วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 11:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2010, 21:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2010, 17:28
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม เป็นวันที่คุณพ่อเราเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งคุณพ่อเราไม่เคยมีปัญหาโรคหัวใจมาก่อน คุณพ่อจากไปเร็วมาก :b26: ซึ่งเรายังทำใจไม่ได้เลย ไม่สามารถนอนหลับได้สนิท ต้องเพิ่งยานอนหลับ หรือเรียกอย่างดูดี ว่ายาคลายเครียด พอเราไม่ใช้ยาเราก็ไม่สามารถนอนหลับสนิท จะเห็นเหตุการณ์ตลอด ตั้งแต่เรานั่งคุยกะคุณพ่อ จนกระทั่งท่านเสียชีวิต และกระทั่งทุกเหตุการณ์ทั้งหมดเกี่ยวกะคณพ่อเรา เห็นเป็นฉากๆ เรายังมีหลายอย่างที่อยากทำให้ท่านแต่ว่ามันก็สายมากเสียแล้ว อยากเตือนเพื่อนๆว่าถ้ายังมีโอกาสที่ได้ตอบแทนบุญคุณบุพการี อย่ารอช้าเลยค่ะ อย่าบอกท่านว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้พาไป ซึ่งมันอาจจะช้าเกินไปค่ะ :b26:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2010, 23:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:17
โพสต์: 23

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คิดว่าท่านได้แสดงธรรมให้คุณดู คือว่าทุกคนต้องจากโลกนี้ไป และเราเองก็ต้องตามท่านไปเหมือนกัน ตอนนี้ต้องเร่งทำความดีไว้มาก ๆ คะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2010, 00:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2010, 00:22
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกอย่างเป็นอนิจจัง ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความทุกข์จ๊ะ
:b48: :b47: :b46: :b50:

.....................................................
"ทุกอย่างเป็นอนิจจัง ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความทุกข์"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2010, 03:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

แต่อย่ามัวเศร้านานนัก....ท่านไปแล้ว แต่เรายังต้องอยู่
ไม่มีใครหลีกหนีความตายได้พ้น....สักวันเราก็ต้องไป
เหมือนกัน ที่ผ่านมาก็เป็นบทเรียนสอนใจตัวเองได้เป็นอย่างดี
หากมีอะไรที่อยากจะทำก็ทำเสีย โดยเฉพาะความดี
เร่งรีบทำความดีเพื่อสะสมสะเบียงเอาไว้ภายภาคหน้า

คุณแม่ยังอยู่หรือเปล่า?...หากท่านยังอยู่ก็ยังเหลือ
พระอีกองค์หนึ่งที่ควรทุ่มเท เอาใจใส่ดูแล หากถึงวันที่
จะต้องจากกันจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจแบบนี้อีก :b5:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2010, 09:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2010, 17:28
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะ คุณแม่ยังอยู่ค่ะ
ตอนนี้ทั้งคุณแม่และเราก็พยายามทำใจอยู่ค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2010, 10:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


...พระพุทธเจ้าก่อนจะทรงเข้าสู่ ภาวะ ปรินิพพาน..ก็ทรง ย้ำเตือน..เกี่ยวกับ ความประมาท
ธรรม สุดท้ายที่ให้ไว้ คือ ความไม่ประมาท...
....ขอแสดงความเสียใจ ด้วยครับ...จากการเสียไปที่ ไม่มีการสั่งลา...ไม่บอกล่วงหน้า
เรายังมีเวลา ที่จะ ทำบุญ...รักษาศีล...เจริญภาวนา ปฏิบัติ ยังแผ่บุญกุศลนี้ไปถึงท่านได้
นึกถึงความดีที่เราได้ทำหน้าที่ของลูกไว้ครับ.....ส่วนต่อไป คือ เจริญภาวนา เพื่อ ที่จะ ละ
อุปาทาน ขันธ์ ๕ ที่มันยึดเรา ทำให้เป็นทุกข์อยู่ในเวลานี้...
อย่ามัวประมาทอยู่เลย...ปฏิบัติตั้งแต่วันนี้..เดี๋ยวนี้...เมื่อมีเหตุการณ์ใดเข้ามากระทบอีก
ก็จะรู้สึกวาง เฉย มองเป็นเรื่องของธรรมชาติ ที่เกิด-ดับ อยู่อย่างนี้ จะได้ไม่ปรุงแต่ง คิด เรื่องสัญญา เก่าๆ หรืออดีตที่ล่วงมา...
ไม่มีอะไรแน่นอน..แม้ชีวิตของเรานี้ก็ตาม
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2010, 02:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

ขอแสดงความเสียใจในการจากไปของคุณพ่อด้วยครับ ธรรมดาของชีวิตก็เป็นเช่นนั้นเอง ขอให้เรายอมรับความจริง เวลาจะช่วยรักษาใจจนเป็นปรกติในที่สุด :b7: :b7:

ขอเสนออุบายแก้ทุกข์ เพื่อให้เกิดการปล่อยวางของพระธรรมวิสุทธิกวีมาให้ครับ

๑. เมื่อเกิดอะไรขึ้นให้รวมลงในพระไตรลักษณ์ทั้งหมด คือถ้าอะไรเกิดขึ้นในชีวิตของเรา ไม่ว่าดีหรือไม่ดี ก็ให้รวมลงไปว่า สิ่งเหล่านี้มันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา ไม่มีอะไรเป็นของเราที่แท้จริงเลย จึงไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น ถ้ารวมลงในพระไตรลักษณ์ได้ ใจจะเบา จะว่าง

๒. ให้เห็นว่าสิ่งใดเกิดขึ้นสิ่งนั้นต้องดับ คือให้ยอมรับความจริงว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแต่ต้องดับไปในที่สุดทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเหลือ ดังที่พระอัญญาโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมครั้งแรกว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีการเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดก็มีการดับไปเป็นธรรมดา" คนเราเมื่อมีการเกิดก็มีการตายเป็นธรรมดา แม้ปัญหาต่าง ๆที่มันเกิดขึ้นมันก็ต้องดับไปเป็นธรรมดา นี่คือกฏของธรรมชาติอย่างหนึ่งของสิ่งทั้งหลาย ไม่ต้องไปบังคับหรือยึดมั่นถือมั่นมากจนเกินไป เพราะถือมั่นมากทุกข์ก็มาก ทำให้เครียดมากด้วย

๓. อย่าแบกงานไว้มากเกินไป คือการแบกงานไว้มากนั้น มันหนัก มันเครียด วุ่นวาย และทุกข์ใจมาก ผู้ที่จะได้ความสงบสุขที่เรียกว่า "สันติบท" นั้น ต้องเป็นคนที่ไม่แบกงานไว้มากเกินไปที่เรียกว่า "อัปปกิจโจ" คือมีงานน้อย ทำแต่พอประมาณ แก่ความรู้และความสามารถของตน จึงจะเกิดความเบากายเบาใจได้ง่าย คือให้วางงานลงเสียบ้าง ถ้าไม่วางก็จะหนักอยู่ตลอดไป จึงเป็นเหตุให้เครียด แม้เราปุถุชนไม่อาจจะวางได้ตลอดไป แต่วางเสียบ้างแล้วค่อยยกขึ้นมาใหม่ ก็จะเกิดความเบากายเบาใจลงได้ คลายเครียดได้

๔. ให้ปฏิบัติพร้อมกับกำหนดลมหายใจเข้าออก คือในการนำธรรมะชั้นปล่อยวางมาปฏิบัตินั้น ถ้าเราปฏิบัติในขณะเจริญกรรมฐาน เช่น กำหนดลมหายใจเข้าออก ก็ให้กำหนดดังนี้ เมื่อหายใจเข้าให้ภาวนาว่า "ปล่อยวาง" เมื่อหายใจออกก็ภาวนาว่า "ปล่อยวาง" ปล่อยวางอะไร ? ปล่อยวางให้หมดโดยเฉพาะวางนามรูปที่จะให้เข้าไปยึดมั่นว่า เป็นตัว เป็นตน เป็นเรา เป็นเขา หายใจเข้าก็ปล่อยวาง หายใจออกก็ปล่อยวาง แม้ที่สุดร่างกายของเราก็ต้องปล่อย แล้วมันก็จะเบา จะรู้สึกเย็นขึ้นมา

๕. ให้ทำงานด้วยความไม่ยึดมั่น คือการทำงานเพื่องาน เพื่อความสำเร็จของงาน ทำความดีเพื่อความดี ไม่ใช่เพื่อยศเพื่อตำแหน่ง เกียรติยศชื่อเสียง ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเรา เพื่อของเรา ถ้าทำอย่างนั้นมันจะวุ่นวายใจเมื่อสิ่งทั้งหลายไม่สมใจตน จงทำงานไปพร้อมกับให้ความรู้สึกอยู่เสมอว่าทำความดีเพื่อความดี ทำงานเพื่อความสำเร็จของงาน ทำด้วยความเพลิดเพลิน ไม่รีบร้อนจนเกินไป เพราะในที่สุดเราต้องปล่อยวางหมดทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ไม่ปล่อยก็ต้องปล่อยเมื่อเราต้องจากโลกนี้ไป

๖. ให้ถือหลักพุทธภาษิตว่า "สิ่งทั้งปวงไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวางเสียได้เป็นสุข" ดังคำกลอนที่ว่า

สิ่งทั้งปวงควรหรือจะถือมั่น
เพราะว่ามันก่อทุกข์มีสุขไฉน
ยึดมั่นมากทุกข์มากลำบากใจ
ปล่อยวางได้เป็นสุขทุกวันคืน


หากได้ใช้อุบายแก้ทุกข์ ในการปล่อยวางนี้ได้ ก็จะทำให้ทุกข์หรือความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น เบาบางลง ความเครียดก็จะลดลง แล้วความสุขและความสงบก็เข้ามาแทนที่ด้วยอำนาจการประพฤติธรรม แม้ธรรมะบางอย่างจะเป็นธรรมชั้นสูง แต่ก็เป็นหลักธรรมในพุทธศาสนาที่เราสามารถนำมาประยุกต์กับชีวิตประจำวันของเราได้ หากเข้าใจในหลักการปฏิบัติเพียงพอ ลองน้อมนำมาปฏิบัติดูครับ

:b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43: :b43:

เจริญในธรรมครับ :b8: :b8: :b8:

:b41: :b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2010, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอแสดงความเสียใจด้วยอย่างยิ่งค่ะ :b20:


พลิกมองให้ได้ธรรมะให้ได้นะคะ ความทุกข์ครั้งใหญ่ครั้งนี้จะัได้ไม่เสียเปล่า :b24:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2010, 19:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ

การพลัดพรากจากสิ่งที่รักก็ต้องเกิดแก่พวกเราทั้งนั้น...ปัญหาอยู่ที่ว่า
ในเมื่อต้องเสียแล้ว..เราจะเรียนรู้ที่จะ "เสียให้เป็น" ได้อย่างไร?... จึงจะไม่ทุกข์โทมนัส..

ทั้งหมด เป็นเรื่องของปัญญาที่จะต้องขึ้นมารู้ความจริง..

..พระพุทธองค์จึงทรงตรัสไว้ว่า ความปรารถนาของบุคคลที่ไม่อาจจะสมปรารถนาได้เลยก็ได้แก่..

ขอความแก่ที่เกิดเป็นธรรมดานั้น ขอจงอย่าได้แก่เลย
ขอความเจ็บที่จะต้องเกิดเป็นธรรมดานั้น จงอย่าได้เจ็บเลย
ขอความตายที่จะต้องเกิดเป็นธรรมดานั้น จงอย่าได้ตายเลย
ขอสิ่งที่จะต้องพินาศเป็นธรรมดานั้น จงอย่าได้พินาศเลย
ขอให้สิ่งที่รักที่จะต้องพลัดพรากจากกันเป็นธรรมดานั้น จงอย่าได้พลัดพรากเลย


ที่ใจดิ้นรนเป็นทุกข์ เพราะไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา แม้จะคิดว่าจะธรรมดาแต่ก็ไม่ยอมรับ จึงดิ้นรนต่อสู้เพื่อที่จะได้มาซึ่งอารมณ์ที่ตนปรารถนานั้น ใจจึงเดือดร้อนเหลือเกิน ..

คุณพ่อที่ต้องจากไป ก็เพราะหมดซึ่งเหตุและปัจจัยต่อกันแล้ว ..การมัวแต่เศร้าโศกต่อการจากไปของใครที่เรารักนั้น ประโยชน์อะไรที่จะเกิดขึ้นแก่เราในโลกนี้ ไม่มีเลย...เพราะจิตใจของเราก็ย่อมไหลไปความความเสียใจ หดหู่เศร้าหมองยิ่งนัก มีแต่โทษไม่มีประโยชน์แม้สักน้อย ..

ชีวิตของเราเองก็ไม่รู้ว่า จะเป็นวันสุดท้ายในยามไหน ควรหรือที่จะปล่อยใจตนเองให้ไหลไปกับอดีตที่ไม่มีวันหวนคืน จงทำปัจจุบันให้เกิดกุศลนั่นแหละ จึงจะชื่อว่า ดี
เพราะใครๆในโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นพ่อเป็นแม่บุตรธิดาสามีหรือคนรักก็หาใช่กรรมสิทธิ์ของเราไม่..กรรมที่เราทำทุกขณะจิตนั่นเองชื่อว่า กรรมสิทธิ์ของเราโดยแท้เทียว
แล้วเราจะเลือกทำกรรมสิทธิ์อย่างไรจึงจะอุปการะตนเองดีหนอ?

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2010, 23:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ส.ค. 2010, 17:28
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบคุณมากๆเลยค่ะ ทุกคำแนะนำที่ได้แนะนำมา จะปฏิบัติตามให้มากที่สุดเลยค่ะ cool
ตอนนี้ก็เป็นห่วงคุณแม่มากที่สุดเลยค่ะ คุณแม่เข้า-ออก โรงพยาบาลบ่อยมากเลยค่ะ ตั้งแต่คุณพ่อเสีย ครั้งล่าสุดคือเมื่อวานนี้(30 กงย.) ญาติเราโทรไปบอกว่าคุณแม่เป็นลม ก็ได้นำส่งโรงพยาบาล พอไปเช็คที่โรงพยาบาลทุกอย่างก็ปรกติดี ทางคุณหมอก็ให้แม่กลับบ้าน แล้วเมื่อเช้านี้เองคุณแม่โทรบอกเราว่าเป็นลมอีกแล้ว ซึ่งทางญาติเราก็นำส่งโรงพยาบาล แต่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ยอมรับไว้ดูอาการ บอกว่าคุณแม่เราปรกติดี พอทราบข่าวก็รับลงมาดูอาการแม่ทันที

แต่พอเรามาถึงบรรดาญาติเรากลับบอกว่า คุณแม่เราไม่สามารถนอนที่บ้านเราได้ อาจจะมีอะไรสักอย่าง ประมาณคุณไสย อะไรทำนองเนี้ย พออยู่ที่บ้านก็เป็นลม แต่พอไปถึงโรงพยาบาลก็ตรวจไม่พบอะไร จึงให้แม่ไปนอนบ้านน้าเราซึ่งอยู๋ใกล้ๆ พอเรามาถึงเห็นแม่นอนหลับอยู่ที่บ้านน้าก็เลยไม่ได้คุยอะไร ส่วนตัวเราก็กลับมานอนที่บ้านซึ่งใกล้ๆบ้านของคุณแม่( คือเราอยู่กลับแฟนเราหลังหนึ่ง, แล้วก็คุณแม่ท่านอยู่อีหลังนึงนะ แต่ใกล้ๆกัน) ซึ่งเราอยู่กรุงเทพ และคุณแม่อยู่ต่างจังหวัด ตอนนี้ก็มาถึงได้สักพักแล้ว พอมาถึงเราก็รีบไปไหว้กระดูกคุณพ่อ แล้วก็สวดมนต์ ไหว้พระขอให้อำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคุ้มครองท่าน รวมถึงอาราธนาพระคาถาชินบญชร และ ยอดพระไตรปิฏก มาเผื่ออานิสงค์จากการเจริญภาวนาจะช่วยให่คุณแม่หายเร็วๆ :b8: (ตั้งแต่คุณพ่อเสีย เราไม่ได้สวดมนต์จริงๆจังเลย นอกจากสวดมนต์ก่อนนอน บทง่ายๆ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 04:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


คุณแม่คงใจเสีย...ลองย้ายที่อยู่ให้ท่านสักพักหนึ่ง
ให้ท่านทำใจ และชินกับการที่ต้องอยู่โดยไม่มีคุณพ่อให้ได้ก่อน
แล้วค่อยให้ท่านกลับมาอยู่บ้าน...บางทีสถานที่ก็เป็นสิ่งหนึ่ง
ที่คอยตอกย้ำ ทำให้เราไม่สามารถลืมอะไรๆได้.....
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ :b4: :b4:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 72 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร