วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 22:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2010, 02:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ค. 2010, 01:36
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำอย่างไรดีคะ ให้คนรักที่บอกว่ารักเรา เข้าใจว่า ความรัก ไม่ใช่แค่รัก แต่ต้องประกอบด้วยความเข้าใจ การให้อภัย ความไว้ใจ ความซื่อสัตย์ และอะไรๆ ประกอบกัน จึงจะพอดี ไม่อยากให้รักแล้วต้องทุกข์ ต้องครอบครอง ยึดติด จนกลายเป็นรักแล้วทุกข์ ทุกข์ทั้งคนรักและคนที่ถูกรัก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2010, 06:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2010, 07:21
โพสต์: 65

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำตัวเองให้เป็นตัวอย่างค่ะ

เราไม่อาจควบคุม หรือบังคับความคิด ของคนอื่นให้เป็นอย่างที่ใจเราต้องการได้ค่ะ
แต่เราสามารถฝึกฝนตัวเอง จนจิตเราเย็น และแผ่ความเย็นออกมาได้ คนรอบข้างเราจะรับความรู้สึกนี้ได้ค่ะ
ถ้าเราไม่ยึดติดกับคนรัก แต่มีความปรารถนาดี ความเือื้ออาทรให้โดยไม่หวังผลตอบแทน คนรักจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนี้ แต่จะค่อยๆซึมซับความรู้สึกนี้เข้าสู่ตัวเขาเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2010, 11:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cvo เขียน:
ทำอย่างไรดีคะ ให้คนรักที่บอกว่ารักเรา เข้าใจว่า ความรัก ไม่ใช่แค่รัก

อยากจะให้เขาเข้าใจในรักแท้...รักบริสุทธิ์...รักที่มีแต่ให้..ด้วยความซื่อสัตย์..นั้นยากแท้
เหตุมาแบบไหน...ผลก็มาแบบนั้น...ขึ้นอยู่ที่เหตุปัจจัยของการปฏิบัติต่อกันและกัน
ขอให้เราเข้าใจตัวเราเองดีกว่า...ถ้าเราประพฤติปฏิบัติเป็นสัมมาแล้ว..ปฏิบัติดีแล้ว..มีความตั้งใจจริงแล้วทั้งกาย..วาจา..ใจ...เขาก็จะเห็นไปเอง
การดูใจคนอื่น..หรือการอยากจะให้คนอื่นเข้าใจในใจเราทั้งหมด...แม้คนรักคนใกล้ชิดเรา..นั้นยาก..ถึงวันนี้ดูเหมือนเขาจะเข้าใจความรักที่เรามีให้กันแต่วันหน้าก็ยังไม่แน่...เพราะใจคนนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
ขอให้กลับเข้ามาดูใจของเราดีกว่า...ว่าสุขหรือทุกข์...สงบหรือไม่สงบ..เย็นหรือร้อน..รู้เหตุความเกิดความดับของมัน..เท่านั้นล่ะครับ...ดูภายในอย่าดูออกไปภายนอกเลย
ขอเจริญในธรรม :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ศรีสมบัติ เมื่อ 08 ก.ค. 2010, 11:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2010, 12:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 14:32
โพสต์: 874

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ CYO คงต้องค่อย ๆ คุย ค่อย ๆ บอกกันไปค่ะ
เพราะส่วนใหญ่แล้วคนเรามักถูกเลี้ยงดูมาให้ยึดมั่น
ถือมั่น ในสิ่งที่ตนรัก การที่จะทำให้คนคนหนึ่งคลาย
จากการยึดมั่นถือมั่นคงต้องใช้เวลา และเห็นด้วย
กับการแสดงให้เขาดูเป็นตัวอย่าง ว่าความรักของ
เราเป็นแบบไหน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2010, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 12:05
โพสต์: 282

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ลองให้เค้าอ่านหนังสือธรรมเกี่ยวกับความรัก เช่น รักแท้มีจริง(ดังตฤณ), รู้จักรัก
และหนังสือธรรมอื่นๆที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายในเบื้องต้น

แต่หากการทำให้คนอื่นเข้าใจที่เราอยากให้เข้าใจ อาจเป็นเหตุแห่งทุกข์
ก็ปรับเปลี่ยนที่ปัจจัยภายในอย่างที่ท่านอื่นๆแนะไว้ค่ะ

.....................................................
อย่ามัวเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ชราแล้วตายไปเปล่า อย่ามัวแต่ตำหนิตนเองหรือผู้อื่นอยู่ คิดอยู่เสมอว่าจะพัฒนาจิตใจตน และทำประโยชน์ให้ผู้อื่นอย่างไร แล้วเร่งกระทำทันที อย่ามัวรีรอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2010, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



ทุกอย่างล้วนอยู่ที่เหตุ ถ้าเข้าใจถึงเหตุที่เคยกระทำร่วมกันมา และผลที่ต้องได้รับ
จะไม่ไปคิดแก้ไขทิฏฐิของใครๆ แต่จะย้อนกลับมาดูที่ตัวเอง

หากแม้เคยสร้างเหตุร่วมกันมา ต่อให้ร้ายยังไง ก็คงยังต้องอยู่กันไปตลอดชั่วชีวิต
หากแม้ไม่เคยสร้างเหตุร่วมกันมา ต่อให้ดีแสนดียังไง ต่อให้ยอมเขาทุกอย่าง สักวันก็ต้องเลิกกันอยู่ดี

ความรักที่แท้จริงจะไม่มีเงื่อนไขใดๆ หากแม้มีเงื่อนไข นั่นคือกิเลส
รักที่เจือด้วยกิเลสจะพบแต่ความทุกข์ เพราะไม่ได้ดั่งใจที่ตัวเองต้องการ

เขาไม่รักเรา แต่เรารักเขา เขารักเรา แต่เราไม่รักเขา
ทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุที่เราทำมาทั้งสิ้น

จงเป็นผู้มีสติ สัมปชัญญะ รู้อยู่กับปัจจุบัน ทุกอย่างมันไม่เที่ยง
เราจะไปยึดมั่นถือมั่นอะไรไม่ได้เลยแม้แต่สักอย่างเดียว

รักแบบนี้ดีกว่า คือ รักตัวเองให้เป็นก่อน
หมั่นสร้างแต่เหตุดี ผลย่อมดีแน่นอน โดยไม่ต้องไปหวังผลใดๆทั้งสิ้น
เมื่อรักตัวเองเป็นแล้ว เราจึงจะรู้จักที่จะรักผู้อื่นมากขึ้น มีแต่คิดที่จะให้โดยไม่หวังผลใดๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ส.ค. 2010, 13:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ค. 2010, 01:36
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รักเป็นย่อมเป็นสุข

ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2010, 13:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 เม.ย. 2009, 11:17
โพสต์: 17

แนวปฏิบัติ: มโนมยิทธิ
งานอดิเรก: เล่นเฟส อ่านหนังสือธรรมะ ฟังธรรมะหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
สิ่งที่ชื่นชอบ: หลวงพ่อพระราชพรหมยาน หลวงปู่ปาน สมเด็จองค์ปฐม วัดท่าซุง ศูนย์พุทธศรัทธา
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บอกเค้าสิคะว่า เราต้องการให้เค้ารักเราแบบไหน
แบบไหนคือ สิ่งที่คุณต้องการ
กุมมือคุยกัน เปิดอกคุยไปเลยค่ะ
อย่าเก็บเอาไว้ มีอะไรบอกให้หมด
บอกเค้าว่าแบบนี้คือสิ่งที่อยากให้เค้าทำ
แล้วถามเค้าไปเลยว่าทำได้มั๊ย รับได้มั๊ย
ถ้าเค้าบอกทำได้ และรับได้
คุณให้เค้ายืนยันเลย
พอวันใดที่เค้าทำไม่ได้ ให้บอกว่า
ไหนบอกว่าเข้าใจไง ทำได้ และรับได้
แต่สำคัญที่สุดคุณก้อต้องถามเค้าด้วยนะ
ว่าแบบไหนคือสิ่งที่เค้าต้องการ
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 17:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




lotus299.jpg
lotus299.jpg [ 2.68 KiB | เปิดดู 4607 ครั้ง ]
รักแบบไม่หวังผลตอบแทน ...พรหมวิหาร4...

...พรหมวิหาร วิหาร แปลว่า ที่อยู่ พรหม แปลว่า ประเสริฐ คำว่า พรหมวิหาร หมายความว่า เอาใจจับอยู่ในอารมณ์แห่งความประเสริฐ หรือเอาใจไปขังไว้ในความดีที่สุด ซึ่งมีคุณธรรม 4 ประการ คือ...

-เมตตา

-กรุณา

-มุทิตา

-อุเบกขา


...คุณธรรม 4 ประการนี้ นอกจากความเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐแล้วยังเป็นอานิสงส์ความสุขแก่ผู้ปฏิบัติถึง 11 ประการ ดังนี้...

1. สุขัง สุปฏิ นอนหลับเป็นสุข เหมือนนอนหลับในสมาบัติ...

2. ตื่นขึ้นมีความสุข ไม่มีความขุ่นมัวในใจ...

3. นอนฝัน ก็ฝันเป็นมงคล...

4. เป็นที่รักของมนุษย์ เทวดา พรหมและภูตผีทั้งหลาย...

5. เทวดา พรหม จะรักษาให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง...

6. จะไม่มีอันตรายจากเพลิง สรรพาวุธและยาพิษ...

7. จิตจะตั้งมั่นในอารมณ์สมาธิเป็นปกติ สมาธิที่ได้ไว้แล้วจะไม่เสื่อม มีแต่จะเจริญยิ่งขึ้น...

8. มีดวงหน้าผุดผ่องเป็นปกติ...

9. เมื่อจะตาย จะมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์...

10. ถ้ามิได้บรรลุมรรคผลในชาตินี้ ผลแห่งการเจริญพรหมวิหาร 4 นี้จะส่งผลให้ไปเกิดในพรหมโลก...

11. มีอารมณ์แจ่มใส จิตใจปลอดโปร่ง ทรงสมาบัติ วิปัสสนาและทรงศีลบริสุทธิ์...

--เมตตา แปลว่า ความรัก หมายถึง รักที่มุ่งเพื่อปรารถนาดีโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆจึงจะตรงกับคำว่าเมตตาในที่นี้ ถ้าหวังผลตอบแทนจะเป็นเมตตาที่เจือด้วยกิเลส ไม่ตรงต่อเมตตาในพรหมวิหารนี้...

ลักษณะของเมตตา ควรสร้างความรู้สึกคุมอารมณ์ไว้ตลอดวัน ว่า เราจะเมตตาสงเคราะห์ เพื่อนที่เกิด แก่ เจ็บ ตาย จะไม่สร้างความลำบากให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ความทุกข์ที่เขามี เราก็มีเสมอเขา ความสุขที่เขามี เราก็สบายใจไปกับเขา รักผู้อื่นเสมอด้วยรักตนเอง...


--กรุณา แปลว่า ความสงสาร หมายถึง ความปรานี ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ความสงสารปรานีนี้ก็ไม่หวังผลตอบแทนเช่นเดียวกัน สงเคราะห์สรรพสัตว์ที่มีความทุกข์ให้หมดทุกข์ตามกำลังกาย กำลังปัญญา กำลังทรัพย์...

ลักษณะของกรุณา การสงเคราะห์ทั้งทางด้านวัตถุ โดยธรรมว่าผู้ที่จะสงเคราะห์นั้นขัดข้องทางใดหรือถ้าหาให้ไม่ได้ ก็ชี้ช่องบอกทาง...


--มุทิตา แปลว่า มีจิตอ่อนโยน หมายถึงจิตที่ไม่มีความอิจฉาริษยาเจือปน มีอารมณ์สดชื่นแจ่มใสตลอดเวลาคิดอยู่เสมอว่าถ้าคนทั้งโลกมีความโชคดีด้วยทรัพย์มีปัญญาเฉลียวฉลาดเหมือนกันทุกคนแล้วโลกนี้จะเต็มไปด้วยความสุข สงบ ปราศจากอันตรายทั้งปวงคิดยินดีโดยอารมณ์พลอยยินดีนี้ไม่เนื่องเพื่อผลตอบแทนการแสดงออกถึงความยินดีในพรหมวิหาร คือไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น...


-อุเบกขา แปลว่า ความวางเฉย นั่นคือ มีการวางเฉยต่ออารมณ์ที่มากระทบความวางเฉยในพรหมวิหารนี้ หมายถึง เฉยโดยธรรม คือทรงความยุติธรรมไม่ลำเอียงต่อผู้ใดผู้หนึ่ง...

-คนที่มีพรหมวิหาร 4 สมบูรณ์ ศีลย่อมบริสุทธิ์

-คนที่มีพรหมวิหาร 4 สมบูรณ์ ย่อมมีฌานสมาบัติ

-คนที่มีพรหมวิหาร 4 สมบูรณ์ เพราะอาศัยใจเยือกเย็น ปัญญาก็เกิด ….

ที่มา :: ธรรมะจากพรหมวิหาร 4

กราบอนุโมทนาบุญกับผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรอย่างสูงทุกท่านค่ะ tongue tongue tongue

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องค่อยๆปลอบใจกันไปให้เขาเข้าใจไปเรื่อยๆมังคะ :b1: อย่างถ้าเขาขี้หึงมาก เราก็ต้องทำให้เขาไว้ใจได้เสมอ มีความซื่อสัตย์และวางใจได้ (แนะนำเหมือนตัวเองมีคู่รักงั้นแหล่ะ แหะๆ :b32: )

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 66 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร