วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 14:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2011, 15:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42:เราเกิดมาก็ปีแล้วล่ะ เกิดมา20ปีบ้าง 30ปีบ้าง 40ปีบ้าง เราก็มีตัวกู-ของกูมาโดยตลอด นับตั้งแต่ดื่มนมจากอกแม่มื้อแรกนั่นแหละมันเริ่มมีแม่ของกูแล้ว พอแม่เรียกเราไอ้แดง ครั้งแรกเราไม่เข้าใจ แม่เรียกเราซ้ำว่าไอ้แดงบ่อยๆเข้า เราก็เริ่มยึดว่าไอ้แดงนี้คือกู แล้วแม่นี้คือแม่ของกู นับวันไอ้แดงมันเติบโตข้น มันเริ่มมีของเล่นมากขึ้น โตขึ้นอีกมันมีงานทำ มันมีบ้าน มันมีรถ ของกูมันเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ เล็กๆไอ้แดงเป็นเด็กวัดไอ้แดงก็รู้สึกเจียมตัว ตัวกูมันก็ยังเล็ก โตขึ้นเรียนจบมีงานทำเลี้ยงตนเองได้ เริ่มมีศักดิ์ศรี ตัวกูก็เริ่มใหญ่ตามไปด้วย ในที่สุดได้เป็นเจ้าคนนายคน เป็นอธิบดี เป็นรัฐมนตรี ตัวกูเลยใหญ่จนอยู่บ้านเล็กๆไม่ได้ นั่งรถเล็กๆไม่ได้ ห้องทำงานก็ต้องใหญ่โตตามไปด้วย ทั้งๆที่ความจริงหน้าไอ้แดง กับก้นไอ้แดง ตอนที่พึ่งเรียนจบ กับตอนที่ได้เป็นรัฐมนตรี มันก็เท่าเดิมนั่นแหละ แต่เจ้าความยึดทีว่าตัวกูตอนเป็นรัฐมนตรี นี้มันต้องใหญ่ ตามหน้าที่ความรับผิดชอบไปด้วย เมื่อก่อนไอ้แดงตอนเป็นเด็กวัด ใครด่าไอ้ห่าแดง(ขออภัย) บางทีมันไม่โกรธด้วยซ้ำ แต่ไอ้แดงคนเดิมตอนเป็นรัฐมนตรีนี้ บางทีไปเรียกมันว่าคุณเฉยๆมันยังโกรธ ต้องเรียกมันว่าท่านมันถึงพอใจ เด็กในกระทรวงอย่าว่าแต่ไปเรียกไอ้ห่าแดงเลย เจอหน้าไม่รีบสวัสดีค่ะท่าน ทำเมินมองไม่เห็นไอ้แดงอาจสั่งย้ายไปยืนถ่ายเอกสารขาแข็งทั้งวันได้ อะไรล่ะที่ทำให้ใอ้แดงเปลี่ยนไป ถ้าไม่ใช่ความยึดมั่นในเรื่องตัวกู-ของกู
............ทีนี้พอมีความทุกข์ เพราะโทษภัยในการยึดมั่นกับตัวกุของกูนี้ เช่นมันจะหลุดออกจากตำแหน่ง ถ้ามันยังมีทางดิ้นไป หาวิธีกลบทุกข์ได้ มันก็อาศัยสิ่งภายนอกมากลบทุกข์กันไปเรื่อย ยังไม่มีทางเห็นทุกข์
มันจึงเป็นคนอาภัพวาสนาทางธรรม เพราะทางธรรมแล้วผู้ใดไม่เคยเห็นทุกข์เลย ผู้นั้นจะไม่มีโอกาสเห็นธรรมะของพระพุทธเจ้า จวบจนวันหนึ่งเขาหาทางกลบทุกข์ไม่ได้แล้ว ทุกข์เจียนตาย จึงเริ่มนึกถึงทางออกสุดท้าย คือธรรมะ..และก็กระเซอะกระเซิงเข้ามา
...........ก็ทุกคนนั่นแหละ พอพระท่านว่า ตัวกู-ของกู นี้มันไม่มี ไอ้แดงมันก็ไม่มี ท่านรัฐมนตรีแดงมันก็ไม่มี ดีไม่ดีมันจะว่าพระท่านบ้า เอาอะไรมาสอน ก็ผมหยิกตัวเอง ผมก็เจ็บ แล้วจะว่าผมไม่มีตัวตน ไอ้แดงไม่มี
.....อันนี้เลย เป็นจุดเริ่มต้นว่า ต้องพิสูจน์กัน ว่าตกลงไอ้แดง นี้มีตัวตนจริงหรือไม่....ต่อคราวหน้า.....เจโตวิมุติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2011, 15:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 14:41
โพสต์: 154

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุคะ ท่านพุทธฏีกา
คุณpanlaya คะ ดิฉันเข้าใจคุณคะ เพราะดิฉันก็ประสบปัญหาเหมือนๆกับคุณ
ดิฉันก็ไม่เก่งทางธรรม แต่ก็ประคับประคองตัวมาได้
เอาใจช่วยนะคะ พยายามเข้าใจเขาและเมตตาเขาให้มากๆคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2011, 18:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าสับสนไปเลย ธรรมะที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ แล้วนั้น
เป็นธรรมอันประเสริฐ ที่เราควร ศึกษา เรียนรู้ และ ปฏิบัติ ให้เห็นจริง รู้แจ้ง
แล้วข้อสงสัยต่างๆ เหล่านี้จะค่อยๆ หมดไปได้ หมายถึง กิเลส ต่างๆ จะคลี่คลาย
จางคลายไป ทุกข์ จะสามารถ ลดน้อย ถอยลงไป จากใจ ตาม ลำดับ ขั้น จากผลของการ
เรียนรู้และปฏิบัติ ตอนใหม่ๆแรกๆ อุปาทาน ขันธ์ มันยึดเรา มีความเห็นผิด คิดว่าเรา มีตัวตน
เป็นสัตว์ เป็นบุคคลขึ้นมา เริ่มที่ว่าเรา มีตัวมีตน ก็ผิดแล้ว แล้วก็เลยไปมองคนอื่น สิ่งอื่น เป็นเขา
เป็นเรา มีตัวตน ตัวกู ของกู ขึ้นมาอีก มันก็ทุกข์เข้าไปอีก ยิ่งยึดก็ยิ่งทุกข์ ขอให้มองทุกอย่างมัน
เป็นเพียงธรรมชาติ เป็นธาตุ รูป นาม เหล่านี้ เกิดขึ้นมาตามเหตุ ตามปัจจัย และ ก็ดับไปตามเหตุตามปัจจัย
เหมือนกัน ตั้งอยู่ไม่ได้ มีเสื่อมสลาย ย่อยยับ เป็น อนิจจฺ ทุกขฺ อนัตตา
เจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2011, 12:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ก็สังเกตุเวลาเรากล่าว เราก็จะกล่าวอะไรที่มันเป็นกลางๆ ไม่ชื่นชมใคร ไม่ตำหนิใครเป็นพิเศษ ก็เพราะไม่ต้องการให้เกิดความยินดี-ยินร้าย ทั้งฝ่ายผู้พูดและผู้ฟัง
.....ที่นี้ยังไม่จบเรื่องตัวกู-ของกู ในคนธรรมดาอย่างเราทั้งหลายมันต้องเข้าใจยากแน่ เพราะความรู้จักตัวกู-ของกูอย่างแจ่มชัด มันเป็นผลของวิปัสนาในหมวดกายานุปัสนา การจะวางตัวกู-ของกูลงได้ สิ้นเชิงมันเป็นวาระจิตในขั้นโสดาบันบุคคลโน่น
.......แล้วคนธรรมดาอย่างเราจะเข้าใจชัดเจน เห็นโทษ ในการยึดมั่น ในตัวกู-ของกู และเห็นประโยชน์ในการวางตัวกัว-ของกูได้อย่างไรได้อย่างไร เอาประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้มาใช้เตือนสติ มาใช้ผ่อนคลายความทุกข์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร
........อันนี้พอมีทางอธิบาย ต้องขออนุญาติใช้กุสโลบาย จากสติปัญญา ของหลวงพ่อชา มาช่วยอธิบาย
ท่านว่าเรื่อง ตัวกูนี้ เปรียบเหมือนเราเดิน เข้าซอยหมู่บ้านพอผ่านหน้าซอยอยู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งมายืนตะโกนด่าเราว่า อีอ้วน-อีก้นใหญ่(ขออภัยแค่สมมุติ) โดยที่เรามองไปแล้วเราก็ไม่รู้จัก ความโกรธมันพรุ่งปรี๊ดขึ้นสูงสุดเลย ใครว่ะอยู่ดีมาด่ากู จะด่าตอบก็ไม่กล้ากลัวมันทำร้ายเอา กัดฟันเดินกลับเข้าหมู่บ้าน ในใจก็คิดไปตลอดทางว่ามันด่ากู มันด่ากู แบกทั้งตัวกูและโทสะไปตลอดทาง จนถึงหน้าบ้านก่อนจะไขประตูเข้าบ้าน หันไปเห็นข้างบ้านก็ปรี่เข้าไปเล่าให้ฟัง ข้างบ้านก็ร้องอ๋อ เมื่อตะก็ฉันเดินเข้ามามันก็ด่าฉัน มันว่าอีแห้ง-อีก้นลีบ ฉันก็โกรธไฟไหม้เหมือนเธอนี่แหละ แต่พ่อไปบอก รปภ. เขาบอกว่า มันเป็นคนบ้า มันไม่รู้เรื่อง มันด่าทุกคนที่เดินเข้าหมู่บ้านนั่นแหละ ได้ยินแค่นี้ มันเป็นคนบ้า มันไม่ได้ตั้งใจด่ากู แค่นี้ จิตมันวางตัวกูทันที ความโกรธมันหายไปทันที บางทีมันกลับเป็นเวทนา สงสารไปอีก ความรู้สึกก่อน รู้ว่ามันบ้า ท่านเปรียบว่านั่นแหละ ความทุกข์จากการยึดตัวกู ความรู้สึกเมื่อรู้ว่ามันบ้าเป็นความรู้สึกเมื่อเราวางตัวกูลงได้ อันนี้ก็เอาไปพิจารณากันเอา อยากวางได้จริงๆ หรือวางได้ระดับหนึ่ง คือยึดแต่อย่าให้มั่น ก้ต้องปฏิบัติเองนั่นแหละ ทางอื่นยังไม่มี....../เจโตวิมุติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2011, 13:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ใดยังมีความสุขอยู่ในโลก ยังพึงพอใจที่จะเวียนว่ายตายเกิด
ยังเห็นโลก (คือการเวียนว่ายตายเกิด) เป็นเรื่องสนุกสนาน น่ามีน่าเอา
พระพุทธองค์ ก็ทรงชี้แจงแสดงวิธีที่จะให้ได้เวียนว่ายตายเกิดได้อย่าง
อยู่ในธรรม ปลอดภัยขึ้นจากอันตรายใดๆ จากความไม่รู้และกิเลส ตัณหา
อุปาทานทั้งหลาย ขึ้นได้บ้าง ทั้งทรงชี้แจงแสดงวิธีที่จะให้ได้เกิดดียิ่งๆ ขึ้น
(เช่นการอยู่ในศีล การอยู่ในธรรม ฆราวาสธรรม ฯลฯ) สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้
ไม่เห็นในโทษภัยของสังสารวัฏ


มนุษย์คืออะไร


ที่มาและที่ไป



คำว่า "มนุษย์" แปลว่า ผู้มีใจสูง เอาความหมายตรงนี้ไว้ก่อน แล้วคราวนี้เราก็วางตรงนี้ลงก่อน แล้วไปดูกันว่า ที่มาที่ไปของมนุษย์เป็นอย่างไร


พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเอาไว้ว่า ในสังสารวัฏหรือวัฏสงสารอันยาวนาน เหลือจะกล่าวที่เราๆ เวียนเกิดเวียนตายเวียนว่ายกันอยู่นี้ มีที่ๆ เราเวียนเกิด เวียนตาย หรือพูดอีกแง่ก็คือมีที่ๆ เราเวียนไปวนมากันอยู่ทั้งหมด ๖ ที่ ๖ สถานะและ ๖ สภาพ เรียงจากต่ำสุดไปสูงสุดคือ นรก-เปรตและอสุรกาย- มนุษย์-เทวดา-พรหม


พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า สังสารวัฏ หรือ วัฏสงสาร นั้น ยาวนานสุดจะหา เบื้องต้นและเบี้องปลายได้ และทุกๆ ชีวิตที่เกิดมา ล้วนตกอยู่ใต้กฏธรรมชาติ อันเป็นสากล คือ ต้องเกิด ต้องแก่ ต้องเจ็บ และต้องตาย ทั้งยังต้อง เวียนเกิด เวียนแก่ เวียนเจ็บ และเวียนตาย เช่นนี้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซ้ำแล้วซ้ำอีก


พระพุทธองค์ยังทรงตรัสไว้อีกว่า สรรพชีวิตและสรรพสิ่งทั้งหลาย ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ล้วนตกอยู่ภายใต้กฏแห่งพระไตรลักษณ์ นั่นก็คือ ไม่เที่ยง (อนิจจัง) - เป็นทุกข์ (ทุกขัง) - ไม่เป็นของใครทั้งสิ้นหรือ อีกนัยคือไม่อยู่ในบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น (อนัตตา)



มนุษย์
เป็นสุคติภูมิ


ภูมิมนุษย์ ถือว่าเป็นสุคติภูมิ ในคติพุทธบอกว่า ที่เรามาเกิดเป็นมนุษย์ได้ ก็เพราะอานิสงส์ที่เราเคยเป็นผู้อยู่ในศีลห้า กล่าวคือ เราเคยทำตัวอยู่ใน ศีลห้ามาแล้ว ไม่ว่าจะทราบหรือรู้จักคำว่า "ศีลห้า" หรือไม่ก็ตาม ภูมิมนุษย์นี้ ท่านว่า เป็นที่ๆ ประเสริฐที่สุด เหมาะสมที่สุด ที่จะทำกรรมดี ทำบุญ สร้างปัญญาบารมี


ดังจะสังเกตว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ก็จะต้อง มาตรัสรู้ ณ ภูมิมนุษย์ นี่แหละ อย่างไรก็ตาม ภูมิมนุษย์นี่เองที่เปรียบ เหมือนทางสองแพร่ง ท่านว่า ภูมิที่จะทำดีหรือทำกรรมดีได้ยิ่งที่สุด ดีที่สุด ก็คือภูมิมนุษย์


ในทางกลับกัน ภูมิที่จะทำเลวที่สุดหรือทำกรรม เลวได้หนักที่สุด ก็คือภูมิมนุษย์เช่นกัน แล้วแต่ใครจะเลือกเอาว่า จะไปทางไหน (ด้วยการประกอบกรรมดีหรือกรรมชั่วอย่างที่ว่ามาแล้ว)


ภูมิมนุษย์เปรียบเสมือนเป็นชุมทาง เมื่อใช้กรรมในทุคติภูมิเสร็จ ก็มาเลือกเอาใหม่ว่าจะไปดีหรือไม่ดีก็ในคราวที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์


และหากอยู่บนสวรรค์หรือพรหมโลกเสร็จ หมดอายุขัยเสวยบุญก็ ลงมาที่ภูมิมนุษย์นี้อีก เพื่อมากระทำกรรม เลือกทางของตัวเอง (ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวว่ากำลังเลือกก็ตาม) ว่าจะไปข้างบนหรือ ลงข้างล่างอีกต่อๆ ไป วนเวียนเวียนวนเช่นนี้ ไม่สิ้นสุด

เป็นบุญแค่ไหนแล้วที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีโอกาสสร้างเหตุให้ถูกตรง
การแก้ไขปัญหาต้องมองจากมูลเหตุทั้งสองด้านคือ ตัวเอง และอีกฝ่ายหนึ่ง
อย่ามัวแต่มองออกไปแล้วถามว่าทำไมเขาเป็นอย่างนั้น แล้วจะมีศีลห้าเอาไว้ทำไม
ทำใจยอมรับด้วยว่าคนเราสะสมบุญวาสนาบารมีมาไม่เท่ากัน
เราสามารถแก้ไขที่ตัวเราได้แล้ว โน้มนำใจผู้อื่นได้แค่ไหน ก็สุดแต่วาสนาของเขาด้วย
ปล่อยวางแล้วพัฒนาจิตใจของเราเองดีกว่า
ภาษาชาวบ้านเขาว่า "หากเขาเป็นของเรา เขาก็เป็นของเราอยู่วันยังค่ำ"

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2011, 13:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 21:59
โพสต์: 234

สิ่งที่ชื่นชอบ: ในตัวเอง
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บีวิดจ๊ะ อยากได้ข้อความจากใจ ไม่เอาก๊อป

ชอบอ่านที่เป็นจากใจของบีวิด

Onion_L :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2011, 13:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


จางบางลางเลือน เขียน:
บีวิดจ๊ะ อยากได้ข้อความจากใจ ไม่เอาก๊อป

ชอบอ่านที่เป็นจากใจของบีวิด

Onion_L :b1: :b1:


จากใจ >>>ไง :b17:
เป็นบุญแค่ไหนแล้วที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีโอกาสสร้างเหตุให้ถูกตรง
การแก้ไขปัญหาต้องมองจากมูลเหตุทั้งสองด้านคือ ตัวเอง และอีกฝ่ายหนึ่ง
อย่ามัวแต่มองออกไปแล้วถามว่าทำไมเขาเป็นอย่างนั้น แล้วจะมีศีลห้าเอาไว้ทำไม
ทำใจยอมรับด้วยว่าคนเราสะสมบุญวาสนาบารมีมาไม่เท่ากัน
เราสามารถแก้ไขที่ตัวเราได้แล้ว โน้มนำใจผู้อื่นได้แค่ไหน ก็สุดแต่วาสนาของเขาด้วย
ปล่อยวางแล้วพัฒนาจิตใจของเราเองดีกว่า
ภาษาชาวบ้านเขาว่า "หากเขาเป็นของเรา เขาก็เป็นของเราอยู่วันยังค่ำ"

ชัดๆ นะ "ผัว ถ้าพ้นกะไดบ้านไปก็เป็นของคนอื่นจร้าาาา" :b22: :b13:
ปล่อยมันไปที่ชอบที่ชอบตอนที่ยังมีลมหายใจน่าจะได้บุญกว่าต้องเคาะโลงบอกนะจ๊ะ :b28: :b34:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2011, 14:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue ถึง จขกท.

ขอแนะนำให้ลองหาวิธีไม่โดยทางตรงหรือโดยอ้อมก็ได้
ให้คุณสามีรู้จักเว็บนี้ เพราะที่นี่ "มีธรรมะและกัลยาณมิตร" :b20: :b12: :b4:

เคยเห็นสมาชิกบางคนแกล้งเปิดคอมทิ้งไว้ สามีเดินผ่านมาเห็นเข้า แวะอ่าน แล้วก็เลย
เป็นสมาชิกกันทั้งคู่ ก็ดีเหมือนกันนะ ให้โอกาสเขาได้ศึกษาไปพร้อมๆ กันกับคุณ :b37: :b38:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2011, 14:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


Bwitch เขียน:

ชัดๆ นะ "ผัว ถ้าพ้นกะไดบ้านไปก็เป็นของคนอื่นจร้าาาา" :b22: :b13:
ปล่อยมันไปที่ชอบที่ชอบตอนที่ยังมีลมหายใจน่าจะได้บุญกว่าต้องเคาะโลงบอกนะจ๊ะ :b28: :b34:


:b19: :b19:

อิ อิ ช๊าดดดดจร้า

มีชัดช๊าดดดดกว่านี้อีกมั๊ยยยย

:b3: :b3: อยากฟัง เสียงที่ออกมาจากหัวจาย หง่ะ :b27: :b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2011, 14:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ๊ะ คุยอะไรกัน
tongue จขกท. จะ :b23: หรือเปล่านะ

หรือไปตอบกันสองคนดี

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2011, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


ทางธรรม พระท่านว่า ไม่มีใคร ไม่มีของใคร ไม่มีเรา ไม่มีเขา ยึดน้อย ก็ทุกข์น้อย
ไอ้หน้าหล่อ ที่ชื่อนั้นชื่อนี้ ที่คิดว่าเป็นของเราน่ะ จริงๆ มันเป็นแค่ก้อนเนื้อ เป็นที่รวมของน้ำเลือดน้ำหนอง สารพัดขี้ (ขี้มูก ขี้ตา ฯลฯ) พอตายลง หนอนก็เจาะก็ไช ไม่มีอะไรน่ายึด น่าถือว่าเป็นของเรา

จากหัวใจเลยนะเนี่ย :b51: :b53: :b19: :b13:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2011, 15:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2011, 09:04
โพสต์: 32


 ข้อมูลส่วนตัว


siyapat เขียน:
อนุโมทนาสาธุคะ ท่านพุทธฏีกา
คุณpanlaya คะ ดิฉันเข้าใจคุณคะ เพราะดิฉันก็ประสบปัญหาเหมือนๆกับคุณ
ดิฉันก็ไม่เก่งทางธรรม แต่ก็ประคับประคองตัวมาได้
เอาใจช่วยนะคะ พยายามเข้าใจเขาและเมตตาเขาให้มากๆคะ



`อยากถามว่านานมั๊ยคะ กว่าจะผ่านพ้นปัญหา มันมีระยะเหมือนมะเร็งหรือเปล่า
ว่าเป็นระยะ1 หรือ 2 หรือระยะสุดท้าย พยายามสุดๆที่จะไม่พูดเรื่องเก่าให้ต้องมีปากเสียงกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2011, 15:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2011, 09:04
โพสต์: 32


 ข้อมูลส่วนตัว


Bwitch เขียน:
ทางธรรม พระท่านว่า ไม่มีใคร ไม่มีของใคร ไม่มีเรา ไม่มีเขา ยึดน้อย ก็ทุกข์น้อย
ไอ้หน้าหล่อ ที่ชื่อนั้นชื่อนี้ ที่คิดว่าเป็นของเราน่ะ จริงๆ มันเป็นแค่ก้อนเนื้อ เป็นที่รวมของน้ำเลือดน้ำหนอง สารพัดขี้ (ขี้มูก ขี้ตา ฯลฯ) พอตายลง หนอนก็เจาะก็ไช ไม่มีอะไรน่ายึด น่าถือว่าเป็นของเรา

จากหัวใจเลยนะเนี่ย
:b51: :b53: :b19: :b13:


เชื่อแล้วว่ามาจากใจ รู้สึกดีขึ้นนิดนึง ตรงนี้แหละค่ะไอ้หน้าหล่อๆของคุณ ที่พูดถึงน่ะ
คนที่บ้านใช้ไม่ได้แล้ว ต้องบอกว่าไอ้แก่ๆที่ผมน้อย พุงยื่นๆ นอนกรนครอกๆ มันก็แค่ก้อนเนื้อ...
คิดอย่างนี้ เรียกปลงอสุภะ หรือเปล่าคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2011, 15:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2011, 09:04
โพสต์: 32


 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องอยู่กับคนโกหก หน้าไหว้หลังหลอก ตีสองหน้า แบบหาใบเสร็จไม่ได้ ไม่ยอมรับ
รู้ก็รู้ว่าไม่พูดความจริง หรือพูดความจริงไม่หมด แบบนักการเมืองทุกวันนี้ ...
ควรทำจิตทำใจอย่างไรค่ะ จึงไม่ต้องเสียประสาท ทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะตามล่าหาความจริง
ทั้งสืบทั้งค้น เหนื่อยใจจังค่ะ :b5: :b5: :b5:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2011, 23:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


panlaya เขียน:
ต้องอยู่กับคนโกหก หน้าไหว้หลังหลอก ตีสองหน้า แบบหาใบเสร็จไม่ได้ ไม่ยอมรับ
รู้ก็รู้ว่าไม่พูดความจริง หรือพูดความจริงไม่หมด แบบนักการเมืองทุกวันนี้ ...
ควรทำจิตทำใจอย่างไรค่ะ จึงไม่ต้องเสียประสาท ทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะตามล่าหาความจริง
ทั้งสืบทั้งค้น เหนื่อยใจจังค่ะ :b5: :b5: :b5:


จะสืบ จะค้นไปทำไม?
รู้แล้วได้อะไร?....ไม่รุ้แล้วได้อะไร?

ความจริงบางอย่าง...สุ้ไม่รุ้เสียเลยจะดีกว่า :b1:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 73 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร