วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 18:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2010, 16:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 17:05
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองเพราะดูจะเป็นเรื่องไกลตัวและไม่เคยแม้แต่จะมีความคิดไม่ซื่อสัตย์ต่อใครหรือสามีตัวเองอยู่ในหัวเลย ดิฉันถูกเลี้ยงดูในมาในครอบครัวสมัยเก่า พ่อแม่สอนให้รักนวลสงวนตัว รักเดียวใจเดียวและซื่อสัคย์ ซึ่งตัวดิฉันยึดมั่นถือมั่นเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

ดิฉันคบกับสามีมา 4 ปีก่อนแต่งงานกัน โดยที่ดิฉันสามารถยึดมั่นคำสอนของพ่อแม่ได้และสามีเข้าใจและรอได้ดังนั้นจึงทำให้ดิฉันไม่เคยมีอะไรกับใครนอกจากสามีหลังจากวันที่เราแต่งงานกัน ซึ่งตอนนี้เราแต่งงานกันได้ 7 ปีแล้ว มีลูกน่ารักอายุ 6 ขวบ สามีเป็นคนดีมาก ชีวิตแต่งงานเป็นไปแบบเรียบๆไม่หวือหวาไม่เร่าร้อน เพราะสามีเป็นคนเฉยๆเรียบร้อยไม่แสดงออกต่อความรู้สึก ซึ่งดิฉันเองก็มีความสุขดี อาจมีอาการแอบอิจฉาคู่รักหวานทั่วๆไปบ้างแต่ไม่ได้คิดว่าเป็นสิ่งที่ต้องแสวงหาเข้ามาในชีวิต เราทั้งสองคนประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานทั้งคู่และต่างคนต่างทำงานและให้อิสระในการใช้ชีวิตต่อกันมากพอสมควรให้เกียรติกันและไว้ใจกัน ครอบครัวของเราเป็นที่ชื่นชมของคนใกล้ชิดเพราะดูเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ ดิฉันทำงานนอกบ้านแต่ก็เป็นแม่บ้านแม่เรือน สามีใจเย็นใจดีไม่เจ้าชู้ ลูกก็น่ารัก ดิฉันเองยังอดปลื้มอกปลื่มใจในความโชคดีของตัวเองอยู่บ่อยๆ

ดิฉันเป็นคนที่ศรัทธาตัวเองเพราะเชื่อมั่นในสิ่งดีที่ได้กระทำตลอดมา ทำให้ดิฉันมีคนมีความเชื่อมั่นในตัวเอง เฮฮา เป็นที่ปรึกษาให้กับใครๆได้แทบทุกเรื่อง ดิฉันจึงมีเพื่อนฝูงมากทั้งชายหญิง และแล้วเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของดิฉันตกลงสู่ห้วงแห่งความทุกข์ก็เกิดขึ้น มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตของดิฉัน เขาเป็นเพื่อนในกลุ่มของดิฉันที่ทำงานมานานหลายปี เขาเป็นต่างชาติ เราเฮฮากันอยู่ในก๊วนโดยที่ดิฉันแอบมีความรู้สึกนิดๆว่าเขาอาจมีความรุ้สึกอะไรต่อดิฉันจากการพูดจาหยอกเอินทีเล่นทีจริง แต่ดิฉันไม่ได้คิดอะไรมากมายเพราะตัวเขาเองก็มีแฟนอยู่แล้วส่วนตัวดิฉันมีลูกและสามีอยู่แล้วซึ่งน่าจะเป็นเกราะป้องกันตัวเองที่ดี จึงไม่ได้ระวังตัวระวังใจตัวเองมากมาย จวบเข้าปีที่ 6 ที่เป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน เขามีปัญหากับแฟนเพราะจับได้ว่าแฟนมีคนอื่น ดิฉันได้ให้คำปรึกษากับเขาเหมือนเคย พยายามให้เขาปรับความเข้าใจกันแต่สุดท้ายเขาทั้งสองตัดสินใจเลิกกันไป ทางฝ่ายชายค่อนข้างเศร้า เขายึดดิฉันเป็นที่พึ่ง ซึ่งดิฉันจึงทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีคอยปลอบใจ ให้กำลังใจ ให้ที่พักพิงที่บ้าน ซึ่งสามีของดิฉันเองก็เข้าใจมาโดยตลอดและให้การช่วยเหลืออย่างดีเสมอ อาจด้วยความใกล้ชิดและอ่อนไหวทำให้ดิฉันกับเขาคุยกันบ่อยขึ้นมากจนเลยเส้นคำว่าเพื่อน เขาสารภาพกับดิฉันว่าเขาแอบชอบดิฉันมานาน ตั้งเป้าไว้ในใจว่าอยากได้คนลักษณะเดียวกับดิฉันมาเป็นคู่ครองและก็ยังหาไม่เจอสักที ดิฉันยอมรับว่ารู้สึกวาบหวามและตื่นเต้นกับคำสารภาพนี้ ทำให้ตัวเองรู้สึกมีค่า เป็นที่ต้องการ ดิฉันเริ่มตกลงสู่ด้านมืดของอารมณ์สับสนเอนเอียงและคิดว่าตัวเองมีใจให้กับเขา รู้สึกเหมือนต้นไม้ที่ได้น้ำรู้สึกกระปรี้กระเปร่าสดชื่น ณ ตอนนั้นคิดเพียงว่าอยากเพียงแค่ได้มีเพื่อนพิเศษคุยเพิ่มเท่านั้น ไม่ได้คิดเลยเถิดว่าจะทำอะไรที่ไม่ดีไม่งาม อาจด้วยความเป็นต่างชาติทำให้เขามีการแสดงออกถึงความต้องการที่โจ่งแจ้ง เขาเริ่มสัมผัส กอดจูบ ซึ่งดิฉันเริ่มรู้สึกกลัว กลัวตัวเอง กลัวเขา และกลัวบาปกรรม ดิฉันพยายามหยุดและดูเหมือนมันจะไม่ง่ายเหมือนเริ่ม ดิฉันเหมือนแมงเม่าที่คึกเล่นกับไฟด้วยความรู้สึกหลงผิดชั่ววูบ แต่เมื่อได้บินเข้ากองไฟไปแล้วกลับหาทางออกไม่ได้ อยากจะหนีก้ไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้าจะออกจากงานจะบอกเหตุผลสามีว่าอย่างไร จนวันหนึ่งเขาเริ่มรุกหนักขึ้นขอจับและดูที่สงวน ดิฉันเริ่มกลัวมากขึ้นเพราะรู้สึกเหมือนเขามีจิตฝักใฝ่ไปทางนั้นมาก ซึ่งเขาดูแตกต่างจากตอนคบกันเป็นเพื่อนในตอนแรกอย่างมาก เขาบอกดิฉันว่าเขาหลงใหลทุกอย่างในตัวดิฉันและเขาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อน ทำให้เขาอยากเห็นอยากมองอยากจับต้อง และเขาสัญญากับดิฉันว่าเขาจะไม่ล่วงเกินต่อติฉันถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์กันเด็ดขาด และในวันที่เขาขอดู ดิฉันไม่ยอมและพยายามพูดว่าเรากำลังทำในสิ่งที่ผิดแต่เขาก็ดึงดันและใช้กำลังกับดิฉันและบอกว่าดิฉันต้องเชื่อเขา เขาไม่ทำอะไรเด็ดขาด เขาจับขาดิฉันไว้แน่นและเอาหน้าเข้ามาใกล้ๆ ดิฉันร้องบอกให้เขาหยุดในการกระทำนั้นแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น ดิฉันมีทั้งความกลัว หวั่นไหว สับสน รังเกียจ ขยะแขยง แต่จำต้องปล่อยมันเพราะหมดแรงจะดิ้น และดิฉันเองก็ต้องทำให้เขาด้วยเหตุผลอะไรดิฉันเองก็ยังสับสนตัวเองอยู่ เหมือนกลัวว่าถ้าเขาไม่เสร็จภารกิจตัวดิฉันอาจถูกย่ำยีไปมากกว่านี้ ดิฉันกลับบ้านด้วยความรู้สึกช้ำอย่างแสนสาหัส โกรธเกลียดตัวเองที่ปล่อยให้อะไรล่วงเลยมาได้ถึงจุดนี้ กลับบ้านเจอลูกวิ่งมาหาด้วยความดีใจ น้ำตาดิฉันไหลอยู่ข้างในอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส แต่ไม่รู้จะบอกกับใครได้

ดิฉันบอกกับตัวเองว่าพอและจะหยุดอย่างเด็ดขาด ดิฉันบอกกับเขาและเขาก็ยังยืนยันว่าเรายังไม่ถือว่ามีเพศสัมพันธ์กัน ดิฉันบอกว่าถึงกระนั้นดิฉันก็รับไมได้และจะขอให้เขาหยุดการกระทำนี้หรือร้องขอให้ดิฉันทำอะไรแบบนี้อีก เขาขอโทษดิฉันและขอความเป็นเพื่อนไว้ ดิฉันยอมเป็นเพื่อนกับเขายอมคุยบ้าง ปรึกษาหารือเรื่องงานบ้างแต่ไม่สนิทใจเหมือนเก่าแล้ว แต่เขากลับยังรู้สึกว่าดิฉันยังเป็นคนพิเศษของเขาแต่ไม่ล่วงเกินดิฉันอีก และโชคก็ยังพอเข้าข้างดิฉันอยู่บ้างที่เขาต้องถูกย้ายงานไปที่อื่น ส่วนตัวดิฉันเริ่มมองหางานใหม่เพื่อหลุดพ้นจากบรรยากาศเก่าๆและกอบกู้จิตใจตัวเอง เวลาผ่านไปได้ระยะหนึ่งประมาณ 3 เดือนดิฉันหางานใหม่ได้ เขาย้ายไปอยู่ที่อื่น ดิฉันรู้สึกโล่งใจอย่างประหลาดเหมือนหลุดพ้นจากโซ่ตรวน ไม่มีความรู้สึกคิดถึงเขาหรืออาลัยอาวรณ์ ดิฉันพยายามถอยห่างจากเขามาเรื่อยๆปฏิเสธที่จะพูดคุยหรือพบเจอ เขายังพยายามติดต่อมาและแสดงความเป็นเพื่อน แต่ดิฉันไม่อาจทนติดต่อกับเขาได้อีกต่อไปเพราะมันมีแต่ภาพเหล่านั้นวนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลาและรู้สึกรังเกียจกับการกระทำนั้นมาก ดิฉันบอกเขาตรงๆว่าดิฉันขอเลิกติดต่อกับเขาโดยสิ้นเชิงโดยความเป็นเพื่อนก็ไม่สามารถให้ได้อีก เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้วและไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้อีก หลังจากนั้นดิฉันตัดสินใจสารภาพทุกสิ่งทุกอย่างกับสามีอย่างหมดเปลือก ดิฉันไตร่ตรองแล้วว่าดิฉันไม่ควรปกปิดสิ่งเลวทรามที่ดิฉันได้กระทำและถูกกระทำ และดิฉันต้องยอมรับถึงผลของมัน สามีของดิฉันนิ่งรับฟังเรื่องราวของดิฉันและกอดดิฉันไว้แน่นและพูดว่าเขาให้อภัยทุกอย่างอย่างไม่มีเงื่อนไข และเขามั่นใจว่าครอบครัวเราจะกลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้ง ชีวิตของเราต้องเดินไปข้างหน้าและลืมอดีตไว้เบื้องหลังนำข้อผิดพลั้งมาเป็นบทเรียนของชีวิตและดำเนินชีวิตต่อไปให้ได้ ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองหมดคุณค่าแล้วจริงๆ ดิฉันสิ้นศรัทธาในตัวเอง ความดีทั้งปวงที่เคยทำมามลายสิ้นเพียงเพราะความพลาดพลั้งนี้ ดิฉันรู้สึกสูญสิ้นคุณความดี ท้อแท้และเกลียดตัวเอง เคยมีความคิดไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถมีความสุขกับชีวิตได้อีกแล้ว

ตอนนี้เวลาผ่านไปเกือบ 2 ปีแล้วหลังจากที่ดิฉันสารภาพกับสามีและสามีให้อภัย แต่ตัวดิฉันเองกลับให้อภัยตัวเองไม่ได้สักที ยิ่งสามีดีกับดิฉันเท่าไหร่ดิฉันยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเลวเท่านั้น เวลามองหน้าลูก สามี พ่อแม่แล้วมีความรู้สึกละอายใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ดิฉันทรมานมากกับความทุกข์นี้ ดิฉันอยากกลับไปมีความสุขอีกครั้ง ปลดแอกความทุกข์นี้ไปจากใจ คงไมได้คาดหวังว่าต้องลืมมันได้ทั้งหมด และอยากให้ยอมรับความเจ็บปวดนี้ได้สักที ... มีใครพอแนะนำทางสว่างหรือหนทางและดิฉันให้หลุดพ้นแห่งห่วงทุกข์นี้ได้ไหมคะ ดิฉันอยากทราบว่าดิฉันทำผิดมากไหมคะ หากสามีให้อภัยดิฉันแล้ว ดิฉันให้อภัยผู้ชายคนนั้นแล้วและหยุดแล้ว จะสามารถลดการจองเวร หรือชดใช้กรรมในชาติภูมิหน้าได้หรือไม่คะ ดิฉันไม่อยากทรมานอย่างนี้อีกแล้ว.... โปรดวิเคราะห์และชี้ทางสว่างให้ชีวิตดิฉันด้วยนะคะ....ขอบคุณมากค่ะ


แก้ไขล่าสุดโดย แสงเทียนส่อง เมื่อ 13 ก.ค. 2010, 17:08, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2010, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2010, 10:58
โพสต์: 27

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: เรื่องที่ผ่านมาแล้วจะหยุดคิดได้หรือไม่อยู่ที่ใจของเรา ว่ามีสติและเข้มแข็งแค่ไหน ทำใจของเราให้เป็นบุญกุศลเข้าไว้ ทาน ศีล ภาวนา ปฎิบัติอย่าได้ขาดจะช่วยให้พบทางสว่าง ในไม่ช้า ขอให้คุณยึดมั่นทำความดีไว้นะคะ ธรรมะรักษาค่ะ :b4:

.....................................................
ธมฺมจารี สขํ เสติ /ผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุข


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2010, 18:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.ค. 2010, 17:05
โพสต์: 19

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งที่ผ่านมาแล้วแก้ไขอะไรไม่ได้ อีกย่างคนเราก็ผิดพลาดกันได้ ขอเพียงแต่ในเราเริ่มต้นทำสิ่งที่ดี
ต่อไป ทำใจให้เข้มแข็งน่ะ จะเป็นกำลังใจให้..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2010, 18:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 20:27
โพสต์: 40

แนวปฏิบัติ: ดูจิตในชีวิตประจำวัน
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ,ท่องเที่ยว,ขี่จักรยาน,เลี้ยงสุนัข
อายุ: 43
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่คุณรู้สึกผิด ก็ดีแล้วค่ะ จดจำความรู้สึกนี้ไว้นานๆนะคะ มันจะได้คอยเตือนใจคุณไม่ให้พลาดอีก เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรมาล่อใจเราให้หลงผิดได้อีกหรือเปล่า
จำมันไว้แต่อย่าปล่อยให้มันบั่นทอนกำลังใจคุณ ผิดพลาดครั้งเดียวไม่ได้ทำให้ชีวิตล่มสลายซักหน่อยนะคะ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วดีเสมอ อย่างน้อยก็ยังดีที่ไม่เลวร้ายไปกว่านี้
(ฟังจากธรรมะบรรยายของ พระไพศาล วิสาโล)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2010, 02:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด คุณมิได้ผิดเพราะอุปนิสัย
แต่พลาดเพราะ "พ่ายแพ้" เป็นธรรมดาของมนุษย์ ปุุถชน
ย่อมถูกกิเลสเล่นงาน หากไม่ระวังตัว และประมาท โชคดีที่รู้สึกตัว
ไม่ถลำลึกไปมากกว่านี้ ถึงจะไม่ถูกต้องนัก แต่ก็ใช่ว่าจะผิดเต็มร้อย

ทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว มัวแต่ครุ่นคิดถึงความผิดในครั้งนี้
ก็มีแต่จะเผาใจ ให้เป็นทุกข์ไปเปล่าๆ ในเมื่อสามีให้อภัย
ก็ควรตอบสนองความดีของเขา โดยการประพฤติดี
เป็นภรรยาที่ดี เป็นแม่ที่ดี

หากจะจดจำและนึกถึง ก็ขอให้จำไว้เป็นสิ่งเตือนใจ
ว่าต้องตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ไม่ควรไว้ใจใคร
สำหรับเรื่องนี้ โดยเฉพาะตัวเอง เป็นกำลังใจให้นะค่ะ :b4:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2010, 09:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ย. 2009, 09:31
โพสต์: 292

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ไม่ว่าจะผิดพลาดหรือน่าภูมิใจสักเท่าใด
มันก็เป็นแค่สิ่งที่เคยผ่านมาแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว
อยากให้ดีกว่านี้สักสิบเ่ท่า หรือทำให้แย่กว่านี้ก็คงทำไม่ได้
สิ่งที่คุณทำได้คือ ทำวันนี้ให้ดีกว่าวันที่ผ่านมา
เรื่องในอดีตก็เก็บเอาไ้ว้เป็นบทเรียน ไม่มีใครไม่เคยทำผิดพลาด
สามีก็ให้อภัยคุณแล้ว ที่เหลือจากนั้นคุณก็ควรให้อภัยตัวเองด้วย
หยุดคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาเสียที คิดไปก็มีแต่ทำให้ขุ่นข้องหมองใจตัวเองเปล่าๆ
ดิฉันคิดว่าคงไม่มีใครตอกย้ำความผิดของคุณ มีแต่ตัวคุณเองที่ตอกย้ำตัวเองตลอดเวลา
เรื่องก็ผ่านมาได้ระดับนึงแล้ว ปล่อยให้ผ่านไปเถอะค่ะ
คุณอย่าเอาอดีตมาทำลายความสุขของวันนี้อีกเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2010, 10:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 14:32
โพสต์: 874

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนากับการตัดสินใจที่ถูกต้องของคุณนะค่ะ
การที่เราจะสามารถให้อภัยใครได้ เราต้องให้อภัยตัวเอง
ให้ได้ก่อน เรื่องที่ผ่านมามันคืออดีต อดีตที่ต่อให้เราคิด
จนตายเราก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ แล้วทำจะ
คิดให้มันทุกข์ทำไม ใช้เวลาที่จะไปคิดเรื่องที่ผ่านมาไป
คิดเรื่องที่จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณและครอบครัวดีกว่าค่ะ
แต่หากมองว่าเป็นการสำนึกผิด หรือเป็นบทเรียนไว้สอนตัวก็ได้
แต่อย่าให้ถึงขั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เราทุกข์ทรมาน คุณโชคดีมาก
ที่มีสามีที่รักและเข้าใจ พร้อมที่จะให้อภัยคุณ เมื่อเขาให้อภัย
คุณแล้วก็เป็นหน้าที่ของคุณแล้วที่จะต้องให้อภัยตัวเองด้วย
ไม่งั้นสามีที่ยอมให้อภัยเขาอาจจะเสียใจได้ อ้อแนะนำว่า
ในขณะที่มีความคิดนี้ผุดขึ้นมา ให้ตั้งจิตอธิษฐานแผ่เมตตา
และตั้งจิตบอกกับตัวเองว่า ตั้งแต่นี้ไปเราจะทำแต่กรรมดี
สิ่งที่ผ่านแล้วเป็นอดีต.....ปัจจุบันต่างหากที่สำคัญ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2010, 10:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2010, 11:50
โพสต์: 283

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องที่ผ่านมาแล้ว เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ก็ขอให้มันเป้นบทเรียนชีวิตที่จะเตือนสติและใจไม่ให้ก้าพลาดอีก ทำเหตุปัจจุบันให้ดีเพื่อสร้างสุขในอนาคต อย่ามัวโทษตัวเองเลยคะ ชีวิตเราต้องเดินหน้าก้าวไปข้างหน้า ที่แล้วมาก็แล้วไป เป็นดำลังใจให้นะคะ :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2010, 11:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2010, 11:15
โพสต์: 46

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งที่ผ่านมาแล้วเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก
สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คือเราต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เหตุการณ์
ที่เกิดขึ้นเข้าใจคุณนะคะว่ามันเหมือนตราบาปที่ติดตัวคุณอยู่
จะลบล้างยังไงก็ไม่หมด แต่ในเมื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันได้
ผ่านมาแล้วคุณจะคิดเพื่อบั่นทอนความรู้สึกของตัวเองอยู่ทำไม
จงลืมมันซะแล้วหันมาใส่ใจบุคคลรอบข้างให้มากขึ้นแล้วจำสิ่ง
นี้ไว้เป็นบทเรียน ดิฉันคิดว่าคุณยังมีบุญกุศลหนุนอยู่บ้างจึงสามารถ
กลับตัวกลับใจได้ รู้เท่าทันอกุศลกรรมที่มันเกิดขึ้น
ยังงัยก็เข้มแข็งให้มากๆ นะคะ ให้กำลังใจตัวเองให้มากๆ
และจะขอเป็นกำลังใจให้อีกแรงคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2010, 15:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่คุณรู้สึกนั้นนี่เป็นธรรมชาติของจิตกุศลที่ชื่อว่า หิริ-โอตัปปะ
ทำให้เราละอายต่ออกุศลที่ได้ทำไป และเกรงกลัวที่จะก่ออกุศลนั้นใหม่
ควรจะดีใจที่เรามีสิ่งนี้ เพราะบางคนทำผิดแล้วไม่รู้สึกเช่นนี้

คนจำนวนมากรู้แต่ดี แต่ไม่รู้ชั่ว
ถึงจะรู้ัชั่ว ก็เป็นรู้ชั่วของคนอื่นลักษณะเพ่งโทษ

ควรจะดีใจที่คุณเองก็เป็นคนหนึ่งที่รู้ทั้งดี รู้ทั้งชัว
จัดว่าเป็นคนมีจิตใจที่ซื่อตรง (อุชุกตา) ซึ่งนับเป็นคุณสมบัติสำคัญของคนที่จะพัฒนาได้
เพราะถ้าไม่มีจิตใจอย่างนี้ ก็จัดว่าเป็นพวกใต้ตม
ไม่สามารถจะพัฒนาตนให้พ้นจากความทุกข์ได้


พระพุทธเจ้าตรัสว่า "บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร"

คนอื่นให้อภัยแล้ว ต่อไปนี้หัดเพียรให้อภัยตัวเอง และเพียรอยู่กับปัจจุบัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2010, 17:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 20:44
โพสต์: 341

ที่อยู่: ภาคตระวันออก

 ข้อมูลส่วนตัว




buddha12.jpg
buddha12.jpg [ 11.17 KiB | เปิดดู 15909 ครั้ง ]
สวัสดีครับท่านกัลญาณมิตร....ผมนั่งอ่านเรื่องราวที่ผ่านมาจนจบทุกคำอักษรและขอเป็น 1 เสียง
ที่ขอแนะนำท่านกัลญาณ,มิตร ให้ลืมสิ่งที่ผ่านมาเพราะการอยู่กับ ปัจจุบันคือสิ่งที่ถูกต้องครับเพราะบางครั้ง อดีตก็มีทั้งคุณค่าและไม่มีคุณค่าครับ...วันนี้คุณทำสิ่งที่ดีและถูกต้องแค่นี้สังคมครอบครัวของท่านกัลญาณมิตรก็มีความสุขแล้วครับ... ผมขอเป็นกำลังใจให้ท่านเดินและก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุขในสังคมและสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรมครับ ...บุญคือความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม.....

:b8: เทพบุตร :b8:

อนุโมทนาสาธุครับ

.....................................................
การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ท้งปวง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 08:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 17:05
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันขอขอบพระคุณทุกท่านสำหรับกำลังใจ การเข้าใจ ข้อคิดและแนวทางปฏิบัติค่ะ ดิฉันจะเฝ้าเพียรกระทำกรรมดีให้มากที่สุด และตั้งมั่นจิตว่าจะไม่ประมาทกับสิ่งใดในชีวิตอีก

ขอบพระคุณทุกท่านจริงๆนะคะ ดิฉันรู้สึกจริงๆว่าเหมือนมีน้ำเย็นมาชะโลมใจและมองเห็นแสงรำไรอยู่เบื้องหน้าแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2010, 16:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2009, 17:14
โพสต์: 84

แนวปฏิบัติ: ตามดูจิต
งานอดิเรก: เลี้ยงแมว/ดูหนัง/เล่นเนต
สิ่งที่ชื่นชอบ: ธรรมะ
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ คุณแสงเทียนส่อง

ดิฉันได้อ่านเรื่องราวของคุณที่เล่ามาแล้วรู้สึกเข้าใจความรู้สึกที่คุณเป็น
มันไม่จำเป็นที่ดิฉันจะต้องเคยเจอเรื่องที่คุณเจอแล้วถึงจะเข้าใจ
แต่ดิฉันเข้าใจคุณเพราะ ว่าคุณกับดิฉันมี"มุมด้านศีลธรรม" ในใจที่เหมือนๆกัน

ดิฉันมองว่า ปัญหาของคุณในตอนนี้ มันเกิดจากความรู้สึกที่คุณไม่สามารถ "ให้อภัยตัวเอง" เท่านั้น
จริงอยู่ที่สามีของคุณจะให้อภัยมาตั้งสองปีแล้ว แต่อารมณ์คุณมันเหมือนกับว่า "ด่าฉัน ตบฉันเสียยังจะดีกว่า" คุณกำลังรู้สึกว่า สิ่งที่คุณได้กระทำลงไป มันยังไม่ได้รับโทษที่สาสม มันไม่น่าจะออกมาเป็นแบบนี้
อะไรๆ มันก็ไม่เข้ารูปเข้ารอยในสิ่งที่มันควรจะเป็น...นั้นก็สภาวะที่คุณเป็นมาตลอด 2 ปีนี้

มันเป็นเหตุธรรมดาค่ะ ที่คุณจะต้องรู้สึกผิดมาก
นั้นเป็นเพราะ มาตรฐานในชีวิตคุณ "เคยสูงมาก" มาก่อน
คุณคือผู้หญิงที่มีแพทเทรินชีวิตที่ดี มีอุดมคติในชีวิตที่ดีงาม ถูกต้องมาตลอดอย่างยาวนาน
มีครอบครัวที่น่ารัก สมบูรณ์แบบ
มีสามีที่ดี มีลูกที่น่ารัก ใครๆต่างก็ยินดีในสิ่งที่คุณเป็น
ซึ่งสิ่งที่ดิฉันพูดถึงมาทั้งหมด มันเรียกรวมๆเป็นคำเดียวว่า "การยึดมั่น ถือมั่น"

คุณกำลังยึดมั่น ถือมั่นอะไรอยู่?
คำตอบคือ คุณงามความดีที่ตัวเองเคยเป็นมา
ถามว่า แล้วไม่ดีหรอ?
ตอบได้ว่า มันก็ดี แต่บางทีเลือกเดินทางสายกลาง ดีที่สุด

ดิฉันอยากจะให้กำลังใจคุณอย่างนี้นะคะ
อยากให้คุณ ลองมองชีวิตในแง่ + ไว้ให้มากๆ
ถ้า 2 ปี มานี้ คุณคงจะมองในด้านดีๆของสามี และครอบครัวที่ได้คอยให้อภัยและยังใส่ใจคุณเสมอมาแล้ว
ก็ขอให้ปีนี้ คุณเริ่มมองดู "ด้านๆดีในชีวิตของตัวเองบ้าง"
ถ้าดิฉันเป็นคุณ ดิฉันจะบอกตัวเองแบบนี้ค่ะ ว่า
เราโชคดีแค่ไหน ที่ยังไม่เสียหายไปมากกว่านี้ แล้วลองมองชีวิตของลูกผู้หญิงคนอื่นๆในสังคมที่เขาได้ได้รับชะตากรรมที่เลวร้ายมากกว่าคุณอีกหลายๆเท่า

เราโชคดีแค่ไหนที่ยังมีกำลังใจรอบด้าน ยังคงมีที่ยืนอยู่บนสังคม

เป็นต้น
ขอให้คุณลองมองชีวิตคนที่เขาแย่กว่า แล้วคุณจะเห็นคุณค่าในชีวิตของตัวเอง
และ ขอให้คุณลองเปิดใจมองดูเหตุการณ์ในครั้งนี้ แล้วคุณจะพบว่า เหตุการณืที่ผ่านเข้ามา มันเหมือน บทเรียน และ บททดสอบ ให้คุณรู้จักกับ คำว่า
ประมาท
ทุกข์
ผิดพลาด
ยอมรับและการให้อภัย
คุณได้เห็นวัฎจักรชีวิตด้วยตัวของคุณแล้ว ตัวดิฉันเองก็เคยผ่านความทุกข์ อาจจะต่างกันที่รูปแบบที่เจอ แต่สุดท้ายก็ไปสู่ปลายเหตุเดียวกันทั้งสิ้น

ขอให้วันนี้ คุณเลิกโทษตัวเองได้แล้ว
สิ่งที่แย่กว่าการทำผิด คือ การไม่รู้จักให้อภัย นะคะ
เราจมกับอดีตไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเดินต่อไปได้
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ มันเป็นเรื่องธรรมดา ของมนุษย์ ผู้ยังยืนอยู่บนความประมาท
ดิฉันก็เป็น ใครๆก็เป็น คุณก็เป็น
แต่เป็นแล้วก็ต้องรู้จักเรียนรู้กับเหตุการณืที่เกิดขึ้น
แล้วนำมาสอนตัวเองให้ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันให้ได้ ไม่ใช่ปล่อยผ่านเลยไปโดยไม่ได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย

ขอให้ใช้ความดี ที่มีอยู่ทำให้มาก กว่าสิ่งที่เราทำไว้ไม่ดีนะคะ แล้วสักวันความดีมันจะกลบสิ่งต่างๆเรานั้นให้มันสำคัญน้อยลงไปเอง และเมื่อคุณสามารถก้าวข้ามผ่านเหตุการณ์ในใจครั้งนี้ไปได้เมื่อไหร่
คุณจะได้เรียนรู้ว่า "ความสมบูรณ์แบบ" ในชีวิต จริงๆแล้วมันคือการรู้จักการดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาท เท่านั้นเองค่ะ

เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ
กัลยาณมิตร

.....................................................
จงขอบคุณเมื่อความทุกข์เกิด เพราะมันคือบทเรียนให้เราก้าวหน้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2010, 09:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2010, 17:05
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะคุณ panatson

ดิฉันนั่งอ่านข้อความของคุณไปพร้อมน้ำตาอาบแก้มด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก ดิฉันขอขอบคุณมากๆจากใจจริงๆในน้ำใจที่งดงามของกัลยาณมิตรทุกท่าน การวิเคราะห์ปัญหาและการชี้นำทางสว่างให้กับดิฉัน

มันไม่ง่ายเลยจริงๆกับการจัดการกับความคิดของตัวเอง แต่ดิฉันจะพยายามและต้องพยายามให้มากขึ้น

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกกำลังใจนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2010, 09:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2010, 11:50
โพสต์: 283

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


น้ำเป็นกำลังใจให้นะคะ สิ่งที่ผ่านมาแล้วขอให้นำมาเป็นบทเรียน ไม่ประมาทอีก และนำเอาความคิดที่ไม่ให้อภัยตัวเองกลบลงดินซะ เดินไปข้างหน้าอย่างไม่ประมาทในชีวิตอีก เดินสายกลาง ไม่ยึด ไม่มั่นจนเกินเหตุ ใครๆก็ทำผิดได้ น้ำก็เป็น ถ้าอ่านกระทู้ของผญ ในลานนี้จะพบว่าบางคนหนักหนากว่ามากนัก คุณยังโชคดีกว่าคนอื่นอีกมากมาย เดินต่อไปนะคะ อดีตแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดี เพื่อผลอนาคตที่ดีตามมาคะ :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 31 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร