วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 23:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 40 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 15:34
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีเรื่องอยากขอคำแนะนำคะ ถ้าสามีวานให้เราช่วยโกหก (เรื่องเล็กๆ น้อย ไปจนถึงเรื่องใหญ่)
เราก็รู้นะว่าไม่ดี ผิดศีลและเหมือนยิ่งเป็นการต่อยอดของการทำกรรมที่ไม่ดีร่วมกันอีก
แต่ถ้าไม่ช่วย สามีก็จะโกรธ (แฟนเป็นคนอารมณ์ร้อน) และเราสามารถคาดเดาเหตุการณ์อนาคต
ในอีกไม่กี่นาทีที่จะเกิดขึ้นได้ว่า เราทั้งคู่จะต้องมีปากเสียงทะเลาะกันแน่ :b5:
ซึ่งนั่นคงเป็นกรรมไม่ดีที่ทำร่วมกันซึ่งหนักกว่า (หรือเปล่า)
ไม่รู้จะทำยังไง ก็ต้องช่วยสามีโกหกไป เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์บานปลายใหญ่โต
ใจหนึ่งก็ไม่อยากโกหกเลยคะ ใจหนึ่งก็สงสารสามี รักด้วย...
ทำยังไงดีคะ ??.. เราพยายามที่จะลดกรรมไม่ดีที่ทำต่อกัน ยิ่งช่วงนี้มีปัญหากันบ่อยมาก
เหมือนจูนกันไม่ได้ซะที (ปัญหาที่เราเป็นคนก่อ..ไว้พร้อมเมื่อไหร่จะมาเล่าให้ฟังคะ)
ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ :b8:

.....................................................
เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว
ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น
ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง
แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตาม
กรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้
ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 15:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 02:08
โพสต์: 65

ชื่อเล่น: ชาเขียว
อายุ: 24

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วยกันทำกรรมไม่ดีเล็กๆ เพื่อต้านกรรมไม่ดีใหญ่ๆ เพราะกลัวกรรมไม่ดีนั้นๆ จะบานปลายใหญ๋โตกว่าเดิม
มันมีแต่จะช่วยเพิ่มพูนให้กรรมไม่ดีนั้นๆใหญ่ขึ้นไปกว่าเดิม จากกรรมไม่ดีเล็กๆที่ช่วยกันทำ

สิ่งที่เป็นความจริง ถ้าพูดไปแล้วไม่เกิดประโยชน์ เราก็ไม่ควรพุด
แต่การโกหก คือการหนีจากความจริง ด้วยความเท็จที่ผู้โกหกจะคิดได้
ความจริงก็คือความจริง การโกหกไม่ได้ช่วยให้ความจริงมันลดหายไปได้เลย
มีแต่จะช่วยปิดกั้นความจริง ให้ตัวเราเองมองเห็นมันยากยิ่งขึ้น เมื่อเวลาที่เราต้องการความจริง

คุณก็รู้ว่าโกหกไม่ดี และก็ไม่อยากโกหกด้วย แต่เพราะอยากช่วยสามีและถ้าไม่ช่วยสามีจะโกรธ
ถ้าสามีโกรธแล้วปัญหาอื่นๆจะตามมา ถ้าชีวิตคู่ของคุณยังดำเนินไปอยู่อย่างนี้
ปัญหาที่คุณคิดว่าจะมีก็มีแน่นอน และแถมด้วยปัญหาที่คุณไม่เคยคิดว่ามันจะมีก็มีมาด้วย

คุณรักสามีใช่ไหม อยากช่วยเขาใช่ไหม งั้นก็จงช่วยสามีและขอความร่วมมือจากสามีด้วย
บอกสามีไปว่า คุณจะร่วมเผชิญกับความจริงที่สามีหรือตัวคุณเองร่วมกันกระทำลงไป
ให้ผ่านพ้นไปให้ได้ ไม่ว่าความจริงนั้นๆจะเลวร้ายแค่ไหนก็ตามคุณก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขา
เพื่อต่อสู้กับมันและผ่านพ้นไปให้ได้ ถ้าสามีคุณยังโกรธ โวยวายต่างๆนาๆ
นั่นแสดงว่าเป็นกรรมของคุณแล้วแหล่ะ ที่ได้สามีเช่นนี้ที่มองไม่เห็นความรักและความหวังดีของคุณ

ทำไมคนดีๆถึงต้องอยู่ร่วมกับคนไม่ดีด้วย และก็รักเขาอีกซะด้วย
นั่นเป็นเพราะคนดีๆที่ว่าดีไม่หมด คือมีส่วนที่ดี และส่วนที่ไม่ดีที่เคยทำมา
พอถึงเวลากรรมส่งผลก็สุขบ้างทุกข์บ้าง เคล้าคลอกันไป ไม่มีอะไรจะต้านทานอำนาจแห่งกรรมได้
อำนาจแห่งกรรมชนะอำนาจทุกอย่าง ถ้ารู้ว่าตัวเองทำกรรมไม่ดี จึงเป็นเช่นนี้
นั่นเป็นโอกาสดี เพราะคุณยังรู้บุญคุณโทษ และก็เริ่มทำกรรมดีๆเผื่อส่งผลให้คุณ
ประสบแต่สิ่งดีๆในอนาคตกาลเถิด
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 18:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มีเรื่องอยากขอคำแนะนำคะ ถ้าสามีวานให้เราช่วยโกหก (เรื่องเล็กๆ น้อย ไปจนถึงเรื่องใหญ่)
เราก็รู้นะว่าไม่ดี ผิดศีลและเหมือนยิ่งเป็นการต่อยอดของการทำกรรมที่ไม่ดีร่วมกันอีก
แต่ถ้าไม่ช่วย สามีก็จะโกรธ (แฟนเป็นคนอารมณ์ร้อน) และเราสามารถคาดเดาเหตุการณ์อนาคต
ในอีกไม่กี่นาทีที่จะเกิดขึ้นได้ว่า เราทั้งคู่จะต้องมีปากเสียงทะเลาะกันแน่ :b5:
ซึ่งนั่นคงเป็นกรรมไม่ดีที่ทำร่วมกันซึ่งหนักกว่า (หรือเปล่า)


น่าเห็นใจท่านผู้ถามที่ต้องอยู่ในสภาพนี้ครับ ...

ท่านผู้ถาม พึงทราบว่า เจตนาคือตัวตัดสินกรรมและวิบาก(ทั้งฝ่ายดีและไม่ดี).... เมื่อมีเจตนาโกหก--จะด้วยโดยตนเองหรือถูกบังคับ จากใครหรือสภาพแวดล้อมใด --ก็ชื่อว่าล่วงศีล..เป็นอกุศลกรรมที่มีผลตามมาแน่นอน ในกฏธรรมชาติ ข้ออ้างและความจำเป็นใดๆไม่อาจบิดเบือนสภาพของเจตนาที่เกิดจริงภายในใจได้เลย..กรรมเขาไม่พิจารณาหรอกครับว่่า อ้อ คนนี้ถูกสามีบังคับให้โกหก โอเค หยวนให้ไม่ต้องรับผล..เปล่าเลย เขาทำหน้าที่แบบใสซื่อตรงไปตามอำนาจเจตนานั้นๆต่างหาก..เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็พึงพิจารณาว่า"คุ้มใหม"กับความหวั่นกลัวที่ไม่ทำตาม เพราะกรรมทำ๑ ครั้ง ไม่ได้ให้ผลครั้งเดียว แต่เป็นร้อยชาติบ้าง พันชาติบ้าง แสนล้านชาติ..จนนับไม่ถ้วนชาติ.. ขึ้นกับความแรงในเจตนาและบุคคลที่ถูกเบียดเบียนเพราะการโกหกของเราว่า เป็นคนมีศีลหรือคุณทางธรรมประการใด..อย่าลืมว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เราก็จะไปตามกรรมของเรา เขาก็ไปตามกรรมของเขาน่ะแหละ...และสัตว์ย่อมเสพข้องกันได้เพราะความมีธาตุเหมือนกัน...หากเราเป็นผู้ยินดีในการทำบาป ไม่มีหิริโอตัปปะ ที่จะได้พบคนที่มีหิริโอตัปปะ ก็ย่อมยาก เพราะ กรรมเขาจัดสรรให้ได้พบแต่คนพาล การคบพาลย่อมไม่เป็นมงคล มีแต่พาเสื่อมอย่างเดียว..เรียกว่าเสียหายใหญ่แล้วสำหรับตนในทุกกรณี...

ทีนี้ การทำบาปกรรมใดๆ ย่อมนำความเดือดร้อนใจมาสู่ตนเสมอ ความเดือดร้อนใจนี้ย่อมเกิดขึ้นเนืองๆ สิ่งที่ตามมาคือความหวาดระแวงว่าตนเองจะถูกใครๆโกหกเช่นกัน เพราะตนเคยทำใครๆไว้ ... การมีชีวิตด้วยความหวาดระแวงจะหาความรื่นรมณ์ได้อย่างไร.. แม้เมื่อยามปกติ จิตใจก็คอยแต่รู้สึกผิด กลายเป็นคนที่ทำบาปทางใจไปเรื่อยๆ เป็นภาวะที่ไม่น่าปลอดภัยหากต้องตายลงในเวลาใดเวลาหนึ่ง...

เราและสามีก็มาอยู่ร่วมกันในชาตินี้ ควรจะเกื้อกูลกันไปในทางกุศล แต่เมื่อสนับสนุนกันด้วยบาปอยู่ ต่อไป เราจะคุ้นเคย และชินจนชำนาญได้ในการโกหก เพราะได้บริหารบ่อยๆ ต่อไป ไม่ต้องให้สามีบังคับเลย เราก็ทำได้เต็มที่ เจตนาโกหกที่เคยอ่อนอยู่ คราวนี้ก็แรงเต็มกำลังทีเดียว..อันกิเลสทั้งหลายนั้นเป็นของที่ทำได้ง่าย สั่งสมได้ง่าย จึงไม่พึงประมาท..

การช่วยสามีโกหก เท่ากับการเพิ่มความหนักในบาปกรรมของสามีให้ดับเบิ้ลขึ้นกลายเป็น๒กระทงคือ สามีทั้งโกหกเอง๑ แล้วยังบังคับชักจูงภรรยาให้ร่วมทำบาปอีก ๒..ภพต่อไปคงลำบากมากทีเดียว เพราะคงถูกบังคับให้ทำบาปกรรมจนอาจหาทางออกที่สว่างไม่เจอ น่าหวาดเสียวแท้เทียวครับ...ถ้ารักสามีจริงก็งดเว้นการร่วมมือดีกว่า บาปเขาก็จะเพลาลงบ้าง... :b23: :b1:



อ้างคำพูด:
ในอีกไม่กี่นาทีที่จะเกิดขึ้นได้ว่า เราทั้งคู่จะต้องมีปากเสียงทะเลาะกันแน่ :b5:
ซึ่งนั่นคงเป็นกรรมไม่ดีที่ทำร่วมกันซึ่งหนักกว่า (หรือเปล่า)


การที่ต้องอยู่ร่วมกันกับคนมีนิสัยขี้โมโหก็เพราะกรรมเขาจัดสรรค์มา หาได้เกิดจากความฟลุคไม่ และเพราะในกฏธรรมชาติ สิ่งทั้งปวงย่อมไหลมาจากเหตุทั้งสิ้น ไม่ได้เกิดเองลอยๆ โดยปราศจากเหตุ..พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์...เพราะเราเคยเป็นคน"พันธุ์ขี้โมโห"มานั่นเอง จึงได้มาเป็นพวกพ้องบริวารของคนที่มีนิสัยนี้..

ส่วนการทะเลาะเบาะแว้งกัน ก็เป็น"กรรมใหม่" มี ผลเสียหายไม่มากเท่าการโกหกชาวบ้าน..เพราะ ๑. เป็นการเบียดเบียนคนคนเดียว (เบียดเบียนกันเอง) ๒. คนที่เบียดเบียนกันไม่มีศีลหรือคุณทางธรรมที่ทำให้ผลกรรมหนัก (เพราะยังยินดีในการโกหกอยู่)...จึงพึงเข้าใจให้ถูกตรงเสีย..

พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้อีกว่า ผู้ที่โกหกใครๆได้ ที่จะไม่ทำบาปกรรมอื่นๆนั้น "ไม่มี"...จึงน่าคิดว่า ยังมีอะไรอื่นอีกไหมที่เราจะทำไม่ได้หรือไม่ทำ หากถูกบังคับ... :b5: :b5:

หากเห็นว่ายังพอมีโอกาสอยู่ พึงเร่งจูงกันไปฟังธรรมกันบ้างเพื่อเป็นอุปนิสัยในภายหน้าต่อไป...ธรรมะของพระพุทธเจ้ามีคุณพิเศษอย่างหนึ่งที่ไม่ปรากฏในคำสอนอื่นๆ คือเป็นปัจจัยให้เกิดปัญญา และไม่ธารณะแก่สัตว์ผู้ไม่มีบุญ...

เมื่อได้ปัญญาแล้วก็จะไม่ลังเลที่จะประพฤติศีล เมื่อมีศีล ก็ย่อมไม่เบียดเบียนตนหรือใครๆให้ต้องเป็นเวรติดพันกันไปในโลกหน้าอันหาที่สุดมิได้อีก ความสงบสันติสุขย่ิอมตามรักษาเราทุกเมื่อ .. :b46: :b47: :b48:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 15:34
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ :b8: คุณสุทธจิตต์ คุณ -dd- มากๆ เลยนะคะที่มาช่วยทำให้ความคิดกระจ่าง
มากยิ่งขึ้น ลำบากใจมากเลยค่ะ เหตุการณ์แบบนี้เกิดบ่อย จนแทบจะเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิต
ประจำวันของเราทั้งคู่ไปซะแล้ว อยู่กับสามีมา 10 กว่าปี มีลูกที่น่ารักด้วยกัน... :b16:
แต่ก็มีเรื่องให้ปวดหัว หนักจิต ทุกปี อย่างเช่น ปีนี้เป็นเรื่องหนักหนาสาหัสของสามี (สามีเป็นผู้ก่อ)
ปีถัดมาเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสของดิฉัน (ดิฉันเป็นผู้ก่อ) สลับกันอยู่แบบนี้ มาเป็น 10 ปี
แต่ก็ทนอยู่กันมาได้ ทะเลาะกันถึงขั้นมีลงไม้ลงมือ ทำร้ายร่างกายก็มี (แต่ไม่บ่อยนะคะ)
ดิฉันก็หนีมาเรื่อย หมายถึงหนีกลับบ้านต่างจังหวัด ฝ่ายสามีสำนึกผิดก็มาง้อ ขอโทษ ขอคืนดี
ที่ทำร้ายร่างกายเรา และด้วยใจที่ยังตัดสามีไม่ขาด ไหนจะลูกอีกหล่ะ ก็ได้กลับมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอีก
แต่ก็ไม่พ้นที่จะต้องอยู่กันแบบมีเรื่องทะเลาะ เบาะแว้งอยู่ร่ำไป
หรือมีเหตุการณ์ให้ต้องทุกข์ใจกันอีกทั้ง 2 ฝ่าย ...เหนื่อยกับชีวิตคู่จริงๆ นะคะ...

แล้วมีเหตุการณ์ครั้งล่าสุด เมื่อปีที่แล้วที่ดิฉันเป็นคนก่อขึ้น :b2:
ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ยิ่งแย่ลงไปอีก จนมาถึงวันนี้ ก็ยังไม่สิ้นสุด
ไว้ถ้าดิฉันพร้อม จะมาเล่นและขอคำแนะนำนะคะ
(เพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ถ้าสามีมาเห็นกระทู้ จะมีความคิดยังไง)

ส่วนเรื่องการช่วยสามีโกหก เฮ้อ...ลำบากใจค่ะ อย่างที่เล่าในกระทู้ ถ้าไม่ช่วย สามีก็โวยวาย
โกรธ แล้วอาจจะทำให้เกิดการทะเลาะกัน ดิฉันไม่อยากสร้างกรรมใหม่ที่ไม่ดีร่วมกับสามีอีก
เพราะชีวิตที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้ ก็หนักพอสมควรแล้ว แต่ทั้ง 2 อย่างก็คือกรรมไม่ดีที่ทำร่วมกันสิ้น
ไม่ทำอย่างหนึ่ง ก็ต้องทำอย่างหนึ่ง ไม่รู้จะมีวิธีพอที่จะหลุดพ้นมั้ย


--------------
หากเห็นว่ายังพอมีโอกาสอยู่ พึงเร่งจูงกันไปฟังธรรมกันบ้างเพื่อเป็นอุปนิสัยในภายหน้าต่อไป...ธรรมะของพระพุทธเจ้ามีคุณพิเศษอย่างหนึ่งที่ไม่ปรากฏในคำสอนอื่นๆ คือเป็นปัจจัยให้เกิดปัญญา และไม่ธารณะแก่สัตว์ผู้ไม่มีบุญ...

--------------
มีเหตุการณ์ล่าสุด ที่ทะเลาะกัน (ร้ายแรงพอสมควร ดิฉันเป็นคนก่อ..) ดิฉันก็เลยพึ่งธรรมะ
เข้าเว็บไซด์ธรรมะ หาหนังธรรมะมาอ่าน ทำให้จิตใจของดิฉันเย็นลงได้เหมือนกัน เวลาสามีโกรธ
พูดจาหยาบคาบ ด่าทอดิฉัน ดิฉันก็รับฟัง แต่ไม่โต้ตอบกลับ ด่ากลับ เถียงกลับเหมือนเมื่อก่อน
ไม่รู้สึกโกรธสามีที่ด่าว่าเรา

ดิฉันชวนสามีไปนั่งสมาธิวิปัสนาที่วัด สามีบอกว่า.." วัดช่วยอะไรได้ เขาให้ดิฉันเคลียร์เรื่องความรุ้สึกกับเขา ไม่ใช้ให้ดิฉันไปเคลียร์ความรู้สึกที่วัด แล้วสภาพจิตใจของเขาไม่นิ่งแบบนี้ จะไปนั่งสมาธิได้ยังไง ชวนเขาไป ดิฉันก็ไม่ได้บุญหรอก จะได้บาปกลับมาซะอีก " ดิฉันเลยพูดอะไรไม่ออกเลยคะ

เหมือนได้มาระบายสิ่งที่อัดอั้นส่วนหนึ่ง ดิฉันขอบคุณกับทุกๆ คำตอบเลยนะคะ
ทำให้ดิฉันได้รู้สึกสบายใจขึ้น ขอบคุณมากๆ เลยคะ :b8:

.....................................................
เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว
ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น
ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง
แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตาม
กรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้
ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ส่วนเรื่องการช่วยสามีโกหก เฮ้อ...ลำบากใจค่ะ อย่างที่เล่าในกระทู้ ถ้าไม่ช่วย สามีก็โวยวาย
โกรธ แล้วอาจจะทำให้เกิดการทะเลาะกัน ดิฉันไม่อยากสร้างกรรมใหม่ที่ไม่ดีร่วมกับสามีอีก
เพราะชีวิตที่เป็นอยู่ปัจจุบันนี้ ก็หนักพอสมควรแล้ว แต่ทั้ง 2 อย่างก็คือกรรมไม่ดีที่ทำร่วมกันสิ้น
ไม่ทำอย่างหนึ่ง ก็ต้องทำอย่างหนึ่ง ไม่รู้จะมีวิธีพอที่จะหลุดพ้นมั้ย



พระพุทธเจ้า ไม่เคยสอนให้ใครยอมจำนนต่อวิบากกรรมเลย ทรงสอนให้ดิ้นรนขวนขวายเพื่อให้พ้นหลุดออกไป ...ไม่มีที่ใดในพระไตรปิฎกที่ทรงตรัสว่า "พวกเธอทั้งหลายจงก้มหน้ารับกรรมไปเถิด ไม่ต้องดิ้นรนหรอก เดี๋ยวก็พ้นกรรมไปเอง..."

การยุติวิบากกรรมย่อมทำได้ หากมีปัญญา ผู้ที่ขาดปัญญาย่อมหลงอยู่จึงไม่อาจพบทางออกได้ ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าตนเองหลงอยู่ เรื่องเช่นนี้ยากมากที่จะให้คนทั่วๆไปเข้าใจได้เพราะขัดกับสิ่งที่คุ้นเคยและขัดกับกิเลสของตนจนน่าขัดใจ.. :b5: :b5:


อ้างคำพูด:
มีเหตุการณ์ล่าสุด ที่ทะเลาะกัน (ร้ายแรงพอสมควร ดิฉันเป็นคนก่อ..) ดิฉันก็เลยพึ่งธรรมะ
เข้าเว็บไซด์ธรรมะ หาหนังธรรมะมาอ่าน ทำให้จิตใจของดิฉันเย็นลงได้เหมือนกัน เวลาสามีโกรธ
พูดจาหยาบคาบ ด่าทอดิฉัน [b]ดิฉันก็รับฟัง แต่ไม่โต้ตอบกลับ ด่ากลับ เถียงกลับเหมือนเมื่อก่อน
[color=#0040BF]ไม่รู้สึกโกรธสามี
ที่ด่าว่าเรา
[/color][/b]


:b4: :b35: :b35: :b35: :b4:
สาธุๆ อนุโมทนาในความมีบุญที่ชักนำคุณให้ได้พิสูจน์สัจจธรรมว่าพระธรรมนั้นมีรสชุ่มชื่นเย็นใจ เป็นเครื่องคุ้มครองไม่ให้ตกไปสู่โลกที่ชั่ว สามารถอยู่กับสิ่งชั่วร้ายได้โดยไม่เดือดร้อนหรือต้องเกลือกกลั้วด้วยการทำร้ายตอบ..เป็นไปเพื่อสันติโดยแท้จริง..


อ้างคำพูด:
ดิฉันชวนสามีไปนั่งสมาธิวิปัสนาที่วัด สามีบอกว่า.." วัดช่วยอะไรได้ เขาให้ดิฉันเคลียร์เรื่องความรุ้สึกกับเขา ไม่ใช้ให้ดิฉันไปเคลียร์ความรู้สึกที่วัด แล้วสภาพจิตใจของเขาไม่นิ่งแบบนี้ จะไปนั่งสมาธิได้ยังไง ชวนเขาไป ดิฉันก็ไม่ได้บุญหรอก จะได้บาปกลับมาซะอีก " ดิฉันเลยพูดอะไรไม่ออกเลยคะ


การฟังธรรม เป็นสิ่งจำเป็นอันดับแรก ไม่จำเป็นต้องไปวัดก็ได้ สมัยนี้ มีธรรมะให้อ่านทั้งทางอินเตอร์เน็ต การศึกษาธรรมะย่อมยังปัญญาให้เกิด เพื่อรู้ว่าสิ่งใดถูกหรือผิดอย่างไร อะไรควรทำหรือไม่ควร..ทำเเล้วจะมีผลอย่างไร .. สิ่งที่โลกสมมุติว่าดีหรือถูกต้องนั้น ไม่แน่ว่าจะถูกหรือดีจริงในความจริงขั้นปรมัตถ์.. เวลานี้ยังไม่ต้องชวนเขาไปเข้าสมาธิที่ไหนหรอก เอาแค่อ่านธรรมะบ้างก็พอ แต่เท่าที่ดูนิสัยตามที่เล่ามา..น่ากลัวว่าจะต้องทำใจ ( อย่าคาดหวังอะไรๆเกินไปจะได้ไม่ผิดหวัง. :b1: :b7: .)


อย่างไรเสีย ตัวคุณเอง อย่าละเลยการอ่านธรรมะก็แล้วกัน นี้จะเป็นอุปการะแก่ตนมหาศาล ทั้งในปัจจุบันและโลกหน้าครับ ส่วนเขาจะรับหรือไม่ก็ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาอะไรของใคร ถ้าเขาเคยทำเหตุเก่าไว้รองรับ ก็ย่อมได้ผล กระตุ้นให้ได้ต่อยอดบุญไป..ใครจะช่วยกันได้โดยแท้จริงนั้นไม่มี เกื้อกูลกันได้บ้างตามเหตุปัจจัยจริงๆ..

เมื่อมีโอกาสประพฤติศีล ก็อย่าละเลยครับ ศีลเป็นเครื่องป้องกันตนที่ดียิ่งกว่าเครื่องป้องกันใดๆในเวลานี้..ขอให้พ้นทุกข์ไวๆครับ...

อ้างคำพูด:
แล้วมีเหตุการณ์ครั้งล่าสุด เมื่อปีที่แล้วที่ดิฉันเป็นคนก่อขึ้น :b2:
ทำให้เหตุการณ์ต่างๆ ยิ่งแย่ลงไปอีก จนมาถึงวันนี้ ก็ยังไม่สิ้นสุด
ไว้ถ้าดิฉันพร้อม จะมาเล่นและขอคำแนะนำนะคะ
(เพราะไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ถ้าสามีมาเห็นกระทู้ จะมีความคิดยังไง)


เอ พี่แกรู้จักเข้าเว็บธรรมะด้วยหรือครับ .. :b10: :b14: :b23: :b1:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 22:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 15:34
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: คือเหตุการณ์ล่าสุด ที่บอกว่าทะเลาะกันรุนแรง
จนเลยเถิดมาถึงตอนนี้ ก้อยังไม่จบไม่สิ้น...เป็นเรื่องเกี่ยวกับ
คอมพิวเตอร์, อินเตอร์เนตนี่แหละคะ

ย้อนหลังไปประมาณ 2-3 เดือนที่แล้ว เขาจะเช็คตลอดว่าดิฉันเข้าเว็บไซด์อะไรบ้าง
ตั้ง History ไว้ :b5: เพราะดิฉันทำตัวให้เขาหมดความไว้ใจเอง.. :b2:
(ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันยังเข้ามาเช็คอีกมั้ย อาจจะนานๆ มาเช็คทีก็เป็นได้)
ไม่ต้องไปโทษคนอื่นหรือโทษตัวสามีเลย ที่เขาต้องทำแบบนี้...
เพราะดิฉันเป็นคนสร้างปัญหาเรื่องนี้เองทั้งหมด
และนี่คงเป็นผลกรรมที่ดิฉันกำลังได้รับ ไม่ต้องรอถึงภพไหนชาติไหนเลย

จริงๆ สามีก็เป็นคนทำบุญอยู่บ้าง แต่เขามีข้อเสียตรงที่ อารมณ์ร้อน (มาก) :b33:
เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอเกิดเหตุการณ์ล่าสุดที่ว่านี่ ทำให้เขาเป็นคนอารมณ์ร้อนขึ้นไปอีก
เมื่อก่อนถ้าทะเลาะกันก็จะไม่ถึงพูดคำหยาบคายมากเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้ดิฉันพูดอะไรออกไป
ถ้าไม่ถูกหู คือ ด่ามาด้วยคำหยาบคายซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยหลุดออกจากปากแบบนี้เลย
อย่างคำว่า E...เ_ (ไม่ขอพิมพ์นะคะ) ก็คิดในใจว่านี่แหละหนา ผลกรรมที่เราเคยไปทำไว้กับเขา
เราก็ต้องยอมรับกับสิ่งนี้ที่เกิดขึ้น ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่แค้น ให้อภัย
ยิ่งผูกพยาบาทอาฆาต ก็จะเป็นวัฎจักรแบบนี้ไปอีกไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ
ดิฉันถึงไม่อยากจะทะเลาะ หรือ ร่วมทำกรรมไม่ดีกับเขาอีก... :b1:

ทุกวันนี้ก็พยายามสวดมนต์แผ่เมตตา อ่านหนังสือธรรมะ แล้วธรรมะช่วยได้จริงๆ นะคะ
ช่วยขัดเกลาจิตใจคนเราได้จริงๆ ขอบคุณ.. คุณ -dd- มากเลยนะคะ
อ่านจากกระทู้ หลายๆ กระทู้ที่คุณ -dd- เข้าไปตอบทำให้เข้าใจความจริงของชีวิตมากขึ้นคะ :b8:

.....................................................
เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว
ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น
ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง
แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตาม
กรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้
ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 23:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ย้อนหลังไปประมาณ 2-3 เดือนที่แล้ว เขาจะเช็คตลอดว่าดิฉันเข้าเว็บไซด์อะไรบ้าง
ตั้ง History ไว้ :b5: เพราะดิฉันทำตัวให้เขาหมดความไว้ใจเอง.. :b2:
(ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันยังเข้ามาเช็คอีกมั้ย อาจจะนานๆ มาเช็คทีก็เป็นได้)
ไม่ต้องไปโทษคนอื่นหรือโทษตัวสามีเลย ที่เขาต้องทำแบบนี้...
เพราะดิฉันเป็นคนสร้างปัญหาเรื่องนี้เองทั้งหมด
และนี่คงเป็นผลกรรมที่ดิฉันกำลังได้รับ ไม่ต้องรอถึงภพไหนชาติไหนเลย


แหม อยากให้สามีตามมาอ่านจริง เผื่อจะรู้บ้างว่าเขากำลังก่อบาปทำเข็ญแก่ภรรยาอย่างน่าสงสาร( สงสารเขาน่ะครับ! :b2: ) เพราะคงไม่เคยรู้ว่าตนเอง"มีบุญ" ที่มีภรรยาที่มีธรรมะในใจ หาได้ยากแล้วในยุคนี้ ภรรยาแบบนี้ขอเรียกว่า "rare species" ครับ..ผมไม่เห็นว่าการเข้าอินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ต้องหวงห้ามเลย ดูเหมือนไม่มีความไว้วางใจกันนะครับ.. :b10: :b10:

เอาละ ถ้าเช่นนั้น ก็ระมัดระวังตัวด้วยนะครับ ขอให้บุญกุศลทั้งหลายที่คุณ Truelife ทำไว้ดีแล้วปกปักรักษา คุณให้พ้นภัยของสังสารวัฏในครั้งนี้ครับ.. :b46: :b47: :b48:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 23:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


viewtopic.php?f=10&t=31642


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 14:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 15:34
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


-dd- เขียน:
อ้างคำพูด:
ครับ..ผมไม่เห็นว่าการเข้าอินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ต้องหวงห้ามเลย ดูเหมือนไม่มีความไว้วางใจกันนะครับ.. :b10: :b10:


ค่ะ..นี่แหละจุดเริ่มของปัญหาที่เป็นมาจนถึงทุกวันนี้ ไหนๆ ก็เกริ่นเรื่องมาแล้ว
ดิฉันขออนุญาตเล่าเหตุการณ์ เพื่อเป็นกรณีศึกษาสำหรับท่านผู้ที่ผ่านเข้าอ่านมากระทู้นี้ด้วยนะคะ

ดิฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงเลิศเลอเฟอเฟ็กอะไร เป็นปุถุชนธรรมดาทั่วไปที่มีกิเลสในตนเอง
รัก โลภ โกรธ หลง ไม่ค่อยได้พึงรักษาศีล 5 เป็นกิจวัตรเท่าไหร่นัก
ดิฉันกับสามีอยู่ด้วยกันมา 12 ปีกว่า มีลูกสาวที่น่ารัก 3 คน :b16:
(สามีเป็นแฟนคนแรกที่คบแบบจริงจัง หลังจากจบโรงเรียนหญิงล้วนมา)
ดิฉันไม่คิดเคยนอกใจสามีเลย และสามีก็ไม่คิดนอกใจดิฉันเช่นเดียวกัน
แต่ดิฉันก็พอรู้กิตติศัพท์สมัยวัยรุ่นของสามีมาบ้าง จากปากของเขาเอง เขาเคยเล่าให้ฟังว่า
เขาเคยคบผู้หญิงมากี่คน ผู้หญิงประเภทไหนบ้าง เที่ยวผับ กินเหล้า สังสรรค์เฮฮากับเพื่อนฝูง
มีเรื่องชกต่อย ถึงไหนถึงกัน คือใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นให้คุ้มอ่ะคะ (เขาเล่าแค่คราวๆ ไม่ละเอียด)
สามีดิฉันบอกว่า เขาตั้งใจให้ดิฉันเป็นคนสุดท้ายในชีวิตของเขาจริงๆ เขาผ่านผู้หญิงมาเยอะ
คบกับผู้หญิงมาเยอะ ควรจะหยุดและพอได้แล้ว เขาบอกว่า..เขาไม่ชอบผิดลูกผิดเมียชาวบ้าน
หรือคนที่ชอบแย่งเมียหรือแฟนคนอื่น เขาก็ไม่ชอบ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นข้อดีของเขา
ทำให้ดิฉันไว้ใจ เราต่างก็ไว้ใจซึ่งกันและกันคะ....
แต่ความไว้ใจในตัวสามี ที่มีให้ดิฉันนั้นมันได้เริ่มหมดลงแล้ว เพราะดิฉัน น อ ก ใ จ ส า มี :b14:

เหตุการณ์เริ่มเกิดขึ้น 6 ปีให้หลังมาเรื่อยๆ เป็นวัฏจักรจนถึงปัจจุบัน
ปี 2548-2549
สามีเป็นคนมีเพื่อนเยอะ กินเหล้าทุกวัน กลับบ้าน ตี3-4 เล่นพนันบอล
ดิฉันไปรับเขากลับบ้านก็จะถูกตะคอกใส่บ้างบางครั้ง..เป็นแบบนี้ทุกวันๆ หลายปี
ดิฉันเริ่มเล่นอินเตอร์เนต msn เกมออนไลน์ เพื่อคลายเครียด จนรู้จักกับเพื่อนชายในโลกออนไลน์
ซึ่งเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เข้ามาในช่วงเวลาที่ดิฉันรู้สึกเครียด มีการแลกเบอร์โทรคุยกัน นัดพบกัน
แต่ไม่เคยมีอะไรเกินเลยถึงขั้นลึกซึ้ง สามีดิฉันจับได้ ก็เลยทะเลาะกันและเขาคงเครียดเรื่อง
พนันบอลด้วยละมั้ง เพราะช่วงนั้นก็มีหนี้สินอยู่ไม่น้อย เราเถียงกันรุนแรง บวกกับสามีเมาด้วย
สามีทำร้ายร่างกายดิฉัน ค่อนข้างหนัก ดิฉันไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่รุนแรงกับตัวเองขนาดนี้เลย
เขาขาดสติมากๆ พ่อแม่เขาต้องมาช่วยแยกการทะเลาะของเรา 2 คนออก ดิฉันตัดสินใจเก็บเสื้อผ้า
หนีกลับมาบ้านต่างจังหวัด ดิฉันบอกเขาว่าเราแยกกันอยู่ซักพักนะ เขาบอกว่าจะเลิกกับเขาใช่ไหม
ด้วยน้ำเสียงสั่นเคลีย และน้ำตาคลอ ดิฉันไม่ตอบอะไร และดิฉันก็ไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์เขาเลย
ตอนนั้นรู้สึกว่า เกลียด โกรธ และแค้น ที่สามีทำกับเราแบบนี้ สามีขาดงานมาตามง้อดิฉันทุกเสาร์-อาทิตย์อยู่หลายครั้ง สภาพเขาโทรมมาก ขอบตาดำ ผอมลงอย่างเห็นได้ชัด เขาบอกว่า
เขาขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาจะหยุดเล่นพนันบอล และจะไม่มีการทำร้ายร่างกายดิฉันอีก
เขาให้สัญญา ดิฉันจึงยกโทษให้เขา และเราก็มาใช่ชีวิตคู่ร่วมกันอีกที่บ้านดิฉันเอง (ต่างจังหวัด)
ส่วนเรื่องหนี้สินพนันบอล พ่อแม่เขาก็ต้องรับภาระจัดการเรื่องให้ ผ่อนชำระหนี้สินทั้งหลาย เฮ้อ...

ปี 2550-2552
พอเริ่มต้นอยู่ด้วยกันใหม่ ดิฉันหยุดเล่นสื่อทางอินเตอร์เนตพวก Hi5 msn ฯลฯ
กำลังตั้งครรภ์น้องคนที่ 3 เขาก็หางานใหม่ทำ ได้เจอเพื่อนใหม่ สังคมใหม่
และเหตุการณ์ก็วนกลับไปที่ยังจุดเดิมอีก ดิฉันรู้ว่าเขากลับไปเล่นพนันบอลอีก
แต่ดิฉันไม่ขอยุ่ง ไม่สนใจ เพราะถือว่าเขารับปากดิฉันไว้แล้ว
ก็คิดว่าอย่าให้ต้องเดือดร้อนเงินทองคนอื่นเหมือนคราวก่อนแล้วกัน แล้วก็เป็นแบบเดิมจริงๆ ค่ะ
สามีหมุนเงินไม่ทัน งานก็ไม่ไปทำ เหมือนพยายามหลบหน้า คนที่ทำงานก็มาตามที่บ้าน
สามีก็ให้ดิฉันและแม่ยายไปบอกว่า เขาไม่อยู่ ไม่รู้ไปไหน ไม่ได้กลับมาบ้านเลย ทั้งที่จริงๆแล้ว
เขาก็นอนอยู่ในห้องนั่นแหละ ก็เริ่มคบเพื่อนมีสิ่งเสพติดมาเกี่ยวข้องเพื่อหมุนเงิน ดิฉันไม่ทราบว่าเขายุ่งกับเรื่องพวกนี้ด้วย มาทราบตอนที่เพื่อนเขาโดนตำรวจจับ และสามีดิฉันอยุ่ที่บ้านเพื่อนด้วย ก็เลยโดนจับตัวมาเพื่อสอบสวนขยายผลทางคดี สามีก็เลยตัดสินใจออกจากงาน ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่าง
ซึ่งเขาเป็นคนกระทำเองทั้งนั้น แต่เรื่องนี้ก็เคลียร์ได้ด้วยดีคะ

มาต้นปี 52 คิดว่าจะจบแล้วเรื่องพนันบอล แต่เปล่าเลย ผีพนันนี่ชอบเข้าสิงคนจริงๆ เลยนะคะ
เป็นเรื่องอีกเหมือนเดิมคะ เสียบอล หมุนเงินไม่ทัน คราวนี้สามีหลบหน้าหลบตาไม่ออกไปไหนเลย
อยู่แต่ในบ้าน ให้ดิฉันรับหน้าแทน ก็โกหกค่ะ ต้องโกหกคนนุ้น คนนี่ ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าสามีก็อยู่
ในบ้าน ดิฉันเครียดมากๆ ถึงมากที่สุด กินเหล้าด้วย (ไม่ดีเลยคะ สุรา เหล้า แอลกอฮอล์ไม่เคยช่วยทำให้คนดีขึ้นเลย) ร้องไห้ระบายกับเพื่อนทุกวัน และกลับมาเล่นอินเตอร์เนตอีกครั้ง หลังจากหยุดเล่นไปตั้งแต่ปี 50 แล้วก็คุยกับคนนู้น คนนี่ เหมือนอย่างเก่า เป็นวัฎจักรจริงๆ เลยนะคะ เฮ้อ...
คราวนี้ สามีก็น้อยใจ ว่าเราไปมีกิ๊ก คุยกับผู้ชาย ดิฉันก็พูดกับสามีว่า แล้วที่ดิฉันต้องกลับมาเล่นอินเตอร์เนตเพราะใคร ต้องหาคุยกับคนนู้น คนนี้ เพราะใคร ดิฉันหยุดเล่นมาได้ตั้ง 2 ปี ตอนนั้นดิฉันก็โทษเขา
อย่างเดียวเลย แต่ลืมนึกถึงหน้าที่ของภรรยา แทนที่ดิฉันจะช่วยแก้ปัญหา กลับยิ่งไปสร้างปัญหาเพิ่มอีก
แล้วสามีก็พาดิฉันกลับมาอยู่บ้านของสามี ด้วยเหตุผลให้ไปทำงานที่นู้น..

เดี๋ยวกลับมาเล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ ที่ทำให้ดิฉัน และสามีทุกข์ใจมาจนถึงทุกวันนี้นะคะ

.....................................................
เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว
ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น
ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง
แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตาม
กรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้
ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 16:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 15:34
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เล่าเหตุการณ์ต่อนะคะ

เมื่อกลับมาอยู่บ้านสามี กลางปี 52 ตอนนี้สามีหยุดกินเหล้า และคิดว่าน่าจะหยุดเล่นพนันบอลแล้ว
แต่ความรู้สึกของดิฉัน เอือมระอากลับพฤติกรรมที่เขาเคยทำไว้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนดิฉันไม่ค่อยอยาก
จะสนใจในตัวสามีเท่าไหร่ การที่สามีให้กลับมาอยู่ที่บ้านด้วย ดิฉันก็ไม่ค่อยเต็มใจอยากจะมา
ดิฉันก็ยังคงเล่นอินเตอร์พวก hi5 และเกมออนไลน์อยู่ สามีก็ตามใจค่ะ ไม่ว่าอะไร

ดิฉันได้มาเจอผู้ชายคนนึงทาง hi5 (ปลายปี 52) อายุไล่เรี่ยกับสามี หน้าที่การงานดี (ราชการ)
ดิฉันคุยกับผู้ชายคนนั้นอยู่สักพัก (คอมเม้นท์-ส่งข้อความคุยกัน)
การที่ดิฉันได้คุยกับผุ้ชายคนนั้นทุกวัน เลยเหมือนทำให้เราคุยสนิทกันมากขึ้น
ดูผู้ชายคนนั้นก็มีทีท่าว่าเหมือนจะจีบดิฉันนะคะ ดิฉันเคยบอกผู้ชายคนนั้นไปว่าดิฉันมีแฟนแล้ว
และอยู่ด้วยกัน (แฟนนะคะไม่ใช่สามีและไม่ได้มีลูก...โกหกอีก ดิฉันนี่ แย่มากๆ เลยนะคะ
ตอนนี้สำนึกผิดจริงๆ คะ) ผู้ชายคนนั้นส่งเพลงมาให้ดิฉัน ดิฉันยังเปิดให้สามีดูเลย
ก็บอกสามีว่าไม่มีอะไรหรอก แค่คุยธรรมดา ไม่ได้คิดอะไร (ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นจริงๆ)
...ไม่ไว้ใจกันแล้วเหรอ...สามีก็ไม่ว่าอะไร แต่คงคอยดูอยู่ห่างๆ ดิฉันคุยกับผุ้ชายคนนี้ทุกวันๆ จนมี
ความรู้สึกดีๆ ให้กัน เลยแลกเบอร์โทรศัพท์และคุยกัน ผุ้ชายคนนั้นก็ยังคงส่งเพลงให้เรื่อยๆ ทาง youtube แฟนดิฉันเริ่มเข้ามาเช็คคอมแล้วหล่ะคะ เช็ค hi5 - mail - บันทึกการโทรเข้า-ออกของโทรศัพท์ :b5: ดิฉันกับผู้ชายคนนั้นจึงไปเล่น Fackbook แทน ซึ่งมีแชทด้วย สามีก็ตามไป Fackbook เช่นกัน ดิฉันเลยสร้าง id Fackbook ใหม่อีก 2 id เพื่อไว้ติดต่อกับผู้ชายคนนั้น
สามีเขาเช็คความเคลื่อนไหวในคอมพิวเตอร์ตลอดคะ จนในที่สุดสามีทนไม่ไหวแล้ว ขอเบอร์ผุ้ชายคนนั้นแล้วโทรไปเคลียร์ว่า ให้หยุดการมีความสัมพันธ์ การติดต่อกันแบบนี้ ดิฉันกับผู้ชายคนนั้นก็รับปาก
แฟนก็ยกโทษให้และให้โอกาสดิฉัน...ให้ดิฉันได้สารภาพ ให้เล่าเรื่องทั้งหมด ดิฉันก็เล่าแต่เล่าไม่หมดหรอกคะ ดิฉันรู้นิสัยสามี เขาใจร้อน ถ้าเล่าหมดเขาคงเดือดแน่ๆ

ดิฉันรับปากสามีว่าจะหยุดติดต่อกับผู้ชายคนนี้ แต่การกระทำของดิฉันไม่ได้ทำเหมือนที่รับปากไว้คะ
ดิฉันก็ยังมีโพสต์เพลง ใน id fackbook 2 ตัว ที่สามีไม่รู้ ส่วนเรื่องคุยโทรศัพท์ดิฉันไม่ได้โทรคุยแล้ว
สรุปดิฉันก็ยังแอบนอกใจสามีอยู่ แต่ดิฉันไม่เคยนัดเจอกับผุ้ชายคนนั้นเลยนะคะ ตอนนั้นยอมรับคะว่า
ใจมีเอนเอียงให้อีกฝ่ายไปแล้ว แต่อีกใจก็ยังมีสามีอยู่ลึกๆ ซึ่งก็น้อยเหลือเกิน จนในที่สุดสามีเช็คได้ว่า
ดิฉันยังแอบมีใจและติดต่อกับผู้ชายคนนี้อยู่ โดยใช้ id 2 ตัวที่ว่า วันนั้นสามีมาถามดิฉันว่า
มีอะไรจะพูดอีกมั้ย มีอะไรที่ยังบอกไม่หมดแล้วอยากจะบอกมั้ย คือ เขาให้โอกาสดิฉันในการสารภาพมาเอง แต่ดิฉันก็ยังปิดอยู่ และไม่คิดว่าเขาจะพบไอดี 2 ตัวนั้นแล้ว เขาเลยเอาหลักฐานซึ่งมันโชว์
ในคอมพิวเตอร์ มาให้ดิฉันดู คอมพิวเตอร์มันบันทึกไว้หมด สามีเขานั่งหาโปรแกรม โหลดโปรแกรม
ทั้งวันทั้งคืน ไม่หลับไม่นอน เพื่อจะได้หลักฐานที่ชัดๆ มายืนยันกับดิฉัน พอดิฉันบอกว่าไม่มีแล้ว
เท่านั้นแหละ ดิฉันก็โดนเลยค่ะ :b2: เขาทำร้ายร่างกายดิฉันหนักกว่าคราวที่แล้ว
ดิฉันไม่สู้ ไม่หนีเลย นั่งนิ่งให้เขาทำอย่างเดียว ยอมรับว่าเราผิดจริง หน้าตาสามีตอนนั้น หน้ากลัวมาก หน้าตาเขาโกรธและแค้นดิฉันมาก ดิฉันคิดว่าดิฉันคงต้องตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ เลย ตอนนั้นทรมานมากค่ะ
ทั้งร่างกาย และสภาพจิตใจ เขาบอกว่าเขาเสียใจที่เขาทำร้ายร่างกายดิฉัน เขาไม่อยากทำเลย
แต่เขาจะไม่ขอโทษดิฉันหรอก แล้วเขาก็เงียบไป

มีครั้งหนึ่งเดินทางไปต่างจังหวัดด้วยกัน เมื่อเดือนที่แล้ว แม่สามีไปด้วย และยายทวดของสามีไปด้วย สามีให้ดิฉันโทรไปเคลียร์กับผู้ชายคนนั้น ซึ่งดิฉันไม่ได้ติดต่อกับผุ้ชายคนนั้นก็เกือบเดือนแล้ว พอโทรไปสามีก็บอกว่า ดิฉันยังมีใจให้ผุ้ชายคนนั้นอยู่ (ในใจดิฉันบอกตรงๆ เลยว่าไม่อยากคบกับใครแล้ว ดิฉันไม่ได้ติดต่อผู้ชายคนนั้นมาเป็นเดือนแล้ว ใจดิฉันลืมผู้ชายคนนั้นไปจนเกือบจะหมด ถ้าสามีไม่ค่อยพูดถึงทุกวันๆ ถามว่าทำไมๆๆๆ) เขาก็โมโห ทำร้ายร่างกายดิฉันข้างถนน ต่อหน้าแม่เขา และยายของเขาเองซึ่งนั่งรออยู่ในรถ ผู้ใหญ่ทั้งสองต้องมาห้ามและขอร้องเขาว่าให้หยุด
เขาถามว่าดิฉันว่าจะหย่าไหม เดี๋ยวหย่าให้ แต่ดิฉันจะไม่ได้เจอหน้าลูกทั้ง 3 คนอีกตลอดชีวิต
ดิฉันบอกว่า..หย่า.. เรื่องลูกให้เป็นเรื่องของกฎหมายไปให้ศาลตัดสิน
ยังไงแม่ลูกกันก็ตัดกันไม่ขาดหรอก แต่สรุปเขาก็ไม่หย่าให้

ทุกวันนี้ดิฉันก็ยังอยู่กับสามี แต่อยู่กันแบบ เหมือนต่างคนต่างอยู่ ไม่ค่อยคุยกัน
หน้าตาสามีนิ่งเฉย บางครั้งยังมีพุดเหน็บอยู่บ้าง ใจสามีก็ยังคงคิดแต่เรื่องที่ดิฉันทำกับสามีไว้
เรื่องที่ดิฉันนอกใจ จนเหมือนเป็นตราบาปติดตัวดิฉันมาทุกวันนี้ ต่างคนก็ต่างทุกข์
ปากสามี ก็บอกว่ายกโทษให้ แต่ภายในจิตใจเล่า จิตใจเขายังกระวนกระวานอยู่ทุกวัน
มิได้ให้อภัยจากใจที่มาจากการปล่อยวางจริงๆ

ดิฉันก็พยายามพึ่งธรรมะ เพื่อให้จิตใจสงบ สวดมนต์ แผ่เมตตา อ่านหนังสือธรรมะ
ไม่นึกเกลียดหรือโกรธสามีที่เขาทำร้ายร่างกายเรา แต่ก็ยังอดเป็นทุกข์ในใจไม่ได้
ภาวนาให้สามีใจเย็นลงบ้าง ลดฐิทิ ลดโมโห ลดไฟอันร้อนลุ่มในจิตใจลง :b8:

ต้องขอโทษด้วยนะคะที่บรยยายมายาวมากๆๆ กรณีดิฉันอาจเป็นอุทธาหรณ์เรื่อง
การใช้อินเตอร์เนต ดิฉันไม่ได้โทษอินเตอร์เนตนะคะที่ทำให้ดิฉันเป็นแบบนี้
ดิฉันโทษตัวเองที่ไม่รู้จักการใช้อินเตอร์เนตในทางที่เป็นประโยชน์
ทั้งๆ ที่สิ่งดีๆ มีในโลกของอินเตอร์เนตเยอะแยะ อย่างที่แห่งนี้ ลานธรรมจักร :b48: :b1:
การกระทำจะดี หรือ ชั่ว อยู่ที่จิตของเราสั่งให้ทำคะ หมั่นศึกษาธรรม สวดมนต์ รักษาศีลกันนะคะ

.....................................................
เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว
ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น
ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง
แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตาม
กรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้
ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต


แก้ไขล่าสุดโดย TrueLife เมื่อ 13 พ.ค. 2010, 16:36, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


TrueLife:

อ้างคำพูด:
ค่ะ..นี่แหละจุดเริ่มของปัญหาที่เป็นมาจนถึงทุกวันนี้ ไหนๆ ก็เกริ่นเรื่องมาแล้ว
ดิฉันขออนุญาตเล่าเหตุการณ์ เพื่อเป็นกรณีศึกษาสำหรับท่านผู้ที่ผ่านเข้าอ่านมากระทู้นี้ด้วยนะคะ


ก่อนอื่นขออนุโมทนาในเจตนาที่ตั้งไว้ด้วยครับ...
:b35: :b35: :b35: :b48:

อ้างคำพูด:
ดิฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงเลิศเลอเฟอเฟ็กอะไร เป็นปุถุชนธรรมดาทั่วไปที่มีกิเลสในตนเอง
รัก โลภ โกรธ หลง ไม่ค่อยได้พึงรักษาศีล 5 เป็นกิจวัตรเท่าไหร่นัก


คนทุกคนย่อมมีสิ่งดีในตนเองไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งครับ ตราบเท่าที่ยังเป็นปุถุชนอยู่ ย่อมมีกิเลส ครอบงำอยู่กันทุกคน จะมากหรือน้อยก็ตาม...ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราทั้งหลายจะเป็นผู้ทำความผิดพลาดกันได้ในหลายกรณี..

อ้างคำพูด:
ทำให้ดิฉันไว้ใจ เราต่างก็ไว้ใจซึ่งกันและกันคะ....
แต่ความไว้ใจในตัวสามี ที่มีให้ดิฉันนั้นมันได้เริ่มหมดลงแล้ว เพราะดิฉัน น อ ก ใ จ ส า มี :b14:

เหตุการณ์เริ่มเกิดขึ้น 6 ปีให้หลังมาเรื่อยๆ เป็นวัฏจักรจนถึงปัจจุบัน
ปี 2548-2549
สามีเป็นคนมีเพื่อนเยอะ กินเหล้าทุกวัน กลับบ้าน ตี3-4 เล่นพนันบอล
ดิฉันไปรับเขากลับบ้านก็จะถูกตะคอกใส่บ้างบางครั้ง..เป็นแบบนี้ทุกวันๆ หลายปี
ดิฉันเริ่มเล่นอินเตอร์เนต msn เกมออนไลน์ เพื่อคลายเครียด จนรู้จักกับเพื่อนชายในโลกออนไลน์
ซึ่งเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เข้ามาในช่วงเวลาที่ดิฉันรู้สึกเครียด มีการแลกเบอร์โทรคุยกัน นัดพบกัน
แต่ไม่เคยมีอะไรเกินเลยถึงขั้นลึกซึ้ง


เข้าใจว่าคุณไม่ได้เสพกามกับชายคนใหม่ หากเป็นเช่นนี้ ก็ยังไม่เป็นการล่วงศีลข้อ๓ครับ..

เพราะวิบากจากบาปเก่านั้น ทำให้คุณต้องมาพบคู่ที่มีพฤติกรรมที่สร้างปัญหาให้ ทั้งด้านอารมณ์ร้อน การเบียดเบียนด้วยการทำร้ายร่างกาย การด่าด้วยถ้อยคำหยาบ เหล่านี้มาจากการที่คุณเคยเบียดเบียนคนอื่นด้วยลักษณะคล้ายๆกันมาแล้ว ส่วนความวิบัติในทรัพย์สินเพราะสามีติดการพนัน มีเหตุจากการที่คุณเคยล่วงศีลข้อ๒ มาก่อน อันมีผลให้ต้องเสียทรัพย์เช่นนี้..


จากที่คุณเล่ามา ข้อที่สามีจะสามารถเลิกการพนันได้นั้นคงยากแล้ว....การที่ใครจะ"ติด"สิ่งใดได้ก็เพราะได้สั่งสมอุปนิสัยในสิ่งนั้นมา ไม่เฉพาะในชาตินี้เท่านั้น แต่ทำมาหลายภพชาติแล้ว..นี้รวมไปถึงความเป็นผู้มีอัํธยาศัยใจร้อนและชอบทำร้ายร่างกายคนอื่น...พอได้เหตุปัจจัยใหม่ในปัจจุบันก็สามารถทำได้อีกโดยอัตโนมัติ

ดังนั้น แม้เขารับปากว่าจะเลิก แต่พฤติกรรมกลับไม่เปลี่ยน..จึงเป็นสิ่งที่ปกติในคนเช่นนี้.เพราะถ้าเลิกได้คงไม่ก่อหนี้จนต้องพากันโกหกเจ้าหนี้กันในขณะนี้แน่ !!

นี่เป็นภัยอันตรายอย่างใหญ่หลวงแก่ครอบครัว เพราะเจ้าหนี้อาจคิดแค้นและอาจหาทางเอาคืน ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกธรรม ดังที่เห็นในข่าวเรื่องฆ่ากันตายด้วยหนี้พนันมามากแล้ว... คนที่ติดพนันย่อมยังทรัพย์ให้พินาศยิ่งกว่าโดนไฟไหม้ เพราะเมื่อไฟดับ เจ้าของอาจหาทรัพย์ใหม่มาสร้างใหม่ได้ แต่คนติดพนันจะทำลายล้างทรัพย์ให้พินาศได้ไม่หยุดเลย ..ทั้งทรัพย์เก่าก็สูญหาย ทรัพย์ใหม่ก็ไม่เหลือ ทั้งยังอาจยกลูกเมียไปใช้หนี้ได้อีก นับว่าวิบัติไปโดยรอบทั้งทรัพย์และคน โดยประการฉะนี้..

ดังนั้น จึงควรพิจารณาถึงชีวิตของตนว่า หากอยู่ในสภาพนี้จะมีทางออกทางใดหรือไม่...นี่เป็นกรณีตัวอย่างที่ดีที่ชี้ให้เห็นว่า กรรมชั่วทั้งหลายไม่ควรทำ...เพราะย่อมนำทุกข์เดือดร้อนมาใ้ห้ตนในที่สุด เมื่อตนต้องตกอยู่กับทุกข์เพราะผลกรรมที่ไม่ดี ก็ย่อมดิ้นรนขวนขวายหาทางแก้ทุกข์ด้วย
การทำบาปใหม่ต่อเนื่องไปเพื่อที่จะไปเสวยทุกข์อีกเช่นนี้ไปเรื่อย แล้วจะได้ความสุขที่ใหนกันเล่า... :b10: :b10:

อ้างคำพูด:
ดิฉันก็พยายามพึ่งธรรมะ เพื่อให้จิตใจสงบ สวดมนต์ แผ่เมตตา อ่านหนังสือธรรมะ
ไม่นึกเกลียดหรือโกรธสามีที่เขาทำร้ายร่างกายเรา แต่ก็ยังอดเป็นทุกข์ในใจไม่ได้
ภาวนาให้สามีใจเย็นลงบ้าง ลดฐิทิ ลดโมโห ลดไฟอันร้อนลุ่มในจิตใจลง :b8:


อนุโมทนายิ่งครับที่เลือกการเข้าหาธรรมะเพื่อการแก้ทุกข์ ขอให้ศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง เพราะนี่ จะเป็นอุปการะแก่ตนเองอย่างยิ่ง ทั้งในภพนี้และอีกมากภพหน้า ไม่มีสิ่งใดดีกว่าพระธรรม อีกแล้ว เพราะเป็นเครื่องรักษาตนให้พ้นภัยคือความมืดบอดที่เป็นที่มาของทุกข์ทั้งมวล..ขอแนะนำให้พยายามประพฤติศีลทุกข้อให้ได้ ถึงจะตกหล่นไปก็ตั้งเจตนาใหม่ทุกครั้ง ทำให้บ่อยให้ชิน..ศีลจะรักษาตนให้พ้นภัยและพ้นอบายภูมิ เป็นการสั่งสมอุปนิสัยให้เป็นผู้มีศีลต่อเนื่องสืบไป เป็นบาทฐานแก่การเจริญภาวนาครับ

ส่วนการติดต่อกับชายอื่น ควรระมัดระวังให้มาก ตราบเท่าที่ยังมีสามีอยู่ การใกล้ชิดหรือทำโอกาสให้มีเพื่อการอยู่ใกล้กัน พึงเลี่ยงเสีย เพราะกิเลสตัณหาย่อมไม่หยุดอยู่เพียงเพื่อพูดคุย เท่านั้น แต่จะลากจูงให้ประพฤตผิดกาเมฯ อันเป็นบาปหนักหน่วงยิ่งขึ้นไปอีก.

อ้างคำพูด:
ต้องขอโทษด้วยนะคะที่บรยยายมายาวมากๆๆ กรณีดิฉันอาจเป็นอุทธาหรณ์เรื่อง
การใช้อินเตอร์เนต ดิฉันไม่ได้โทษอินเตอร์เนตนะคะที่ทำให้ดิฉันเป็นแบบนี้
ดิฉันโทษตัวเองที่ไม่รู้จักการใช้อินเตอร์เนตในทางที่เป็นประโยชน์

ทั้งๆ ที่สิ่งดีๆ มีในโลกของอินเตอร์เนตเยอะแยะ อย่างที่แห่งนี้ ลานธรรมจักร :b48: :b1:
การกระทำจะดี หรือ ชั่ว อยู่ที่จิตของเราสั่งให้ทำคะ หมั่นศึกษาธรรม สวดมนต์ รักษาศีลกันนะคะ


สรุปไว้ดีแล้วครับ อนุโมทนาครับ

คนที่รู้ว่าตนทำผิดไปแล้ว สำนึกได้ และคิดแก้ไข นี้ย่อมเป็นวิสัยของบัณฑิต แม้พระพุทธเจ้ายังทรงสรรเสริญ...ไม่มีใครไม่เคยทำผิด และไม่เคยมีคำว่าสายเกินไปสำหรับการแก้ไขในสิ่งผิด..

ขอให้เจริญในธรรมครับ

:b46: :b47: :b48:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 15:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่างเป็นชีวิตรักที่รันทด..อดๆ..อยากๆ..จริงๆ ครับ :b6: มันทนทุกข์มานานจริงๆ นี่แหละ ที่เขาพูดว่ามีรักที่ไหนที่นั่นมีทุกข์ คิดหรือว่า..ทุศีล แม้เล็กๆน้อย แล้วต่อไปจะไม่ทุศีลอีก สามีก็อบายมุขพร้อม และประเภท มีกิเลส โทสะแรง..อันบาปที่เกิด จาก มุสานี้ ก็เห็นๆแล้ว ว่าคุณๆ ก้ได้รับผลของมัน ต่างคนก็ต่างโกหก และไม่ไว้ใจกัน และ จากการที่ช่วยกันโกหกนี้ ผลก็คือต้องมาโกหก กันเอง และก็ไม่รู้ว่าใครจะมาโกหกเราอีก..เฮ้อ..น่าเห็นใจ แล้วคุณก็เริ่มคิดมีใจออกห่างสามี เพราะเขามั่วอบายมุขทุกรูปแบบ..ไม่มีเวลาให้..ถือว่าทำกรรมขึ้นมาใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า..คอม.หรือ อินเตอรเนทนี้ เป็นดาบสองคม..มีทั้งคุณอนันต์ และโทษมหันต์ สองด้าน ระวังให้ดี..แม้คุณเพียงมีใจกับคนอื่นแถมยังกล้าให้เบอร์โทร มันก็เป็นบาป ศีลข้อ สาม แล้ว(แค่คิดก็บาปแล้ว)และผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า..แต่ก็ยอมเจ็บตัว..แล้วนี่ถ้าเขารู้ว่ามาเข้าเว็บธรรมจักรแห่งนี้ จะไม่โดนยำอีกเหรอ.. :b5: นี่แหละการสื่อสารเป็นเหตุ.. :b14:
ล่อแหลม..ครับ หยุดเถอะทั้งสองฝ่าย..หันหน้าเข้าหากัน จูงมือกันไปทำบุญ ตักบาตรซะบ้าง รักษาศีล
เพื่อลูกครับ..มองดูที่ลูกบ้าง..เขาอบอุ่นแค่ไหน?? เพียงรักษาศีลมันก็เป็นบุญ กุศลมากๆๆๆๆ ฉะนั้นขอให้คิด พิจารณา ด้วยสติ ปัญญาให้ดี..อันนี้สำคัญมาก..ห้องพระที่บ้าน เราสามารถปฏิบัติธรรมได้ไม่ต้องไปถึงวัด..จะได้ไม่สร้างเวร กรรม ต่อออกไป..หยุดและยอมรับผลกรรมเก่าแต่โดยดี..ปล่อยวางลงเรื่องกิเลสความคิดไม่ดีกับผู้ชายทางสื่อ ขอเป็นเพียงบทเรียน ควรหาคุณค่าของเนทโดยดู รายการธรรมบรรยาย วีธีปฏิบัติธรรม ศึกษาพระธรรม หรือเสวนาธรรม ..เวบแห่งนี้มีผู้คิดตรง ปฏิบัติตรง อยู่มากมายเป็นเพื่อนที่จะคอยแนะนำคุณ ดีกว่าจะใช้เวลา แชท กับ ชาย เพื่อ ประชด ชีวิต
ขอจงเจริญในธรรม :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ศรีสมบัติ เมื่อ 14 พ.ค. 2010, 15:09, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 15:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 13:22
โพสต์: 146

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



:b46: :b46: คุณ-dd- ตอบได้ประทับใจคิดดีฯ เหลือเกิน :b17:
:b46: :b46: อนุโมทนาสาธุค่ะ :b8:
:b46: :b46: บางที่ผลกรรมที่ได้รับไม่ต้องรอชาติไหน ทำชาตินี้ก็รับกันชาตินี้ละค่ะ
:b46: :b46: ปลูกต้นอะไรไว้ ดอกผลก็ได้แบบนั้น
:b46: :b46: และไม่แนะนำให้นั้งรอรับชะตากรรมนะค่ะ
:b46: :b46: รีบเร่งทำกรรมดีด้วยการตั้งใจไม่ผิดศีลข้อ 2 ,3 อีก
:b46: :b46: และไม่สนับสนุนคนทำผิดอีก
:b46: :b46: ขอให้ธรรมมะคุ้มครองคุณค่ะ

.....................................................
ทำไมต้องปล่อยว่าง
เพราะทุกอย่างมี ความว่าง มาแต่เดิม


แก้ไขล่าสุดโดย คิดดี ทำดี พูดดี เมื่อ 14 พ.ค. 2010, 15:37, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 17:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 15:34
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณทุกท่านมากๆ เลยนะคะ ที่มาช่วยชี้แนะแนวทางสว่างให้ดิฉัน :b8:
ทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยคะ หลังจากที่อึดอัดมานานมาก ไม่กล้าปรึกษาใคร... :b9:

พอดีได้เข้าไปอ่านบทความเจอ เรื่อง หนีกรรมให้พ้นด้วยความดี
เลยนำมาโพสต์ฝากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและศึกษาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตนะคะ :b1:

ปล่อยชีวิตคล้อยเคลื่อนตามสบาย สุดท้ายกรรมคืนรูปตามกรรมประสา
ปล่อยชีวิตตามสบายจนเคยชิน เวลาเดือดร้อนก็มาพบหน้าพุทธะพบหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ขอร้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ตลอดชีวิตไม่มีความดีมาต้านทานกรรม
แล้วจะให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาความยุติธรรมไปทิ้งไว้ที่ไหนได้....
ฉะนั้น เกิดเป็นคนอยากหนีกรรมให้พ้นต้องรู้จักทำดี อยากทำให้กรรมเบาบางที่สุด
ไม่ต้องเจอกรรมหนักไม่ต้องเจอภัยรุนแรง เราต้องรู้จักประคองตนเองให้มั่นคง
สร้างกุศลบำเพ็ญตน แม้กรรมจะมาเราก็ไม่หวาดหวั่น เพราะว่าเรารู้จักที่จะรับมือรู้จักที่จะต่อสู้
ชีวิตนี้หากเผชิญความทุกข์ยากลำบาก จะเอาอะไรไปรับ จะเอาอะไรมาหนุนใจให้สู้ต่อไปได้
ถ้ารู้จักศึกษาธรรม รู้จักใช้ธรรมธรรมนั้นเองจะช่วยฝึกปลอบใจ ให้เราลุกให้เรากล้าหาญเข้มแข็งต่อสู้
คนมีธรรมะทุกวันหมั่นใช้ธรรม หมั่นเอาธรรมมาตรวจสอบใจ ธรรมนั่นเองจะช่วยให้เราไม่ผิดพลาด
ไม่ก้าวพลาดในชีวิต กลัวอย่างเดียวกลัวท่านเกียจคร้านอ่อนแอ
กลัวความดีไม่สามารถเอาชนะความชั่วในใจ กลัวท่านจะเข้าข้างตน ไม่ยอมแก้ไขตน
แต่เราต้องการให้รู้ว่าทุกคนก็เป็นพุทธะได้อยู่ที่ชาตินี้เอง อย่าไปรอชาติหน้า
อย่าไปรอวันไหน อยู่ที่ว่าวันนี้จะตัดสินใจบำเพ็ญตนไหม :b1: :b8: :b41:


หนึ่งในแปดเซียนท่านหลันไฉ่เหอ
พุทธสถานอิ๋งเซียน ดอนเมือง กรุงเทพฯ
21 พฤศจิกายน 2542

ที่มา : http://thai.mindcyber.com/modules.php?n ... &artid=367

.....................................................
เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว
ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น
ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง
แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตาม
กรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้
ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2010, 11:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 เม.ย. 2010, 15:34
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้ดิฉัน...รู้ สึ ก เ ห นื่ อ ย.. กับ..ก า ร ช ด ใ ช้ ก ร ร ม...เหลือเกินคะ

ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา สามียังคงอารมณ์ร้าย หน้าตานิ่งเฉย (เหมือนจะฝืนยิ้ม) โมโห ด่าทอ และยังคงระแวงในตัวดิฉันอยู่ เมื่อ 2-3 วันมานี่ สามีโกรธดิฉันและตะคอกใส่ดิฉัน (ยกเรื่องที่ดิฉันเคยนอกใจสามีมาพูด) ดิฉันก็พยายามใจเย็นให้มากที่สุดนึกถึงวิธีระงับความโกรธ แต่ในใจลึกๆ รู้สึกกลัวมาก ใจสั่น จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว (ร้องไห้ด้วย) สามีตะคอกดิฉันด้วยถ้อยคำหยาบคายและเสียงดังมาก บวกกับ หน้าตาและสายตาที่ดูน่ากลัว และท่าทาง ง้างมือเหมือนจะทำร้ายร่างกายดิฉัน (แต่ไม่ได้ทำนะคะ มีแค่ดึงแขนและผลักนิดหน่อย)

สามีถามดิฉันว่า นึกมุขนี้นานมั้ย ??!!

มุขนี้ที่สามีถามดิฉัน คือ สามีบอกว่า ดิฉันแกล้งทำ (คำไม่สุภาพอ่ะคะ น้องๆ ผลไม้) ทำเป็นศึกษาธรรมะ ซื้อหนังสือธรรมะมาอ่านให้เขาเห็น แต่พอลับหลังก็ยังมีใจห่วงหา และแอบติดต่อกับผู้ชายคนนั้นอยู่พร้อมกับไล่ดิฉัน อยากคุยกับมันมากใช่มั้ย อยากไปอยู่กับมัน ก็ไปเลย
( พร้อมคำด่าทอตามมาอีกมากมาย เฮ้อ...) และบอกอีกว่า ไม่ต้องเอาเรื่องธรรมะมาคุยกับเขา แล้วถึงดิฉันอ่านธรรมะไปก็ไม่ได้ช่วยให้คนอย่างดิฉันดีขึ้นหรอก อ่านไปก็บาปเปล่าๆ อ่านไปแล้วทำไม่ได้ ไม่ต้องมาแกล้งทำหรอก บางครั้งพอสามีด่าทอกลับมา ดิฉันก็มีน้อยใจนะคะ อยากหนีไปให้ไกลๆ จริงๆ เหมือนกัน ไปให้พ้นๆ หน้าอย่างที่สามีไล่ แต่ก็มานึก ยิ่งหนีก็เหมือนยิ่งเพิ่มกรรม ก็จะยิ่งไม่จบ

ดิฉันเหนื่อยกับการชดใช้กรรมเหลือเกินคะ เหมือนคนมืดแปดด้านเลย หาทางออกไม่ได้ …
ดิฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมสามีถึงอารมณ์เป็นแบบนี้ ไม่มีทีท่าว่าจะลงเลย ทั้งๆ ที่วันๆ ดิฉันไม่ได้ไปหาเรื่องสามีเลย พยายามชวนพูดคุย แต่พอเราคุยกัน เหมือนกับว่าดิฉันพูดอะไรก็ไม่ถูกหูไปซะทุกอย่าง พาลจะทำให้สามีอารมณ์ร้อนอีก ทุกวันนี้ดิฉันหยุดทุกอย่างแล้ว สำนึกผิดจริงๆ คะ กับผู้ชายคนนั้น ดิฉันก็ไม่ได้ติดต่อ คบหา พูดคุย อะไรแล้ว คิดแต่เรื่องของสามี ทำยังไงจะให้สามีหายระแวง และไว้ใจดิฉันบ้าง ดิฉันอยากเริ่มใหม่กับสามี ดิฉันรู้ว่าสามีรักดิฉัน ดิฉันรู้สึกผิดมากที่ทำร้ายจิตใจสามีแบบนั้น ดิฉันควรทำยังไงดีคะ อยากเริ่มใหม่กับสามีแต่พอสามีอารมณ์ร้อนมา ด่าว่ามา ทำให้ดิฉันกลัวสามีขึ้นมาอีก อยากให้จิตใจตัวเองเข้มแข็งกว่านี้จังคะ

ต้องขอโทษด้วยนะคะ :b8: ทีมาระบายในบอร์ดซะยืดยาวอีกแล้ว
แต่พอได้พิมพ์เหมือนได้ปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นในใจออกมาได้บ้างเหมือนกัน... :b1:

.....................................................
เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว
ล้วนแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น
ผูกพันในความเป็นมิตรบ้างเป็นศัตรูบ้าง
แต่ละชีวิตก็ย่อมที่จะเดินไปตาม
กรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้
ทุกชีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต


แก้ไขล่าสุดโดย TrueLife เมื่อ 19 พ.ค. 2010, 11:54, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 40 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 16 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร