วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 03:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ธ.ค. 2012, 16:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




5377-1.gif
5377-1.gif [ 21.29 KiB | เปิดดู 3728 ครั้ง ]
ความรักก่อให้เกิดตัณหา
ตัณหาก่อให้เกิดอยากได้มา สิ่งใดที่ได้มาย่อมเกิดทุกข์

คิดจะมีรัก ขอให้คิดดูก่อน


ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความรักเป็นความร้าย ความรักเป็นสิ่งทารุณ และเป็นเครื่องทำลายความสุขของปวงชน ทุกคนต้องการความสมหวังในชีวิตรัก แต่ความรักไม่เคยให้ความสมหวังแก่ใครถึงครึ่งหนึ่งแห่งความต้องการ ยิ่งความรักที่ฉาบทาด้วย...ความเสน่หาด้วยแล้ว ก็เป็นพิษแก่จิตใจ ทำให้ทุรนทุรายดิ้นรนไม่รู้จักจบสิ้น ความสุขที่เกิดจากความรักนั้น เหมือนความสบายของคนป่วยที่ได้กินของแสลง เธอทั้งหลายอย่าพอใจในความรักเลย เมื่อหัวใจยึดไว้ด้วยความรัก หัวใจนั้นจะสร้างความหวังขึ้นอย่างเจิดจ้า แต่ทุกครั้งที่เราหวัง ความผิดหวังก็จะรอเราอยู่

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น เป็นเรื่องทรมานยิ่งและเรื่องที่จะบังคับมิให้พลัดพราก ก็เป็นสิ่งสุดวิสัย ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 09:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue สวัสดีค่ะลุงหมาน
ปกติจะเห็นลุงหมาน Post อยู่ในห้องอภิธรรมนี่นา! วันนี้ท่านเมตตากรุณาคลอบคลุมมาถึงห้องนี้ :b8:

ขอลงพุทธภาษิตที่ว่าด้วยเรื่องของจิต..ที่ท่านตรัสไว้แก่พระภาคิไนยสังฆรักขิตเถระ...ซึ่งส่วนตัวชอบเป็นพิเศษ

ทูรงฺคมํ เอกจรํ อสรีรํ คูหาสยํ
เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ
โมกฺขนฺติ มารพพฺธนา

จิตท่องเที่ยวไปไกล
เที่ยวไปดวงเดียว ไม่มีรูปร่าง
อาศัยอยู่ในร่างกายนี้
ใครควบคุมจิตนี้ได้
ย่อมพ้นจากบ่วงมาร

:b41: บุคคลสามารถพ้นทุกข์ได้ด้วยการระวังรักษาจิต

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2015, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2015, 07:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ปลีกวิเวก เขียน:
tongue สวัสดีค่ะลุงหมาน
ปกติจะเห็นลุงหมาน Post อยู่ในห้องอภิธรรมนี่นา! วันนี้ท่านเมตตากรุณาคลอบคลุมมาถึงห้องนี้ :b8:

ขอลงพุทธภาษิตที่ว่าด้วยเรื่องของจิต..ที่ท่านตรัสไว้แก่พระภาคิไนยสังฆรักขิตเถระ...ซึ่งส่วนตัวชอบเป็นพิเศษ

ทูรงฺคมํ เอกจรํ อสรีรํ คูหาสยํ
เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ
โมกฺขนฺติ มารพพฺธนา

จิตท่องเที่ยวไปไกล
เที่ยวไปดวงเดียว ไม่มีรูปร่าง
อาศัยอยู่ในร่างกายนี้
ใครควบคุมจิตนี้ได้
ย่อมพ้นจากบ่วงมาร

:b41: บุคคลสามารถพ้นทุกข์ได้ด้วยการระวังรักษาจิต


เข้ามาโพสต์แล้วก็ลืมไปเลย ดูเหมือนว่าห้องนี้อยู่ไกลจัง
เกือบ ๓ ปีเลยที่ตั้งกระทู้ไว้

พระศาสดาตรัสพระพุทธภาษิตนี้ ปรารภพระสังฆรักขิต มีเรื่องย่อดังนี้
เรื่องพระภาคิไนยสังฆรักขิต (สังฆรักขิตผู้เป็นหลาน)

พระศาสดาประทับที่เชตวนาราม เมืองสาวัตถี กุลบุตรผู้หนึ่งชาวเมืองสาวัตถีนั่นเอง
ฟังธรรมของพระศาสดาแล้วมีเความเลื่อมใสขออุปสมบท
เมื่ออุปสมบทแล้ว ปรากฏนามว่า สังฆรักขิต ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์หลังจากบวชแล้วเพียง 2-3 วัน

น้องชายของพระสังฆรักขิตนั้น มีบุตรชายคนหนึ่ง ให้บวชในสำนักของพระสังฆรักขิตผู้เป็นลุง
แม้พระนั้นก็ชื่อสังฆรักขิต เหมือนกัน จึงเรียกกันว่า
ภาคิไนยสังฆรักขิต คือสังฆรักขิตผู้เป็นหลาน

เธอจำพรรษาที่วัดใกล้บ้านแห่งหนึ่ง ได้ผ้าวัสสิกสาฎก (ผ้าจำนำพรรษา) มา 2 ผืน
ผืนหนึ่งยาว 7 ศอก อีกผืนหนึ่งยาว 8 ศอก เธอกำหนดไว้ในใจว่า จะถวายผืนที่ยาว 8 ศอก
นั้นแก่หลวงลุง จึงไปคอยพระเถระอยู่ ณ ที่อยู่ของท่าน เมื่อหลวงลุงมาก็ทำการต้อนรับ รับบาตร จีวร
อาราธนาให้พระเถระนั่ง ล้างเท้า และถวายน้ำดื่ม

พัดพระเถระอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนำผ้ายาว 8 ศอกออกมาถวาย
อ้อนวอนขอให้หลวงลุงรับไว้ เพราะเป็นความตั้งใจของตนตั้งแต่ได้มา

แต่ท่านลุงปฏิเสธ บอกว่าผ้าสำหรับใช้ของท่านมีบริบูรณ์แล้ว ขอให้พระสังฆรักขิตเอาไว้ใช้เอง
พระสังฆรักขิตผู้หลานอ้อนวอนถึง 3 ครั้ง พระเถระก็หารับไม่ คงยืนยันอย่างเดิม
พระหลานชายน้อยใจว่า
"ว่าโดยฐานะทางสายโลหิตก็เป็นหลาน เมื่อบวชก็เป็นสัทธิวิหาริก (ศิษย์อุปฌาย์)
แม้เป็นเช่นนี้ ท่านไม่ประสงค์ใช้สอยร่วมกับเรา
ท่านรังเกียจในการรับผ้าสาฎกที่เราตั้งใจมานานที่จะถวาย
เราจะเป็นสมณะอยู่ทำไมอีก เราควรสึกไปเป็นคฤหัสถ์"

เธอคิดดังนี้แล้วได้คิดต่อไปว่า
"การครองเรือนตั้งตัวได้ยาก ควรจะทำอะไรกิน มองเห็นทางอยู่อย่างหนึ่งคือ
เอาผ้าสาฎก 8 ศอกไปขายแล้วซื้อแม่แพะมาตัวหนึ่ง

แม่แพะออกลูกเร็ว เมื่อแม่แพะออกลูกแล้วจะขายลูกแพะเอามาทำต้นทุน
เมื่อรวมเงินได้มากแล้วจะหาหญิงคนหนึ่งมาเป็นภรรยา

ต่อมาจะมีลูกด้วยกันคนหนึ่ง จะพาลูกนั่งเกวียนมาหาหลวงลุง
เราจะอุ้มลูกแต่แม่เขาบอกว่าให้เราขับเกวียนเขาจะอุ้มเอง

โดยความเผลอเลอ ลูกหล่นลงไปอยู่ที่ทางเกวียน ล้อเกวียนจะทับลูก
เราโกรธภรรยาจับเอาด้ามปฎักตีหัวมัน"

คิดมาถึงตอนนี้ สังฆรักขิตเอาด้ามพัดตีหัวหลวงลุงพอดี เพราะเพลินไปว่าเป็นภรรยาตน
พระเถระคิดว่า ทำไมพระหลานชายจึงทำอย่างนี้ กำหนดจิตจึงรู้ เพราะท่านเป็นพระอรหันต์
จึงกล่าวว่า "สังฆรักขิต! เธอตีมาตุคามไม่ได้แล้ว เรื่องอะไร จึงมาตีเอาเราเล่า?"

พระสังฆรักขิตคิดว่า
"ตายจริง! พระอุปฌาย์รู้เรื่องที่เราคิดด้วย เราจะอยู่เป็นพระได้อย่างไรต่อไป เราจะสึกละ"
ดังนี้แล้วได้วางพัดใบตาลแล้วออกวิ่งหนี

ภิกษุทั้งหลายเห็นดังนั้นออกวิ่งไล่ตาม จับมาได้ พาไปเฝ้าพระศาสดา
พระพุทธองค์ ทรงทราบเรื่องทั้งปวงแล้วตรัสว่า

ภิกษุ! เธอทำกรรมหนักอย่างนั้นทำไม
เธอเป็นบุตรของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ผู้มีความเพียร
เธอบวชในศาสนาของพระพุทธเจ้าเช่นเรา
ควรมีความเพียรให้เขาได้เรียกตนว่า เป็นโสดาบัน หรือสกทาคามี อนาคามี จะมิควรหรือ ?

"เธออย่าคิดอะไรมากไปเลย มาเถิดมาฝึกฝนอบรมจิต
ธรรมดาจิตย่อมรับอารมณ์ได้ไกล ท่องเที่ยวไปไกล
เธอควรพยายามสำรวมจิตเพื่อให้ละราคะ โทสะและโมหะอันเป็นเครื่องผูกแห่งมาร"

ดังนี้แล้ว ตรัสพระพุทธพจน์ว่า

"ทูรงฺคมํ เอกจรํ" เป็นอาทิ มีนัยดังพรรณนามาแล้วแต่ต้น
จบพระธรรมเทศนา พระภาคิไนยสังฆรักขิตได้บรรลุโสดาปัตติผล

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 46 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร