จะเป็นสามี-ภรรยา และ พ่อ-แม่ที่ดีได้อย่างไร
จากความรักที่หวานชื่นขณะที่ยังเป็นคู่รัก มาสู่ความรับผิดชอบร่วมกัน
ในฐานะสามีภรรยาเมื่อแต่งงานและ ก้าวไปสู่ความเป็นพ่อแม่
เมื่อมีสมาชิกใหม่เกิดขึ้นในครอบครัว
ความรักที่มีต่อกันจะค่อยๆแปรเปลี่ยนไปตามความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นทุกที
โดยเฉพาะเมื่อมีบุตรสามีภรรยาจะต้องเปลี่ยนบทบาทไปทำหน้าที่เป็นพ่อแม่
ซึ่งเป็นภาระที่หนักและเป็นเรื่องใหม่ในชีวิต
จนบางครั้งทำให้ทุ่มเทกับความพยายามเป็นพ่อแม่ที่ดีมากเกินไป
จนละเลยบทบาทของการเป็นสามภรรยาที่ดีต่อกัน
เป็นเหตุให้เกิดปัญหาชีวิตสมรส ตามมาได้ง่าย
ทำอย่างไรจึงจะสามารถเป็นทั้งพ่อแม่ที่ดีของลูก
และยังคงเป็นสามีภรรยาที่ดีต่อกันเหมือนเมื่อครั้งยังไม่มีลูกมาเป็นภาระได้
ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาชีวิตครอบครัว
ได้เสนอวิธี ที่น่าสนใจไว้ 5 วิธีดังนี้
1. จัดแบ่งเวลาให้เหมาะสม เวลาใดสำหรับลูก เวลาใดสำหรับคู่สมรสอย่าให้ลูกเอาเวลาไปเสียทั้งหมด
จนคุณไม่มีเวลาเหลือไว้สำหรับตัวเองและคู่สมรสเลย
เช่น ควรกำหนดเวลาเข้านอนของลูกให้แน่นอนลงไป
ส่วนมากมักนิยมให้เด็กเข้านอนเวลาประมาณ 2 ทุ่ม
และควรแยกห้องนอนหรือแยกมุ้ง แยกที่นอนกัน
ให้ลูกนอนต่างหาก เพื่อความเป็นสัดส่วน
คุณจะได้มีเวลาเป็นส่วนตัวกับคู่สมรสบ้างในแต่ละวัน
และเมื่อมีโอกาสที่จะไปเที่ยวกันสองคนก็ควรจะไป
โดยฝากลูกไว้กับผู้ไว้ใจได้เช่น คุณย่า คุณยายหรือ พี่ ป้า น้า อา
อย่าห่วงลูกให้มากเกินไปหรืออย่ารู้สึกผิดที่ทิ้งลูกไว้ไม่ยอมให้ไปด้วย
จงคิดถึงผลดีที่จะเกิด ตามมาดีกว่าเพราะเมื่อได้ไปเที่ยว
มีความสุขกัน 2 คนได้รำลึกถึงความหลังสมัยรักกันได้เตือนสติกัน
ว่าเพราะเหตุใดจึงได้แต่งงานกัน
ก็จะช่วงกันบำรุงรักษาชีวิตคู่ไว้ให้ยืนนาน
เมื่อกลับบ้านอารมณ์ก็จะสดชื่นซึ่งพอจะพลอยนำความสดชื่นนั้นมาสู่ลูกด้วย
2. ใช้เวลาที่อยู่ด้วยกันอย่างมีคุณค่าเมื่อหาเวลาอยู่กันเพียงลำพังสองคนไว้แล้ว
ก็ควรใช้เวลานั้นให้เกิดประโยชน์ที่สุดแทนที่จะต่างคนต่างอ่านหนังสือ
หรือดูโทรทัศน์อย่างเงียบ ๆ ควรพูดจากันบ้าง
ทั้งเรื่อง ล้อเล่นเรื่องปรับทุกข์ปรับความเข้าใจตลอดจนเรื่องต่าง ๆ
ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตประจำวันของแต่ละคน
เพราะสามีภรรยาอาจกลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกันได้ง่าย ๆ
ถ้าไม่พยายามทำความเข้าใจกันเสียแต่เนิ่น ๆ
3. วางแผนทางการเลี้ยงดูให้เป็นแนวเดียวกันสามีภรรยาควรทำความตกลงก่อนจะวางกฏระเบียบหรือฝึกวินัยลูกอย่างไร
และทำไปตามนั้นอย่าเป็นแบบ " พ่อพูดอย่างแม่พูดอย่าง "
เพราะจะทำให้ลูกสับสน และพ่อแม่อาจจะต้องทะเลากันเองก็ได้
การที่พ่อแม่พูดเป็นคำเดียวกันจะทำให้ลูกเกิดความเคารพยำเกรงทั้งพ่อและแม่
ไม่ใช่เด็กที่อ้อนกับพ่อหรือแม่ที่เขาเห็นว่า
ถ้าทำให้ใจอ่อนแล้วเขาจะได้ในสิ่งที่ขอ อย่างนี้พ่อหรือ แม่ที่ใจอ่อน
จะตกเป็นเหยื่อให้ลูกหลอกได้ เด็กจะขาดวินัยเมื่อโตขึ้น
4. ตกลงแบ่งความรับผิดชอบในครอบครัวกันให้แน่นอนบ่อยครั้งที่ฝ่ายชายจะละเลยภาระงานในบ้าน เช่น การช่วยเลี้ยงลูก
การช่วยทำความสะอาดบ้านทำให้ภาระหนักตกอยู่กับฝ่ายหญิ
จนเกิดอารมณ์เสีย นำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งกันได้
ทางที่ดีควรตกลงกันเสียแต่เนิ่น ๆ ว่าใครจะรับผิดชอบอะไรบ้าง
เช่น ใครจะรับ - ส่งลูกที่โรงเรียน ใครจะทำอาหาร ใครจะล้างจาน
ใครจะซ่อมแซมของใช้ในบ้าน เป็นต้น
เมื่อตกลงกันได้เป็นที่พอใจก็ควรพยายามทำให้ได้ตามนั้นด้วย
5. มีความโรแมนติกให้กันและกันบ้างอย่าเคร่งครัดกับชีวิตกับภาระหน้าที่ให้มากนัก
นึกถึงเมื่อสมัยยังเป็นคู่รักกันเอาไว้บ้างอะไรที่เคยชอบทำด้วยกัน
ก็น่าจะทำต่อไป เช่น ไปเดินเล่น หรือออกกำลังกายตอนเช้าด้วยกันสองคน
ขณะที่ลูกยังหลับอยู่ ไปดูหนังด้วยกันสองคนอย่างที่เคยชอบ เป็นต้น
การที่สามีภรรยาสามารถรักษาความรัก ความเอื้ออาทร
ความเอาใจใสซึ่งกันและกันไว้ได้ เหมือนเมื่อแต่งงาน ใหม่ ๆ
ย่อมทำให้ทั้งคู่มีความสุขและความสุขนี้เอง
ที่จะถ่ายทอดมาสู่ลูกได้โดยอัตโนมัติ เพราะลูกย่อมจะมีความสุขไปไม่ได้
ถ้าพ่อแม่เอาแต่ทะเลาะกันไม่รักกันจริง จริงไหมคะ
ที่มา..อินทิรา ปัทมินทร
กรมสุขภาพจิต
