วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 17:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2011, 13:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ สมาชิก นำเอาบทความมาฝากเห็นว่าน่าจะเป็น
ประโยชน์กับเพื่อนสมาชิกบางคน


การหย่า เป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพียงแต่ชวนกันไปอำเภอ ชี้แจงเหตุผลเพียงนิดหน่อย ถ้าทางอำเภอเห็นด้วย เขาก็จะออกใบหย่าให้ ถ้าไม่สมเหตุผล มีปัญหาเรื่องลูก หรือทรัพย์สิน เขาก็อาจจะบอกให้ไปคิดทบทวนเสียใหม่ แล้วจึงค่อยมาหย่ากันในวันหลัง การหย่าควรจะเป็นไม้สุดท้าย ที่เราไม่อาจจะหาทางอื่นได้ดีกว่านี้อีกแล้ว ก็ควรที่จะหย่ากัน เพราะถ้าขืนอยู่ด้วยกันต่อไป มันจะมีผลร้ายแรงตามมา เช่น อาจเป็นบ้า หรือต้องมีการฆ่ากัน เป็นต้น แต่ก่อนที่จะถึงการหย่า เราควรจะต้องนึกถึงผลพวงที่จะตามมาจากการหย่า ซึ่งอาจจะก่อปัญหาทั้งส่วนตัวและสังคมอีกมากมาย นั่นคือ "ลูก"

เมื่อนึกถึงการหย่า ควรจะต้องนึกถึงลูกก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด เพราะเมื่อเกิดการหย่ากัน ลูกจะกลายเป็น "แพะรับบาป" ไป โดยเขาไม่มีความผิดอะไรเลย ลูกจะต้องไปอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งถ้าอยู่กับแม่ก็ขาดพ่อ ถ้าอยู่กับพ่อก็ต้องขาดแม่ ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ มันจะต้องไปอยู่กับพ่อเลี้ยง หรือแม่เลี้ยง ที่มีลูกติดหรือไม่ก็ตาม โดยเฉพาะลูกผู้หญิง ส่วนมากก็จะต้องติดแม่ไป พอแม่ไปมีผัวใหม่ ปัญหาเรื่องพ่อเลี้ยงหนุ่มกับลูกสาวติดแม่มาก็ย่อมจะเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ถ้าไม่ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน ก็มักจะต้องตกเป็นเมียร่วมผัวกับแม่อีกคน! ถ้าไปอยู่กับพ่อ แล้วแม่ใหม่มีลูกติด หรือเกิดลูกใหม่อีก หรือไม่เกิดก็ตาม แม่เลี้ยงมักจะเข้ากับลูกสาวเมียเก่าไม่ค่อยได้ เหมือนงูเหง่ากับพังพอน จะมีก็เพียงร้อยละไม่กี่คนที่พอจะเข้ากันได้

ผู้เขียนซึ้งในเรื่องนี้ดี เพราะเคยมีแม่เลี้ยงมาก่อน ขอแทรกตรงนี้นิดเถอะ ต้องขออภัยท่านผู้อ่านด้วย หลังจากโยมแม่ตายไปได้ไม่นาน โยมเตี่ยก็มาได้แม่ใหม่ ซึ่งมีลูกสาวติดมา ๑ คน แล้วก็มามีลูกกับโยมเตี่ยอีก ๒ คน แม่เลี้ยงเป็นคนขี้เกียจบรมเลย ไม่ยอมทำอะไรเลย นอกจากนอนยันเต เช้าก็ออกจากบ้านไปคุยบ้านโน้นบ้านนี้ พอกลับมาบ้านก็นอนทั้งวัน เมื่อหุงข้าวกิน ก็กินกันแต่เฉพาะลูก ๆ ของตัว ส่วนผู้เขียนเป็นลูกเลี้ยงเขาก็ไม่สนใจ มีแต่ข้าวเปล่าเหลือไว้ให้ กับข้าวก็หากินยาก

ที่ไม่ได้กินข้าวพร้อมกัน ก็เพราะในวัยเด็ก มันชอบเล่น เวลาที่แม่เลี้ยงหุงข้าวเสร็จ เขาก็มักจะเรียกแต่ลูกของตนมากิน ผู้เขียนก็มัวแต่เล่นกับเด็กข้างบ้านเพลิน ไม่รู้ว่าเขากินข้าวกันเมื่อไหร่ กว่าจะรู้ตัวก็มืด กลับมาบ้านก็เหลือแต่ข้าวเปล่าแทบทุกวัน โยมเตี่ยก็ไม่รู้ เพราะไปขายของทั้งวัน กลับบ้านก็ดึกดื่น เมื่อไม่มีอะไรกิน มันหิวก็ต้องกินข้าวเปล่ากับน้ำปลา แม้กระนั้น มันก็ยังกลืนไม่ค่อยจะลงคอ จึงมักจะเอาน้ำฝนหรือน้ำข้าวใส่ลงไปด้วย แม้ไม่มีกับข้าวก็กินได้ นิสัยกินของง่าย ก็เลยติดมาจนบัดนี้ วันไหนไม่มีกับข้าว ก็เอาน้ำและน้ำปลาใส่ลงไป ก็กลืนข้าวได้ลงคอ ข้อนี้ก็ต้องขอขอบคุณแม่เลี้ยง ที่ช่วยหัดให้ผู้เขียนกินข้าวง่ายมาจนบัดนี้ (แต่ที่โง่จะเป็นเพราะขาดอาหารหรือเปล่าก็ไม่ทราบ)

ที่นำมาเขียนนี้ ผู้เขียนไม่มีความประสงค์จะตำหนิแม่เลี้ยงแต่ประการใดทั้งสิ้น ถือว่ามันเป็นกรรมของผู้เขียนเองที่ต้องมากำพร้าแม่ แต่ก็อยากจะเขียนให้เกิดเป็นภาพสะท้อนไปถึงผู้ที่เป็นแม่ หรือพ่อ ที่คิดจะหย่ากัน ก็ขอให้คิดหลาย ๆ ชั้นหน่อยว่าความเจ็บปวดรวดร้าว ที่ลูกได้รับจากพ่อเลี้ยง หรือแม่เลี้ยงนั้น มันสาหัสสากรรจ์ขนาดไหน ?

จึงขอสรุปเป็นข้อคิด เกี่ยวกับการหย่าไว้ ดังนี้
๑. ควรคุมกำเนิดไว้ก่อน
เมื่อแต่งงานกันใหม่ ๆ ไม่ควรจะรีบมีลูก ควรจะดูใจคู่สมรสให้นาน ๆ ว่า เราจะไม่มีปัญหาเรื่องการหย่าร้าง ติดตามมาภายหลัง จึงค่อยคิดมีลูก เพราะเมื่อมีลูกแล้วหย่าร้าง มันมีปัญหาตามมาแยะ
๒. ควรคิดสัก ๓ ชั้นก่อนหย่า
เมื่อหย่ากันคู่ครองหรือผัวเมียก็กลายเป็นคนอื่นไปในทันที แต่ลูกยังคงเหมือนเดิม ไม่อาจจะหย่ากับพ่อแม่ได้ แต่เขาจะได้รับความว้าเหว่ตามมา อกแม่เลี้ยงหรือพ่อเลี้ยง ก็ไม่อบอุ่น และบริสุทธิ์เท่าอกของแม่และพ่อของตัวหรอก
๓. ไม่มีใครรักลูกเราจริงเท่าตัวเรา
ในโลกนี้ไม่มีใครจะหลั่งความรักอันบริสุทธิ์เท่าแม่และพ่อของตนเองดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นสุดยอดจริง ๆ ก็ไม่ควรหย่าเมื่อลูกยังเล็กอยู่ ควรรอให้ลูกโตพอจะรู้ความ หรือเป็นอิสระหรือพึ่งตนเองได้ก่อน จะเป็นการดีที่สุด
๔. อย่าประทับตราบาปแก่ลูก
การที่พ่อแม่จะหย่ากันนั้น เป็นการง่ายมาก ใช้เวลาไม่กี่นาที แต่ตราบาปที่ลูกจะได้รับนั้น อาจยาวนานชั่วชีวิต จึงไม่ควรที่พ่อแม่จะหาความสุขใส่ตนเอง แล้วโยนความทุกข์ให้แก่ลูกน้อยตาดำ ๆ หรือยังไม่เดียงสา
๕.อย่ารีบแต่งงานใหม่
ถ้าหย่ากันแล้ว ควรจะรอให้ลูกโตเสียก่อน จึงค่อยคิดแต่งงานใหม่ อดกามไม่ตายเหมือนอดข้าวหรอก ทางพระมีอุบายแยะไปที่จะบรรเทาราคะ โปรดอย่าลืมว่า ผู้ที่เขาจะมาเป็นผัวใหม่ หรือเมียใหม่นั้น เขาไม่ต้องการได้ลูกใหม่ ที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของเขาหรอก จึงไม่ควรที่จะเอาลูกคนอื่นไปยัดเยียดให้เขา
๖. ค่าของคนลดลงตามอายุ
การแต่งงานครั้งแรกที่เรายังหนุ่ม และสาวอยู่นั้น เป็นความภูมิใจด้วยกันทุกฝ่าย แต่พอสังขารล่วงโรยแล้ว ผู้ที่เขาจะแต่งงานกับเราใหม่ส่วนมากเขาจะเปลี่ยนจากความรัก มาเป็นความหวังไป คือไปหวังวัตถุ หรือสมบัติแทน อย่าหลงคิดว่าเขาจะรักเราจริงจังและตลอดไป
๗. ควรนึกถึงบาปกรรมบ้าง
การที่เราจะหย่ากันนั้น อาจเกิดจากความพอใจทั้งฝ่ายเขาหรือเราก็ได้ หรืออาจเกิดจากความปวดร้าวใจก็ได้ แต่ตัวพ่อแม่ก็ยังไม่เท่าไร เพราะได้ผ่านโลกมามากแล้ว แต่ลูกสิจะแย่มาก เขาจะเกิดความสับสน เกิดปมด้อย เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย ควรนึกถึงบาปกรรม ที่เราทำแก่ลูกบ้าง เขาไม่ใช่เป็นคนก่อ แต่เหตุใดเราจึงจะไปโยนบาปใส่เขา มันยุติธรรมแล้วหรือ ?
๘. เมื่อจะหย่าควรให้ผู้ใหญ่รับรู้ด้วย
ทุกคนย่อมมีพ่อแม่หรือผู้ปกครอง เมื่อจะหย่าควรที่จะปรึกษาท่านบ้าง อย่าเอาแต่ใจหรืออารมณ์ ถ้าไม่มีพ่อแม่หรือญาติที่พอจะปรึกษาได้ จะปรึกษากับครูอาจารย์ หรือกับพระที่ท่านมีความรอบรู้ก็ได้ ถ้าไม่สะดวกจริง ๆ ในบ้านเมืองเราก็ยังมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่จะให้คำปรึกษาหารืออยู่มากมาย เช่น กรมประชาสงเคราะห์ สมาคมสมาริตัน จิตแพทย์ ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ เป็นต้น ขอให้เชื่อไว้อย่างหนึ่งเถิดว่า หลายหัวคิดย่อมดีกว่าหัวคิดเดียวอย่างแน่นอน

'การทำอะไรอย่างรอบคอบ และถูกต้องไว้ก่อน ย่อมดีกว่าจะไปแก้ไขข้อผิดพลาดในภายหลัง'เพราะการทำผิดทำชั่วนั้น คนโง่คนพาลก็ทำได้ง่าย แต่การจะทำถูกและทำดีนั้น จะต้องอาศัยสติปัญญา และความสามารถอื่น ๆ อีกมาก จึงไม่ควรที่จะหุนหันพลันแล่นทำอะไรลไปตามใจกิเลส.




คัดลอกจาก: ความรัก เขียนโดย ธรรมรักษา

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2011, 11:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 16:20
โพสต์: 35

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ ตรงกับชีวิต :b8: ในตอนนี้เลยค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2011, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 11:51
โพสต์: 505

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณบทความดีๆเช่นกันทำให้ได้ข้อคิดที่ดี แล้วหาบทความมาให้อ่านอีกนะคะชอบค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 19 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร