วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 03:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 42 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2013, 13:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ม.ค. 2013, 12:21
โพสต์: 13


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ เพื่อน และ พี่ในลานธรรมทุกท่าน ดิฉันเป็นสมาชิกใหม่ เริ่มต้นจากการที่มีปัญหาทางจิตใจอย่างมาก จึงหาข้อมูลทาง Internet อ่านเพื่อให้กำลังใจตัวเอง จนมาพบคำแนะนำดีๆในลานธรรมแห่งนี้ ที่ทำให้ดิฉันคลายทุกข์ได้บ้าง จึงอยากเล่าเรื่องราวของตัวเอง เพื่อขอคำแนะนำ และกำลังใจจากเพื่อนๆ พี่ๆ ในลานแห่งนี้ค่ะ
เรื่องราวเริ่มจาก ดิฉันกับสามีแต่งงานกันมาแล้วประมาณ 5 ปี ตอนนี้มีลูก 2 คน คนแรกอายุ 1 ขวบ 4 เดือน ส่วนอีกคนกำลังจะคลอดอีก 2 อาทิตย์นี้แล้ว ดิฉันก็ใช้ชีวิตอยู่กับสามีมาอย่างสุขบ้างทุกข์บ้างคละเคล้ากันไป แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็คงจะทุกข์มากกว่าสุข เพราะสามีของดิฉันเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างมีความคิดเป็นของตัวเองสูง ไม่ค่อยยอมรับฟังความเห็นของใครไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง พ่อแม่ และคงไม่ต้องพูดถึงตัวดิฉันซึ่งเป็นภรรยา เค้าตัดสินใจทำอะไรไม่ค่อยบอกกล่าว จะมาบอกอีกทีคือทำไปแล้ว ผิดไปแล้ว นี่คือส่วนหนึ่งในลักษณะนิสัยของเค้าค่ะ ที่บอกว่าทุกข์มากว่าสุขก็เพราะเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมาเค้าเข้าไปพัวพันกับการพนัน ช่วงที่ดิฉันท้องลูกสาวคนแรก เค้ามีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น กลับดึกมาก ตี 3 ตี 4 ก็มี ทั้งๆที่ทำงานประจำ บางครั้งก็หายไปเลยติดต่อไม่ได้ พอดิฉันถามเค้า เค้าก็จะตอบแบบปัดๆไปว่า ติดงานบ้าง เบื่อไม่มีอะไรทำเลยไปหาเพื่อนบ้าง ช่วงนั้นดิฉันทุกข์ใจมาก ตัวเองก็ตั้งท้อง เหมือนอยู่ตัวคนเดียว จนภายหลังเค้าตกอยู่ในสภาพเดินหน้าไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ เค้าจึงมาสารภาพกับดิฉันว่าเค้าติดการพนันเป็นหนี้บัตรเครดิตทุกใบ (ประมาณ 10 กว่าใบ) เอารถยนต์ไปจำนำ สรุปมูลค่าหนี้สินหลักล้าน ดิฉันพยายามตั้งสติ หาทางช่วยเค้าทุกวิถีทาง หาทางหาเงินมาค่อยๆปลดหนี้ทีละเล็กน้อย ผ่านไปเป็นเดือนเค้าก็ยังเหมือนเลิกไม่ได้เด็ดขาด จนกระทั่งวันนึงเค้าโทรมาหาดิฉันตอนประมาณเกือบเที่ยงคืน เค้าบอกว่าให้ดิฉันไปหาเค้าหน่อยที่บ่อนให้ไปช่วยเค้า เค้าหมดตัวแล้วกลับบ้านไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไร ดิฉันปรึกษาคุณแม่ ท่านก็เป็นห่วงกลัวว่าสามีจะติดการพนันจนหน้ามืดแล้วคิดทำอะไรไม่ดีกับดิฉัน ท่านเลยไม่แนะนำให้ไป แต่อย่างว่าค่ะ คนที่เป็นภรรยาเห็นสามีเป็นแบบนี้จะทนได้ยังงัย สรุปคือดิฉันนั่งแท๊กซี่ไปเจอเค้าที่บ่อน ตอนนั้นตั้งท้องได้ 6-7 เดือน แต่ก็ไป เพิ่งเคยไปครั้งแรกยอมรับว่ากลัวสถานที่แบบนี้มากค่ะ มีแต่คนน่ากลัวทั้งนั้น สุดท้ายเข้าไปพาเค้ากลับออกมาเค้าร้องไห้เหมือนเสียสติ เพราะหมดตัวจริงๆ การงานที่มีอยู่ก็ไม่รู้จะยังทำต่อได้มั้ย เพราะถ้ามีธนาคารโทรมาทวงหนี้บัตรเครดิตคงต้องถูกเชิญออกอยู่ดี ดิฉันก็ได้แต่ปลอบและช่วยหาทางออกให้ในหลายๆทาง ยากมากค่ะตอนนั้น จรกระทั่งเวลาผ่านไป 3 เดือนทุกอย่างเริ่มดีขึ้นแต่ก็ยังลุ่มๆดอนๆนะคะ จนดิฉันคลอดลูกสาวคนแรก เหมือนลูกจะเข้ามาช่วยให้ชีวิตดีขึ้น สามีดิฉันได้เจอธุรกิจใหม่ที่ทำร่วมกับงานประจำ และค่อนข้างประสบความสำเร็จมาก ผ่านไป 1 ปีหนี้ที่มีอยู่ทั้งหมดก็สามารถเคลียร์ได้ มีเงินซื้อบ้าน ซื้อรถใหม่ ดิฉันก็มีความสุขไปกับเค้าด้วย เหมือนหลุดจากวงจรอุบาทว์แล้ว สามีก็ทำตัวดีขึ้นไม่ยุ่งกับการพนันอีก รักครอบครัวดูแลดิฉันและลูกดีทุกอย่าง และสิ่งที่ดิฉันไม่เคยคาดคิดเลยก็เกิดขึ้นอีก เมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว เค้าสารภาพกับดิฉันว่าเค้าคบกับผู้หญิงอีกคนนึงอยู่ เรื่องเกิดจากการที่เค้ามีพฤติกรรมแปลกมาซักระยะแล้ว เช่น ตั้ง Pass Code เข้าโทรศัพท์ ปิดเสียงตลอดเวลา มีเรื่องต้องออกไปธุระข้างนอกบ่อยๆ กลับบ้านดึกมากๆ ตี 2 ตี 3 บางทีตี 5 ก็มีดิฉันเริ่มสงสัย แต่ไม่อยากจะคอยจับผิดมากเพราะเหนื่อย (ตั้งแต่คบกันมาก็มีเรื่องผู้หญิงมาเรื่อยๆค่ะ แต่พอดิฉันรู้ เค้าก็จะเลิกไป แต่เดี๋ยวก็มีอีก) จนกระทั่ง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาเค้าโกหกดิฉันว่าจะไปหาเพื่อน ระหว่างวันดิฉันโทรไปเค้าก็ไม่รับสาย แต่โทรกลับนะคะ พอดิฉันถามว่าอยู่ไหน เค้าก็ตอบว่าอยู่ห้าง... แต่เสียงในโทรศัพท์เงียบมากค่ะ แล้วก็ขอรีบวางสายแบบมีพิรุธ หลังจากนั้นก็ไม่รับสายอีกเลย ดิฉันเริ่มเข้าใจแล้วค่ะว่าไม่ได้อยู่กับเพื่อน จนเช้าวันต่อมาดิฉันเอากางเกงเค้าจะไปซัก บังเอิญเจอบัตรผ่านประตูเข้าสวนสนุกแห่งหนึ่งเลยทราบเลยค่ะว่าโกหกล้วนๆ ดิฉันเลยตัดสินใจถามเค้าตรงๆว่านี่ใช่มั้ยความจริง เค้าตอบแบบโมโหมากว่าใช่ พี่ไปกับคนๆนึงมา กำลังดูๆกันอยู่ ดิฉันเสียใจมากค่ะ เหมือนหัวใจมันชา ส่วนร่างกายเหมือนชาจนเคลื่อนไหวไม่ได้ วันนั้นเราต่างคนต่างเงียบ ดิฉันไปทำงานแบบไม่มีสติ หัวสมองมันคิดวนไปมาว่าทำไมเรื่องแบบนี้เกิดกับเราอีกแล้ว จะขอมีความสุขบ้างได้มั้ย เครียดมากค่ะ เย็นวันนั้นสามีดิฉันขอคุยเจรจาด้วยบอกว่า ขอให้ดิฉันยอมรับให้ได้ว่าเค้ากับผู้หญิงคนนั้นกำลังคุยกัน รู้สึกดีต่อกัน ขอให้ดิฉันทำใจยอมรับถ้าเค้าจะคุย หรือจะออกไปเจอกัน ส่วนดิฉันกับลูกถ้ายอมรับเงื่อนไขนี้ได้เค้าสัญญาว่าจะดูแลเหมือนเดิมไม่ให้ขาดตกบกพร่อง แต่ถ้ายอมรับไม่ได้ จะเลิกกับเค้าไปเค้าก็โอเค ส่วนลูกเค้าจะช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ ดิฉันอึ้งค่ะ ในสมองตอนนี้นั้นคิดว่า ดิฉันกับเค้าร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา 5 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คนอีกคนอยู่ในท้องกำลังจะคลอดในอีก 2 อาทิตย์แล้ว แต่เค้าเลือกที่จะอยู่กับผู้หญิงคนนั้น ดิฉันได้แต่ร้องไห้ ร้องไห้อย่างเดียว ไม่มีคำตอบ ไม่รู้จะพูดอะไรเลยค่ะ เจ็บปวดมาก...

ผ่านไปอีกวัน ดิฉันถามย้ำเค้าว่ายังงัยก็จะเลือกผู้หญิงคนนี้ใช่มั้ย เค้าบอกว่าเค้าไม่ได้เลือก แต่เค้าเลิกคุย เลิกเจอไม่ได้ เค้าบอกดิฉันว่าเค้ากับผู้หญิงคนนี้เป็นแค่เพื่อนที่สนิทกันมากคนนึง คุยด้วยแล้วสบายใจ อยู่ด้วยแล้วมีความสุข มือยังไม่เคยจับกันเลย เลยไม่รู้จะเลิกคุยเพราะอะไร บอกให้ดิฉันอย่าคิดมาก เพราะยังงัยเค้าทั้งสองจะมีความสัมพันธ์แค่นี้เท่านั้น เพราะผู้หญิงคนนี้เองก็รู้ว่าสามีดิฉันมีลูก มีภรรยาอยู่แล้ว เลยไม่อยากทำผิดมากกว่านี้ ดิฉันเลยลองพยายามตั้งสติไตร่ตรองดูหลายครั้งจนได้คำตอบว่า จะทนเพื่อรักษาครอบครัวไว้ คิดในแง่ดีว่าเค้าอาจจะเป็นเพื่อนกันจริงๆ ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างเค้าทั้งสองอาจจะมากขึ้น เพราะความรู้สึกมันเป็นเรื่องห้ามกันไม่ได้ก็ตาม แต่ดิฉันยังมีความเชื่อว่าซักวันเค้าทั้งสองคนจะรู้สึกผิดชอบชั่วดี และเลิกคุยกันได้

1 อาทิตย์แล้วที่ดิฉันต้องทุกข์มากกับพฤติกรรมของสามี ดิฉันทำงานใกล้กับที่ทำงานเค้าค่ะ ส่วนใหญ่กลับด้วยกัน แต่ช่วงนี้บางวันดิฉันต้องกลับเองเพราะเค้าบอกว่ามีธุระบ้าง หรือบางทีมาดิฉันมาส่งที่บ้าน พอดิฉันลงรถ เค้าก็ขับออกไปเลย เป็นแบบนี้ทุกวันค่ะ โทรไปหาก็ไม่รับสาย ดิฉันคิดว่าเค้าคงจะออกไปคุยกับผู้หญิงคนนั้น หรือไม่ก็คงไปหาไปเจอ ร้องไห้ทุกวันค่ะ ไม่มีวันไหนเลยที่มีความสุข ทุกข์ใจมากๆ นอนตอนกลางคืนก็สะดุ้งติ่นตลอด กว่าจะนอนได้อีกทีก็นาน เพราะคิดวนไปเวียนมาเรื่องเค้า รู้สึกสงสารลูกในท้องมากค่ะ เค้าต้องมารับรู้เรื่องแบบนี้ทั้งๆที่อีกแค่ 2 อาทิตย์ก็จะถึงกำหนดคลอดแล้ว เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาเค้าบอกดิฉันว่าเค้าต้องไปเที่ยวกับที่บริษัทเค้าจัดกิจกรรมในแผนกไป 1 คืน ซึ่งเค้าก็ยืนยันดิฉันโดยการเอาเมลล์บริษัทที่แจ้งกำหนดการไปเที่ยวครั้งนี้ให้ดู ดิฉันก็โอเคค่ะ ไม่ติดใจอะไร วันเสาร์เค้าออกจากบ้านไปแต่เช้า บอกดิฉันว่าที่บริษัทนัดเจอกันตอน 7 โมง ถ้าถึงที่หมายแล้วจะโทรมาหา ดิฉันก็รอค่ะ จนถึงบ่ายสามเค้าไม่โทรมา ดิฉันโทรไปไม่รับสาย ดิฉันรู้แล้วค่ะ ว่าเค้าไม่ได้ไปกับที่บริษัทแน่ เพราะตั้งแต่เช้าไม่รับสายเลย ขนาดดิฉันลองใจส่งข้อความไปบอกปวดท้องเค้ายังไม่โทรเลยค่ะ น้อยใจ และเสียใจมาก ดิฉันจึงตัดสินใจส่งข้อความไปถามเพื่อนร่วมงานของเค้าที่ดิฉันรู้จักว่าสามีได้ไปเที่ยวกับที่ออฟฟิสด้วยรึป่าว ดิฉันได้คำตอบว่า ไม่ได้ไปค่ะ..... ความรู้สึกตอนนั้นดิฉันเหมือนหัวใจจะแตกค่ะ ร้องไห้หนักมาก บอกตรงๆเลยว่า ไม่อยากอยู่แล้ว อยากตาย อยากหายไปเลยจากชีวิตแบบนี้ ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ดิฉันพยายามอย่างมากที่จะทำดีกับเค้าทั้งๆที่รู้แก่ใจว่าเค้าคุยกับผู้หญิงอีกคน เค้ายังทำแบบนี้กับดิฉันได้ลงคอ และที่สำคัญ ก่อนออกจากบ้านเค้ากอดดิฉันแล้วบอกว่า อย่าคิดมากนะ พี่ไปกับที่บริษัทจริงๆ เธอต้องเชื่อพี่นะ รักตัวเองมากๆ รักลูกมากๆ แต่สุดท้ายเค้าทำแบบนี้ได้ยังงัย เย็นวันนั้นเค้าโทรมาค่ะ บอกว่าเป็นอะไรปวดท้อง หาหมอรึยัง ดิฉันตอบแบบปัดๆว่า ไปแล้ว ดิฉันอดไม่ได้ที่จะถามว่าเค้าอยู่ไหน เค้าตอบว่าพี่อยู่กับที่บริษัท ที่ไม่รับสายเพราะทำกิจกรรมอยู่ ช่วยเพื่อนยกกระเป๋าลงด้วย ตอนนี้พักเลยโทรมาหา ดิฉันอึ้งค่ะ มีแต่คำพูดโกหกล้วนๆ ดิฉันเลยพูดไปว่า "พี่อยู่กับผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ย หนูรู้นะ แต่หนูไม่โกรธ ไม่เป็นรัย ถ้าพรุ่งนี้พี่กลับมาเร็วได้ พี่กลับมาพาลูกไปกินข้าวนะ" รู้มั้ยคะว่าขณะที่กำลังพูด มันเป็นการฝืนใจตัวเองมากๆ แต่ต้องทำค่ะ เพราะตกลงกับเค้าไว้แล้วว่าจะทนเพื่อรักษาครอบครัวไว้ คำตอบที่ได้รับจากเค้าคือ พี่ไม่รู้นะว่าเธอเช๊คอะไรมา แต่อย่าใฝ่รู้ให้มาก พี่ไม่ชอบ พี่บอกว่าไปกับที่บริษัทคือไปกับที่บริษัท ไม่ต้องรู้ หรือคิดอะไรไปกว่านี้ เอาเป็นว่าเธอไม่ต้องโทรมานะ พี่จะไม่รับสายเธอ 2 วัน แล้วเค้าก็วางสายไป ดิฉันเงียบค่ะ ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกรู้แต่ว่าเสียใจมาก ขนาดดิฉันพูดขนาดนี้แล้วเค้ายังไม่เห็นใจ หรือเป็นห่วงอะไรเลย ภรรยาใกล้คลอด แต่ถ้าโทรไปไม่รับสาย ถ้าดิฉันเกิดปวดท้อง หรือเกิดต้องการความช่วยเหลืออะไรก็ตาม คนๆนั้นควรจะเป็นสามีที่เราต้องนึกถึงเป็นคนแรกไม่ใช่หรอ แต่ทำไมเป็นแบบนี้ วันนั้นทั้งวันไม่ได้กินข้าวเลยค่ะ ทานไม่ลง ทานแล้วอาเจียนออกหมด สงสารลูกในท้องแต่มันกินไม่ลงจริงๆ คืนนั้นเค้าไม่ติดต่อมาด้วยค่ะ จนถึงวันอาทิตย์ตอนเย็น เค้าโทรมาบอกว่าจะถึงบ้าน 6 โมงเย็น ดิฉันทำใจตั้งสติใหม่ คิดว่าจะเกิดอะไนขึ้นมากกว่านี้ก็ต้องอดทน พยายามคิดในทางที่เลวร้ายที่สุดให้เสียใจล่วงหน้าไปเลย หากเกิดขึ้นอย่างที่คิดจะได้ไม่เสียใจไปมากกว่านี้ เค้ากลับมาถึงดิฉันไม่พูดแะไรถึงเรื่องที่เค้าไปกับผู้หญิงคนนี้เลยค่ะ เปิดกระเป๋ามาจะเอาเสื้อผ้าเค้ามาซัก เจอเสื้อผ้า กางเกงใน พับเรียบร้อยอย่างดี ซึ่งไม่ใช่นิสัยของเค้าซักนิดค่ะ มีเศษทรายเลอะเต็มกระเป๋า ดิฉันเข้าใจทันทีว่าไปทะเลกับผู้หญิงคนนี้มา ตอนนั้นคิดแต่ว่านี่หรอ ที่บอกว่าจับมือยังไม่เคย ถ้าไปขนาดนี้คงจะมีอะไรกันแล้วแน่ คิดแล้วมันทรมานมากค่ะ สามีเราต้องไปมีอะไรกับผู้หญิงอื่น แต่ก็พยายามอดทนไม่พูดอะไรค่ะ เพราะรู้ว่าพูดไป ก็ปฏิเสธอยู่ดี พยายามสร้างบรรยากาศให้ดี ถามเค้าว่ากินอะไรมารึยัง หิวมั้ยเดี๋ยวหาอะไรให้กิน เหนื่อยมั้ย คำตอบที่ได้คือไม่ อิ่มแล้ว และท่าทีเย็นชาค่ะ...ดิฉันเสียใจมากค่ะ แบบที่ไม่รู้จะไหวอีกนานเท่าไหร่ เหนื่อยมาก วันนั้นก็เป็นอีกวันที่ร้องไห้จนหลับไป เพราะเช้ามาต้องทำงาน ได้แต่ดูรูป ดูวิดีโอลูกเป็นกำลังใจให้ตัวเองค่ะ

เมื่อสองวันก่อน ดิฉันได้คุยกับเพื่อนสนิทเค้าคนนึง ปรึกษาเรื่องความเปลี่ยนไปของเค้า ดิฉันได้คำตอบว่า สามีดิฉันคุยกับผู้หญิงคนนี้มานานประมาณ 6-7 เดือนแล้ว ที่ผ่านมาสามีดิฉันเคยรู้สึกผิดกับครอบครัว และตัดสินใจบอกเลิกผู้หญิงคนนี้ไปครั้งนึง แต่ผู้หญิงบอกว่าทำใจไม่ได้ ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ยังอยากคุย อยากคบต่อไป ส่วนสามีของดิฉันเมื่อรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ทำใจไม่ได้ เค้าก็รู้สึกยิ่งรัก เพราะขนาดรู้ว่าตัวเองจะต้องเข้ามาในฐานะเมียน้อยก็ยังรับสภาพได้นั่นหมายถึงคงจะรักในตัวสามีดิฉันมาก สามีดิฉันเล่าให้เพื่อนเค้าฟังว่า ผู้หญิงคนนี้ทำให้เค้าประทับใจในหลายๆอย่าง รู้ใจ รู้ว่าเค้าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ใส่ใจดูแลสามีดิฉันมากทำให้เค้ารู้สึกว่าใช่ ในขณะที่ดิฉันซึ่งเป็นภรรยาไม่สามารถทำให้เค้ารู้สึกได้มากขนาดนี้ เค้าจึงไม่สามารถตัดใจเลิกกับผู้หญิงคนนี้ได้เลย เมื่อวานนี้ระหว่างกลับบ้านด้วยกันกับสามีดิฉัน เค้าถามดิฉันว่าเธออยากเลิกกับพี่มั้ย เธออย่าพยายามอีกเลย พี่อยากให้เธอได้พบคนดีๆ ที่เหมาะกับเธอจริงๆ แบบที่ยอมรับในตัวเธอได้ อย่ามาปรับอะไรเพื่อพี่เลย ถึงแม้เธอจะทำดีอีกแค่ไหน พี่ก็จะไม่มีวันเลิกกับเค้า พี่รักเค้า ไม่ว่ายังงัยเราจะไม่มีวันเลิกกัน ดิฉันขอร้องเค้า ถามเค้าว่าหนูทำผิดอะไร ทำไมไม่ให้โอกาสปรับตัวเลย นี่เพิ่ง 2 อาทิตย์ที่รู้เรื่องผู้หญิงคนนี้ ก่อนหน้าที่ดิฉันจะรู้เค้ายังทำดีกับดิฉันกับลูกอยู่เลย แต่ทำไมพอเรื่องเปิดเผย เค้าถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้ ทั้งเย็นชา ทั้งพูดจาทำร้ายจิตใจ ทั้งๆที่ดิฉันพยายามทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ต้องอดทนจนบางครั้งไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว ถ้าเค้าไม่เป็นห่วงดิฉัน อย่างน้อยเค้าน่าจะห่วงลูกในท้องบ้าง อีกไม่กี่วันเค้าจะออกมาเจอหน้าพ่อเค้าแล้ว แต่นี่เค้ากำลังทำให้ลูกไม่มีโอกาสเรียกเค้าว่าพ่อเลยด้วยซ้ำ เค้าบอกดิฉันว่าให้ดิฉันไปจากเค้าเถอะ ถึงยังงัยเธอไม่มีทางรับได้หรอกที่พี่ต้องมีผู้หญิงคนนั้นไปด้วย แต่ดิฉันกลับคิดว่า ที่เค้าพูดแบบนี้เป็นเพราะเค้าอยากให้ดิฉันไปจากเค้า เพื่อที่ผู้หญิงคนนี้จะได้เข้ามาในชีวิตเค้าได้แบบเปิดเผย เพราะจากที่สามีดิฉันเล่าให้ฟัง ผู้หญิงคนนี้มีหน้าที่การงานดี ฐานะดี มีสังคมเพื่อน มีพ่อแม่ แล้วถ้ายังคบกับสามีดิฉันแบบนี้ต่อไป ซักวันก็ต้องเลิกกันเพราะพ่อแม่ผู้หญิงคงจะรับไม่ได้ถ้าลูกต้องเป็นเมียน้อย นี่คือการบีบบังคับให้ดิฉันออกไปเองใช่มั้ยคะ ดิฉันควรต้องทำตัวอย่างไรดี จะอดทนต่อไปเพื่อรักษาครอบครัวไว้ เพราะสามีอาจจะแค่อยู่ในช่วงหลงใหลในตัวผู้หญิงคนนี้เท่านั้น หรือ ควรไปเพราะถ้าดิฉันอยู่ ดิฉันก็เป็นทุกข์ เค้าก็ทุกข์ ในใจดิฉันตอนนี้ยังมีความเชื่ออยู่ลึกๆว่า สามีดิฉันน่าจะสำนึกได้ในซักวัน อาจจะเป็นวันที่เค้าได้เห็นหน้าลูกที่กำลังจะเกิดมา หรืออาจจะมีอะไรทำให้เค้านึกถึงวันที่เราลำบากด้วยกันมา แล้วทำให้กลับใจได้บ้าง ดิฉันควรวางตัว และทำใจอย่างไรดีคะ ตอนนี้ทุกข์เหลือเกินค่ะ
หากมีท่านใดให้คำแนะนำ หรือให้กำลังใจ ต้องขอขอบคุณล่วงหน้าด้วยนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2013, 15:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ธ.ค. 2012, 14:50
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


เข้ามาให้กำลังใจนะค่ะ
ยังไงก็อยากให้อดทนเพื่อลูกกำลังจะคลอด และลองอ่านกระทู้เก่าๆที่มีปัญหาคล้ายๆกัน แล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้น เพราะไม่ใช่แค่คุณคนเดียวที่เจอปัญหาแบบนี้ ไว้รอผู้ที่เชี่ยวชาญมาให้กำลังใจอีกทีนะ่ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2013, 15:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ธ.ค. 2012, 14:50
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


ธุรกิจที่แฟนคุณทำแแล้วสามารถปลดหนี้ได้คือธุรกิจอะไรหรอค่ะ คุณสามารถทำได้ไหม คุณจะได้ทำเองโดยไม่ต้องหวังพึ่งผู้ชาย จะได้มีรายได้เพิ่มเพื่อมาเลี้ยงลูก และจะได้คลายความทุกข์ไปได้บ้าง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2013, 16:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


ตั้งสติโดยด่วนที่สุด ไม่เพียงแต่สายใยสายเลือดที่น้องคนที่สอง
จะได้ดื่มกิน อารมณ์ความรู้สึกหดหู่เศร้าหมอง สับสนของคุณแม่
จะทำให้น้องคนที่สองไม่แข็งแรง มีโอกาสเจ็บป่วยสูงหลังจากคลอดแล้ว
ส่วนน้องคนแรก ก็จะเริ่มมองเริ่มอ่านแววตาของคุณแม่ของเขาออก!

อย่าคิดแทนลูกๆ ว่าจะขาดพ่อ กลับกันถ้าลูกมีพ่อ แต่พ่อเป็นคนที่
รักชอบในอบายมุขการพนัน รักสนุกชอบมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่น
ดูๆ แล้วขาดพ่อไปเลยยังจะดีเสียกว่า สำหรับคนที่ไม่้ต้องง้อเงิน
จากฝ่ายชาย ส่วนความรักความเอาใจใส่ ที่ฝ่ายชายเคยมี

อย่าเอามาคาดหวังว่าจะมีในปัจจุบันและอนาคต เพราะการรอคอย
อย่างไม่มีความหวัง สำหรับคนใจอ่อน เป็นเรื่องเสียเวลาในชีวิตจริงๆ

มองยาวๆ ไกลๆ ใจเราเอง เรารักเราหวง อยากได้ของรักของเราคืน
เป็นความต้องการใกล้ๆ ในปัจจุบัน เมื่อมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับเรา
แต่ในระยะยาว ลูกๆ น้องๆ ต้องพบต้องเจอสภาพแวดล้อมที่มี
ต้นแบบ เป็นคนขุด(ความดี)ตนเอง ฝังตัวเอง หันหลังให้กับศีลธรรม
มองลำพังเพียงตัวเรา จะมีหรือเป็น เราหลงเรารัก จะอะไรยังไงเรา
ก็รัก(บ้า)ก็ชอบของเราได้ แต่บางทีเด็ก สังคม อนาคตเราจะมี
คนรุ่นต่อไป เป็นคนหันหลังให้กับศีลธรรมเป็นต้นแบบอย่างนั้นหรือ!

ผ่านวันเวลามาได้ขนาดนี้ ก็พบแล้วซึ่งความทุกข์มากกว่าสุขไม่ใช่หรือ?
ต้องแบกภาระปัญหาต่างๆ นาๆ มาก็มากเกินไปแล้วไม่ใช่หรือ?
คุณโยม จะทำใจ ทำเพื่อจะรั้งทำเพื่อจะยึด ทำเพื่อจะเพิ่มทุกข์ ทำเพื่อ
ใจอ่อน ทำเพื่อเลี้ยงไข้เลี้ยงยา สำหรับคำว่าครอบครัว ความจริงก็ไม่ผิด!
มีหลายคนในนี้ที่ ประคับประครองอย่างยากลำบาก เพราะคำว่ารักคำเดียว!

คนติดเหล้าติดยา ก็คล้ายๆ กับผู้หญิงที่เสียอกเสียใจไม่หายกับคนรักที่
หลอกลวง ได้คำว่ารัก ได้ความหวัง(ส่วนตัว) ก็ยังเหมือนคนติดเหล้า
ติดยา ในคนที่หายขาดจากสิ่งเสพติด ก็เหมือนผู้หญิงที่คิดได้ จับได้
ว่าคนที่ตนรักไม่ซื่อสัตย์จริงใจ แต่ก่อนเคยเห็นคนรักไปกับใคร อยู่กับใคร
ก็เศร้าโศกเสียใจจนตัวชา แต่ต่อมาเมื่อรู้ว่าไม่มีประโยชน์อีกแล้วที่ต้อง
รอคอย คำว่ารัก(ลวงๆ) หรือคาดหวัง(ส่วนตัว)ลมๆ แล้งๆ

เธอก็สลัดเยื้อใยที่เคยมีเคยเป็น เคยหลงกับคนๆ หนึ่ง แล้วกลับมาทุ่มเท
ความรัก ชีวิตจิตใจ ให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง เช่นพ่อและแม่ ให้กับลูกๆ
ซึ่งเป็นอนาคต เป็นลมหายใจของเธอ พร้อมกับให้อภัยและเข้าใจว่า
คนรักคงเกิดมาพร้อมกับ ต้นแบบที่ไม่ดี หรือมีต้นแบบที่ดี แต่เขาก็
แวดล้อมอยู่ในหมู่คนพาล คนไม่ดี เขาถึงถูกยั่วยวน ถูกทำให้ลุ่มหลง
จนหน้ามืดตามัว ถือเอาความเป็นชาย เลยพอใจ ทำตามแต่ใจจะทำ
อย่างไม่รู้เท่าทันต่อ ผลที่จะเกิดขึ้นกับคนอื่นๆ เช่นเรา เช่นพ่อแม่ หรือ
ลูกๆ สิ่งที่เขาทำ เป็นความทุกข์ความเสียใจที่เกิดขึ้นกับ ความรู้สึก
ของเราอย่างมาก แต่ถ้าหากเรา พอมีบุญมีปัญญาอยู่บ้าง มีสติบ้าง
เราก็จะรู้ว่า พระพุทธเจ้า ทรงสอนว่า กายใจนี้เป็นที่ตั้งของความทุกข์
ความทุกข์ทีพระองค์ตรัส ทรงหมายถึง ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้
คนที่มีความยึดถือว่า กายใจนี้เป็นตัวเป็นตน เป็นเราของเรา ก็หลีกเลี่ยง
ไม่ได้ที่จะไม่ ยึดถือเอาความรู้สึกต่างๆ ทั้งสุขและทุกข์เป็นเราของเรา!

พยายามมีสติ อยู่กับลมหายใจ เห็น(ด้วยความรู้สีกตัว)ลมหายใจเอาไว้
เข้ายาวและออกยาวนับหนึ่ง เข้าออกนับสอง สาม สี่ห้าหกเจ็ดแปดเก้าสิบ
ถ้าความรู้สึกตัวมากขึ้น เห็นลมหายใจได้บ่อยๆ ความคิดความอ่านจะละเอียด
สุขุมขึ้น รอบครอบขึ้น ไม่ต้องบีบคั้นตัดสินใจเองโดยรีบด่วน หรือว่าต้อง
ฟังใครเชื่อใคร เรานั่นเองจะรู้ตัวของเราเอง รู้สถานการณ์ รู้จังหวะ รู้เวลา
ด้วยตัวของเราเอง ประครอง(ชีวิตครอบครัว)แต่ไม่ต้องยึดมาเป็นทุกข์

ไม่ต้องหวังเฝ้ารอ จากหนี้บัตรที่เขาก่อ ลำพังเลี้ยงตัวเองยังไม่รอด
จะนำต้นแบบเช่นนั้น มาเป็นต้นแบบของลูกของเราจริงๆ หรือครับโยม.

ไม่ต้องหวังหรือรอคอย การช่วยเหลือเลี้ยงดู ขอให้เขาผ่านมาเล่นกับ
ลูกๆ บ้างก็พอ เป็นพ่อให้กับลูกๆ แบบคนเอาตัวไม่รอด ก็สมควรแล้ว
ที่จะมาแชร์ส่วนแย่ๆ ให้กับลูกๆ บ้างพอเป็นกระไส (ประชดแทน!)
ไม่ต้องมาปักมาจม เป็นต้นครูพ่อครูแม่ครูให้กับเด็กๆ ก็ได้คุณโยมคง
สามารถหา ตากับยาย(พ่อกับแม่) พี่ป้าน้าอาพี่น้องที่อยู่ในศีลในธรรม
มาเป็นพ่อเป็นแม่แบบเต็มเวลาบางเวลา ก็ไม่เสียหาย ขอเตือนให้ระวัง
พ่อแม่แบบบางเวลาแบบชั่วครั้งชั่วคราว ถ้าดีมาไม่บ่อยก็ดี แต่ถ้าไม่ดี
เอาเสียเลย จะมาบ้าง ขาดลามาสาย อันนี้ก็ไม่ควรว่าควรตำหนิ ช่างเขา!

จัดการสถานการณ์การเงินระยะยาวให้รัดกุม ถ้าจะหย่าฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
เพื่อตัดไฟ ก็ไปพิจารณาเพื่อปกป้องสิทธิให้ถึงที่สุด ตามที่กฏหมายบังคับไว้
(ถ้าจดทะเบียน) แต่ถ้าคาราคาซัง ต้องแน่ใจว่า เขาจะไม่นำปัญหามาให้กับ
เราและลูกๆ จนต้องกระทบค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับในอนาคต
มีลูกคนสองคนเป็นเด็กที่ยังสอนได้ ดีกว่ามีลูกที่เอาแต่ใจไม่รับผิดชอบ
จะรักใครทุ่มเทความรักให้ใคร ก็ควรทุ่มเทให้กับตนเอง รักตนเองก่อน
รักพ่อแม่ครอบครัวของเราเองก่อน

ทุกข์นี่แหละจะสอนเรา จะเป็นครูที่ทำให้เรา เก่งขึ้น พึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น
ทุกข์นี่แหละจะทำให้เรา เ้ห็นธรรม เห็นกายเห็นใจนี้เป็นทุกข์ ถ้าคนเราไม่มีสติ
ปัญญาก็ไม่เกิด ความคิดซัดส่าย ความคิดไม่สุขุมละเอียดรอบครอบ มัวหมอง
ต้องรู้จักยับยั้ง ตั้งสติ มีสมาธิเพื่อจะทำให้เกิดปัญญา นำมาแ้ก้ไขจัดการชีวิต
ถ้าเราท้อแล้วลูกๆ จะเติบโตอย่างไร ถ้าเราไม่ไหวแล้วใครเล่าจะไหว

เวลาคิดก่อนคิด ดูใจเสียก่อนว่าสับสนร้อนรนหรือเปล่า ถ้าใช่ยังไม่ใช่เวลา
คิดอ่านตัดสินใจใดๆ ทั้งสิ้น กำหนดลมหายใจ มาหาทรัพย์สินภายในของเรา
มาหาสติเรา ปัญญาของเรา ดูลมหายใจสังเกตุลมหายใจ ขาดเขาหรือขาด
ลมหายใจกันนะ ที่เราและลูกเราถึงจะตาย ดังนั้น ลมหายใจมีค่า อย่าทิ้งๆ ขว้างๆ
พอเรามีความคิดอ่านละเอียดรอบครอบ เพราะอาศัย ลมหายใจมาเจริญสติ
ความสับสนซัดส่ายของจิตใจ ของอารมณ์ก็น้อยลง เมื่อเราหายฟุ้งซ่าน
มองเห็นลมหายใจได้ชัดเจนบ่อยๆ เมื่อเย็นจิตเย็นใจ เราเองจะรู้ด้วยตัวเราเอง
แก้ไขเอง จัดการเอง ตัดสินใจเอง ว่าจะเอาอย่าไร

เป็นเวลาี่ที่เหมาะสมที่ควรแก่การคิดอ่านพิจารณา หาคำตอบให้กับตัวเราเอง
ดังนั้น รีบแก้ไขสถานการณ์ต่างๆ ด้วยสติปัญญาของเราเอง เอาใจช่วยนะครับ
ขอให้คุณโยมเป็นต้นแบบที่ดีของน้องๆ ทั้งสองคนล่วงหน้า เจริญพร.

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2013, 16:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


คีย์เวิร์ดเลยนี่

"เค้าบอกดิฉันว่าให้ดิฉันไปจากเค้าเถอะ ถึงยังงัยเธอไม่มีทางรับได้หรอกที่พี่ต้องมีผู้หญิงคนนั้นไปด้วย"

:b20:

ไม่อยากพูดมากไปกว่านี้ แต่เราเลือกประโยคนี้มาก็ชัดเจนแล้วใช่ไหมคะนี่ เอาใจช่วยค่ะ



:b20:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ม.ค. 2013, 18:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ม.ค. 2013, 12:21
โพสต์: 13


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านนะคะ ที่ให้คำแนะนำ และให้กำลังใจที่ดี

สำหรับงานที่เค้าทำเป็นงานเฉพาะทางที่ดิฉันคงไม่ถนัดที่จะทำค่ะ จริงๆแล้วดิฉันก็มีงานประจำที่ทำอยู่เอง แต่ก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้เค้าเป็นคนบอกให้ดิฉันลาออกหลังจากคลอดลูกคนที่สอง เพราะเค้าจะให้เงินลงทุนทำธุรกิจอย่างนึง จะได้มีเวลามาดูแลลูกทั้งสองคนมากขึ้นกว่าทำงานประจำค่ะ ตอนนี้เค้าก็ยังยืนยันอย่างนั้น เพียงแต่ดิฉันไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตลอดไปมั้ย เพราะความสัมพันธ์ของเราตอนนี้กำลังเกิดปัญหา

จริงๆแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมา มีคนให้คำแนะนำมาโดยตลอดว่าให้เลิกกับเค้าไปเถอะตั้งแต่ยังไม่มีลูกด้วยกัน เพราะเค้าคงไม่มีทางที่จะดีขึ้นได้ แต่ดิฉันก็เชื่อมาตลอดว่า ซักวันเค้าจะดีได้ เพราะมีหลายช่วงชีวิตที่เค้าดูแลดิฉันดี ดูแล และทำหน้าที่พ่อได้ดี ช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวเค้า และครอบครัวดิฉันได้ มีพฤติกรรมที่ทำให้ดิฉันรู้สึกว่าจริงๆลึกๆเค้าก็เป็นคนดีนี่แหละ แต่คาดเดาว่าน่าจะเป็นเพราะเค้าไม่ได้รับการเลี้ยงดูที่ดีมาตั้งแต่เด็ก ทำให้ลักษณะนิสัยบางอย่างของเค้าทำให้เป็นคนคิดถึงแต่ตัวเองมาก่อน เลยไม่แคร์ความรู้สึกของคนรอบข้าง (เค้าเคยเล่าให้ฟังถึงช่วงเวลาในวัยเด็กที่เค้าไม่ได้รับความอบอุ่น และโดนทางบ้านทอดทิ้งค่ะ) ช่วงเวลาที่เค้าปฏิบัติตัวดีนั้นเอง เป็นสิ่งที่ทำให้มีกำลังใจที่จะอดทนรอวันที่เค้าจะหลุดจากความหลงผิดต่างๆ นาๆ เช่น เรื่องผู้หญิงคนนี้เป็นต้น จากวันที่เค้าหลุดจากเรื่องการพนันในครั้งนั้น เค้าก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกเลย สิ่งนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ดิฉันมีความเชื่อว่าซักวันเค้าจะหลุดจากความลุ่มหลงในผู้หญิงคนนี้ได้เช่นกัน ดิฉันไม่รู้ว่าคิดเข้าข้างตัวเองรึป่าวนะคะ หรืออาจเป็นเพราะกำลังปลอบใจตัวเอง เนื่องจากยังทำใจรับเหตุการณ์ไม่ได้ แต่จะผิดมั้ยคะถ้าดิฉันยังจะคิดแบบนี้ ยังมีความเชื่อในใจลึกๆแบบนี้อยู่ เชื่อว่าเค้าจะกลับมาเป็นพ่อ เป็นสามีที่ดีได้เหมือนช่วงก่อนที่ดิฉันจะรู้ความจริง ก่อนที่ดิฉันจะรู้ความจริงเรื่องนี้ เค้าก็ปฏิบัติตัวดีกับครอบครัวนะคะ เพียงแต่ดิฉันไม่รู้จึงไม่ทุกข์ ถ้าหากถามว่าตอนนี้ให้ดิฉันทนอยู่แบบที่รู้ว่าเค้ามีอีกคนนึงได้ เพื่อแลกกับการที่เค้าจะทำตัวดีกับดิฉัน กับลูกเหมือนเดิม ดิฉันก็ยังไม่แน่ใจหรอกค่ะว่าจะทำได้ตลอดไปมั้ย แต่ถ้าให้ตัดสินใจเดินออกไปตอนนี้พร้อมกับลูก ก็ยังไม่สามารถทำได้จริงๆค่ะ เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ไม่รู้ว่าจะสามารถดูแลลูกไหวมั้ย จึงอยากหาวิธีทำใจให้ได้ว่าจะอยู่ในสถานะ และสภาพแวดล้อมแบบนี้อย่างไรแบบไม่ทุกข์ หรือทุกข์น้อยที่สุดค่ะ หวังว่าทุกท่านคงไม่คิดว่าดิฉันโง่ที่เลือกทำแบบนี้ก่อนนะคะ ตอนนี้ ณ ขณะนี้ดิฉันคิดได้แค่นี้จริงๆ แต่อนาคตอาจจะมีความคิดที่เปลี่ยนไปก็ได้ค่ะ อย่างไรต้องขอขอบคุณทุกคำแนะนำอีกครั้งนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2013, 06:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ธ.ค. 2010, 17:35
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันไม่คิดว่าคุณmomamoโง่นะคะ เพราะคุณได้เคยซึมซับ
ความดีของเขาครั้งที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน คุณย่อมรู้สึกได้ใน
ส่วนนี้ และวิถีทางที่คุณmomamoเลือก ก็เป็นทางที่ผู้หญิง
ส่วนใหญ่เลือกก่อนทั้งนั้น แต่คุณmomamoยังรู้ตัวเองว่า
เลือกเพราะเหตุใด และทำไมจึงจากไปยังไม่ได้

คุณmomamoก็ต้องทำใจในขณะยังอยู่กับเขานี่แหละ
โดยพยายามลดความต้องการและความคาดหวังลงเรื่อยๆ
เพื่อให้ตัวเองทุกข์น้อยลงทุกวันๆก่อน อย่าไปเพิ่มความรัก
ในตัวเขาให้ตัวเองทรมานมากขึ้น เมื่อถึงที่สุด "เวลา" จะ
ช่วยให้เราตัดสินใจได้มากขึ้น ว่าสุดท้ายทั้งเราและเขา
ต้องการอะไรกันแน่

แต่อย่าลืมว่าลูกของคุณก็ต้องการเกราะกำบังจากคุณ
ลูกเท่านั้นจะะช่วยให้คุณตัดสินใจได้มากขึ้น ค่อยน้อมนำ
คำสอนของท่านพุทธฎีกามาปฏิบัติ ปฏิบัติยังไม่ได้วันนี้
ก็ค่อยๆทำไปก่อน บางทีการก้าวลงจากอะไรสักอย่าง
มันอาจจะยากในตอนแรก แต่ถ้าแบกหนักๆเข้า เราจะตกลง
มาเจ็บกว่า วางลงทุกวันก่อน พอใจเบาสบายขึ้นเรื่อยๆ
เราจะก้าวออกมาได้อย่างมั่นใจเองค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2013, 11:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ม.ค. 2013, 12:21
โพสต์: 13


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณวันนี้มากนะคะ...

ตอนนี้ตัวเราเองก็สามารถทำใจได้ดีขึ้นกว่าตอนเกิดเหตุการณ์ใหม่ๆได้อย่างไม่น่าเชื่อค่ะ เราเข้ามาอ่านกระทู้ในลานธรรมนี้ทุกวัน วันละนานๆ ได้ข้อคิดเตือนใจ และทำให้จิตใจสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อจริงๆค่ะ ทุกวันนี้เวลาเจอหน้าสามี สามารถควบคุมพฤติกรรม และอารมณ์โกรธ น้อยใจ เสียใจได้เยอะมาก ทั้งๆที่รู้ค่ะว่าวันนั้นเค้าไปหาผู้หญิงอีกคนมา หรือแม้กระทั่งแชทคุยกันผ่านโทรศัพท์ต่อหน้าเรา หรือจะเดินผ่านหน้าเราไปแล้วบอกกับเราว่าจะไปคุยโทรศัพท์กับเค้าคนนั้น เราก็สามารถควบคุมใจไม่ให้ทุกข์มากเหมือนแต่ก่อนได้แล้วค่ะ แต่ถ้าถามว่าทุกข์มั้ย ตอบได้เลยค่ะว่ายังทุกข์บ้าง แต่พยายามปล่อยวางค่ะ เหมือนที่สมาชิกในลานธรรมบอกว่า ให้นึกเมตตา สงสารเค้าทั้งสอง เพราะเค้าทั้งสองกำลังก่อบาปกรรมอยู่ เราไม่ควรไปโกรธแค้น ริษยา หรือ ทุกข์เพราะจิตเราปรุงแต่งไปต่างๆนา เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนจะย้อนมาทำร้ายตัวเราเอง และที่สำคัญเค้าไม่ได้เป็นของของเรา

ตอนนี้ดิฉันจะพยายามตั้งใจทำจิตใจให้สงบ อโหสิกรรมให้แก่เค้าทั้งสองคนทุกอย่าง จะพยายามยินดีกับความสุขของสามี ทำหน้าที่ภรรยา และแม่ที่ดีของลูกทั้งสองต่อไป ก็ได้แต่หวังว่าความตั้งใจทำกรรมดีในปัจจุบันของดิฉันจะช่วยให้สามีมีสติ และหลุดพ้นจากกรรมที่กำลังก่อนะคะ ขอให้สมาชิกในลานธรรมทุกท่านเป็นกำลังใจให้ดิฉันด้วยนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2013, 12:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


momamo เขียน:
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณวันนี้มากนะคะ...
ตอนนี้ดิฉันจะพยายามตั้งใจทำจิตใจให้สงบ อโหสิกรรมให้แก่เค้าทั้งสองคนทุกอย่าง จะพยายามยินดีกับความสุขของสามี ทำหน้าที่ภรรยา และแม่ที่ดีของลูกทั้งสองต่อไป ก็ได้แต่หวังว่าความตั้งใจทำกรรมดีในปัจจุบันของดิฉันจะช่วยให้สามีมีสติ และหลุดพ้นจากกรรมที่กำลังก่อนะคะ ขอให้สมาชิกในลานธรรมทุกท่านเป็นกำลังใจให้ดิฉันด้วยนะคะ

มันกลับข้างกลับสมการกันอย่างนี้ครับเรื่องกรรม ถ้าเกิดว่า
เขารักเรามากๆ ไม่นอกใจเรา แต่เรานี่แหละคบชู้สู่ชายมากรัก
เขาคาดหวังให้เราเปลี่ยนแปลงหรือ ยอมเลือกที่จะอยู่กับเขา แม้กระทั้งยอม
รอคอยความรักจากเราบ้าง ก็ตามที แบบนี้วิบากกรรมที่เขาคาดหวัง
ว่าจะหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานใจ มันคือการที่เรา เปลี่ยนแปลงตัวเรา
เห็นใจเขา เข้าใจเขามากขึ้น นึกถึงบุญถึงบาปที่ทำกับเขาขึ้นมาได้!

นัยเดียวกัน กลับข้างกัน เขาไม่ได้หลุดพ้นจาก (ความหลง)กรรมหรือ
วิบากกรรมเพียงเพราะ การประพฤติดีปฏิบัติดี ปฏิบัติดีของเรา การทำกรรมดี
ของเราเป็นเพียงสิ่งสะกิดใจ ระลึกเตือน ในวาระที่เขาไม่มีใคร มองใคร
ไม่มีคนอื่น ปรนเปรอให้ความสุข แต่้ถ้ามีอยู่ แม้ทำถูกต้องก็ยังถูกเปรียบเทียบ
ทำให้เหมือนกับว่าที่ถูกต้อง ก็ไม่พอใจไปเสียทุกอย่างจริงไม่จริง!

ดังนั้นผลที่เกิดจากการทำดี คิดดี พูดดีจะยังไม่ให้ผลจนกว่า ปัจจัยต่างๆ
จะหันกลับมาสนับสนุนในสิ่งที่เราทำ นั่นคือ เวลา และสถานการณ์ของ
เขาและเธอคนนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปในทาง ขัดแย้งกันเอง

ไม่ว่าเขาจะรักกันหรือเขาจะขัดแย้งกัน เป็นกรรมวิบากกรรมที่เราควบคุม
ไม่ได้ หลีกเลี่ยงผลข้างเคียงก็ไม่ได้ เขายิ่งรักกัน เราก็ยิ่งทรมาน เขาขัดแย้ง
ทะเลาะกัน เราก็ยิ่งคาดหวังยิ่งรอ เท่ากับว่า การกระทำดี คิดดี พูดดี เพื่อเอา
ชนะใจคนอื่น ควรตระหนักและจดจำไว้ว่า ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์และ
เหตุปัจจัยที่จะส่งผลในทางที่ดี กับเรา ซึ่งตามสถิติ มันก็ดีบ้าง
มันก็ร้ายบ้าง ขึ้นๆ ลงๆ ไม่แน่ไม่นอน หลายๆ คนหลายๆ คู่ก็เป็น
อยู่อย่างนี้ ถ้าไม่มีใจเป็นกลาง ไม่มีสติ ก็ต้องสุขๆ ดิบๆ เดี๋ยวดี
เดี๋ยวร้ายไม่รู้จบรู้สิ้น กรรมที่ดี ทางกาย วาจา ใจจึงไม่ออกดอก
ออกผล หรือมีผลมีอานิสงส์อย่างแท้จริง ถ้าเราทำเหตุ โดยไปคาด
หวังผล ผิดที่ผิดทาง...^^



วันนี้ เขียน:


คุณmomamoก็ต้องทำใจในขณะยังอยู่กับเขานี่แหละ

โดยพยายามลดความต้องการและความคาดหวังลงเรื่อยๆ
เพื่อให้ตัวเองทุกข์น้อยลงทุกวันๆก่อน อย่าไปเพิ่มความรัก
ในตัวเขาให้ตัวเองทรมานมากขึ้น เมื่อถึงที่สุด "เวลา" จะ
ช่วยให้เราตัดสินใจได้มากขึ้น
ว่าสุดท้ายทั้งเราและเขา
ต้องการอะไรกันแน่

บางทีการก้าวลงจากอะไรสักอย่าง
มันอาจจะยากในตอนแรก แต่ถ้าแบกหนักๆเข้า เราจะตกลง
มาเจ็บกว่า วางลงทุกวันก่อน พอใจเบาสบายขึ้นเรื่อยๆ
เราจะก้าวออกมาได้อย่างมั่นใจเองค่ะ

การกระทำอย่างนี้ มีทัศนคติอย่างนี้ต่างหาก ทำดี คิดดี พูดดีโดยไม่ได้
ไปคาดหวังผลลัพธ์ ตั้งความคาดหวังเอาไว้กับผู้อื่น มโนกรรม
ความคิดที่ถูกต้อง จะทำให้เราทุกข์น้อยลง เพราะเราไม่ได้คาดหวัง
ผลผิดที่ผิดทาง เรามาดูแลรักษา ความคิดจิตใจอารมณ์ความรู้สึก
ของเราเอง ดับละคลายความทุกข์ ให้ดับลง ให้ความสุขความมีสติ
ค่อยๆ กลับคืนมา ผลและอานิสงส์ที่คิดดี พูดดี ทำดี เมื่อทำถูกที่
ถูกเวลาถูกทีู่ถูกทาง ให้ผลได้ในทันที! แบบนี้ เหมือนทำงานแล้วได้
ค่าเหนื่อยทันที ทำแล้วสุข ทำแล้วหายเหนื่อย ถ้าทำเหตุดี แต่รอผล
ผิดที่ผิดทาง ก็เท่ากับทำงานแล้วถูกเลื่อนค่าจ้างออกไปทุกๆ ที คาดหวัง
ผิดที่ กับคนอื่น ยิ่งทำก็ยิ่งเหนื่อย ได้้บ้างไม่ได้บ้าง อะไรที่ได้ชัวร์ๆ
เป็นสิ่งใกล้ๆ ตัวที่จะหยิบยื่นให้ตัวเราเอง เมตตาตัวเราเองสงสาร
ตัวเราเองและลูกๆ ตั้งสติ มีสติแล้วก็ ดูตัวอย่าง คนเก่งๆ หลายคนในนี้
ที่ผ่านอุปสรรค ปัญหา่ต่างๆ ที่หนักหนาสาหัสกว่าีนี้อย่างเข้มแข็ง มีสตินะครับ

เจริญพร.

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ม.ค. 2013, 23:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องผัวๆเมียๆ เรื่องครอบครัว คนนอกพูดลำบากตัดสินเป็นเด็ดขาดลงไปยากนิ :b1:

ถือว่า คห. ต่อไปนี้เป็นวัตถุดิบช่วยในการตัดสินใจก็แล้วกัน

สมมุติว่า...จะแยกทางกัน เราต้องออกจากบ้านนั้น แล้วจะพาลูกสองคนไปไหน...ตัวเองก็ท้องแก่ใกล้คลอด คิดหลายตะหลบครับ

ตอนนี้...สามีก็ยังไม่ถึงกับลงไม้ลงมือกับเราใช่ไหมล่ะครับ เพียงแค่ใช้หอกคือปากทิ่มๆแทงๆเรา-กดดันเรา ให้ทนไม่ได้ หอบลูกออกไปเสียจากบ้านไปจากชีวิตเขาเสีย เพื่อว่าตัวเองจะได้พาผู้หญิงเข้าบ้านทำหน้าแทนที่เรา เขาก็สบายสมหวังทั้งสองคน อยู่กันแบบเปิดเผยออกหน้าออกตา ไม่ต้องเล่นซ่อนหากันเหมือนก่อนแล้ว

ถ้าเราขวางอยู่ สามีคงไม่กล้าพาเข้าบ้าน คิดถึงกัน...ก็ต้องออกไปพบกันนอกบ้าน เหนื่อยเกือบตายกว่าจะได้พบกันแต่ละที ไหนจะกลัวคนรู้จักเห็น ฝ่ายหญิงยิ่งเสียหายมาก กลัวเพื่อนบ้านรู้-คนรู้จักเห็นแล้วซุบซิบนินทา ประมาณว่า หุหุ เป็นสาวโสด รูปสวย รวยทรัพย์ มีการศึกษา น่าจะหาผัวหนุ่มโสดได้ หน๊อยแนะไปเอาผัวเขา ฯลฯ ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องนินทาชาวบ้าน มนุษย์ชอบอยู่แล้ว เข้าทางเลย :b32: เขาสองคนนั่นแหละจะโทมนัสใจยิ่งกว่าเรา เป็นทุกข์ยาวนาน...สุขแค่แป๊บเดียว จะค่อยๆคิดกันได้ เมื่อหายมัน

ดูเหมือน จขกท. มีความมุ่งหมายว่าจะทนจะทำใจเพื่อลูก ก็ดีครับถ้าทำได้ ทุกข์ที่ใจครับ ทำใจได้ก็ไม่ทุกข์ ทำใจได้มากเท่าไรทุกข์โทมนัสก็น้อยลงเท่านั้น ไม่แน่ จขกท. อาจจะสำเร็จโสดาบันช่วงที่ผัวไปมีเมียน้อยก็ได้ คิดเสียว่า ปล่อยๆเขาไปที่ชอบๆไปทำตามฤทธิ์ตามเรื่องเขาสักระยะหนึ่ง สำนึกได้ก็กลับมาตายรัง

ไม่แน่ วันหนึ่งฝ่ายหญิงอาจพบรักกับหนุ่มโสดแล้วเดินจากไปหรือเบื่อต่อสภาพหลบๆซ่อนๆเหมือนแมวขโมย แล้วเดินจากสามีคุณไป และแล้ววันนั้นคุณจะได้ฟังเพลงนี้ http://www.youtube.com/watch?v=HlIvpxhjbSY จากปากของสามีคุณเอง

เป็นกำลังใจให้นะครับ :b1:

อ้อ มีอีกเรื่องหนึ่ง เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับแม่และเด็กประมาณนี้แหละ แพทย์บอกว่า ความเครียด ความวิตกกังวล ฯลฯ ของแม่ มีผลกระทบถึงเด็กในครรภ์ด้วย .... ตรงข้ามถ้าแม่มีอารมณ์แจ่มใส มีสุขภาพจิตดี ส่วนดีนี้ก็ส่งถึงเด็กในครรภ์ด้วยเช่นกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.พ. 2013, 21:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2013, 21:43
โพสต์: 14


 ข้อมูลส่วนตัว


เข้มแข็งนะคะ
ลองนิ่ง และคิดอีกทีว่า
เขาไม่อยู่ เราตายไหม
เราไม่หายใจ เราตายไหม
เราไม่อยู่ ลูกจะอยู่อย่างไร

คุณค่าของคน อยู่ที่เรามีค่าต่อชีวิตอื่นค่ะ
ขอให้คิดอย่างมงคลว่า เราต้องอยู่เพื่อคนอื่นที่เห็นความสำคัญของเรา
เขาไม่เห็นค่า ก็แปลว่า มืดบอด คงเป็นคู่เวรคู่กรรมกันมา
จนขณะนี้ กรรมดีที่เรามีเริ่มเข้ามาเกื้อหนุน ให้เราหลุดพ้นจากคู่คนนี้ได้เสียที
มีชีวิตใหม่เถอะค่ะ ค่อยๆ ถอย ค่อยๆ ถอนนะคะ เอาเวลาที่มี หันมาเตรียมพร้อมกับสมาชิกใหม่ดีกว่าค่ะ
เขาคือสิ่งมหัศจรรย์ของเรานะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2013, 07:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ธ.ค. 2011, 07:44
โพสต์: 142

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สงสารและเห็นใจคุณ momamo มากๆค่ะ สภาพที่คุณเจอไม่ต่างไปจากผู้หญิงที่เป็นแม่และเมียหลายๆคนในนี้ที่เจอเช่นกัน เพียงแต่ของคุณหนักตรงที่กำลังจะคลอดลูกคนที่สองอยู่รอมร่อ เข้าใจว่าเวลานี้คุณน่าจะคลอดแล้วมั้งคะ ลูกคนแรกก็ยังเล็กอยู่มากด้วย

ขอให้มีสติและเข้มแข็งค่ะ กำลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคนที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์เช่นนี้ บางคนทุกข์นาน เพราะกว่าจะคิดได้ คิดเป็นต้องใช้เวลา บางคนทุกข์แป๊บเดียว ขึ้นอยู่กับสภาพความเข้มแข็งในจิตใจของแต่ละคน

ในเมื่อคุณเองก็พูดอยู่แล้วว่า ไม่พร้อมที่จะเดินหันหลังและออกไปจากชีวิตของสามีคุณ ฉะนั้น สิ่งที่ควรทำในเวลานี้ คือ พยายามประคับประคองสภาพครอบครัวให้ดำรงคงอยู่ต่อไปตราบเท่าที่คุณยังทนอยู่กับมันได้ อยากแนะนำให้ใช้ธรรมะเข้ามาชโลมจิตใจ ให้ความทุกข์ผ่อนคลายค่ะ ยิ่งคิดมากก็ยิ่งไม่มีอะไรดี เพราะถ้าคิดแล้ว เขาหยุด มันก็ดี แต่ในเมื่อคิดๆๆ แล้วเขาไม่หยุด ไม่มีอะไรดีขึ้น มันก็ยิ่งทำให้คุณทุกข์หนักกว่าเดิม สู้หยุดคิดวนเวียนซ้ำๆ แล้วหันไปทุ่มเทใส่ใจความรักให้ลูกน้อยมากขึ้น เชื่อว่าคุณแม่ลูกอ่อนย่อมมีภาระหนักหนาสาหัสอยู่แล้ว สามีคุณกำลังอยู่ในภาวะ ลุ่มหลงกับสิ่งยั่วยุทางเพศที่ได้มาฟรีๆ ผู้ชายทุกคนเมื่อมีผู้หญิงแบบนี้เข้ามาเสนอตัวให้ ไม่มีใครโง่ไม่คว้ามากินหรอกค่ะ ยิ่งคุณทำให้เขาเห็นว่าคุณเป็นเมียและแม่ของลูกที่ดีพร้อม คุณเหนือกว่าผู้หญิงคนนั้นทุกอย่าง คราวนี้ก็อยู่ที่เขาแล้วค่ะว่าจะคว้าเอาเพชรแท้หรือพลอยหุง แต่กว่าจะมีสติ คิดได้ ก็ต้องใช้เวลาค่ะ อย่าโวยวาย วีนแตก ยิ่งคุณวีนมากขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการผลักไสให้เขามองเปรียบเทียบคุณกับผู้หญิงคนนั้นมากขึ้น เมื่อไรที่หมดโปรโมชั่นของทั้งคู่ เมื่อไรที่เขาเริ่มตาสว่าง เขาจึงจะรู้ซึ้งว่าคุณเป็นคนที่เขาสมควรจะใช้ชีวิตอยู่ด้วย จำไว้อย่างว่า ดีชั่่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว ในเมื่อมีผู้หญิงคนนึงทำตัวต่ำต้อยกว่าธุลีดินให้เห็นแล้ว ศักดิ์และศรีของคุณเหนือกว่าผู้หญิงพันธุ์นั้นค่ะ อย่าเอาตัวเองไปคลุกกับอาจมให้ต้องเหม็นตัวเลยค่ะ ปล่อยให้เวรกรรมมันได้ทำหน้าที่ของมัน สักวันเขาทั้งคู่จะได้รับมันอย่างแน่นอนค่ะ

ดีใจที่คุณได้เข้ามาปรับทุกข์ในนี้ เข้ามาแชร์ประสบการณ์และความคิดเห็น อาจทำให้เรื่องของเราเบากว่าคนอื่นไปเลยก็มีค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.พ. 2013, 10:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ม.ค. 2013, 12:21
โพสต์: 13


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่ดีมากๆ ของทุกท่านเลยนะคะอ่านแล้วทำให้มีกำลังใจมากเลยค่ะ ตอนนี้ดิฉันใกล้คลอดมากแล้วค่ะ คุณหมอนัดวันที่ 11 กุมภานี้แล้วค่ะ อาทิตย์ที่ผ่านมานี้เราก็ได้พยายามปรับใจตัวเองให้สงบ พยายามอยู่ให้ได้ด้วยตัวเอง มีเค้าแต่ก็คิดซะว่าไม่มี เพราะเค้าก็ไปทำงานกลับมาบ้านก็ สี่ห้าทุ่มแล้ว กลับมาเค้าก็ถามว่าวันนี้ทำอะไรมาบ้างนิดหน่อยแล้วก็ออกไปคุยโทรศัพท์กับผู้หญิงคนนั้นกลับมาอีกทีก็คือนอน ก็เป็นแบบนี้ทุกวันค่ะ สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือ อยู่กับตัวเอง เมื่อมีความคิดน้อยใจ เสียใจเมื่อไหร่ก็พยายามตั้งสติ คิดว่าเค้าไม่ใช่ของเราอีกแล้ว เราจะไปบังคับใจเค้าให้มารักเราไม่ได้ เมื่อคิดได้แล้วก็ทุกข์น้อยลงค่ะ แต่บอกตรงๆนะคะว่าเราก็ยังทำหน้าที่ภรรยาเค้าอยู่เหมือนเดิมทุกอย่าง ดูแลงานบ้าน พูดคุยกับเค้าปกติ เหมือนตอนที่ไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น เลือกที่จะไม่ถาม ไม่ตาม ไม่พูดจาส่อเสียดอะไรทั้งสิ้น เพราะรู้สึกว่าทุกข์น้อยกว่าครั้งที่คอยตามเค้า ส่วนตัวเค้าเองก็พูดดีกับเรา ทำหน้าที่ของเค้าเท่าที่ทำได้ เช่น พาไปซื้อของใช้ลูกที่กำลังจะคลอด ไปหาหมอเป็นเพื่อนเรา ซื้อของมาให้ทานบ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันก็ทำให้เราเขวๆ เหมือนกันค่ะ แต่ไม่ว่าจะยังงัยเราก็คิดว่าทุกอย่างมันไม่มีทางเหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะดูท่าทางผู้หญิงคนนี้คงจะรักสามีเรามาก ไม่งั้นคงจะไม่ยอมขนาดนี้ และถึงสามีเราจะเลิกกับคนนี้ก็คงจะไม่พ้นไปมีคนอื่นอีกอยู่ดี ฉะนั้นการทำใจอยู่กับเค้าแบบไม่คาดหวังอะไร ทำใจอยู่แบบพ่อแม่ไม่ใช่สามีภรรยา คงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ของเราค่ะ อยากให้สมาชิกลานธรรมแห่งนี้ช่วยชี้แนะ และให้กำลังใจเราด้วยนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2013, 17:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ธ.ค. 2010, 17:35
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จริงที่คุณกรัชกายว่า "สาวโสด รูปสวย รวยทรัพย์ มีการศึกษา"
ย่อมไม่อยากผูกติดผู้ชายที่ไม่ยอมเลิกรากับภรรยาซักทีหรอก

คุณต้องอดทนอยู่จนให้เธอเห็นว่า ความรักที่ผิดรูปแบบและ
ไร้ศีลธรรมแบบเธอ ทำให้เธอเป็นทุกข์จนไม่อาจต้องอยู่ให้
ใครตราหน้าและประจานไปถึงตระกูลเธอได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2013, 09:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ม.ค. 2013, 12:21
โพสต์: 13


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะ สมาชิกลานธรรมทุกท่าน วันนี้เรารู้สึกทุกข์ใจเราเลยอยากมาระบายใรลานธรรมนี้หน่อยนะคะ
วันนี้เป็นวันที่ 5 แล้วค่ะ ที่เราคลอดน้องออกมา เป็นลูกสาวนะคะ ช่วงก่อรคลอดเราพอทำใจยอมรับกับเหตุการณ์ต่างๆได้แล้วนะคะ แต่ช่วงนี้ทำไมถึงกลับมาทุกข์เศร้า รู้สึกเหงาแบบนี้ก็ไม่รู้ ช่วงนี้เรากลับมาอยู่บ้านคุณแม่ เพราะร่างกายยังไม่สมบูรณ์ดี สามีเราเค้าก็โทรมาทุกวัน บางวันก็มาเยี่ยม มาหาลูกบ้าง แต่เรากลับยิ่งรู้สึกเหงา และห่างเหินกับเค้าทุกครั้งที่เจอกัน รู้สึกสัมผัสใด้ว่าที่เค้าทำ เช่นโทรมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง หรือ คอยถามว่าอยากได้อะไรเพิ่มมั้ย เรากลับรู้สึกว่าเค้าทำไปเพราะหน้าที่ ไม่ใช่เพราะความรู้สึกรัก เรารู้สึกได้จากสีหน้าท่าทางต่างๆของเค้า มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เรารู้สึกแย่มาก มันเหนื่อย ทั้งกาย ใจ เมื่อวานเราตัดสินใจถามเค้าไปว่า เค้ายังอยากมีเราอยู่มั้ย ยังอยากอยู่กับเราบ้างมั้ย เค้าคอบว่าเค้าสับสนเค้าไม่อยากตอบคำถามอะไรเราทั้งสิ้น แต่ถ้าให้พูดตรงๆก็คือยังรักอยู่บ้างเพราะอยู่กันมานาน แต่ให้เลือกได้ก็ไม่ค่อยอยากเจอเราเพราะเจอแล้วต้องตอบคำถามต่างๆนาๆ เราควรทำยังงัยดี ตอนนี้เราเองก็สับสนค่ะ เหมือนจะทำใจได้แล้ว แต่พอเค้ามาทำดีด้วยคอยมาดูแลเราบ้างเราก็เป็นแบบนี้ ไม่อยากรู้สึกแบบนี้เลยค่ะ พอมองหน้าลูกแล้วก็สงสาร ถ้าเราอดทนได้ลูกเรลก็ยังจะมีทั้งพ่อและแม่พร้อมหน้าเหมือนเดิม อยากได้อะไรสามีเราก็พร้อมจะให้ แต่ถ้าเราอดทนไม่ได้ เราก็ต้องเดินออกมาพร้อมลูก ถึงตอนนั้นลูกก็จะไม่ได้มีพ่อแม่พร้อมหน้าเหมือนเดิม เราควรตัดสินใจทำยังงัยดีคะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 42 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 16 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron