วันเวลาปัจจุบัน 17 เม.ย. 2024, 02:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2012, 12:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ต.ค. 2011, 12:37
โพสต์: 61


 ข้อมูลส่วนตัว


อยากรู้เวรกรรม/วิบากกรรม มีจริงไหม

อยากรู้สามีหรือคนรักนอกใจ เมื่อไหรกรรมจะตามทัน ไม่เห็นเค้าจะเดือดร้อนอะไร มีความสุขดีกับการกระทำของเค้า เราสิยังเป็นบ้าเป็นหลัง จิตตกอยู่ฝ่ายเดียว อยากให้เค้ารับกรรมที่ทำไปบ้าง

ส่วนมากจะเจอแบบที่ ผญ. ทนไม่ได้ก็ขอเลิกลากันไป จบอยู่ที่เรา เค้าก็เสวยสุขกับคนของเค้าต่อไป เบื่อๆ กับการกระทำของเค้า ไม่ยอมเลิกพฤติกรรมเจ้่าชู้ ขนาดจับได้ เราขอเลิกก็ไม่ยอม เบื่อๆ กับตัวเองจริงๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2012, 22:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


ตามคติ(ความเชื่อ)ลัทธิกรรมเก่า ข้อดีก็คือ จำความผิด
ที่ตนเคยกระทำเอาไว้ก่อนได้ เป็นกงกำกงเกวียน ติดตาม
ให้ผล เหมือนประหนึ่งว่าเรา เคยเกิดเป็น ชายมากรักมากคู่

ส่วนภรรยาที่น้อยอกน้อยใจ กร่นเศร้าระทมทุกข์ ทุกคืนวัน
ประหนึ่งดังว่า เป็นสามีในปัจจุบันชาติ...นี้!ของเรา

สามีในอดีตชาติ ซึ่งเป็นภรรยาเก่าของเรา เฝ้าแต่ถามว่าเมื่อไหร่
ไ้อ้สามีเจ้าชู้ (ซึ่งคือเราในปัจจุบัน)จะถูกบาปกรรมมันตามสนอง
ไม่เ็ห็นเขาจะเดือดร้อนต่อ พฤติกรรมของเขาเลย..

ภพชาติที่ปกปิด ลิขิตกรรมและการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏ์สงสาร
เล่นกลให้คู่บาปคู่กรรม พลักไส ให้ได้รับกรรมอันดูไม่ชอบธรรม!
เป็นที่น่าคิดว่า นี่ใช่หรือไม่ เวรกรรม วิบากกรรม ผลของกรรม
ตามคติความเชื่อของ ลัทธิกรรมเก่า กำลังคืนสนองอยู่!!!

ไม่ว่าเป็นใครก็ตาม สามีหรือภรรยา คนที่มักนอกใจคนอื่น
ที่สุดต้องได้รับวิบากกรรมที่ตนเคยกระทำ คล้อยตามพุทธพจน์
ว่า "กัมมุนา วัตตะตี โลโก" สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรรม.


ก็พักเรื่อง ลัทธิกรรมเก่า เอาไว้ก่อน ถึงจะรู้จะเห็นมีญาณวิเศษ
รู้กรรมและความเป็นไปของสัตว์ทั้งหลายเหมือนพระอริยะสงฆ์
ผู้ทรงฤทธิ์ทรงอภิญญา ก็ใช่ว่า จะทำให้ผู้รู้ กรรมและวิบากกรรม
จะคลายทุกข์คลายโศก คลายโรคคลายปมแห่งทุกข์ได้เสมอไป

นั่นเพราะว่า กิเลสตัณหาที่ร้อยรัดไว้ คือตัวปัญหาก่อภพก่อชาติ
มาแล้วเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ สุขๆ ทุกข์ๆ หวานก็อมขมก็กลื่นอยู่
อย่างนี้ร่ำไป แต่ก็ไม่มีความเบื่อหน่าย ความหดหู่พอ ไม่มีสติพอ
ขึ้นชื่อว่า ของรัก จะเป็นคนสัตว์สิ่งของ พอได้รักได้ยึดถือเข้าแล้ว
ก็ต้องตกเป็นทาสของสิ่งๆ นั้นอยู่ร่ำไป นี่แหละอำนาจกาม
อำนาจราคะสังโยชน์ อำนาจทั้งที่เป็นคุณและโทษของความรัก!

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงตรัสสอนว่า ทุกข์มีขึ้นเพราะอาศัยความ
เกิดขึ้นของความรักนั้น มีความพอใจ เพลิดเพลินใจ ติดใจ
มีความยินดี ที่เกิดขึ้นแล้วจาก ผัสสะทางกายทางใจ มีความสุข
และทุกข์เป็นที่ตั้งของความยึดถือและหลงผิด ว่าเป็นเราสุข
ความสุขเป็นของเรา ว่าทุกข์เป็นเรา ว่าความทุกข์อยู่ในเรา
ความทุกข์เป็นของเรา โดยปราศจากความรู้เท่าทันตามความจริง

ความประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รักที่พอใจ (คนรักมีคนอื่น) เป็นทุกข์
ที่มีได้เป็นได้เพราะอาศัย ความรักความยึดถือเป็นที่ตั้ง

เราต้องเสวยผล เพราะประสบพบเจออยู่กับสิ่งที่ไม่เป็นที่รักที่พอใจ
วนๆ เวียนๆ อยู่ในจิตใจ ถ้าบุคคลละดับความ ยึดถือที่เคยเป็นที่ตั้ง
แห่งความรักความยึดถือลงได้ ความต้องประสบกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก
ที่พอใจก็จะไม่เกิดขึ้น ความทุกข์ใจ ความโศกความรำไรรำพัน
ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจก็ไม่เกิดขึ้น

เหมือนจุดไฟขึ้้นในห้องที่มืดสนิท แสงสว่างของไฟก็ปรากฏขับไล่
ความมืดความไม่รู้ ออกไปจากใจทันที เห็นต้นต่อสาเหตุแห่งความ
ทุกข์ความยึดถือ มีใจเราเองที่ผูกมัดเอาไว้เอง มีใจเราเองที่กดและ
กำ(กรรม)ทุกข์เอาไว้ไม่ยอมปล่อยเอง.


จึงทรงตรัสสอนเรื่อง อภัยทาน การลดความเกลียดโกรธ อาฆาต
พยาบาทที่เป็น เครื่องมือในการสานภพสานชาติ สานสะพานกรรม
และวิบาก ให้ยังมาทั้งรักทั้งชังกันอยู่ใน ปัจจุบัน และอนาคต..

ไม่หลอกตัวเอง ว่าต้องเป็นเจ้าหญิงที่ต้องสมหวังในความรัก แล้ว
โลกนี้จึงจะสดใสสวยงาม ช่างหัวมันเสียอย่าง แล้วหาบุญหากุศล
ใส่ตัว ไม่ขอรับวิบากกรรม ต้องมาเป็นภรรยา เป็นแม่ เป็นย่ายาย
ของใครต่อใครอีก ขอความไม่เกิดอีก ขอพระนิพพานเป็นที่สุดท้าย
เป็นเป้าหมายอันสูงสุด ดีที่สุด ที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำไว้

โดยเริ่มต้นใหม่ อยู่ก็ไม่ต้องทนทุกข์ ลุกจากก็ไม่้ต้องช้ำใจ
ดูแลตัวเอง ด้วยตัวของตัวเอง ทำให้โลกเป็นโลกที่สดใสด้วยหัวใจ
ที่อภัยแล้ว เ้ข้าใจว่า กิเลสตัณหา พาคนไปตาย ไปเกิดนรก!
ธรรมา พาคนไปสบาย ไปเกิดสวรรค์...

ความไม่รู้ ไม่ยับยั้งชั่งใจ ไม่เท่าทันอารมณ์ กิเลสตัณหาไม่เข้า
ใครออกใคร เข้าแล้วก็พากันไปนรก ออกแล้วก็พากันไปสวรรค์
มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ แต่ให้เลือกเอา ไม่โกรธใจก็เบา
ไม่เผาตัวเราไม่เผาคนอื่น อภัยแล้วสดชื่น ดื่มด่ำด้วยการให้อภัย
ก้าวแรกแห่งการบรรลุถึงความสุข คือ อภัยให้เขาและเธอ

พระองค์ ทรงตรัสกับเทวดาบ่อยๆ เทวดามักตกใจที่รู้ว่า มนุษย์
ไม่ว่าชายหญิง มักประมาท คิดว่าตัวเองจะไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย
ทั้งๆ ที่มีชีวิตไม่ถึงร้อยปี และพระองค์ก็ตรัสว่า ชีวิตนี้เป็นของน้อย
คือหากจะยึดถือว่า กายใจนี้เป็นเรา ทรงให้ถือว่า กายนี้เป็นเราเสีย
ยังดีกว่า เพราะว่าไม่ทันร้อยปีก็ต้องตาย ก็ปลงก็วางก็ปล่อยกันได้
แต่ใจนี่สิ ที่แบกความทุกข์ ความยึดถือเห็นผิด ทั้งๆ ที่ดับลงและ
เกิดขึ้นอยู่โดยตลอดคืนตลอดวัน กับยึดถือเสียเต็มหัวใจ เมื่อยึด
เต็มเหนี่ยว กิเลสตัณหาก็จัดเต็ม แชร์ความทุกข์ทรมานให้สาสมกับที่
ใจเรานั้นเบา ใจเรานั้นอ่อนแอเอง เจริญพร.

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2012, 13:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ธ.ค. 2010, 17:35
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wasabi เขียน:
อยากรู้เวรกรรม/วิบากกรรม มีจริงไหม

อยากรู้สามีหรือคนรักนอกใจ เมื่อไหรกรรมจะตามทัน ไม่เห็นเค้าจะเดือดร้อนอะไร มีความสุขดีกับการกระทำของเค้า เราสิยังเป็นบ้าเป็นหลัง จิตตกอยู่ฝ่ายเดียว อยากให้เค้ารับกรรมที่ทำไปบ้าง

ส่วนมากจะเจอแบบที่ ผญ. ทนไม่ได้ก็ขอเลิกลากันไป จบอยู่ที่เรา เค้าก็เสวยสุขกับคนของเค้าต่อไป เบื่อๆ กับการกระทำของเค้า ไม่ยอมเลิกพฤติกรรมเจ้่าชู้ ขนาดจับได้ เราขอเลิกก็ไม่ยอม เบื่อๆ กับตัวเองจริงๆ


ท่านพุทธฏีกากล่าวได้เที่งแท้ถูกต้องยิ่งนัก
อ่านแล้วมองเห็นทางข้างหน้าทุกครั้ง

คุณ wasabi คะ ดิฉันเคยมีอาการเช่นคุณ
เหมือนมองเห็นตัวเองในวันก่อนชัดเจนเลยค่ะ
ดิฉันทุกข์เพราะมัวไปแต่ตั้งตารอว่า "เมื่อไหร่กรรมจะตามทันพวกเขา"
แล้วก็จิตตกอยู่ฝ่ายเดียว จนเคยขอเลิกเขาก็ไม่ยอมเช่นกัน
กลายเป็นว่าตอนนั้นดิฉันเต่างหากที่ทุกข์ไม่ยอมไปเองต่างหาก
เหมือนเราอยู่ในลัทธิกรรมเก่า กำลังคืนสนองอยู่ อย่างที่ท่านพุทธฏีกากล่าว

จนเมื่อได้เจอเหตุการณ์หักมุมชีวิต ดิฉันจึงหันมาตั้งสติใหม่
แม้วันนี้ได้ชีวิตครอบครัวกลับคืน ก็ยังต้องประคับประคองวันต่อวัน
เพราะกรรมเก่าเราอาจยังไม่หมด
ตั้งใจชดใช้กันทุกวัน ไม่เพิ่มกรรมใหม่เข้าไปโดยทำให้ตัวเองคิดมากจนเกิดทุกข์

ถ้าถามว่าทุกวันนี้ดิฉันยังคิดมากไม๊
ตอบได้เลยว่าไม่คิดแล้วจะบ้าตายมากกว่าค่ะ
แต่คิดแบบประคับประคองครอบครัวตัวเองให้อยู่รอดพ้นจากกิเลสให้ได้
ท่านพุทธฏีกาได้ชี้นำดิฉันว่าประคองสิ่งที่ควรประคอง
ดิฉันจึงคิดว่าตัวเองเดินมาถูกทางบ้างแล้ว

คุณ wasabi ต้องมีทางให้คุณหาเจอแน่นอน
ดิฉันว่าคุณเองก็กำลังเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ
เพราะอย่างน้อยรู้ตัวว่าจิตตกเป็นบางครั้ง
บางคนจิตตกก็ยังไม่รู้ตัว ปล่อยให้ตัวเองดำดิ่งลงไปลึกสุดคณานับ
คุณ wasabi เข้ามาเว็บนี้ ถือเป็นบุญกุศลที่จะมีคนช่วยดึงคุณขึ้นมา
อ่านคำกล่าวของท่านพุทธฏีกาหลายๆรอบหลายๆครั้ง
คุณจะเห็นตัวเองและทางข้างหน้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้คุณ wasabi นะคะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron