ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

กระท่อมผาสุก
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=35564
หน้า 18 จากทั้งหมด 23

เจ้าของ:  ทักทาย [ 10 พ.ค. 2011, 09:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

มากมาย เขียน:
cool สวัสดีค่ะ พี่ทักทาย

วันนี้เข้ามาพัก.. อีกแล้ว พอเข้ามาก็รู้สึกดีขึ้นค่ะ

ขอ.. ถามพี่ทักทายหน่อยนะคะว่า "คนเจ้าชู้" หายได้ไหม?

เป็นเรื่องที่ค้างอยู่ในใจค่ะ .. :b10:

ขอบคุณค่ะ
:b41:


เคยมีคำถามนี้อยู่ในใจเหมือนกัน?????

เคยถามเขาว่า "ไม่รักกันเลยหรือ?" เขาตอบว่า "รักซิ"
ใจก็เจ็บ...คำถามต่อมาคือ "ทำไมทำแบบนี้"...คำตอบ
คือความนิ่งเฉย....

และก็ยังคงความเดิม เรื่องเดิม แม้จะไม่ใช่คนเดิม
ตอนหลังเปลี่ยนคำถามใหม่เป็น "รักเขาเหรอ?" เขาตอบว่า
"เปล่า"...จิ๊ดขึ้นมาในใจอีก...คำถามก็ผุดขึ้นมาอีกว่า "แล้วทำไม
ถึงทำแบบนี้?".....พิษก็เริ่มพ่นออกมาทางวาจา...อารมณ์ในขณะนั้นไม่รู้เหมือนกันว่า
ทำไมถึงเก่งที่จะสรรหาคำมาฟาดฟัน...กะจะให้เขาเจ็บ..แสบ..และเฉาตายให้ได้

แต่คนที่เจ็บและเหนื่อยกลับเป็นเรา...ไม่ใช่เขา....วกไปวนมาก็กลับไป
คำถามเดิมอีกว่า "รักเขาเหรอ?" ที่นี่กลับได้คำตอบใหม่ว่า "รัก"
ครั้งนี้ไม่เจ็บอย่างเดียว....มีทั้งแค้น ชิงชัง เสียใจ น้อยใจ ปวดใจ
สลับไป สลับมา....ไม่พ่นพิษอย่างเดียวแล้ว...ได้ทั้งทอร์นาโด
เฮอริเคน...ข้าวของกระจุยกระจายเสียหายยับเยิน
แต่ที่พังอย่างไม่มีวันซ่อมได้คือ"ใจ"ของเราเอง

ตอนนี้เข้าใจแล้วว่า ที่ถามไป ไม่ว่าคำตอบจะใช่หรือไม่ใช่
ก็ไม่สามารถทำให้เราทุกข์น้อยลงไปได้
เพราะสิ่งที่ใจต้องการคือ....ไม่อยากให้เขามีใคร
ไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต...แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว
และไม่มีวันที่จะลบล้างเหตุการณ์นั้นได้...เราจึงทุกข์สาหัส


หากเราเคยทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน แล้วพลั้งเผลออธิษฐานจิตขอเกิดมา
เป็นคู่กับเขา....คนอื่นก็อาจเคยทำสิ่งเดียวกันกับเรา.....ทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม
จึงเหวี่ยงให้เรา เขา และเธอต้องมาเดินทางสายเดียวกันแบบนี้....ทำให้เขาเลือก
ก็ไม่ได้...เลิกก็ไม่ได้.....


อ้างคำพูด:
ขอ.. ถามพี่ทักทายหน่อยนะคะว่า "คนเจ้าชู้" หายได้ไหม?



ระหว่างคำตอบที่บอกว่า....หาย...กับไม่มีวันหาย
ข้อไหนที่จะทำให้น้องรู้สึกดีขึ้นค่ะ??????

เจ้าของ:  ทักทาย [ 10 พ.ค. 2011, 09:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

student เขียน:
ลองพิจารณาพระไตรลักษณ์แล้วจะเห็นว่า ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ถ้าเรายึดมั่นอยู่มันย่อมเป็นทุกข์ เมื่อโดนครอบงำจากความหดหู่แล้วเราหลีกหนีไปไหนไม่ได้ ต้องยึดเอาความอดกลั้นมาเป็นธรรม เพราะเมื่อเราผ่านความรู้สึกเหล่านี้ไป เราย่อมเป็นผู้ชนะใจตนเอง


บางครั้งก็เผลอ....สติไม่ทัน...
โดนกิเลสลากลงต่ำ...
สับสนจนแต้มเอาง่ายๆ :b23:

อนุโมทนาค่ะท่าน :b8:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 10 พ.ค. 2011, 09:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก





สติที่ตามทันขณะปัจจุบัน เป็นหลักสำคัญของวิปัสสนา

เจ้าของ:  ทักทาย [ 10 พ.ค. 2011, 09:47 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

กรัชกาย เขียน:
เหตุใด สติที่ตามทันขณะปัจจุบัน จึงเป็นหลักสำคัญของวิปัสสนา


สติทัน....ปัญญาเกิด
ตัวตนจะหายไป....ไม่มีเขา ไม่มีเรา
มีแต่ตัว "รู้"

ใช่ไหมค่ะ? :b10:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 10 พ.ค. 2011, 10:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

taktay เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เหตุใด สติที่ตามทันขณะปัจจุบัน จึงเป็นหลักสำคัญของวิปัสสนา


สติทัน....ปัญญาเกิด
ตัวตนจะหายไป....ไม่มีเขา ไม่มีเรา
มีแต่ตัว "รู้"

ใช่ไหมค่ะ?


หากตัว "รู้" ดังกล่าว จำกัดความอยู่แค่ปัญญาก็ใช่ครับ เพราะ "รู้" นี่คือปัญญา หรือ วิปัสสนานั่นแหละ
ถ้าคิดว่า "รู้" หรือ ตัวรู้ นอกเหนือจากปัญญาหรือวิปัสสนาเห็นจะไม่ใช่

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 10 พ.ค. 2011, 10:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

ดูคำอธิบายชื่อ ธรรมะ ทั้งสามตัว คือ สติ สัมปชัญญะ ปัญญา วิปัสสนา มันพันๆกันอยู่เนี่ย พิจารณาดูครับ

สิ่งทั้งหลาย (ในที่นี้จำกัดเอาแค่กายกับใจ) ตั้งอยู่ตามสภาพของมัน และเป็นไปตามธรรมดาของมัน

พูดให้เห็นภาพก็ว่า ความจริงเปิดเผยตัวมันเองอยู่ตลอดเวลา แต่มนุษย์ปิดบังตนเองจากมัน หรือไม่ก็มองภาพ

ของมันบิดเบือนไป หรือไม่ก็ถึงกับหลอกตัวของมนุษย์เอง ตัวการที่ปิดบัง บิดเบือน หรือหลอกลวงก็คือ การ

ตกลงไปในกระแสของกระบวนธรรม (คือ ความชอบ หรือขัดใจ) เครื่องปิดบัง บิดเบือน หรือ หลอก ก็มีอยู่แล้ว ยิ่ง

ความเคยชินคอยชักลากให้เขวไปเสียอีก โอกาสที่จะรู้ความจริงก็แทบไม่มี ในเมื่อความเคยชินหรือติดนิสัยนี้

มนุษย์ได้สั่งสมต่อเนื่องกันมานานักหนา การปฏิบัติเพื่อแก้ไขและสร้างนิสัยใหม่ ก็ควรจะต้องอาศัยเวลามากเช่น

เดียวกัน

เมื่อใด สติตามทันทำงานสม่ำเสมอต่อเนื่องอย่างชำนาญ คนไม่ปิดบังตัวเอง ไม่บิดเบือนภาพที่มอง และพ้นจาก

อำนาจความเคยชิน หรือ นิสัยเก่าของจิตแล้ว เมื่อนั้น ก็พร้อมที่จะมองเห็นสิ่งทั้งหลายตามสภาวะของมันและรู้เข้า

ใจความจริง

ถึงตอนนี้ ถ้าอินทรีย์อื่นๆโดยเฉพาะปัญญา (ปัญญินทรีย์) แก่กล้าพร้อมดีอยู่แล้ว ก็จะร่วมงานกับสติ หรือ อาศัยสติ

คอยเปิดทางให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดญาณทัสสนะ ความหยั่งรู้หยั่งเห็นตามเป็นจริง ที่เป็นจุดหมายของ

วิปัสสนา

แต่การที่ปัญญินทรีย์ เป็นต้น จะพร้อม หรือแก่กล้าได้นั้น ย่อมอาศัยการฝึกฝนอบรมมาโดยลำดับ


ความจริง สติไม่ใช่ตัววิปัสสนา ปัญญาหรือการใช้ปัญญาต่างหากเป็นวิปัสสนา แต่ปัญญาจะได้โอกาส และจะทำ

งานได้อย่างปลอดโปร่งเต็มที่ ก็ต่อเมื่อมีสติคอยช่วยกำกับหนุนอยู่ด้วย

การฝึกสติจึงมีความสำคัญมากในวิปัสสนา



พูดอีกอย่างหนึ่งว่า การฝึกสติก็เพื่อจะใช้ปัญญาได้เต็มที่ หรือ เป็นการฝึกปัญญาไปด้วยนั่นเอง ในภาษาของการ

ปฏิบัติธรรม เมื่อพูดถึงสติก็เล็งถึงปัญญาที่ควบอยู่ด้วย และสติจะมีกำลังกล้าแข็งหรือชำนาญคล่องแคล่วขึ้นได้ก็

เพราะมีปัญญาร่วมทำงาน ปัญญาที่ทำงานร่วมอยู่กับสติในกิจทั่วๆไปมักมีลักษณาการที่เรียกว่าสัมปชัญญะ

ในขั้นนี้ ปัญญายังดูคล้ายเป็นตัวประกอบ คอยร่วมมือและประสานงานอยู่กับสติ การพูดจากล่าวขานมักเพ่งเล็งไป

ที่สติ เอาสติเป็นตัวหลักหรือตัวเด่น แต่ในที่ใช้ปัญญาพินิจพิจารณาอย่างจริงจัง ความเด่นจะไปอยู่ที่ปัญญา สติ

จะเป็นเหมือนตัวที่คอยรับใช้ปัญญา ปัญญาที่ทำงานในระดับนี้ เช่น ที่เรียกว่า ธรรมวิจัยในโพชฌงค์ 7 ประการเป็น

ต้น สัมปชัญญะก็ดี ธรรมวิจัยก็ดี ที่ทำงานให้เกิดความเห็นแจ้งเข้าใจสิ่งทั้งหลายตรงตามสภาวะที่มันเป็น เพื่อให้

จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ นี่แหละคือวิปัสสนา

(ตัดที่อ้างอิงออก)

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 10 พ.ค. 2011, 10:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

taktay เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เหตุใด สติที่ตามทันขณะปัจจุบัน จึงเป็นหลักสำคัญของวิปัสสนา


สติทัน....ปัญญาเกิด
ตัวตนจะหายไป....ไม่มีเขา ไม่มีเรา
มีแต่ตัว "รู้"

ใช่ไหมค่ะ?


อัตตา แปลว่า ตัว, หรือ ตน (หรืออาตมันในสันสกฤต) ถูกภวตัณหาสร้างขึ้น เมื่อทำลายภวตัณหาได้แล้วภาพอัตตา ตัว ตน เรา เขา ก็หมดไปเอง ทำลายภวตัณหา มิใช่ทำลายอัตตา

เจ้าของ:  ลูกโป่ง [ 10 พ.ค. 2011, 11:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

ขอเป็นกำลังใจให้คนไกลนะคะ...คุณทักทาย...คนดี

DO THE BEST EACH DAY, IT WILL NEVER BE AGAIN. ^_____^

รักและเป็นห่วงเสมอนะคะ


รูปภาพ

เจ้าของ:  ทักทาย [ 10 พ.ค. 2011, 11:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

กรัชกาย เขียน:
หากตัว "รู้" ดังกล่าว จำกัดความอยู่แค่ปัญญาก็ใช่ครับ
เพราะ "รู้" นี่คือปัญญา หรือ วิปัสสนานั่นแหละ
ถ้าคิดว่า "รู้" หรือ ตัวรู้ นอกเหนือจากปัญญาหรือวิปัสสนาเห็นจะไม่ใช่


ยังไม่ทราบเหมือนกันว่าตัวรุ้ที่ว่านั้นคือปัญญาหรืออย่างอื่น
เพราะยังมิได้ประสบด้วยตัวเอง....เพียงแต่จดจำมาจากการอ่าน จากเรื่องราวต่างๆ
จึงยังไม่เข้าใจ.....

สภาวะในตอนนี้....รู้สึกได้แค่หากจิตจับทันกิริยา อาการต่างๆที่เกิดขึ้น
แม้เพียงแค่ครั้งเดียว หรือเสี้ยววินาที...ก็รุ้สึกสงบ และปลอดโปร่ง
แม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสภาวะไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยน
แบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป หรือเปลี่ยนแบบเร็วๆให้เห็นชัดซึ่งความแตกต่าง
รู้ว่านั่นคือไตรลักษณ์ที่เขามาแสดงให้เห็น....แต่ก็ยังไม่เข้าใจแบบแจ้งชัด
เหมือนมีอะไรบางอย่างมาบดบังอยู่.....


อ้างคำพูด:
สัมปชัญญะก็ดี ธรรมวิจัยก็ดี ที่ทำงานให้เกิดความเห็นแจ้งเข้าใจสิ่งทั้งหลาย
ตรงตามสภาวะที่มันเป็น เพื่อให้ "จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ" นี่แหละคือวิปัสสนา


"จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ"...หลุดจากอะไร?
และเป็นอิสระจากอะไรค่ะ?


อ้างคำพูด:
อัตตา แปลว่า ตัว, หรือ ตน (หรืออาตมันในสันสกฤต)
ถูกภวตัณหาสร้างขึ้น เมื่อทำลายภวตัณหาได้แล้วภาพอัตตา
ตัว ตน เรา เขา ก็หมดไปเอง ทำลายภวตัณหา มิใช่ทำลายอัตตา


เข้าใจแล้ว.... :b1:

อนุโมทนาค่ะท่าน :b8:

เจ้าของ:  ทักทาย [ 10 พ.ค. 2011, 12:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

ลูกโป่ง เขียน:
ขอเป็นกำลังใจให้คนไกลนะคะ...คุณทักทาย...คนดี



รักและเป็นห่วงเสมอนะคะ


ขอบคุณค่ะ...คิดถึงเสมอนะค่ะ cool tongue

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 10 พ.ค. 2011, 12:35 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

taktay เขียน:

จิตหลุดพ้นเป็นอิสระ"...หลุดจากอะไร?
และเป็นอิสระจากอะไรค่ะ?


(เรา) มนุษย์ เป็นทุกข์เพราะสิ่งใด ก็หลุดพ้นจากสิ่งนั้น เมื่อหลุดพ้นจากมันจิตใจก็เป็นอิสระ คือ ไม่เป็นทาสของมัน

สังเกตดูดิว่าขณะนั้นๆ เราเป็นทุกข์เพราะสิ่งใดอะไร หลุดออกมาได้ไหม หลุดได้ก็เป็นอิสระ

เจ้าของ:  ทักทาย [ 11 พ.ค. 2011, 04:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

กรัชกาย เขียน:
(เรา) มนุษย์ เป็นทุกข์เพราะสิ่งใด ก็หลุดพ้นจากสิ่งนั้น เมื่อหลุดพ้นจากมัน
จิตใจก็เป็นอิสระ คือ ไม่เป็นทาสของมันสังเกตดูดิว่าขณะนั้นๆ
เราเป็นทุกข์เพราะสิ่งใด อะไรหลุดออกมาได้ไหม หลุดได้ก็เป็นอิสระ


เข้าใจแล้วค่ะ.....

อนุโมทนาค่ะท่าน :b8:

เจ้าของ:  ดั่งกัน [ 11 พ.ค. 2011, 11:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

ส่งกำลังใจและความคิดถึงมาให้พี่ทักทายค่ะ
ขอให้ผ่านพ้นจิตใจขุ่นมัวไปได้โดยเร็วนะค่ะ
ไม่ได้เข้ามานานค่ะ จิตใจแย่ๆเช่นกันค่ะ

บุญรักษาค่ะ

เจ้าของ:  eragon_joe [ 11 พ.ค. 2011, 17:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

:b8:

สิ่งที่เกี่ยวพันนั้น มันยุ่งเหมือนด้ายที่พันกัน

ก่อนที่ด้ายจะจับกันเป็นก้อนใหญ่ มักจะมีปมเล็กเกิดขึ้นก่อนเสมอ

เพราะมันเล็ก
แต่ทุกอย่างงอกออกมาจากปมนั้น ๆ


ผู้ที่เข้านิโรธสมาบัติ - ออกนิโรธสมาบัติ
คือผู้ที่มีโอกาสจะเห็นแง่มุมนี้ได้ ...
ตามที่พระพุทธองค์ทรงเห็น
พระองค์สอนจากสิ่งที่พระองค์เห็น

:b30: :b30: :b30:

เมื่อเรายังไม่ใช่ผู้ที่จะทำเช่นนั้นได้
เราก็ค่อย ๆ แก้ไปทีละปม
และวางใจให้สมดุลกับลักษณะความเพียรของเรา
การบริหารใจ ไม่ใช่การคิดค้าหากำไรอย่างธุรกิจ

แต่ถ้าเราเป็นผู้ที่ทุ่มเทหมั่นเพียร ก็ยิ่งต้องระวังเรื่องสมดุลของใจ
เพราะ บทหนทางที่ลื่นเรียบ มักจะมีเปลือกกล้วยตกอยู่
"ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมาตะโกนถามในภายหลังว่า ใครเอาเปลือกกล้วยมาทิ้งไว้ตรงนี้"
เราต้องเรียนรู้ ว่า เปลือกกล้วยจะอยู่บนเส้นทางตรงไหน ตอนไหนก็ได้

ไม่มีอะไรเกี่ยวกับ ย่าทัก นะคะ
แบบว่า นึกอยากบ่น ก็ไม่รู้จะบ่นตรงไหน
ก็เลย มาบ่นที่บ้านย่า

:b30: :b30: :b30:


เจ้าของ:  ทักทาย [ 12 พ.ค. 2011, 01:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

ดั่งกัน เขียน:
ไม่ได้เข้ามานานค่ะ จิตใจแย่ๆเช่นกันค่ะ

บุญรักษาค่ะ


ขอบคุณค่ะ...ขอให้ผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ด้วยดีเช่นกันนะค่ะ :b1:

หน้า 18 จากทั้งหมด 23 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/