเก่าก็แก้ทุกข์ด้วยการทำบาปใหม่ แล้วจะได้สุขจากบาปไ้ด้อย่างไร ในเมื่อ "เหตุ"กับผล ย่อมตรงกัน
..

อ้างคำพูด:
ทุกวันนี้ก็ไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว แต่ความรู้สึกมันแค้น เคยบอกกับเขาว่า ระหว่างดิฉันกับครอบครัวเขา ต่อให้ชาติไหน ๆ ก็จะขอจองเวรกับเขา ชาติหน้าขอให้เรารู้ตัวว่าโดนเขาทำอะไรกับชาตินี้จะขอแก้แค้นเอาคืนหากชาติ นี้ไม่ได้เอาคืนก็ขอชาติหน้า


นี่เป็นคำอธิษฐานเพื่อความฉิบหายบรรลัยของเราแต่ส่วนเดียว ที่ชนทั้งหลายไม่พึงเอาเป็นตัวอย่าง

ไม่คิดบ้างหรือว่า ถ้าเราแก้แค้นเขาแล้วเขาจะไม่แก้แค้นเรา ญาติพี่น้องเขาจะไม่คิดแค้นเรา เขาทั้งหลายจะไม่ตั้งอธิษฐานเช่นเดียวกัน ชีวิตจะเป็นอย่างไรหนอหากเกิดมาชาติใดก็ต้องเจอศัตรูคู่แค้นตามล้างตามล่ากัน แม้กระทั่งเกิดเป็นเดรัจฉานก็ยังตามเบียดเบียนกันอยู่?? ดูตัวอย่างคนชั่วคือ
พระเทวทัตที่อธิษฐานตามจองล้างพระพุทธเจ้ามาตลอดเถิด ได้ทำความฉิบหายแก่ตนจนบัดนี้ต้องไปไปเสวยกรรมในอเวจีนรก ตลอดกัปป์คุ้มหรือ..

ขอให้ ถอนคำอธิษฐานดังกล่าวเสียในบัดนี้ เพราะเป็นตัวที่ทำให้จิตคุณกระสับกระส่าย คุณจะไม่สามารถมีจิตตั้งมั่น ไม่มีสติพอที่จะคิดถึงหรือทำสิ่งที่ดีเป็นกุศลได้ อย่างที่คุณกำลังประสบอยู่คือ..
.."ทุกวัน ๆ พยายามปฏิบัติธรรม สวดมนต์ นั่งสมาธิ แต่ก็ไม่เป็นผล"..

คุณพึงยอมรับว่าส่วนที่ทำให้เดือดร้อนนี้หาใช่ความผิดของชายคนนั้นไม่ เขาเป็นเพียงเครื่องมือให้กรรมที่คุณทำเองแล้วมาส่งผลได้เท่านั้นเอง คุณไม่ต้องเอาตัวไปเดือดร้อนเพิ่มผลให้เขาหรอก กรรมชั่วของเขานั่นแหละจะตามไปรับใช้ใกล้ชิดไม่เหงาแน่ คุณหรือใครๆอาจลืมไปแล้วว่าเคยทำอะไรมาบ้าง

แต่กรรมนั้นไม่เคยลืมใคร และซื่อสัตย์ยุติธรรมสมควรแก่เหตุเสมอ...

คุณมีหน้าที่ทำกรรมดีมีการให้ทานรักษาศีลและเจริญภาวนาเพื่อพาตนให้พ้นทุกข์ ไม่ต้องเพิ่มภาระตนเองด้วยการตามไปแก้แค้นใครๆให้ต้องลงนรกบ่ิอยๆ ลองคิดดูเถิดว่า ชายคนนี้อาจเคยถูกคุณทำร้ายจนเจ็บแค้น อาจอธิษฐานขอตามล้างแค้นคุณมา เลยเจอเรื่องแบบนี้... หรืิอ.. ตอนนี้คุณทุกข์อยู่ด้วยผลของบาปเก่าแล้ว ถ้าว่าเคยมีใครที่เคยแค้นคุณแล้วอธิษฐานตามมาล้างแค้นคุณอีก เขาก็มาหลอกคุณแล้วทิ้งไปอีก..หรือตามมาล้างผลาญคุณอีก ชีวิตนี้มิกลายเป็นนรกดอกหรือ..และหากจนใจเข้าก็อาจช่วยพาตนหนีปัญหาไปสู่นรกเพราะหาทางออกไม่เจอ อย่างนี้ไม่เรียกว่าฉิบหายโดยประการทั้งปวงแล้วจะเรียกว่าอะไรดี...

ตั้งสติใหม่ครับ อย่าเบียดเบียนตนและคนอื่นอีกเลย ทุกข์แค่นี้ ยังไม่เท่าเศษเสี้ยวของอะไรในนรกหรอก..เชื่อพระพุทธเจ้่าเถิดครับ..แล้วจะปลอดภัยแท้จริง..

เป็นกำลังใจให้ครับ...

:b46: :b47: :b48: :b41:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


แก้ไขล่าสุดโดย -dd- เมื่อ 11 เม.ย. 2010, 15:04, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 20:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 21:44
โพสต์: 942

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านคำแนะนำของท่าน -dd- แล้วได้อะไรกลับมาเยอะเสมอเลยคะ เป็นกำลังใจให้ด้วยคนคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 21:56
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำตัวน่ารักไปวัน ๆ
สิ่งที่ชื่นชอบ: คู่มือสะกดใจคน - เดวิด เจ.ไลเบอร์แมน
ชื่อเล่น: นุช
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


cool สวัสดีค่ะ

วันนี้คุณมีความพยาบาทอยู่มาก ลองหยิบกระจกขึ้นมาส่องหน้าตัวเองนะคะ เป็นไงหน้าดำคล้ำมั้ยคะ
อย่าบอกค่ะ ว่าหน้าชั้นยังสวยอยู่ ขาวอมชมพู เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ คนที่จองเวรจองกรรม ผูกพยาบาท
ชีวิตก็จะหาความสุข ความสดใสจากที่ใด ๆ ไม่ได้เลย นี่ยังไม่รวมกับกรรมที่คุณไปทำแท้งมานะคะ แค่นี้ชีวิตก็จมดิ่งสู่เหวนรกเพียงพอแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าดึงกรรมตัวไหน ๆ เข้ามาหาตัวเราอีกเลยค่ะ ... ทิ้งมันไว้ตรงนี้ ทิ้งความเลวร้ายออกไปจากใจซะ ไม่ต้องย้อนกลับไปมอง ว่าชั้นโดนกลั่นแกล้ง
ไม่ต้องเฝ้าถามว่าทำไม เกิดอะไรขึ้นกับเรา เราไม่ดีตรงไหน มันเป็นอดีตค่ะ ชีวิตคนเรามีแต่เดินหน้า
จุดมุ่งหมายข้างหน้า คือความเจริญทั้งในทางโลกและทางธรรม !!

คุณควรจะดีใจด้วยซ้ำที่มันเป็นเพียงแค่ระยะเวลา 7 ปี ไม่ใช่ชั่วชีวิต ควรจะดีใจมาก ๆ ที่หลุดพ้นแล้ว
และเวลาที่เหลืออยู่นี้รีบสร้างกรรมดี สร้างให้มาก ๆ ผลบุญแห่งความดีมันจะช่วยให้คุณดีขึ้นในทุก ๆ วัน และกรรมดีเหล่านี้จะคัดสรรหาคนดี ๆ ที่มีศีลเสมอกันเข้ามาหาคุณเอง ... เมื่อถึงตอนนั้นคุณจะเห็นว่ามันเป็นเรื่องขำ ๆ แต่ตอนนี้คุณยังขำไม่ออก เพราะคุณยังจิตใจพยาบาทอยู่ แล้วจะขำออกได้อย่างไร !!




:b46: ..................... :b46:
:b48: Nuchy 2525 :b48:

.....................................................
กฏเหล็กข้อแรกสุด ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2010, 10:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2010, 11:06
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้ดิฉันค่ะ
ได้อ่านแล้วน้ำตาไหลเลย โดยเฉพาะคำแนะนำของคุณ DD ดิฉันขอบพระคุณอย่างยิ่ง ขอบคุณทุกคนค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2010, 11:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b6:
...ทุกข์ระทมเพราะทนอยู่ต่อไป...จะเศร้าเสียใจไม่สิ้นสุด...
...เลิกเดี๋ยวนี้...เริ่มใหม่ไม่มีคำว่าสายไป...ทนเจ็บปวดไปสักระยะ...
...เพราะหนทางนี้คุณญี่ปุ่นต้องเลือกทางเดินของชีวิตเอาเอง...เลิกเขาให้เด็ดขาด...
...เพื่อจะลดความทุกข์ในใจตนเองลงในไม่ช้า...ต้องยอมตัดใจให้คิดว่าไม่จากเป็นก็จากตาย...
...ไม่ต้องฆ่าใคร/ทุกคนต้องตายทั้งนั้น...ให้เขาค่อยๆตายไปจากใจเราดีกว่าจดจำกันข้ามภพชาติ...
:b7:
:b22: :b13:
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2010, 12:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณญี่ปุ่นครับ บัดนี้เป็นเวลา"ดี"ของเราแล้ว เพราะ

๑. ไม่ต้องทำบาปใหม่เพราะต้องอยู่ กับคนชั่วไปเรื่อยๆ การไม่คบพาลหลีกจากพาล "เป็นมงคล"ดังคำสอนของพระพุทธเจ้าใน"มงคลสูตร"..

๒. เป็นอิสระไม่มีพันธะรุงรังที่จะเป็นเครื่องขัดข้องในการเจริญกุศลทั้งหลาย

คุณญี่ปุ่นพึงทราบว่า ปุถุชนในโลกที่จะไม่เคยทำผิดพลาดนั้น"ไม่มี"..เพราะอำนาจของกิเลสนั้นย่อมยากที่ใครๆจะต้านทานได้ แต่คนที่พลาดแล้วรู้สึกสำนึกได้ แล้วเพียรแก้ไขตนนั้น พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญว่าย่อมเจริญขึ้นได้ ดังนั้น คุณญี่ปุ่นพึงใช้ประสบการณ์ของตนเป็นเครื่องสอนตนมิให้ทำผิดเช่นเดิมอีก และเร่งเจริญบุญทั้งปวงให้ถึงพร้อม ดังต่อไปนี้..

๑. ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ อย่างมั่นคง ไม่หาเจ้า, เทพ ,ผี หรือบูชาสิ่งอื่น นอกเหนือจากพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์ อันจะทำให้ตนตกไปจากพระรัตนตรัย.. นี้เรียกว่ามีที่พึ่งที่ปลอดภัยสูงสุด..มีอานิสงค์มหาศาลในการคุ้มครองตนในอนาคตอันยาวไกลในสังสารวัฏเพราะเป็นการสร้างเหตุเพื่อผลคือการได้มีโอกาสพบพระพุทธศาสนาในกาลต่อๆไป หากหาอย่างอื่นเป็นที่พึ่งก็ย่อมได้ไปพึ่งสิ่งอื่นในอนาคต ซึ่งเสียหายหรือวิบัติจากการได้ออกจากสังสารวัฏและวนอยู่ในกองทุกข์อย่างไม่มีที่สุด..

๒. ประพฤติศีล ๕อย่างมั่นคง ทำไว้ในใจว่าข้าพเจ้าจะละเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักขโมย ประพฤติผิดในกาม โกหกและดื่มสุราหรือสิ่งเสพติดทั้งหลาย ตั้งใจเช่นนี้ให้บ่อย วันละหลายครั้งก็ยิ่งดี เมื่อพลาดพลั้งเผลอไป ก็ตั้งใจสำรวมระวังใหม่เมื่อทำได้ระยะหนึ่งจะรู้สึกเบาและง่ายขึ้น จิตใจจะแช่มชื่นเบิกบาน คิดถึงศีลของตนแล้วปลื้มใจ ความสงบสุขของใจย่อมตั้งขึ้น หมดความเดือดร้อนใจจากสิ่งเสียหายเก่าๆ..คราวนี้จิตจะสามารถเกิดเมตตาได้จริงจัง เพราะตนได้ทราบชัดถึงความสุขจากการไม่เบียดเบียนใครๆ..

๓. ศึกษาพระธรรมคำสอน มีการอ่านจากweb หรือฟังธรรมทาง web จะช่วยให้เกิดปัญญารู้ชัดว่าสิ่งใดถูกควรหรือมีประโยชน์อย่างไรหรือไม่ ปัญญานี้จะคุ้มครองมิให้เราเข้าใจอะไรๆผิดๆเช่นไม่เชื่อมงคลตื่นข่าวมีการเข้าพิธีตัดกรรม หรือเชื่ออำนาจแปลกประหลาดที่จะทำให้ใครๆได้ดีมีสุขหรือไปสวรรค์ หรือคิดว่านิพพาน เป็นแดนเนรมิตที่อมตะไปแล้วไม่ตายเป็นต้นฯลฯ ทั้งจะตรวจสอบได้ว่าคำสอนใดถูกผิดมีที่มาที่ไปอย่างไร..หากได้ยินใครมาโพนทนาว่า อย่าเรียนมากเดี๋ยวฟุ้ง ก็ให้ทราบว่านั่นเป็นมิจฉาวาจาของคนผู้ไม่หวังดี..เพราะเท่ากับเขาพูดว่า อย่าไปฟังพระพุทธเจ้าเลย ไม่ดีหรอก เดี๋ยวฟุ้งซ่าน..คำพูดเช่นนั้นเท่ากับทำเหตุเพื่อที่ตนจะไม่ได้เสพพระธรรมในอนาคต แม้มีธรรมะอยู่โ้ต้งๆก็จะไม่เข้าหา เ พราะสัญญาที่ตั้งไว้ว่า"อย่า"เสพ เดี๋ยวฟุ้งซ่าน ความจริงคือ ผู้ที่ไม่ต้องศึกษาพระธรรมเลยก็ปฏิบัติได้นั้น..มีเพียงคนเดียวคือ พระพุทธเจ้า ผู้ทรงสามารถตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง..คนที่เหลือนอกนั้นต้องฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าก่อนทั้งนั้นจึงจะปฏิบัติได้ตรงตามทางของพระพุทธเจ้า..

๔. เมื่อได้แนวทางแล้วจึงสามารถเจริญภาวนาเพื่อขัดเกลากิเลสอย่าง"รู้" ว่าทำไปเพื่ออะไร อย่างไร จะได้อะไร เป็นผล เมื่อใด ไม่ใช่ทำไปก็งงๆว่านี่ทำแล้วได้อะไรหว่า นิพพานคืออะไร จะเอาไปทำไม หรือ ทำไปก็หลงไป ว่านี่สงบดีหนอ ไม่อยากอยู่บ้านแล้วเพราะคนโน้นพูดไม่ถูกใจ คนนั้นทำอะไรขวางตาไปหมด หาความสงบ ไม่มี ในโลกนี้ ใครจะดีประเสริฐเท่าตรูไม่มีแล้ว คนชั่วทั้งนั้นที่รายล้อมตรูอยู่ ..ฯลฯ.... กิเลสอะไรๆไม่รู้จักสักอย่าง เพ่งแต่โทษคนอื่นดังนี้ก็มีมาก..นี่จึงเป็นเรื่องที่ต้องทำความรู้เข้าใจให้ถูกต้องตั้งแต่แรกทีเดียว..จะได้ไม่มุ่งหน้าเดินผิดทิศตั้งแต่แรก..เพราะถ้าผิดทิศแล้ว ต่อให้เครื่องแรงก็ไม่ถึงจุดหมายที่ถูกดอก..

ส่วนเรื่องราวแต่หนหลัง คุณญี่ปุ่น พึงทิ้งไว้ในที่ของมัน ไม่เอามาแบกไว้เพื่อทำบาปทางใจต่อเนื่อง..ซึ่งกลายเป็นบาปใหม่ทับซ้อนเพิ่มเติม โดยใช่เหตุ ยุติความโศกเศร้าพิไรรำพัน เพราะนี้คือการปล่อยใจให้เป็นไปกับโทสะ มันจะเผาเราในโลกนี้ แล้วยังจะลากจูงไปเผาต่อในนรกอีกด้วย รักษาใจให้ดี เสียอะไรๆในโลกก็ไม่วิบัติเท่า"ใจที่เสียแล้ว"..พระพุทธเจ้าสอนว่า"ใจเป็นใหญ่เป็นประธานของสิ่งทั้งปวง"...

ขอให้หมดทุกข์พ้นโศกไวๆครับ..

:b46: :b47: :b48: :b41:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


แก้ไขล่าสุดโดย -dd- เมื่อ 12 เม.ย. 2010, 12:56, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2010, 13:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
โลกสว่างไสว เริ่มต้นที่ใจของเรา


วิธีสร้างกำลังใจเพื่อให้ฝึกฝนตนเองได้ตลอดรอดฝั่ง

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า คุณสมบัติกัลยาณมิตรทั้ง ๗ ประการนี้ มีอยู่ในผู้ใด ผู้นั้นถือ ว่าเป็นมิตรแท้ การที่จะฝึกตัวเองให้มีคุณสมบัติทั้ง ๗ ประการนี้ได้ ในเรื่องวิธีการฝึกนั้นมีในคำสอนของพระพุทธศาสนา เป็นคุณสมบัติที่เราทุกคนต้องสร้าง ให้เกิดขึ้นในตัวเอง หากคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่ง หย่อนไป ความเป็นกัลยาณมิตรของเราก็จะหย่อนตามไปด้วย

แต่การที่เราจะมีความเพียรในการฝึกตัวให้มีคุณสมบัติกัลยาณมิตรครบทุกประการนั้น เป็นเรื่อง ที่ต้องใช้กำลังใจอย่างสูง เพราะทุกคนก็ล้วนแล้วแต่อยากที่จะมีคุณสมบัติที่ดีนี้อยู่ในตัวกันทั้งนั้น แต่เมื่อฝึกไปนานๆ เข้า บางท่านก็คลายความเพียร หมดกำลังใจในระหว่างที่กำลังฝึก เกิดความล้า เกิดความท้อถอย บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่า เราเองก็ทำ มาตั้งนานแล้ว ทำไมยังก้าวหน้าไปไม่ถึงไหนเมื่อต้องเจอภาวะขึ้นๆ ลงๆ อย่างนี้แล้ว ทำ อย่างไรจึงจะมีกำลังใจสูงพอที่จะเคี่ยวเข็ญตัวเองให้ฝึกตัวไปได้ตลอดรอดฝั่ง?

มีวิธีง่ายๆ อยู่ ๓ ประการ คือ

๑. หมั่นทำทานให้เต็มที่ และสม่ำเสมอ
๒. รักษาศีลให้เคร่งครัด
๓. ทำสมาธิภาวนาอย่างต่อเนื่อง ให้ถือว่านี่คือหน้าที่สำคัญของเรา


นอกจากนี้ให้เราหมั่นพิจารณาตัวเอง ฝึกควบคุมกาย วาจา ใจของเราให้ตั้งมั่นอยู่ในความดี มีโอกาสเมื่อไรก็บำเพ็ญตนเป็นกัลยาณมิตร แม้เราจะยังไม่เข้าถึงพระธรรมกายก็ตามแต่ก็ขอให้ทำอย่างเต็มกำลัง เพราะนั่นคือการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้เกิดขึ้นรอบตัว เมื่อสิ่งแวดล้อมดีก็จะส่งผลให้ การปฏิบัติธรรมของเราก้าวหน้าได้ง่ายตามไปด้วย...............

............... :b51: :b53:ขอให้คุณ จขกท. มีกำลังใจที่ดีในการแก้ไขปัญหาค่ะ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 00:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 13:22
โพสต์: 146

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b44: คุณ-dd- และ คุณ Bwitch
:b44: ตอบได้โดนใจ และเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มากที่ได้มาอ่านมากเลยนะค่ะ
:b8: ขออนุโมทนาสาธุค่ะ :b8:

.....................................................
ทำไมต้องปล่อยว่าง
เพราะทุกอย่างมี ความว่าง มาแต่เดิม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 เม.ย. 2010, 00:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าอาฆาตพยาบาทกันเลยคะ

ไม่เช่นนั้นภพชาติจะไม่จบสิ้น

เขาทำคุณ คุณแค้น
ชาติต่อไป
คุณทำเขา เขาแค้น

ก็ต้องวงเวียนเป็นกรงกรรมกรงเกวียนอยู่ร่ำไป

เจริญสติคะดีที่สุดแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 13:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 14:41
โพสต์: 154

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความพยาบาทมันจะเผาใจเราเองนะ
เราจะร้อนรุ่มเอง
ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง
ขอให้คุณญี่ปุ่นเมื่อเวลาที่ไม่สบายใจ
ได้กลับมาอ่านข้อความคำแนะนำดีๆที่นี่นะคะ
ฟันธงคะ ตอนนี้คุณเดินมาถูกทางแล้ว
สิ่งดีๆก็จะเข้ามาในชีวิตคุณเองคะ
ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ชายคนนั้นและเด็กที่แท้งไป

ให้บ่อยๆให้สม่ำเสมอนะคะ
ขอให้ธรรมะรักษาคุณคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2010, 13:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


เคยแค้นมาก่อนเหมือนกัน บอกได้เลยว่า
ตลอดเวลาที่มีความแค้นแน่นอยู่ในอก ไม่มีช่วงเวลาไหนเลยที่จะ
เป็นสุข...เร่าร้อนอยู่ตลอดเวลา :b33:

จะใช้วิธีสวดมนต์ หรือเข้าวัดทำสังฆทาน และกรวดน้ำ
แผ่เมตตาหลังจากนั้นทุกครั้ง ทำบ่อยๆเท่าที่จะมีโอกาสทำ
ความแค้น อาฆาต พยาบาท ก็จะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ
ใจเราก็จะเปิดรับ ยอมรับมากขึ้น แล้วก็จะมองเห็นว่า
เรื่องที่ผ่านมาก็เป็นเพียง"ใดๆโลกล้วนอนิจจัง" ทั้งนั้น
เมื่อเห็นเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน เราก็จะเข้าใจเองว่าที่เป็น
แบบนั้น ที่เราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ก็เป็นเพียงผลกรรม
ที่เราเคยสร้างเหตุกันมา ไม่ใช่ความผิดของเขา หรือ
ของผู้หญิงคนนั้น แต่เป็นเรื่องที่เราต้องเจอ เมื่อเจอแล้ว
จากกันมาแล้ว ก็แล้วกันไป อย่ายึดเหนี่ยวไว้ด้วยความ
พยาบาท เพราะจะทำให้เราต้องวนเวียนได้มาเจอกัน
ล้างแค้นกันอีก แล้วก็จะทุกข์อีกไม่มีที่สิ้นสุด

ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เจอเรื่องแบบนี้ ผู้หญิงไทยเก้าสิบห้าเปอร์เซนต์
ทีต้องผจญกับความผันผวนของชีวิตแต่งงานแบบนี้่ อโหสิกรรม
ให้กันไปเสีย....ล้างจิตใจเราให้ใสสะอาด อนาคตของเราจะได้
ไม่ต้องมาเวียนว่ายอยู่ในทะเลทุกข์แบบนี้อีก....เอาใจช่วยนะค่ะ :b1:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร