ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

เมื่อไรใจจะหายทุกข์
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=33101
หน้า 1 จากทั้งหมด 12

เจ้าของ:  ใบว่าน [ 10 ก.ค. 2010, 22:55 ]
หัวข้อกระทู้:  เมื่อไรใจจะหายทุกข์

สวัสดีค่ะ เป็นสมาชิกใหม่ของที่นี่ค่ะ เคยเข้ามาอ่านหลายๆกระทู้ และคำแนะนำของที่นี่หลายครั้งแล้ว ตอนนี้รู้สึกว่าอยากจะขอกำลังใจจากกัลยาณมิตร ณ.ลานธรรมแห่งนี้ เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตต่อไปโดยไม่ทุกข์มากนักค่ะ
สามีมีคนอื่นค่ะ เรื่องเกิดมา 9 เดือนแล้ว เราทำงานคนละจังหวัดกันค่ะ เค้าไปพบกันเพราะต้องประสานงานกันเสมอ ดิฉันอายุ 43 ปีแล้วแต่งงานกันมาเกือบ 20 ปีสามีก็อายุ 50 แล้ว สามีรับราชการ ผู้หญิงคนนั้นก็รับราชการเธออายุอ่อนกว่าสามี 15 ปี ตั้งแต่รู้เรื่องนี้มา ดิฉันทุกข์ใจ และเจ็บปวดมาก ทำใจได้บ้างเป็นพักๆ แต่ส่วนใหญ่จะทุกข์ค่ะ เค้าไม่ยอมรับว่ามีคนอื่น แต่ไม่ปฏิเสธ ไม่เลือกและไม่เลิก เค้าเคยพูดว่า สักวันเรื่องมันก็จะจบ ถ้าคนนั้นเค้ารู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้เดี๋ยวเค้าก็จะไปเอง แต่ตอนนี้เธอคนนั้นพยายามที่จะเปิดเผยตัวเพราะคงไม่อยากอยู่ในเงาอีกแล้ว แต่สามีเป็นคนที่รักษาภาพลักษณ์ตัวเองมาก ก็เลยยังไม่สามารถเผยตัวได้ เคยแอบอ่าน SMS ในโทรศัพท์ที่เค้าไม่ได้ลบ เธอเปรียบตัวเองเป็นหมาและสามีเป็นเจ้าของ เธอเขียนว่าอย่าใจร้ายทอดทิ้งให้หมาไร้เจ้าของนะคะ และจะขอเดินตามเจ้าของหมาไปตลอดชีวิตด้วยความซื่อสัตย์และภักดี และอีกข้อความคือ สัญญานะว่าจะไม่ให้หมาต้องเศร้าและรอคอยเจ้าของอย่างหงอยเหงาอีก ดิฉันเลยรู้สึกว่าเรื่องมันคงไม่จบง่ายๆแน่ เค้าอยู่ใกล้กัน และไม่ค่อยกลับบ้าน ส่วนหนึ่งคือเค้าให้ความสำคัญกับงานมากค่ะ และอีกส่วนคือมีคนใหม่ แต่เวลาที่อยู่กับดิฉันเค้าก็คงจะสงสาร และพูดว่าให้ดิฉันเข้มแข็ง แต่เมื่อไม่ได้อยู่ด้วยกันเค้าก็คงสงสารผู้หญิงคนนั้น
เราอยู่กันมาจนขนาดนี้ มันนานจนเลยวัยที่จะไปเริ่มต้นใหม่แล้ว เคยคิดว่าจะอยู่ดูแลกันไปจนตลอดชีวิต เพราะเราไม่มีลูก มันเป็นเรื่องที่ดิฉันทำใจยากมากจริงๆค่ะ ดิฉันอยู่คนเดียว และไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับพี่น้อง เพราะไม่อยากให้ทุกคนรู้สึกไม่ดีกับสามี เวลาไปทำงานก็ต้องฝืนไม่ให้ทุกข์ไม่ให้คนอื่นรู้ แต่เวลาอยู่คนเดียวก็จะร้องไห้บ่อยๆ การที่จะย้ายไปอยู่ด้วยกันทำยากมากค่ะ
ต้องขอโทษนะคะเขียนระบายไว้ยาวมาก และขอบคุณผู้ที่เข้ามาอ่านนะคะ

เจ้าของ:  จันทร์ ณ ฟ้า [ 11 ก.ค. 2010, 00:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมื่อไรใจจะหายทุกข์

1.หากเรายอมรับความจริงว่าทุกสิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลงและพลัดพรากได้
เราจะไม่ทุกข์มาก
แม้วันนี้เค้าจะไม่มีญคนนี้ วันหน้าจะมั่นใจได้ตลอดไปมั้ยว่าเค้าจะไม่มีใครอีก
และถึงเค้าจะรักเราไปคนเดียวตลอดชีวิต วันนึงก็ต้องตายจากกันอยู่ดี

2.เวลาที่รู้สึกแย่ๆหาหนังสือที่อ่านแล้วรู้สึกดี(เช่น ยิ่งกว่าสุขเมื่อจิตเป็นอิสระ-ดร.สนอง วรอุไร)อ่าน
แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็หลับไปเลย เพราะตอนหลับจิตจะไม่คิดปรุงแต่งให้ทุกข์มาก
ข้างต้นคือวิธีหนีทุกข์ชั่วคราว
แต่ถ้าปิดหนังสือ หรือลืมตาตื่น ใจซึ่งเคยชินที่จะคิดถึงเค้าก็ไปคว้ามาคิดนึกอีก
พอคิดใจก็จะเศร้า หดหู่-_-

3.จากเดิมจิตเราเคยชินกับการคิดถึงเค้า คิดถึงความรัก ความรู้สึกดีๆที่เคยมีให้เราคนเดียว
หากเราสร้างความเคยชินให้จิตใหม่ โดยฝึกให้จิตคุ้นเคยกับการรู้สึกตัว
เราจะทุกข์น้อยลงๆได้อย่างน่าแปลกใจ

เพราะที่จริงเราทุกข์ก็เพราะคิดนี่แหละค่ะ
แรกๆอาจต้องจงใจรู้สึกตัวสักนิด
เมื่อไหร่ที่คิดถึงเค้า เสียใจ หดหู่ ปกติเราจะชินกับการปล่อยให้จิตคิดปรุงแต่งไปเรื่อยๆ
คิดๆๆๆๆๆๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ แต่ทันทีที่เรารู้ตัวว่าจิตกำลังคิดอยู่ (ไม่ใช่ไปรู้เรื่องราวที่คิด)
ไอ้ที่รู้สึกทุกข์มากๆน่ะ มันหายไปเยอะเลยค่ะ (ไม่รู้จะอธิบายยังไง ต้องลองดูเองค่ะ)

ถ้าฝึกไปอย่างต่อเนื่อง วันนึงจะเห็นเองว่าไม่ว่าปัญหาอะไรจะรุมเร้าเราแค่ไหน
เราก็ไม่รู้สึกทุกข์ไปกับมันด้วยเลย กลับจะมีความสุขด้วยซ้ำ (จริงๆนะ)
จะเห็นเลยว่าปัญหากับความทุกข์เนี่ยมันคนละตัวกัน

ต้องกล้าๆที่จะอยู่กับความทุกข์ให้ได้นะคะ เพราะยิ่งหนีก็ยิ่งออกจากมันไม่ได้
พอรู้สึกหดหู่ปุ๊บ ดูมันไปเลย ถ้าเรามีสติเกิดขณะนึงขึ้นมา ความหดหู่มันจะดับไปเห็นๆเลย
แต่ถ้าไม่ดับก็คอยตามรู้ความรู้สึกที่เกิดกับจิตใจไป
จะเป็นความสงสัย ความอยากให้หาย ก็ตามดูมันไป
ซักเดี๋ยวก็จะอ้าว ไอ้ที่หดหู่เมื่อกี้มันไปไหนแล้ว^^ ความทุกข์นี่มันก็ไม่เที่ยงค่ะ

จริงๆที่เราฝึกเจริญสติ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้มีสติเกิดตลอดเวลานะคะ
เพราะสติก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน
แต่เพื่อให้จิตได้เรียนรู้ความจริง(ไตรลักษณ์)
ผู้รู้ท่านว่าเมื่อจิตเรียนพอแล้วจะเห็นเลยว่ากายกับใจไม่ใช่เรา จนไม่ยึดทั้งกายทั้งจิต
ตอนนั้นแหละที่เราก็พ้นจากความทุกข์อย่างแท้จริง

ตอนนี้คงเป็นโอกาสดีของเราแล้ว ที่ความทุกข์ครั้งนี้อาจเป็นต้นทางที่ทำให้เราพ้นทุกข์ได้
บางทีถ้าเราไม่เจอเรื่องร้ายๆในชีวิต เราอาจไม่ได้พบกับสิ่งประเสริฐที่สุดในชีวิตก็ได้ค่ะ

ป.ล.แต่ไม่ว่าใครจะแนะนำยังไง ดีแค่ไหน
ถ้าเราไม่ก้าวออกมาจากเหตุแห่งทุกข์นั้นด้วยตัวเอง
เราก็ต้องจมอยู่ในกองทุกข์นั้นเรื่อยไป
สั่งสมสิ่งเศร้าหมองให้จิตทุกวันๆ
ซึ่งอันตรายมากนะคะ โอกาสไปอบายภูมิมีสูง
ผู้รู้ท่านบอกว่าเลวร้ายยิ่งกว่าที่ใดใดในโลกมนุษย์
ถึงตอนนั้นไม่มีใครตามไปช่วยเราได้เลย แม้แต่คนที่เรารักเรายึด
ยกจิตออกมาให้ได้เร็วๆนะคะ อย่าปล่อยไว้นานเลย
เป็นกำลังใจให้ค่ะ :b46:

เจ้าของ:  ทักทาย [ 11 ก.ค. 2010, 01:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมื่อไรใจจะหายทุกข์

ตัณหา ราคะนี่มันแรงจริงๆนะ
อุตส่าห์ยอมเปรียบเปรย ตัวเอง เป็นสัตว์เลี้ยง
เพื่อให้เขาเมตตา แต่ตัวเองกลับไม่เมตตาตัวเอง

น่าสงสาร เขาลงทุน ลดตัวลงขนาดนี้
คุณก็ทำใจ เวทนา คนหลงทางเถอะค่ะ
จะกลุ้มใจ ก็เป็นทุกข์ไปเปล่าๆ พยายาม
อย่ารับรู้เรื่องของเขา จะทำให้เราไม่สงบ

หากสามีเขาเลือกคนนั้น เขาคงกระทำการ
อย่างใดอย่างหนึ่งไปแล้ว ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
เราคงทำอะไรไม่ได้ ขณะนี้เขายังไม่เป็นอย่างที่ว่า
ก็อย่าเพิ่งคิดมาก

ทำใจให้สบาย อยู่ตามเดิมของเราไป ถ้ารู้มาก
ก้คิดมาก ก็อย่าพยายามรับรู้อะไรเลย สุดท้ายแล้ว
ไม่ว่าคุณ หรือผู้หญิงคนนั้น ก็ไม่มีวันได้อยู่กับสามี
จนชั่วฟ้าดินสลายหรอกค่ะ ถึงเวลาก็ต้องจากกันอยู่ดี

เป็นกำลังใจให้นะค่ะ :b4: :b4:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 11 ก.ค. 2010, 03:37 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมื่อไรใจจะหายทุกข์

ใบว่าน เขียน:

เราอยู่กันมาจนขนาดนี้ มันนานจนเลยวัยที่จะไปเริ่มต้นใหม่แล้ว เคยคิดว่าจะอยู่ดูแลกันไปจนตลอดชีวิต เพราะเราไม่มีลูก มันเป็นเรื่องที่ดิฉันทำใจยากมากจริงๆค่ะ ดิฉันอยู่คนเดียว และไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับพี่น้อง เพราะไม่อยากให้ทุกคนรู้สึกไม่ดีกับสามี เวลาไปทำงานก็ต้องฝืนไม่ให้ทุกข์ไม่ให้คนอื่นรู้ แต่เวลาอยู่คนเดียวก็จะร้องไห้บ่อยๆ การที่จะย้ายไปอยู่ด้วยกันทำยากมากค่ะ
ต้องขอโทษนะคะเขียนระบายไว้ยาวมาก และขอบคุณผู้ที่เข้ามาอ่านนะคะ


เห็นอย่างนี้..หมดคำจะพูดเลย :b33:

ทุกข์..นะ..ทุกข์มาก

แต่ในชั้นนี้..อยากจะบอกว่า..ทุกข์ที่เกิดกับเราเกิดจาก 3 อย่าง

1. ทุกข์..เพราะเรื่องนั้น ๆ เกิดขึ้น

2. ทุกข์..เพราะเราเก็บเรื่องนั้น ๆ มาคิด ซ้ำ ๆ ย้ำไม่ได้หยุด

3. ทุกข์..เพราะเราคิด..ว่าเรื่องจะต้องเป็นอย่างนั้น..เขาจะต้องคิดอย่างนี้..เขาคงอยู่ด้วยกัน..เขาคงมีความสุขด้วยกัน..ฯลฯ..คาดการณ์ไปเอง..เป็นต้น

ทุกข์..จากข้อ1 ..ไม่ได้อยู่ในวิสัยของเราที่จะไปจัดการกับมันได้..เพราะเราไม่ได้เป็นคนก่อ

แต่..ทุกข์จากข้อ 2. และ ข้อ 3..อันเป็นความทุกข์ส่วนใหญ่..นั้น..มันเป็นฝีมือของเราเอง..เรากำจัดมันได้

การที่จะไปกำจัดมันได้นั้น..ก็มีแต่พระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า..เท่านั้น..เพราะพระองค์สอนเพื่อการพ้นทุกข์..โดยเฉพาะ

อยากจะพ้นทุกข์..ต้องศึกษาให้มากกว่า..ขั้นของศีล..ของทาน..พ้นจากทุกข์นะ..ไม่ไช่กดข่มทุกข์

มนุษย์ทุกคน..เป็นภูมิที่ถึงการพ้นทุกข์ได้..ลงมือทำเมื่อไร..ความทุกข์ใจก็เริ่มเบาบางลงเมื่อนั้น

มาปฎิบัติธรรมด้วยกันดีกว่าครับ...ทำที่ไหนก็ได้

เจ้าของ:  ใบว่าน [ 11 ก.ค. 2010, 08:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมื่อไรใจจะหายทุกข์

ขอบคุณนะคะ ที่เข้ามาให้คำแนะนำ และกำลังใจ ตอนนี้ก็พยายามอยู่ค่ะ ศึกษาธรรมมะ อ่านหนังสือ ฟังธรรม แต่จิตมันคอยแต่จะฟุ้งออกไปถึงเขา เมื่อระลึกได้ก็จะดึงกลับมาได้ชั่วครู่ ก็นึกว่าใจของเรายังบังคับได้ยากขนาดนี้ แล้วจะไปบังคับคนอื่นได้อย่างไรตามแต่กิเลสจะนำไป เมื่อพยายามที่จะพิจารณาให้รู้ถึงปัญหามันก็กลับกลายเป็น คิดว่าทำมัยเค้าทำร้ายเราได้ขนาดนี้ เค้าควรจะเป็นคนปกป้องครอบครัว แต่กลับกลายเป็นคนที่นำทุกข์มาให้ครอบครัว โดยที่เค้าลอยตัวเหนือปัญหาทั้งปวง
ตอนนี้ดิฉันคงเป็นบัวใต้น้ำอยู่ เมื่ออ่านหรือฟังธรรม คำสอนก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ลึกซึ้ง เพียงสามารถบรรเทาทุกข์ได้ชั่วครู่ แต่ก็จะพยายามศึกษาบ่อยๆ เพื่อให้ตัวเองโผล่พ้นขึ้นมาเพื่อรับแสงตะวันที่อบอุ่นบ้าง ซึ่งก็หวังว่าคงจะทำได้สักวันค่ะ

เจ้าของ:  วิริยะ [ 11 ก.ค. 2010, 08:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมื่อไรใจจะหายทุกข์

อ่านแล้ว เห็นใจ แต่นับว่าเป็นผู้ที่มีขันติ ไม่โวยวาย ไม่ยอมให้คนอื่นเป็นทุกข์เป็นกังวลกับเรื่องของตน
เป็นเรื่องของคนสองคน เข้าหลักที่ว่า ไฟในไม่นำออก ไฟนอกไม่นำเข้า

ทุกข์นั้นมีเหตุ คุณก็เห็นเหตุแล้ว การดับเหตุก็คือดับทุกข์
ทุกข์ไม่ได้มีไว้ให้แบก เหมือนแบกของไว้ไม่ยอมวางมันก็หนัก ถ้าวางเสียมันก็เบา

ตอนนี้ทุกข์ครอบเราอยู่ ต้องอาศัยปัญญาผู้อื่น เพื่อให้เกิดสติ เกิดปัญญาเพื่อดับทุกข์ของเรา
ขอให้มีขันติ อดทนอดกลั้น ไม่ทำให้ตัวเองหรือผู้อื่นเป็นทุกข์เพิ่มขึ้นอีก
ทุกข์ของตน ตนต้องแก้เอง ปัญญาผู้อื่นเป็นเพียงแนวทางเท่านั้น

ดับทุกข์ ท่านให้ดับที่เหตุ แก้เหตุให้ได้นะ :b4:

เจ้าของ:  แสงอาทิตย์ [ 11 ก.ค. 2010, 08:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมื่อไรใจจะหายทุกข์

สวัสดีคะคุณใบว่าน อยากบอกให้คุณเจริญภาวนาไปเรื่อยๆ ทำจนเป็นนิสัยและความเคยชินแล้วสักวันความคิดและความรู้สึกของคุณจะเปลี่ยนคะ เพราะหนูก็ทำมาแล้วและเห็นผลดีที่เดียวคะ จากที่เคยบอกว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา ตายแน่ๆ ไม่ว่าเขาจะทำกับเราอย่างไรเราก็ทนได้ทุกสถานการณ์ แต่พอได้มาฝึกและปฏิบัติธรรมะ อ่าน และสวดมนต์เจริญภาวนา ทำบุญ แผ่บุญกุศล ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นสิ่งที่ดีกับชีวิตเราทั้งสิ้นคะ พอความคิดเราจะเผลอและนึกถึงเขาความทุกข์ก็จะเริ่มเล่นงานเรา เราก็ตั้งสติแล้วหยิบหนังสือธรรมะมาอ่านและนั่งสมาธิ เดินจงกรมบ้างถ้ามีเวลา ก็ทำไปเรื่อยๆ จนทุกข์เริ่มจางไปตอนไหนเราเองก็ไม่รู้ตัวคะรู้อีกทีก็เริ่มจะหมดทุกข์และที่บอกว่าตัดใจไม่ได้เลย ก็เริ่มจะคิดว่าทำไมเราจะอยู่ไม่ได้ ทำไมเราจะคิดและทำอะไรคนเดียวโดยไม่ต้องพึ่งเขาไม่ได้ เราทำได้นี่นา เราไม่ตายนี่นา มันอัศจรรย์มากเลยนะคะ ยังบอกตัวเองเลยคะว่าถ้าวันนั้นเราไม่ทุกข์เราก็ไม่ได้เข้าถึงธรรมะแบบวันนี้ เป็นความรู้สึกที่ดีมากเลยคะ ลองปฏิบัติดูนะคะ แล้วคุณจะรู้ว่าปัญหาที่เรามีมันไม่ได้แย่ และไม่ได้แก้ไม่ได้ ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้คะ อยู่ที่เราจะแก้มันอย่างไรเท่านั้นเองคะ ธรรมะแก้ได้คะ เป็นกำลังใจให้นะคะ เวลาเปลี่ยนความคิดเราก็เปลี่ยนคะ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 11 ก.ค. 2010, 09:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมื่อไรใจจะหายทุกข์

อ้างคำพูด:
เคยแอบอ่าน SMS ในโทรศัพท์ที่เค้าไม่ได้ลบ เธอเปรียบตัวเองเป็นหมาและสามีเป็นเจ้าของ เธอเขียนว่า อย่าใจร้ายทอดทิ้งให้หมาไร้เจ้าของนะคะ และจะขอเดินตามเจ้าของหมาไปตลอดชีวิตด้วยความซื่อสัตย์และภักดี และอีกข้อความ คือ สัญญานะว่าจะไม่ให้หมาต้องเศร้าและรอคอยเจ้าของอย่างหงอยเหงาอีก



ชายวัยครึ่งร้อยอ่านข้อความนี้ไม่ซึ้งจิตวิญญาณก็ไม่ใช่ชายแล้ว หากเป็นวัวหรือควายก็ดิ้นจนเชือก

ขาดแหละ เคยได้ยินคนพูดว่า มารยาหญิงมี 500 เล่มเกวียน เห็นท่าจะจริงๆ :b1:

ฝ่ายชายก็ประมาทไม่ลบข้อความทิ้ง คงเก็บไว้อ่านยามห่างไกล แต่ลืมนึกถึงคนทางบ้านจะเปิดอ่าน

เออ...เรื่องพันยังงี้ ไม่รู้จะแนะนำว่าไง ปัญหาโลกแตกมีให้เห็นทั้งนอกพรรษาในพรรษาทุกวงการ

เจ้าของ:  ใบว่าน [ 11 ก.ค. 2010, 13:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมื่อไรใจจะหายทุกข์

สวัสดีค่ะ ขอบคุณทุกข้อแนะนำนะคะจะพยายามนำมาปรับใช้กับตนเองค่ะ แต่ตอนนี้ขอยอมรับว่ายังยากมากค่ะ อย่างที่บอกคือจิตมันจะฟุ้งตลอด คิดว่าเค้าไปอยู่ด้วยกันรึปล่าว อะไรอีกมากมาย เป็นอย่างที่คุณกบนอกกะลาบอกค่ะ คือเก็บมาคิดคาดการณ์ไปเอง และคิดซ้ำๆ เมื่อจิตนึกได้ก็จะดึงกลับมาได้พักหนึ่ง เดี๋ยวมันก็แวบไปอีก คงยังชดใช้กรรมไม่หมดนะคะ จึงยังไม่สามารถตัดทุกข์ได้ ทั้งที่พบหนทาง และกัลยาณมิตรแล้ว :b34: :b33:

เจ้าของ:  พนา [ 11 ก.ค. 2010, 13:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมื่อไรใจจะหายทุกข์

ปัญหาเดี่ยวกันค่ะ

เจ้าของ:  พนา [ 11 ก.ค. 2010, 13:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมื่อไรใจจะหายทุกข์

ของพนาเป็นเหมือนคุณใบว่านเลยค่ะ 2 ปีแล้ว เขาไม่เลิกจากกัน คุณต้องใจเย็นนะค่ะ ทราบว่ามันอยากมากแต่มันจะดีขึ้นเรื่อยๆ

เจ้าของ:  พนา [ 11 ก.ค. 2010, 14:03 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมื่อไรใจจะหายทุกข์

ของพนาก็อยู่ด้วยกันมา 20 ปีแล้วเหมือนกัน มีลูกสาว1คน เขาก็มีคนอื่นซึ่งอายุน้อยกว่า 15 ปีเหมือนกัน พนาก็หวังจะอยู่ดูแลกันไปแต่พอเวลามันนานเข้าใจและความคิดจะเปลี่ยนค่ะ แต่มันลำบากมากตอนนี้ก็ยังเจ็บอยู่ไม่เคยหายซักที แต่ไม่เหมือนช่วงแรกเจ็บมากคุณว่านต้องใจเย็นนะค่ะ เข้ามาอ่านปัญหาของเพื่อนๆในลานแห่งนี้จะเข้าใจอะไรได้มากเลยค่ะ พนาก็ได้เข้ามาอ่านแล้วรู้สึกดีขึ้น ชอบคำแนะนำของทุกท่านในลานแห่งนี้แม้จะแนะนำให้กับเพื่อนๆและพี่ในลาน พนาขอเอาใจช่วยค่ะเราต้องผ่านมันไปให้ได้

เจ้าของ:  ใบว่าน [ 11 ก.ค. 2010, 14:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมื่อไรใจจะหายทุกข์

ตอนนี้จิตกำลังฟุ้งซ่านค่ะ สามีโทรบอกว่าต้องไปร่วมงานกิจกรรมที่จัดร่วมกันของหน่วยงานสามีกับหน่วยงานของผู้หญิงคนนั้น ถ้ากลับถึงที่ทำงานแล้วจะโทรหา นั่นคือระหว่างนี้ไม่ให้ดิฉันโทรไป ถึงโทรไปก็จะไม่รับ ตอนนี้พยายามเอาหนังสือธรรมะมาอ่าน แต่ใจมันไม่รู้เรื่องเลยค่ะ เลยเปลี่ยนวิธีเป็นกำหนดลมหายใจ ก็ทำได้ชั่วครู่ ใครมีวิธีช่วยแนะนำด้วยเถอะนะคะ ใจมันทุรนทุราย ค่ะ คืดว่าทุกคนที่ประสบปัญหานี้คงเป็นเหมือนกัน เวลาปวดใจคุณพนาใช้วิธีไหนคะเพื่อดับทุกข์ใจนั้น ขอบคุณที่ให้กำลังใจค่ะ และดิฉันก็ให้กำลังใจคุณพนาและผู้หญิงทุกคนที่ตกอยู่ในภาวะเช่นนี้นะคะ

เจ้าของ:  พนา [ 11 ก.ค. 2010, 14:21 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมื่อไรใจจะหายทุกข์

ไม่ทราบจะแนะนำอย่างไรดี เพราะเรายังคิดปรุงแต่งอยู่เราคิดเองคนเดียวทั้งนั้น ตอนนี้คุณสามีของพวกเราเขาคงไม่ได้มานั่งคิดกับเราด้วยหรอก เราคิดเองคนเดียว ลองหางานทำเพื่อที่จะได้ไม่คิดมากนะค่ะพนาเข้าใจความรู้สึกของคุณว่านค่ะว่าเจ็บมากเสียใจ

เจ้าของ:  แสงอาทิตย์ [ 11 ก.ค. 2010, 14:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เมื่อไรใจจะหายทุกข์

ตั้งสติแล้วกำจัดอาการปรุงแต่งทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเขากลับมาให้ได้ก่อนคะ พอจะฟุ้งก็ท่องคิดหนอๆๆ ปรุงแต่งหนอๆๆๆ ไปเรื่อยๆ จิตเราก็จะมุ่งอยู่กับการท่องอาการฟุ้งก็จะหายไป แต่มันก็ต้องวนเวียนมาอีกแน่ๆ ก็คอยดึงสติกลับมาอีก ทำเรื่อยๆ คะ ช่วยได้ไม่มากก็น้อยคะ เอาใจช่วยอยู่คะ ทุกข์ได้แต่อย่าทุกข์นานคะ

หน้า 1 จากทั้งหมด 12 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/