วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 18:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2012, 17:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2012, 22:35
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


เราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่จับได้แต่ไม่คาหนังคาเขาว่าแฟนมีผู้หญิงหลายคน และเป็นคนที่เลือกเดินออกมาจากความทรมานนั้น แต่ตอนนี้มันก็ทรมานอีกแบบ อยากถามพี่ๆว่าทำอย่างไรจึงดีขึ้น ขอบคุณคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2012, 19:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ธ.ค. 2010, 17:35
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




ความจริง.jpg
ความจริง.jpg [ 54.38 KiB | เปิดดู 3493 ครั้ง ]
ทุกคน อาศัย "เวลา" เยียวยาให้ผ่านพ้น


(ขอบพระคุณปรมาจารย์ทุกกระทู้ที่ได้ให้ข้อความดีๆมาสร้างสรรแก่เพื่อนสมาชิก)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2012, 12:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 191


 ข้อมูลส่วนตัว


วันเวลาก็อาจะบรรเทาความทุกข์ ความคับแค้นขัดเขืองใจไปได้บ้าง แต่ก็จะเป็นการบรรเทาได้ชั่วคราว ไม่หมดสิ้นไปจากใจ กล่าวคือ หากยังมีความฟุ้งซ่าน ความตามนอนใจไปกับความคิดปรุงของสังขาร ความคับแค้นขัดเคืองใจก็จะกลับมากำเริบ เกิดขึ้นได้อีก เหตุเพราะความปรุงแต่งของสังขารนั้นยังคงปกคลุมจิตใจไม่ให้เห็นความดีอันเป็นความจริงของจิตใจ เหตุใดจึงมีความฟุ้งซ่านคอยแต่จะกำเริบให้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็เพราะไม่มีความสงบระงับอารมณ์ของจิตใจ ด้วยอำนาจเครื่องเศร้าหมองแห่งใจคือกิเลส จึงมีความอยากความฟุ้งไปตามแต่จะคิดจะปรุงแต่งไปอย่างไร ทำให้เกิดความไม่ดีอันเป็นอกุศลมาปิดกั้นดวงจิตดวงใจ อกุศลที่ยังไม่เกิดก็กำเริบขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วก็งอกงามเต็มอัตราตามลำดับ นั่นแหละเหมือนขณะที่เรากำลังขลุกหมกมุ่นอยู่กับความหม่นหมองอันหาความสว่างแห่งแสงได้ยาก ต่อเมื่อถอนออกจากความหม่นหมองนั้น ยกตัวฐานะตนให้อยู่เหนือพ้นจากความหมองหม่นนั้น จึงจะได้พบมองเห็นความสว่างแห่งแสงได้ ทีนี้ทางดำเนินที่จะยกตัวฐานะตนให้เป็นเช่นดังกล่าวนี้ ไม่มีทางอื่นนอกจากทางเดินของพระอริยเจ้า คือ มรรคมีองค์แปด มีความเห็นที่ชอบ มีความคิดที่ชอบ ความเพียรที่ชอบมีสมาธิที่ชอบ มีสติที่ชอบ เป็นต้น เช่นขณะนี้ ท่านคิดคิดฟุ้งซ่าน ท่านก็ใช้สัมมาสังกัปโป คือความดำริชอบ ดำริออกจากกาม ดำริไม่พยาบาทเขา ดำริไม่โลภอยากได้ของเขา พร้อมทั้งสัมมาวายาโม คือเพียรระวังอกุศลที่ยังไม่เกิดไม่ให้เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วก็ให้ระงับดับไป ทั้งยังต้องยังกุศลความดีให้เกิดขึ้นด้วย ที่เกิดขึ้นแล้วก็รักษาไว้ให้งอกงามเจริญถาวรต่อไป หากท่านทำตามทางมรรคแห่งพระอริยเจ้าแล้ว ข้ออื่นๆ ก็ย่อมจะผุดให้ดำเนินตามลำดับไป...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2012, 22:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2012, 22:35
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณนะคะ หนูอ่านแล้วยังงงๆ แต่พอเข้าใจนะคะ ช่วงนี้ก็ดีขึ้นคะ ต่อไปจะพยายามระวังใจให้ดี ขอบคุณนะคะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 23 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร