ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

กระท่อมผาสุก
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=35564
หน้า 22 จากทั้งหมด 23

เจ้าของ:  ทักทาย [ 12 ก.ค. 2011, 22:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

อนุโมทนาค่ะคุณใจจาง

ไม่ว่าทุกข์หรือสุขก็มีของเขาอยู่อย่างนั้น
ตัวเราเองต่างหากที่ไปรับ ไปแบกเอามา
จึงทำให้ใจไม่สงบ ถ้ามองทุกอย่างเป็นเรื่อง
ธรรมดา ที่ผ่านเข้ามาเองได้ ก็ผ่านไปเองได้
ไม่รับ ไม่แบก ไม่หาม ก็ไม่หนัก.....

ดีใจค่ะที่คุณรู้วิธีคลายทุกข์ได้บ้างแล้ว
ขอให้มีความสุขความเจริญตลอดไปนะค่ะ :b12:

เจ้าของ:  kazumi [ 13 ก.ค. 2011, 15:38 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

สวัสดีค่ะ พี่ทักทาย และ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกท่าน ณ กระท่อมน้อยนะค่ะ คิดถึงเหลือเกิน ตั้งแต่ย้ายบ้าน ไม่มีเน็ท ก็ไม่ได้แวะเข้ามาอีกเลย พี่ทักทายค่ะ ตอนนี้น้ำพุโตขึ้นมากแล้วนะค่ะ พูดเก่ง แล้วก็ดื้อมากด้วย ปวดหัวที่สุด ส่วนคุณพ่อเค้า ความประพฤติก็ยังคง (แย่) เสมอต้นเสมอปลายดีค่ะ ^^ แอนก็ยังคงเหนื่อยคอยพูด คอยบ่นเหมือนเดิม น่าเบื่อมากๆ เฮ้ออ

หวังว่าทุกๆคนคงจะสบายดีนะค่ะ ทุกข์ใจ ก็ขอให้อย่าได้ทุกข์กายไปด้วยเลย ดูแลสุขภาพกันด้วยนะค่ะ ไว้จะเข้ามาขอหลบพักใจอีก หุหุ :)

เจ้าของ:  ทักทาย [ 14 ก.ค. 2011, 10:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

kazumi เขียน:
สวัสดีค่ะ พี่ทักทาย และ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆทุกท่าน ณ กระท่อมน้อยนะค่ะ คิดถึงเหลือเกิน ตั้งแต่ย้ายบ้าน ไม่มีเน็ท ก็ไม่ได้แวะเข้ามาอีกเลย พี่ทักทายค่ะ ตอนนี้น้ำพุโตขึ้นมากแล้วนะค่ะ พูดเก่ง แล้วก็ดื้อมากด้วย ปวดหัวที่สุด ส่วนคุณพ่อเค้า ความประพฤติก็ยังคง (แย่) เสมอต้นเสมอปลายดีค่ะ ^^ แอนก็ยังคงเหนื่อยคอยพูด คอยบ่นเหมือนเดิม น่าเบื่อมากๆ เฮ้ออ

หวังว่าทุกๆคนคงจะสบายดีนะค่ะ ทุกข์ใจ ก็ขอให้อย่าได้ทุกข์กายไปด้วยเลย ดูแลสุขภาพกันด้วยนะค่ะ ไว้จะเข้ามาขอหลบพักใจอีก หุหุ :)


จะเปลี่ยนเขา...เห็นทีจะยาก
น้องแอนลองปรับ...เปลี่ยนตัวเองดูซิค่ะ
สัญชาตญาณของผู้ชาย...ถ้าเราวิ่งตาม
เขาจะวิ่งหนี...แต่ถ้าเราหยุด เลิกตาม
เขาก็จะเลิกหนี...บางทีก็อาจจะหันมาเป็นฝ่าย
ตามเราเสียเอง....หากไม่สามารถจะอยู่ได้
โดยปราศจากเขา...ก็ทำใจยอมรับ
ไม่ว่าจะดีหรือชั่วของเขาให้ได้ เราจะได้ไม่ทุกข์นะค่ะ

ฝากหยิกก้นหนุ่มน้อยน้ำพุสักสองที
เด็กผู้ชายที่มีความคิดเป็นของตัวเอง
มากเท่าไหร่ ก็จะดื้อและซนมากเท่านั้น
เอาใจใส่ รักใครเขาให้มากๆ
ขอให้มีความสุขนะค่ะ

เจ้าของ:  kazumi [ 14 ก.ค. 2011, 22:25 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

พี่ทักค่ะ ตอนนี้แอนพยายามไม่ไปใส่ใจการกระทำของเค้า แต่แล้วมันก็มีเหตุจนได้ ทุกวันเค้าต้องมารับหนูกลับบ้าน เลิกงานสองทุ่ม หนูโทรหาเค้าตอนทุ่มครึ่ง ดังได้สอง-สามครั้ง สายก็ตัดไป โทรกลับไปอีกที ปิดเครื่อง และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก หนูต้องนั่งรอไม่รู้เหนือ รู้ใต้ เงินติดตัวก็ไม่มีซักบาท บ้านก็อยู่ไกลตั้งคลอง 8 ทำงานศรีนครินทร์ หนูได้แต่ไปนั่งแอบร้องให้ รอแล้วรอเล่า สี่ทุ่มแล้วก็ยังติดต่อไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องไปหายืมเงินเพื่อนที่ทำงาน แล้วนั่งรถไปนอนบ้านเพื่อนที่สัมมากร แอนโทรไปบอกแม่ที่บ้าน แม่ก็บ่นว่าเค้า หนูกลุ้มมาก ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไงดี เคยพูดกันหลายครั้งแล้ว ว่าอย่างน้อยๆก็ขอให้ติดต่อได้ ไม่ใช่หายไปแบบนี้ หนูไม่อยากให้การกระทำของเค้ามามีผลกระทบกับชีวิตหนูแบบนี้เลย แต่ก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ขอคำแนะนำด้วยนะค่ะ ทุกข์ใจเหลือเกิน

เจ้าของ:  phana [ 18 ก.ค. 2011, 20:30 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

สวัสดีค่ะพี่ทักทาย พนาคนเดิมมาอีกแล้วค่ะเอาบุญมาฝากเพื่อนๆและพี่น้องบ้านกระท่อมค่ะ พนาคิดว่าใจเริ่มเข้มแข็งนิดหน่อยแต่พอเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็มีเสค่ะนิดหน่อย ไม่ถึงกับล้มพอตั้งสติได้ก็เรื่องของ...เรื่องของ...พักใหญ่เลยค่ะพี่ทักทาย โรคนี้ภูมิคุ้มกันบกพร่องงายมากเลยค่ะ วันนี้แย่งคอมลูกสาวได้เวลาไม่มาก คิดถึงค่ะ :b8: :b8: :b8: นับถือ พนา

เจ้าของ:  ทักทาย [ 18 ก.ค. 2011, 21:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

kazumi เขียน:
หนูกลุ้มมาก ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้ยังไงดี เคยพูดกันหลายครั้งแล้ว ว่าอย่างน้อยๆก็ขอให้ติดต่อได้ ไม่ใช่หายไปแบบนี้ หนูไม่อยากให้การกระทำของเค้ามามีผลกระทบกับชีวิตหนูแบบนี้เลย แต่ก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ขอคำแนะนำด้วยนะค่ะ ทุกข์ใจเหลือเกิน



ปัญหไม่ได้มีอะไรเลย...แก้ที่เขาไม่ได้ก็ควรแก้ที่เรา...
เตรียมตัวเองให้พร้อม...เช่นเตรียมตังค์ติดกระเป๋าไว้บ้าง....ทุกครั้งให้ทำใจไว้ว่า
ถ้าวันนี้เขามารับตามปกติ....ก็ดี....หรือวันนี้เขาไม่มารับ(ตามปกติอีกเช่นกัน) ก็ไม่เป็นไร
ตั้งเวลาไว้เลยว่า....ควรรอให้เขามารับถึงกี่ทุ่ม...หากเลยเวลานั้นแล้ว ก็หาทาง
กลับบ้านด้วยตัวเอง.....ทำอย่างนี้ให้เป็นปกติ....คนที่จะรู้สึกดีขึ้น ไม่ใช่เขา แต่จะเป็น
ตัวของเราเอง.....ปัญหาทุกปัญหา...ให้คิดพิจารณาแก้ที่ตัวเราเองจะง่ายที่สุด
ลองทำดูนะค่ะ..... :b4: :b4:

เจ้าของ:  ทักทาย [ 18 ก.ค. 2011, 22:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

phana เขียน:
สวัสดีค่ะพี่ทักทาย พนาคนเดิมมาอีกแล้วค่ะเอาบุญมาฝากเพื่อนๆและพี่น้องบ้านกระท่อมค่ะ พนาคิดว่าใจเริ่มเข้มแข็งนิดหน่อยแต่พอเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นก็มีเสค่ะนิดหน่อย ไม่ถึงกับล้มพอตั้งสติได้ก็เรื่องของ...เรื่องของ...พักใหญ่เลยค่ะพี่ทักทาย โรคนี้ภูมิคุ้มกันบกพร่องงายมากเลยค่ะ วันนี้แย่งคอมลูกสาวได้เวลาไม่มาก คิดถึงค่ะ :b8: :b8: :b8: นับถือ พนา


อนุโมทนาค่ะ....พี่ก็เพิ่งกลับจากวัดเหมือนกัน ปีนี้โชคดีได้มีโอกาส
ไปถือศิลที่วัดในวันอาสาฯ เข้าพรรษา สามวัน สามคืน....เหมือนได้เติมพลัง...
ที่นับวันถอยหลังลงคลองไปทุกทีๆ

ได้ฟังเทศน์ ฟังธรรม ซึ่งจริงๆแล้วก็เริ่องเดิมๆ ซ้ำๆ แต่พอได้ฟังที่ไร...กำลังใจ พลังใจ
ก็เพิ่มขึ้นมาทุกครั้ง....บางครั้งพอเราเหนื่อยล้า อ่อนแรง...ก็มักจะถูกความมืดบอด
เข้าครอง ที่เรานึกได้ คิดได้ตอนมีสติ ก็หดหายกลับไปหาครูบาอาจารย์หมด

หลวงพ่อท่านเริ่มตันด้วยคำถามที่แสนจะธรรมดาว่า "เรามาปฏิบัติธรรมกันเพื่ออะไร?"

เออ...นั่นซิ มาเพื่ออะไร?....แปลกไหมที่คิดไม่ออก....ทั้งๆที่เป็นคำถามแสนจะธรรมดา
และตรงจุดที่สุด....รู้ตัวเองเลยว่า ถอยห่างลงไปมาก

สรุปโดยรวมท่านได้เมตตาสอนว่า...."ที่เรามาปฏิบัติกันนี้ก็เพื่อความหลุดพ้นจากความทุกข์
ทุกข์จากความทะยานอยาก...ประสบกับสิ่งที่ไม่อยากได้...ไม่ประสบกับสิ่งที่อยากได้
ไม่ยอมรับในความแปรปรวนไม่แน่นอน....มีสิ่งใดที่พึงพอใจแล้ว...ก็ไม่อยากให้สูญหาย
แตกสลาย....เมื่อถึงเวลาที่สิ่งนั้นแตกดับ กลับฟูมฟาย....เป็นทุกข์เพราะใจยังไม่ยอม
แตกดับไปกับสิ่งนั้นๆ...ยังคงติดตามยึดมั่นในความเป็นเจ้าของ...ยังคง"อยาก" ให้สิ่งนั้น
คงสภาพอยู่เช่นเดิม...อย่างเช่นปัญหาต่างๆ.....แม้จะผ่านพ้นไปแล้ว....ก็ยังคงความทุกข์
เพราะใจเรามิได้แตกดับไปกับปัญหา....ยังคงยึดเอาปัญหาเหล่านั้นไว้ที่ใจอยู่"

ฟังแล้ว....เหมือนคนไข้ที่สมองเลอะเลือน....กลับฟื้นคืนความจำ...เพราะเราไม่ยอมปล่อย
ไม่ยอมปลด ไม่ยอมให้ทุกอย่างผ่านไป ในแต่ละวันที่มีสิ่งหนึ่งสิงใดผ่านเข้ามา ใจเราก็ซึมซับ
ไว้หมดทุกอย่าง....ไม่ยอมละ ไม่ยอมทิ้ง....เหมือนถังขยะใบใหญ่...ที่หมักหม่ม
ของเน่าของเสียไว้...จึงทำให้ใจเราเน่าบูด สกปรก...เข้าใจแล้วกับคำที่ว่า
"อดึตไม่มี...อนาคตยังไม่ต้องนึกถึง...อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด..."

"แม้ความทะยานอยากจะเป็นบ่อเกิดของความทุกข์ทั้งปวง...แต่ก็ยังเป็นกิเลสตัวลูก
ยังมีตัวแม่ที่ยิ่งใหญ่กว่า....แม้เราพอจะรู้เท่าทันกิเลส พอจะสะกัดกั้น
พอจะลด ละได้บ้าง แต่ก็จะเกิดใหม่ได้ตลอดเวลา เพราะเรายังไม่ฆ่าแม่
ของกิเลส...สิ่งนั้นก็คือ "ความเห็นผิด" หรือ "ทิฐิ"....."

นี่เป็นบทสรุปของพระธรรมเทศนาของท่านเจ้าอาวาส วัดป่าธรรมชาติ เมืองลาพวนเต้
ที่ได้มีโอกาสไปรับมา....อาจจะไม่ตรงตามความจริงทุกถ้อยความ แต่ก็สรุปได้โดยประมาณ
นำมาถ่ายทอด แบ่งปันกัน อาจจะเป็นประโยชน์เป็นแนวทางในการคลี่คลายปัญหาของน้องพนา
และน้องๆทุกท่านไม่มากก็น้อย....นะค่ะ

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 18 ก.ค. 2011, 23:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  ทักทาย [ 19 ก.ค. 2011, 20:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

กบนอกกะลา เขียน:
:b8: :b8: :b8:


:b8: :b8: :b8: .... :b13:

เจ้าของ:  phana [ 19 ก.ค. 2011, 21:58 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

ขอบคุณมากค่ะพี่ทักทาย :b8: :b8: :b8: พนา

เจ้าของ:  ทักทาย [ 19 ก.ค. 2011, 22:09 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

เคยคิดว่าตัวเอง..."ดี" แล้ว มองทุกอย่างแบบกลางๆ
มองทุกคนแบบเสมอภาค แต่การไปอยู่วัดในครั้งนี้...สิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้พบ
กลับกลายเป็นตรงกันข้ามกับสิ่งที่คิดอย่างสิ้นเชิง

นับแต่วันแรกที่ย่างเท้าเข้าวัด....ตาเห็น...หูได้ยินปุ๊ป...ใจก็คิด ตำหนิ เพ่งโทษ
คนเข้าไปทั่ว....คนนั้นก็ไม่ดี...คนนี้ก็แย่...ไม่มีใครดีไปกว่า "ตัวของเรา"เลย
ไม่สุงสิงกับใคร...ปลีกตัวออกไปอยู่ในที่ ที่ไม่มีใคร ถึงเวลาฟังเทศน์ ก็พยายาม
ปลีกตัวออกไปนั่งยังที่ ที่ห่างจากกลุ่ม....

เข้าวัดครั้งนี้...ที่เห็นมากที่สุดก็คือตัวเอง....เรายังไม่ไปถึงไหนเลย...เรายังคง
ความ โลภ โกรธ และหลงอยู่อย่างเต็มเปี่ยม มิได้พร่องไปแม้แต่สักน้อย
ใครพูดอะไร เตือนอะไรนิดๆ หน่อยๆ...ก็ไม่พอใจ ด้วยความถือดีที่ว่า
"ฉันรู้แล้ว" พอไม่พอใจปั๊ป กิริยาทางกายก็เก็บไว้ไม่อยู่ แสดงความหยาบ
ออกมาให้เห็นแบบไม่ปิดบังเลย.....จวนเจียนจะ "หนี" เพราะไม่ประสบ
กับสิ่งอันพึงพอใจ....เรียกให้พี่สาวมารับกลับ...ทั้งๆที่ไปถึงวัดได้ไม่ถึง
หกชั่วโมง....แต่พี่สาวคงรู้เท่าทัน....อ้างว่ายังไม่สะดวก...ขอเลื่อนเป็น
วันรุ่งขึ้น.....

พอผ่านคืนแรกไปได้....ทุกๆอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง...ใจที่รุ่มร้อน
ซัดส่าย...ก็เริ่มสงบขึ้น เริ่มเห็นตัวเองที่ละน้อยๆ....จากการที่เที่ยวไปมองคนอื่น
ก็เริ่มกลับมามองตัวเอง....พอใจตำหนิคนนั้น...อีกใจก็เห็นตัวเองทันที
ไม่ว่าจะเป็นกิเลส หรือตัณหา ยังเพรียบพร้อมบริบูรณ์ อย่างผิดความคาดหมาย

ขณะเดินจงกรม...ยังพอจะมีสติตามเท้าที่ย่างได้บ้าง...แต่พอนั่งหลับตาปุ๊บ
กำหนดพอง ยุบ ได้ยังไม่ถึงห้าครั้ง....ก็หลับทันที....บางครั้งหลับทั้งๆที่
ปากยังสวดมนตร์อยู่ เหมือนคนละเมอ....แต่น่าแปลกตรงที่ว่า ที่เราคิดว่าหลับ
ในขณะสวดมนต์ พอรู้ตัว ปากก็สาธยายมนต์ได้ตรงตามที่กำลังสวดอยู่อย่าง
ไม่ผิดเพี้ยน...หลับๆตื่นๆ...อยู่จนทำวัตรเสร็จ...แม้ที่คิดว่าหลับในสมาธิ
หงุบ หงึก โหงก....แต่พอรู้ตัว กายก็ยังทรงอยู่ท่าเดิม มิได้โอน เอน เอียง
หัวมิได้หลุบ หงุบงอแต่ประการใด.....

พยายามต่อสู้ กับความง่วง ปรับเปลี่ยนอริยบถ ลุกเดิน ลุกไปกวาดลาน
ในขณะที่กวาดใบไม้ที่ลาน....ยิ่งกวาด ก็มีความรู้สึกว่า ใบไม้ก็ยิ่งเยอะ
คงเหมือนกิเลสของคนเรา....ที่มีอยู่เต็ม...ไม่คิดกำจัด ก็มองไม่เห็น
พอคิดจะกำจัด หรือคิดจะกวาด ก็ยิ่งเห็นเด่นชัด....พอพื้นเริ่มสะอาด
ใบไม้ใบเล็กใบน้อย ที่ไเราไม่เคยมองเห็นตอนที่ลานยังสกปรกอยู่ ก็กลับ
เห็นชัดขึ้นมาได้....กิเลสในใจของคนเราเป็นอย่างนี้นี่เอง..... :b7:

แม้จะลุกมากวาดลานแล้วก็ไม่หายง่วง...ตัดสินใจไปเอนหลังในกุฏิ....
ตืนขึ้นมาก็ลุกมาปฏิบัติต่อ...ทั้งๆที่เพิ่งตื่น....พอนั่งก็เป็นอีก...
หงุบๆ โหงกๆ ตลอดสองวันแรก..ทั้งหงุดหงิด ทั้งอึดอัด....
เฝ้าดูเขาไปเรื่อยๆ จนวันสุดท้ายจึงเริ่มสงบบ้าง จากการที่เลิกมอง
เลิกเพิ่งโทษคนอื่น หันกลับมาดูตัวเอง พอดู ก็เห็น....เห็นกิเลส...เห็นนิวรณ์....
ที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดคือ "ทิฐิ" ของตัวเอง......

การนั่งของวันสุดท้าย...เวทนาเกิดอย่างหนัก....ปวดขา ปวดเข่า
ปวดเอว...ปวดหลัง....พอกำหนดขา ก็หนีไปที่เข่า กำหนดที่เข่าก็
หนีขึ้นไปที่เอว ที่หลัง....ตอนแรกๆเร็วมาก....จากจุดนั้นไปจุดนี้
จากจุดนี้ไปจุดนั้น กำหนดแทบไม่ทัน...แล้วค่อยๆช้าลงๆ จนในที่สุด
ก็หยุดนิ่งและหายไป เหลือแต่ความรู้สึกแค่ครึ่งบน...ตั้งแต่บั้นเอว
ลงไปถึงเท้า หายไป.....

ถึงวันกลับ....คนที่นำสวด หรือผุ้จัดการของโยคืทั้งหลาย
เดินเข้ามาหา....จับมือ...แล้วบอกว่า...แอบดูน้องมาตั้งแต่วันแรก
ที่เข้ามาแล้ว รู้ตัวไหม?....รู้สึกถูกชะตามาก....ขอเป็นพี่เป็นน้อง
กันได้ไหม?.....รู้สึกละอายใจตัวเองขึ้นมาทันที....เพราะนับแต่ก้าวแรกที่
ก้าวเท้าเข้ามาในวัด....ในขณะที่เพ่งโทษคนเขาไปทั่ว...พี่คนนี้
โดนเรา ตำหนิ เพ่งโทษ หรือเรียกภาษาธรรมดาๆว่า "หมั่นไส้"
มากกว่าใครเพื่อน...แม้ขณะที่เขาคอยแอบมองเรา ก็คอยแต่
จะคิดว่า เขาจะหาเรื่องเรา.....น่าละอายใจจริงๆ

นี่แหละคือผลของการเข้าวัดปฏิบัติในครั้งนี้


เจ้าของ:  มานิตา [ 21 ก.ค. 2011, 22:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

ฟังอาจารย์ทักทายแล้วสบายใจทุกที ไม่เจอเสียนานยังใจดีเหมือนเดิมเลย คิดถึงนะ

เจ้าของ:  ทักทาย [ 21 ก.ค. 2011, 22:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

มานิตา เขียน:
ฟังอาจารย์ทักทายแล้วสบายใจทุกที ไม่เจอเสียนานยังใจดีเหมือนเดิมเลย คิดถึงนะ


หายไปนานเลยนะค่ะ....ยังปืนไวเหมือนเดิมหรือเปล่าแม่เสือสาว
ทุกอย่างดีขึ้นแล้วใช่ไหมค่ะ?...เด็กๆเข้ามหาลัยกันแล้วยัง?
คิดถึงเสมอค่ะ :b12:

เจ้าของ:  มานิตา [ 23 ก.ค. 2011, 22:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

คุณทักทายคะตอนนี้ก็เหมือนเดิมเพียงแต่เราทำใจได้ก็เท่านั้น ไม่รู้ไม่เห็น อีกอย่างเห็นคนโน้นเจ็บคนนั้นตายก็เลยปลงได้ส่วนหนึ่ง ปีนี้ลูกคนเล็กจะเข้ามหาลัยก็เลยสนใจที่ลูกมากกว่า อื่นๆ ก็เหมือนเดิม
คิดถึงคุณทักทายและเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ

เจ้าของ:  ทักทาย [ 26 ก.ค. 2011, 21:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: กระท่อมผาสุก

สิ่งไหนที่ทำให้เรารู้สึกดี...ก็สนใจสิ่งนั้น
สิ่งไหนที่ทำให้เรารู้สึกแย่....ก็ละสิ่งนั้นเสีย

วันเวลามันเร็วจังนะค่ะ....ลูกชายจะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว

ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังผ่านพ้นไปอย่างช้าๆ

แล้ววันนหนึ่งทุกอย่างก็จะเหลือแค่ความทรงจำ

สู้ต่อไปนะค่ะ....กำลังใจยังคงมีให้เหมือนเดิม

คิดถึงค่ะ :b4: :b4:

หน้า 22 จากทั้งหมด 23 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/