ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ประคองรักที่เกือบพลัดพราก http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=43615 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | วันนี้ [ 13 ต.ค. 2012, 21:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | ประคองรักที่เกือบพลัดพราก |
พยายามประคองชีวิตคู่ให้ยาวนาน แต่ถือไว้นานวันเข้าก็หนักเอาการ มันยากกว่าการตัดรักและจากลาซะอีก เพราะตัดสินใจถือไว้เอง ต้องคุมสติคุมชีวิตชนิดวันต่ิอวัน มองดูคนข้างเคียงด้วยใจที่บอกตัวเอง ทุกวันว่า "สุดมือสอย ก็ปล่อยไป" แก้ที่เขาไม่ได้ ก็ต้องแก้ที่ใจเราเอง |
เจ้าของ: | ouie [ 14 ต.ค. 2012, 20:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประคองรักที่เกือบพลัดพราก |
เมื่อยอมรับแบบนี้ ก็ต้องสู้ต่อไปค่ะ เป็นกำลังใจให้นะค๊าคุณวันนี้ สู้ๆๆค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | poomipat [ 15 ต.ค. 2012, 20:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประคองรักที่เกือบพลัดพราก |
เอาใจช่วย นะค่ะ ดูคุณยังควบคุมจิตใจตัวเองได้ดีอยู่ พระพุทธเจ้าตรัสว่า "รักร้อย ก็ทุกข์ร้อย " หากไม่ไหวจริง ขอให้คิดเถิดว่า เมื่อเกิดเราก็เกิดคนเดียว ตายเราก็ตายคนเดียว ต่อให้กอดกันตายอย่างไร มีแต่ร่างที่ไร้จิตวิญญานเท่านั้น ที่อยู่แนบชิดกัน แต่ดวงจิตที่ไร้ร่างกายแล้วก็ต่างคนต่างไป ต่างภพ -ภูมิ เพราะบุญ-กรรมที่กระทำเอาไว้ต่างหาก |
เจ้าของ: | คณากร [ 16 ต.ค. 2012, 10:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประคองรักที่เกือบพลัดพราก |
เอาใจช่วยครับ เอาชนะใจตัวเองให้ได้นะครับ สู้ๆๆครับ การให้อภัยคือ ทุกสิ่ง |
เจ้าของ: | sutthichan [ 18 ต.ค. 2012, 17:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประคองรักที่เกือบพลัดพราก |
คุณวันนี้ เหนื่อยมั๊ยคะ ถ้าเหนื่อยนัก พักก่อนดีมั๊ยคะ หาความสุขใส่ใจใส่ตัวไปกับลูก ๆ ดีกว่ามั๊ยคะ แหม่มอยากให้คุณวันนี้พักแล้วทิ้งระยะห่างเอาไว้ คิดทบทวนเยอะ ๆ นะคะ เราต้องเหนื่อยอีกนาน สักแค่ไหนถ้าไม่พักเลยเราเองจะแย่นะคะ เครื่องจักรยังเสียได้นะคะ ![]() ![]() แล้วค่อยเริ่มเครื่องใหม่ดีกว่าปล่อยให้เสียแล้วค่อยมาซ่อมนะคะ |
เจ้าของ: | นายฏีกาน้อย [ 20 ต.ค. 2012, 10:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประคองรักที่เกือบพลัดพราก |
ไม่มีอะไรเป็นเรา ของๆ เราอย่างแท้จริง การประคองที่เป็นประโยชน์ กับการประคอง ที่ไม่เป็นประโยชน์ การประคองสิ่งที่เป็นประโยชน์คือ การประกอบ ลงมือ กระทำบางสิ่งบางอย่าง ตามเงื่อนไขหน้าที่ เป็นพ่อเป็นแม่ เป็นสามีภรรยา ก็รับผิดชอบตามหน้าที่ ตามสมมติ แต่ไม่ยึดถือเสีย อะไรจะกระทบจิตใจ ก็คิดว่าช่างมัน ไม่เอามาคิดเอามาใส่ใจ โดยประคอง จิตใจของเราเองให้ ตั่งมั่นไม่หวั่นไหว ไม่ฟุ้งซ่าน เดือดร้อนรำคาญใจ ไปกับ แรงวิบากแรงกรรม ยิ่งทำจิตใจให้สงบตั่งมั่นได้ และประกอบหน้าที่ ความรับผิดชอบของตนเองให้ดีทีุ่สุด การประคอง จิตประคองใจอย่างนี้ ให้ปราศจาก อารมณ์ของ ความเศร้าหมอง อารมณ์ที่ประทุษร้ายจิตใจตนเอง ซึ่งคอยบีบคั้น คอยทดสอบ เหมือนคลื่นคอยกระทบ เข้าหาฝั่ง ใหญ่บ้างเล็กบ้าง ดังนั้น การมีสติ ระวัง ประคองจิตใจให้สงบ ไม่ไหลไปตาม อารมณ์ ห้ามใจไม่ให้โกรธ ห้ามใจไม่ให้หวงห่วง ให้รัก ให้อาลัยอาวรณ์ เพราะความรัก ความพอใจ ความชิงชัง ความไม่พอใจ เป็นอารมณ์ที่คอยปั่นป่วนจิตใจ ทำให้ การประคองจิตใจ ประคองสถานการณ์ต่างๆ เป็นไป ได้ด้วยความยากลำบาก บางสถานการณ์ที่ปกติธรรมดา ถ้าคนเราหวั่นไหวเกินไป อาจพลาดพลั้ง คิดพูดทำ อะไรออกมา จนเป็นเหตุสร้างความเสียใจให้แก่ตนเอง และคนอื่น กลับกัน บางสถานการณ์แม้จะเลวร้าย แต่เพราะ บุคคลผู้นั้นประคองสติ ประคองจิตใจให้ ตั่งมั่นไม่หวั่นไหว ศรัทธาและเชื่อในการ ปฏิบัติตน ให้พ้นจากทุกข์ จากกิเลสตัณหาได้ เขาหรือเธอก็จะ รู้จักประคองจิตใจ ให้มีแต่บุญกุศล คือมีความสุขและฉลาด มีปัญญา เท่าทันความรู้สึก นึกคิดของตน ไม่หม่นหมอง อ่อนแอ เหลวไหล คอย คล้อยตามแต่อารมณ์จะพาไป ดังนั้นการประคองสิ่ง ที่เป็นประโยชน์ คือการประคองสถานกาณณ์ที่ยากและ ลำบากต่างๆ ด้วยจิตใจที่ตั่งมั่นไม่หวั่นไหว อย่างมีสติ ส่วนการประกอบตัวตน ด้วยจิตด้วยใจ ที่รักหรือหลงมาก เกินไป ด้วยความรู้สึก พอใจไม่พอใจ ทั้งคาดหวังและสิ้นหวัง ล้วนแต่เป็นการประคองจิตใจที่ปราศจากประโยชน์ และ ยิ่งจะทำให้สถานการณ์ต่างๆ บิดเบือน สร้างความทุกข์ ความเศร้าหมองแก่เจ้าของ ผู้ประคองในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เป็นแต่โทษ ที่คอยบีบคั้น เบียดเบียนรบกวนจิตใจของตน สำรวจตรวจสอบ กำลังประคองสิ่งที่เป็นประโยชน์หรือ ไม่เป็นประโยชน์กับตนเอง ดูใจ แก้ไขที่ตัวเราเอง เจริญพร. |
เจ้าของ: | วันนี้ [ 25 ต.ค. 2012, 14:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประคองรักที่เกือบพลัดพราก |
ท่านพุทธฏีกากล่าวได้ราวกับตาเห็นในสภาพปัจจุบันของดิฉันจริงๆ ว่าดิฉันประคองทั้งครอบครัว ทั้งสติตัวเองเต็มที่สุดกำลัง การหนีมาอยู่ไกลต่างบ้าน ยากจะพึ่งความช่วยเหลือจากใครได้ สภาวะครอบครัวทำให้ดิฉันต้องใช้ความคิดทุกอย่างเพื่อให้อยู่รอด ท่ามกลางความอ่อนแอทางใจของสามี บางครั้งรู้ทั้งรู้ว่าเขาโกหก บางครั้งเห็นความไม่แน่นอนของเขา มองเห็นแล้วมองดูให้รู้ใจตัวเองว่า เออ เดี๋ยวนี้เริ่มชินแล้ว บางวันเห็นเขาเข้าบ้านมา ก็พูดกับตัวเองเสมอว่า "เจ้ากรรมนายเวรของข้าพเจ้ามาแล้ว" แล้วเข้าไปทำหน้าที่แม่บ้านหาข้าวหาน้ำให้ เฉกเช่นภรรยาทั้งหลาย |
เจ้าของ: | วันนี้ [ 28 ต.ค. 2012, 07:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประคองรักที่เกือบพลัดพราก |
บ้านหลังใหม่ เป็นบ้านแฝด สภาพบ้านค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปตาามสภาพการณ์ แต่ถึงแม้จะเป็นบ้านเก่าอย่างไรก็ตาม บ้านก็คือบ้าน ที่เป็นแหล่งพักพิงทั้งทางใจและทางกายสำหรับดิฉันและลูกในยามนี้ ดิฉันลงมือทำความสะอาดและตกแต่งไปทีละส่วนด้วยตัวเอง พร้อมทั้งดูแลครอบครัวจนลูกเปิดเทอม สามีไปทำงานเต็มตัว เมื่อเขากลับจากทำงาน เห็นดิฉันทำงานบ้านในสภาพหัวยุ่งเหยิง แล้วยิ่งวันหยุด ดิฉันต้องให้เขามาช่วยในด้านใช้กำลังยกย้ายข้าวของ ไม่รู้เขาเหนื่อยหรือมีอะไรอยู่ในใจ จึงพูดกับดิฉันว่า ทำไมเราจะต้องทำถึงขนาดนี้ มันไม่ใช่บ้านของเรา เราอยู่ไม่นาน จะไปทาสีจัดห้องไปทำไมมากมาย ดิฉันให้เหตุผลเขาว่า ตอนที่เราย้ายออกมาจากที่เดิม เราก็ตกแต่งและทำความสะอาดจนคุณทักท้วงดิฉันว่า ทิ้งให้คนมาอยู่ใหม่มาทำต่อสิ ซึ่งไม่ใช่นิสัยของดิฉัน ดิฉันเก็บกวาดถูจนคิดว่าผู้ที่จะมาอยู่คนต่อไป แม้ได้ห้องเก่าจะต้องพอใจและคิดว่าบุญกุศลที่พวกเราทำไป จึงส่งผลให้เราได้บ้านใหม่ที่สะอาดในวันนี้และดีที่สุดนี้ อย่างน้อย หน้าต่างห้องน้ำเรายังอยู่ครบไม่เหมือนข้างบ้าน บานเกล็ดหน้าต่างก็ไม่หลุดหายเหมือนหลังที่อยู่หน้าบ้านตรงข้าม พื้นปูนรอบบ้านก็ไม่ทรุดจากตัวบ้านมากนัก และยังพอแก้ไขได้ เขาทำท่าไม่เชื่อและหัวเราะที่ดิฉันวิเคราะห์ได้ขนาดนั้น แต่เขาก็ยอมรับว่าเราได้บ้านหลังที่ดีที่สุดแล้วในละแวกนี้ |
เจ้าของ: | นายฏีกาน้อย [ 28 ต.ค. 2012, 20:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประคองรักที่เกือบพลัดพราก |
บุญคือบ้าน คือเบิกบาน ความสุข ดุจไข่มุก ผ่องแผ้ว ในเปลือกหอย ภายนอกหยาบ เปลือกแข็ง ใช่น้อย จะต่ำต้อย หรือสูงส่ง ยากเทียบเทียม ใจเป็นบุญ ขาดทุน ยังยิ้มได้ ใจบาปหลาย เท่าทุน ยังยากเจียม ใจสงบ สยบ วางธรรมเนียม ใจเต็มเปรียม ข้ามฝั่ง ทุกข์มลทิน มีศีลเป็น พื้นที่ กั้นเขตรั้ว กันความชั่ว กายวาจา อาจิณ สมาธิ คือเสาหลัก ปักลงดิน ความทุกข์สิ้น เพราะเิกิด ปัญญา เป็นบ้านแท้ แน่งาม ดุจไข่มุก ภายในซุก ซ่อนมณี อันล้ำค่า แม้ภายนอก คนนอกเห็น ไม่งามตา เรารู้ค่า มากน้อย นี่แหละบุญ ให้ทาน รักษาศีล ภาวนา กายวาจา เป็นกำแพง ใจคอยหนุน ปิติสุข ก่อเกิด ให้ใจอุ่น สงบวุ่น บ้านแท้ปลอด สรรพภัย จั๊กกิ้มเทวดา ๙ หาง
ณ กุฏิน้อยดอยยู ๒๘ ตุลาคม ๕๕ ให้โยมวันนี้ |
เจ้าของ: | วันนี้ [ 29 ต.ค. 2012, 11:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประคองรักที่เกือบพลัดพราก |
สาธุ....... ท่านพุทธฏีกาทำให้ดิฉันหายเหนื่อยเลยค่ะ ทาสีห้องให้ลูกทิ้งมาหลายวัน เพื่อรอจนแน่ใจว่าแห้งสนิท จึงลงน้ำยาเคลือบใสกันขูดขีดและการกระแทกต่างๆ ต้องรีบทำก่อนสามีและลูกจะกลับจากกิจวัตรประจำวัน เพราะกลิ่นสีและสารเคมีพวกนี้แรงเอามากๆ ดิฉันทุ่มเทกายใจตกแต่งบ้านด้วยตัวเองส่วนใหญ่ พร้อมทั้งทำใจยอมรับความเปลี่ยนแปลงในตัวเขาทุกขณะจิต อย่างน้อยก็บอกตัวเองว่า เราได้ทำดีที่สุดแล้ว วันหนึ่งดิฉันทำใจถามเขาว่า จากนี้สองปีเขาจะย้ายกลับบ้านเหรอ เขาถอนหายใจและบอกว่า อยากจะอยู่ที่นี่นานกว่านี้ เพราะเสียดายบ้านที่ตกแต่งลงไป ดิฉันหันหลังขอตัวไปทำกับข้าวทันที เิพราะกลัวกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ดีใจกับตัวเอง ที่เขาเห็นสิ่งที่เราทุ่มเทลงไป กลายเป็นว่า ทีเราทำใจพร้อมจะย้ายกลับกับเขา กลับยึดติดจนมีอารมณ์ปิติไปด้วย |
เจ้าของ: | มะกอกมะนาว [ 30 ต.ค. 2012, 07:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประคองรักที่เกือบพลัดพราก |
ดีใจด้วยนะคะพี่วันนี้ ![]() ![]() นู๋เดาว่า เวลาสามีกับลูกพี่กำลังจะกลับเข้าบ้าน พวกเขาคงคิดอยู่ในใจแน่เลยว่า วันนี้พี่จะทำอะไรใหม่ๆบ้าง เพราะคงเห็นแล้วว่าพี่ได้ลงมือทำโน่นทำนี่ เพื่อปรับปรุงบ้านอยู่ตลอดเวลา เคยสังเกตุอาการพวกเขาบ้างหรือเปล่าคะ เห็นพี่วันนี้ยิ้มได้ ก็ดีใจด้วยจริงๆค่ะ สู้ๆค่ะ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | วันนี้ [ 01 พ.ย. 2012, 13:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประคองรักที่เกือบพลัดพราก |
ขอบคุณนะคะคุณมะกอกมะนาวที่เป็นกำลังใจให้เสมอมา ดิฉันก็ยังคงทำหน้าที่แม่บ้านเท่าที่ทำได้ แม้บางครั้งอารมณ์เหวี่ยงไปตามสภาพที่มาจากการไปรับรู้มากระทบเข้า ดีที่เขายังไม่กลับจากทำงาน ทำให้ดิฉันพยายามดึงตัวเองให้อยู่ในเส้นที่เราควรจะเป็น บางครั้งน้อยใจที่เขาไม่เห็นมากนักในคุณค่าที่เราทุ่มเทลงไป ดิฉันพาครอบครัวมาไกลขนาดนี้ ก็ต้องทำในวิถีทางที่ควรจะทำ คือใช้ความตั้งใจดีเข้าสู้ และพร้อมสู้ทุกประตูจนถีงวันที่เขาตัดสินใจอีกครั้ง ก็คงจะได้รู้ในวันนั้นว่า ผู้ชายที่เราอภัยให้แล้ว และเราเลือกกลับมาใช้ชีวิตร่วมกับเขาด้วยใจที่ยากเย็นในวันนี้ เขาจะยังคงมีคุณธรรมมากน้อยแค่ไหน ดิฉันว่าบางครั้งที่เรารู้เรื่องก็ดีเหมือนกัน มันทำให้เราฝึกทำใจได้ทุกวัน ได้มีโอกาสมองดูใจตัวเอง และลับสติปัญญาให้คมในการจัดการปัญหา และสามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ไกลกว่าเดิม |
เจ้าของ: | sutthichan [ 05 พ.ย. 2012, 13:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประคองรักที่เกือบพลัดพราก |
สู้ ๆ นะคะพี่วันนี้ ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | วันนี้ [ 06 พ.ย. 2012, 09:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประคองรักที่เกือบพลัดพราก |
ขอบคุณคุณpoomipat คุณอุ๋ย คุณคณากร และคุณแหม่มในข้อคิดและกำลังใจ บางครั้งที่เราเหนื่อย บางครั้งที่เราท้อ เข้ามาอ่านในเว็บลานธรรมแห่งนี้ สิ่งที่ได้กลับมาล้วนล้นเหลือจากเพื่อนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน ขอขอบคุณอีกครั้งด้วยใจจริงค่ะ เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา ดิฉันกับครอบครัวได้ไปเดินห้างในตัวเมือง ดิฉันเลือกซื้ออาหาร ส่วนพ่อกับลูกเลือกเดินไปดูอย่างอื่น เมื่อกลับมาเจอกัน ลูกสาวหน้ามุ่ยเดินมาหาดิฉันคนเดียวก่อน บ่นว่าพ่อไปพูดจาหยอกล้อกับพนักงานผู้หญิง(ตามนิสัยเดิมของเขา) ดิฉันบอกลูกว่า อ๋อ พ่อเขาเป็นอย่างนี้มาตั้งนาน แต่อยู่ต่อหน้าเราก็ไม่เป็นไรหรอกลูก ลูกเล่าว่า ได้ต่อว่าพ่อว่านี่ขนาดพ่ออยู่ต่อหน้าหนูยังขนาดนี้ แล้วลับหลังหนูกับแม่ พ่อจะขนาดไหน แถมพ่อยังมาสั่งให้หนูหยุดพูด หนูเลยเดินหนี ดิฉันฟังแล้วยังอึ้ง ไม่คิดว่าลูกจะโต้ตอบอย่างนี้ สักพักก็เห็นพ่อของลูกตามมา ดูเขาหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย ดิฉันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อได้โอกาสอยู่กับเขาสองคน จึงได้บอกเขาว่า ดิฉันผิดที่ไม่เตือนเขาตั้งแต่แรก ปล่อยให้เขาพูดจาหยอกเย้าสาวๆต่อหน้าหลายครั้ง แต่วันนี้ลูกเรามีความคิดและเหตุผลเป็นของตัวเอง พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องของเราจะฟ้องออกมาทางคำพูดของลูก เราผู้เป็นพ่อเป็นแม่ทั้งคู่จึงต้องระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น ดิฉันจับมือเขากลายๆตอนเน้นว่า "เราทั้งคู่" เพราะไม่อยากให้เขารู้สึกว่า เรากำลังตำหนิเขาฝ่ายเดียว |
เจ้าของ: | วันนี้ [ 07 พ.ย. 2012, 12:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประคองรักที่เกือบพลัดพราก |
เมื่อเดือนก่อนได้ร่วมประชุมกับสมาชิกที่เคยร่วมงานกันมา และได้เจอเพื่อนเก่าซึ่งนานๆเจอกันที ดิฉันเห็นเธอมาคนเดียวทุกครั้ง คราวนั้นเลยขออนุญาตถามไปตรงๆ ว่า เธอได้อยู่เป็นครอบครัวหรือไม่ เพราะเห็นในFacebookมีแต่เธอกับลูกสาวและร้านสปาหน้าของเธอเอง เพื่อนดิฉันบอกด้วยคำพูดที่ไม่ปิดบังว่า เธอกับสามีเลิกกันตั้งแต่ลูกอายุสองเดือน ตอนแรกดิฉันเดาว่า่ปัญหาน่าจะมาจากมือที่สาม แต่กลับไม่ใช่ เธอบอกว่าเลือกที่จะจากสามีมาเอง เพราะเธอคิดว่าเธอไม่เหมาะกับชีวิตคู่ เธอเอาใจและดูแลใครไม่เป็น ตอนจากมาแรกๆ ฝ่ายทางญาติสามีก็งงมาก ได้โทรถามเธอ ว่าสามีทำไม่ดีกับเธออย่างไร เธอบอกว่า เขาดีกับเธอ ไม่มีใครไล่เธอซักคน เธอจากมาเอง ก็ยังไม่มีใครเชื่อ ปัจจุบันเธอเลี้ยงลูกโดยลำพัง ลูกโตเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ฝ่ายสามีก็ลูกผู้ชายเต็มร้อย ยังช่วยรับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตร ให้เงินเดือนละหมื่นโดยที่เธอไม่เคยขอ แต่ลูกกับพ่อก็ไม่เคยเจอกันเลย เธอมีร้านของตัวเอง มีลูกน้องดูแลช่วยสี่คน และยังซื้อผ่อนบ้านต่างหากให้แม่กับน้องอีกสองคนอยู่ด้วย เธอเล่าให้ดิฉันฟังเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาด้วยน้ำเสียงขบขัน และไม่รู้สึกว่ามันเป็นปัญหา กลายเป็นว่าดิฉันกลับเป็นฝ่ายงงเอง ที่ดูแล้วชีวิตของเธอเป็นเรื่องง่ายมาก เธอเลือกเดินจากชีวิตคู่ขณะยังสาวและสวย พร้อมภาระหนึ่งคนโดยไม่ได้มีเรื่องหรือมีปัญหากับใคร เธอมีทุกอย่างพร้อมตามสถานะ และยังครองตัวเป็นโสดมาจนทุกวันนี้ ต่างจากดิฉันที่รอจนปัญหาเกิด จนต้องเผชิญความทุกข์นานับประการ ซ้ำยังไม่กล้าหาญพอที่จะเดินออกจากปัญหาเองด้วยซ้ำ มองหน้าลูกแล้วก็ต้องยอมรับสภาพทุกอย่าง |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |