วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 10:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2013, 09:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 15:04
โพสต์: 30

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA
Moderators-2

ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 355




Pathita เขียน:
วันนี้สติแตกกระเจิงเพราะคิดเรื่องสามีแต่เช้าเลย สิ่งที่ตามคืออารมณ์ขุ่นมัว เศร้าเสียใจ ดีที่ความคิดส่วนดีมาเตือนว่าไปเปิดลานธรรมซิ ก็เลยนั่งอ่านไปเรื่อยๆ อารมณ์ก็เย็นลงเรื่อยๆ ขอบคุณตัวเองจริงๆที่รับฟังเสียงเล็กๆด้านดีในหัว ไม่งั้นวันนี้น้ำตาแตกแน่


แต่เท่าที่อ่านมาก็น่าจะดีใจอย่างหนึ่งนะที่ สามีทิ้งไป เพราะถ้าไม่ทิ้งคุณไป บางทีคุณก็อาจจะได้ทิ้งชีวิต
ตัวคุณเองด้วยโรคเอดส์

ถ้าเค้าคิดว่าเค้าจะอิสระ นอนกับใครก็นอนได้ตามใจเค้า
ก็โชคดีแล้วที่เค้าเฉยชากับคุณ เป็นบุญของคุณนะที่รักษาคุณด้วยส่วนหนึ่งค่ะ
อย่าได้เสียใจเลย

ใจคนนั้นไม่แน่นอน ถึงอย่างไรคืนดีกันเมื่อไหร่อย่าลืมเรื่องความปลอดภัยนะคะ
อย่าเพิ่งไว้ใจ ใส่ถุงยางและเช็คเลือดให้เค้าให้ปลอดภัยจริงๆ ก่อนค่ะ


ขอบคุณคุณSOAMUSA. มากค่ะที่เตือนสติจริงอย่างที่คุณบอกเขาเฉยชาดีแล้ว เรามองข้ามข้อดีนี้ไปคิดแต่ตัวเองเสียนู้นนี่นั่น วันนี้สบายใจขึ้นเยอะค่ะเมื่อคืนได้อ่านกระทู้และคำแนะนำของหลายๆท่าน ทำให้เข้าใจมากขึ้นว่าเราเกิดมาไม่ได้พกพาใครมาด้วย มาคนเดียวตายก็คนเดียวแล้วจะยึดติดอะไรนักหนา ทุกอย่างไม่แน่นอน มีเวลาเหลือแค่ไหนไม่สามารถบอกได้ขอกลับมาทำหน้าแม่ของลูกและหน้าที่ลูกของพ่อแม่ดีกว่า สร้างความสุขให้กับตัวเองดีกว่าเนอะ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2013, 09:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 15:04
โพสต์: 30

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตามใดที่ยังมีกิเลสรักโลภโกธรหลงเดี๋ยวอารมณ์เศร้าหมองก็กลับมา แต่จะพยายามครองสติคิดแต่สิ่งๆดีให้บ่อยขึ้นค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2013, 16:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.ค. 2013, 21:44
โพสต์: 173

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สู้ๆนะค่ะ เดี๊ยวมันก็ผ่านไปค่ะ rolleyes rolleyes

ถ้าเครียดๆก็มาอ่านกระทู้หนู๋ได้ค่ะ ชื่อว่า"ประสบการณ์เรื่องเล่าความรัก"
จะบอกว่าเอามาจากชีวิตจริงค่ะ :b4: :b4:

หนู๋อยากเห็นคุณมีความสุขและสบายใจนะค่ะ :b12: :b16:
เพราะเวลาหนู๋ไม่สบายใจหรือทุกข์หนักๆ ก็อาศัยการสวดมนต์ นั่งสมาธิ
ยิ่งฟังธรรมก็ยิ่งปล่อยวางได้ดีขึ้นค่ะ
rolleyes rolleyes rolleyes

:b8: :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2013, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


:b51: สติควบคุมจิตเพื่อรักษาโรคกิเลส (จากเฟรสบุ๊ควัดท่ามะโอ)

จิตของเรามีธรรมชาติไหลลงต่ำ เหมือนน้ำที่ไหลไปสู่ที่ต่ำ จึงมักคิดแต่
เื่รื่องโลภ โกรธ หลงอยู่ตลอดเวลา หรือเปรียบได้กับม้าพยศที่วิ่งไปไม่มีจุดหมายปลายทาง จิตที่ยังไม่ได้อบรมเป็นธรรมชาิติหยาบ ไม่ควรแก่การงานคือการปฏิบัติสมถะหรือวิปัสสนา

สิ่งที่ควบคุมจิตได้ คือ สติ มีประโยชน์ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม สติเป็นสิ่งที่เราควรเจริญอยู่เสมอ มีแต่ขาด เพราะเราทำให้บริบูรณ์ไม่ได้ ไม่มีเกินเลยไป ดังพระพุทธพจน์ว่า

สติญฺจ ขฺวาหํ ภิกฺขเว สพฺพตฺถิกํ วทามิ.

"ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวสติว่ามีประโยชน์ในที่ัทั้งปวง"

ร่างกายของเราต้องการความอบอุ่น จึงจะแข็งแรงไร้โรคภัย สติเหมือนความอบอุ่น เพราะทำให้โรคกิเลสเบาบางลงจนหายไปหมด จิตที่ไม่ประกอบด้วยสติ ก็เหมือนกับร่างกายที่ปราศจากความอบอุ่น จึงมีโรคกิเลสเกิดขึ้นอยู่เสมอ เพราะเราไม่ได้เจริญสตินั่นเอง

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2013, 23:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 15:04
โพสต์: 30

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA เขียน:
:b51: สติควบคุมจิตเพื่อรักษาโรคกิเลส (จากเฟรสบุ๊ควัดท่ามะโอ)

จิตของเรามีธรรมชาติไหลลงต่ำ เหมือนน้ำที่ไหลไปสู่ที่ต่ำ จึงมักคิดแต่
เื่รื่องโลภ โกรธ หลงอยู่ตลอดเวลา หรือเปรียบได้กับม้าพยศที่วิ่งไปไม่มีจุดหมายปลายทาง จิตที่ยังไม่ได้อบรมเป็นธรรมชาิติหยาบ ไม่ควรแก่การงานคือการปฏิบัติสมถะหรือวิปัสสนา

สิ่งที่ควบคุมจิตได้ คือ สติ มีประโยชน์ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม สติเป็นสิ่งที่เราควรเจริญอยู่เสมอ มีแต่ขาด เพราะเราทำให้บริบูรณ์ไม่ได้ ไม่มีเกินเลยไป ดังพระพุทธพจน์ว่า

สติญฺจ ขฺวาหํ ภิกฺขเว สพฺพตฺถิกํ วทามิ.

"ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวสติว่ามีประโยชน์ในที่ัทั้งปวง"

ร่างกายของเราต้องการความอบอุ่น จึงจะแข็งแรงไร้โรคภัย สติเหมือนความอบอุ่น เพราะทำให้โรคกิเลสเบาบางลงจนหายไปหมด จิตที่ไม่ประกอบด้วยสติ ก็เหมือนกับร่างกายที่ปราศจากความอบอุ่น จึงมีโรคกิเลสเกิดขึ้นอยู่เสมอ เพราะเราไม่ได้เจริญสตินั่นเอง

:b8: :b8: :b8:


เมื่อวานนี้เป็นคนไร้สติเพราะได้รับรู้เรื่องราวของสามีกับผู้หญิงอีกคน เป็นบ้าทั้งคืนไม่หลับไม่นอนควบคุมจิตไม่ได้ มาวันนี้ได้รู้โดยบังเอิญถึงเรื่องผู้หญิงที่มีเพิ่มอีกหนึ่ง แต่ความรู้สึกกลับแตกต่างจากเมื่อวานจากเศร้าเสียใจกลายเป็นหดหู่ใจและนึกสงสารถึงคนที่เกี่ยวข้องกับสามีทั้งหมด เมื่อเราเองยังไม่สามารถคุมจิตและสติให้อยู่กับตัวได้แล้วสามีจะต่างอะไรจากเรา เขาก็ขาดสติเช่นกันหน้าที่เราคงหมดแล้ว เมื่อไม่สามารถชักจูงให้เขาเห็นความถูกต้องและบาปบุญคุณโทษได้ เราคงต้องกลับมาเตือนตัวเองบ้างว่า ปล่อยเขาไปตามวิบากกรรมของเขาเถอะเราต้องดีใจซิที่เขาไปจากเรานั้นหมายถึงเราได้ชดใช้คืนให้เขาหมดแล้ว แล้วใยเจ้าจะต้องเอาตัวเองไปผูกมัดไว้กะเขาอีก (นั่นน่ะซิเนอะ รู้ทั้งรู้แต่ไม่ยอมรับความจริงซะที)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2013, 08:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


Pathita เขียน:
SOAMUSA เขียน:
:b51: สติควบคุมจิตเพื่อรักษาโรคกิเลส (จากเฟรสบุ๊ควัดท่ามะโอ)

จิตของเรามีธรรมชาติไหลลงต่ำ เหมือนน้ำที่ไหลไปสู่ที่ต่ำ จึงมักคิดแต่
เื่รื่องโลภ โกรธ หลงอยู่ตลอดเวลา หรือเปรียบได้กับม้าพยศที่วิ่งไปไม่มีจุดหมายปลายทาง จิตที่ยังไม่ได้อบรมเป็นธรรมชาิติหยาบ ไม่ควรแก่การงานคือการปฏิบัติสมถะหรือวิปัสสนา

สิ่งที่ควบคุมจิตได้ คือ สติ มีประโยชน์ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม สติเป็นสิ่งที่เราควรเจริญอยู่เสมอ มีแต่ขาด เพราะเราทำให้บริบูรณ์ไม่ได้ ไม่มีเกินเลยไป ดังพระพุทธพจน์ว่า

สติญฺจ ขฺวาหํ ภิกฺขเว สพฺพตฺถิกํ วทามิ.

"ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวสติว่ามีประโยชน์ในที่ัทั้งปวง"

ร่างกายของเราต้องการความอบอุ่น จึงจะแข็งแรงไร้โรคภัย สติเหมือนความอบอุ่น เพราะทำให้โรคกิเลสเบาบางลงจนหายไปหมด จิตที่ไม่ประกอบด้วยสติ ก็เหมือนกับร่างกายที่ปราศจากความอบอุ่น จึงมีโรคกิเลสเกิดขึ้นอยู่เสมอ เพราะเราไม่ได้เจริญสตินั่นเอง

:b8: :b8: :b8:


เมื่อวานนี้เป็นคนไร้สติเพราะได้รับรู้เรื่องราวของสามีกับผู้หญิงอีกคน เป็นบ้าทั้งคืนไม่หลับไม่นอนควบคุมจิตไม่ได้ มาวันนี้ได้รู้โดยบังเอิญถึงเรื่องผู้หญิงที่มีเพิ่มอีกหนึ่ง แต่ความรู้สึกกลับแตกต่างจากเมื่อวานจากเศร้าเสียใจกลายเป็นหดหู่ใจและนึกสงสารถึงคนที่เกี่ยวข้องกับสามีทั้งหมด เมื่อเราเองยังไม่สามารถคุมจิตและสติให้อยู่กับตัวได้แล้วสามีจะต่างอะไรจากเรา เขาก็ขาดสติเช่นกันหน้าที่เราคงหมดแล้ว เมื่อไม่สามารถชักจูงให้เขาเห็นความถูกต้องและบาปบุญคุณโทษได้ เราคงต้องกลับมาเตือนตัวเองบ้างว่า ปล่อยเขาไปตามวิบากกรรมของเขาเถอะเราต้องดีใจซิที่เขาไปจากเรานั้นหมายถึงเราได้ชดใช้คืนให้เขาหมดแล้ว แล้วใยเจ้าจะต้องเอาตัวเองไปผูกมัดไว้กะเขาอีก (นั่นน่ะซิเนอะ รู้ทั้งรู้แต่ไม่ยอมรับความจริงซะที)


:b50: :b50: :b50:

:b4: ดิฉันโพสท์ไว้ที่อีกกระทู้หนึ่งค่ะ เอามาให้อ่านค่ะ

ผู้หญิงที่จะขวางผู้ชายไม่ให้มีเมียน้อยได้นั้น หายากค่ะ ไล่คนนี้ออกไปได้ คนใหม่ก็มาอีก
เสียเวลาชีวิตจริงๆ ค่ะ คุณคอยดูไปล่ะกัน หมดคนนี้คนใหม่ก็มา คุณจะเหนื่อยจนคุณชินไปเอง
คุณจะเสียใจจนด้านชาไปเองค่ะ ช่วงนี้เพิ่งเริ่มออร์เดิร์ฟค่ะ เมนคอร์ดอาจจะยังไม่เสริฟก็ได้นะคะ

ทำใจเถอะค่ะ หากเค้ายังดูแลลูก แล้วมีเงินให้ใช้ ก็อยู่ๆ ไปค่ะ เพราะเราเองก็ไม่ได้คิดจะมีใครใหม่
แล้วจะทำไงล่ะ ก็ต้องอยู่ๆ ไปให้ลูกมีพ่อ จะได้ให้ลูกรู้สึกไม่พร่องมีทั้งพ่อทั้งแม่ ลูกจะเติบโตมีความสุข
นะคะ ดิฉันเคยไล่สามีออกจากบ้านไปครึ่งปี ลูกน้อย2 คนเหงาอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยค่ะ สงสารลูกนะคะ
ถ้าคุณทนได้ก็ทนไปนะคะเพื่อลูก แล้วอีกหน่อยสามีคุณเค้าไม่มีใคร เค้าก็เป็นของคุณคนเดียวแหล่ะค่ะ
เดี๋ยวบางทีถึงจุดๆ หนึ่ง สามีเค้าก็อาจจะยอมมอบตัวกับคุณเองนะคะ เลิกวุ่นวายไปเองก็มีค่ะ

ดิฉันเคยเห็นสามีบางคนนะคะ เหมาหมดทุกอย่างทั้งเจ้าชู้ ทั้งเที่ยวทั้งเมา
อยู่มาวันหนึ่ง เกิดไปเจอจุดพลิกผันขึ้นมาอย่างไรไม่ทราบ เปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือเลยค่ะ
แทบจะออกบวชได้เลยนะคะ กลายเป็นสามีที่สุดประเสริฐขึ้นมาค่ะ คือเพื่อนดิฉันเองแหล่ะค่ะ

ทนๆ กันไปเถอะ ไม่รู้วันหน้าใครจะเป็นอย่างไรนะคะ ดิฉันก็แค่ยกตัวอย่างให้อ่านเท่านั้นแหล่ะค่ะ :b27:

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2013, 09:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 15:04
โพสต์: 30

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


55555 ในความเป็นจริงเขาไม่เคยให้เงินใช้เลยค่ะ(เราซะอีกที่ต้องจุนเจือเขา) ตอนอยู่ด้วยกันโอเคอยู่ที่เขาดูแลลูกได้อย่างดี ขาดก็แต่เรื่องส่งเสียเราเองต้องทำหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการดูแลครอบครัวและเขา เหมือนตัวเองเป็นคนตาบอดยังไงก็รู้แค่รู้สึกว่ามีเขาอยู่ด้วยแล้วเรามีความสุขแม้จะเหนื่อยกายแค่ไหนก็ยอม ตอนนี้รู้ว่ากำลังคบกับผู้หญิงทีเดียวถึงสองคนที่ไม่เกี่ยวกับเรา คงปล่อยให้เขาไปเผชิญกรรมที่เขาก่อเองแล้วหล่ะค่ะ ไม่ไหวจะเคลียร์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2013, 06:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


Pathita เขียน:
55555 ในความเป็นจริงเขาไม่เคยให้เงินใช้เลยค่ะ(เราซะอีกที่ต้องจุนเจือเขา) ตอนอยู่ด้วยกันโอเคอยู่ที่เขาดูแลลูกได้อย่างดี ขาดก็แต่เรื่องส่งเสียเราเองต้องทำหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการดูแลครอบครัวและเขา เหมือนตัวเองเป็นคนตาบอดยังไงก็รู้แค่รู้สึกว่ามีเขาอยู่ด้วยแล้วเรามีความสุขแม้จะเหนื่อยกายแค่ไหนก็ยอม ตอนนี้รู้ว่ากำลังคบกับผู้หญิงทีเดียวถึงสองคนที่ไม่เกี่ยวกับเรา คงปล่อยให้เขาไปเผชิญกรรมที่เขาก่อเองแล้วหล่ะค่ะ ไม่ไหวจะเคลียร์


:b47: :b47: :b47:

ถ้าเงินทองไม่ส่งเสียครอบครัว ก็สุดจะบรรยายเลย ทางใครทางมัน
แล้วยิ่งไม่สนใจลูก ไม่ทำหน้าที่พ่อด้วย ไม่พาลูกไปเที่ยวหรืออยู่บ้านทำอาหารกินกัน ดูซีดีกัน
ก็ยิ่งไม่ต้องแคร์เลยค่ะ

จริงค่ะกรรมใครกรรมมัน อย่างนี้ต้องอุเบกขาอย่างเดียวแล้วค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2013, 09:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2013, 11:12
โพสต์: 421

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool
ไม่ให้เงินเราเหมือนกัน 55555555


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2013, 12:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 15:04
โพสต์: 30

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


SOAMUSA
Moderators-2

ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 432




นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.

มองกันในแง่ดี ชีวีเป็นสุข

ก่อนจะเมตตาใครได้นั้น ต้องใช้ความอดกลั้นความโกรธความขุ่นเคืองใจของเราให้ได้ก่อน
ไม่ใช่ง่ายๆ ค่ะ จะเมตตาคนที่ทำกับเรา ดังนั้นต้องมองกันในแง่ดีให้ได้ก่อน มองหาความดีของเค้า
ต้องมีนะคะสิ่งที่ดีที่เค้ามอบให้แก่เรา เช่น เค้าไม่เคยตบตีเรา เค้าส่งเสียเงินให้ใช้ไม่ได้ขาดแม้จะให้ขาด
ไปบ้างหรือให้ไม่เต็มที่เหมือนแต่ก่อน แต่ก็ไม่เคยทิ้งเรากับลูกให้อดอยาก มองว่าเค้าก็ยังมาหาลูกบ้าง
ยังให้ความรักความสนใจลูก มองว่าเค้ายังเป็นบุคคลสำคัญสำหรับลูกทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่น สำหรับคนที่
พยายามมองหาความดีของสามีแล้วไม่เจอ ก็ต้องขอบคุณเค้าที่จากไม่เป็นภาระแก่เราค่ะ พยายามมอง
เค้าให้เจอแง่ดีก่อน อย่างน้อยวันเวลาที่ผ่านมาเค้าก็เคยดีกับเรา เคยไปเที่ยวกันแล้วมีความสุข มองหาความดีเค้าได้ แล้วใจเราจะอ่อนโยนขึ้น

การมองคนในแง่ดี ให้ความรู้สึกที่ดีต่อผู้อื่นบ่อยๆ จิตจะนุ่มนวล เห็นอะไรก็โกรธยากขึ้น เมื่อใจคุณอ่อนโยนขึ้นคุณจะเกิดเมตตา จิตใจคุณจะสบายขึ้นค่ะ

หากคุณมองใครก็ว้าาา แย่ คนโน้นก็แย่คนนี้ก็แย่ คบไม่ไ้ด้สักคน คุณก็ต้องอยู่คนเดียวค่ะ แต่ว่านะตัวคุณเองก็แย่เหมือนกัน ก็มีทั้งดีและไม่ดีปนกันอยู่ไม่ขาด เดี๋ยวเป็นนางเอกเดี๋ยวเป็นนางร้ายแล้วแต่เหตุการณ์ค่ะ เป็นกันอย่างนี้ทุกคน จึงต้องฝึกจิตได้หัดมองคนในแง่ดีไว้ค่ะ

หากเรามองไปก็เห็นแต่ความไม่ดีของเค้า ขณะนั้นใจเราเป็นโทสะแล้วค่ะ เราเอาตัวเราเองเป็นบรรทัดฐาน
เค้าก็เป็นของเค้า เราก็เป็นของเรา ไม่เหมือนกัน เราไม่ควรไปคาดหวังอะไรจากเค้า เราคิดแต่จะได้จากเค้า
ถ้าเค้าไม่ให้อย่างที่เราต้องการ เราก็เสียใจ แต่อย่าลืมว่าเค้าก็เป็นของเค้าอย่างที่เค้าเป็น ถ้าเค้าไม่ให้เราก็
ไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง ไปบังคับเว้าวอนขู่เข็ญให้ตาย มีแต่เค้าจะยิ่งทำตรงกันข้าม มันก็แปลกอย่างหนึ่งคือ
ถ้าผู้ชายหลงอีกฝ่ายหนึ่ง(คนใหม่)จะมองอีกฝ่ายหนึ่งมีแต่ข้อเสีย จะโกรธคนเก่า มันเหมือนคนละขั้วกันเลย
ก็ว่าได้ อีกฝ่ายขั้วบวก อีกฝ่ายขั้วลบ


หากคุณมีความดี รักษาความดีไว้ทำความดีเข้าไว้
อย่าไปคิดอะไรมากค่ะ กุศลเท่านั้นที่เป็นที่พึ่ง ธรรมะเท่านั้นที่หล่อเลี้ยงจิตใจ
ไม่มีอะไรดีไปกว่าธรรมะของพระพุทธองค์อีกแล้วค่ะ



.....................................................
ศีล สมาธิ ปัญญา(และในการตามดูรูปนาม ขณิกสมาธิต้องมีกำลังเท่าอุปจารสมาธิในสมถะ)


เราก็มองแต่สิ่งดีๆที่สามีเคยทำให้นะแม้มันจะมีเพียงน้อยนิดซึ่งในความเป็นจริงเทียบอะไรไม่ได้เลยกับสิ่งไม่ดีที่เขาทำ ก็เลยทำให้เราทนรอเขาจนเข้าเดือนที่เก้าแล้วที่เขาไปมีคนใหม่ อย่างที่บอกเขาไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดู ไม่กลับมาดูแลลูก เราป่วยเข้าโรงบาลเขาก็ไม่สนใจ แต่ก็เพราะเรามองแต่ช่วงเวลาดีๆที่เคยอยู่ด้วยกันความสุขที่เคยมี ก็เลยทำให้เราทน ซึ่งตรงกันข้ามกะเขาทุกครั้งที่คุยกันเขาเอาแต่พูดว่าเราไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ เลยถามเขาว่าเราไม่มีความดีหรือสิ่งดีๆให้จดจำเลยเหรอ เขาก็บอกว่ามีแต่เขาจำได้แต่ด้านไม่ดีของเรา
แต่ตอนนี้เขาบอกว่าเขาเลือกแล้วขอให้ต่างคนต่างใช้ชีวิต ต่างคนต่างอยู่ (เขาเลือกไปอยู่กะหญิงใหม่คนใหม่) ฟังแล้วเศร้าแต่ก็น้อยกว่าเมื่อก่อนอาจจะเพราะช่วงเวลาที่เนิ่นนาน บอกลูกว่าพ่อไม่กลับมาอยู่กับเราแล้วนะ ลูกถามว่าทำไม เราก็ร้องไห้แล้วก็บอกว่าก็พ่อเขาไม่อยากจะให้แม่ทำยังไง ลูกเห็นแม่ร้องไห้ก็ร้องตาม แล้วเขาก็ถามว่าพ่อไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นเหรอแม่(เด็กผู้หญิงอายุ7ขวบถาม). ปล่อยพ่อเขาไปเถอะแม่เราอยู่กันสองคนก็ได้ เดี๋ยวให้แม่หาพ่อใหม่ให้หนู คราวนี้หนูขอเป็นฝรั่งนะแม่ (แม่ลูกหัวเราะทั้งน้ำตา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2013, 13:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


Pathita เขียน:
SOAMUSA
Moderators-2

ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 432




นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.

มองกันในแง่ดี ชีวีเป็นสุข

ก่อนจะเมตตาใครได้นั้น ต้องใช้ความอดกลั้นความโกรธความขุ่นเคืองใจของเราให้ได้ก่อน
ไม่ใช่ง่ายๆ ค่ะ จะเมตตาคนที่ทำกับเรา ดังนั้นต้องมองกันในแง่ดีให้ได้ก่อน มองหาความดีของเค้า
ต้องมีนะคะสิ่งที่ดีที่เค้ามอบให้แก่เรา เช่น เค้าไม่เคยตบตีเรา เค้าส่งเสียเงินให้ใช้ไม่ได้ขาดแม้จะให้ขาด
ไปบ้างหรือให้ไม่เต็มที่เหมือนแต่ก่อน แต่ก็ไม่เคยทิ้งเรากับลูกให้อดอยาก มองว่าเค้าก็ยังมาหาลูกบ้าง
ยังให้ความรักความสนใจลูก มองว่าเค้ายังเป็นบุคคลสำคัญสำหรับลูกทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่น สำหรับคนที่
พยายามมองหาความดีของสามีแล้วไม่เจอ ก็ต้องขอบคุณเค้าที่จากไม่เป็นภาระแก่เราค่ะ พยายามมอง
เค้าให้เจอแง่ดีก่อน อย่างน้อยวันเวลาที่ผ่านมาเค้าก็เคยดีกับเรา เคยไปเที่ยวกันแล้วมีความสุข มองหาความดีเค้าได้ แล้วใจเราจะอ่อนโยนขึ้น

การมองคนในแง่ดี ให้ความรู้สึกที่ดีต่อผู้อื่นบ่อยๆ จิตจะนุ่มนวล เห็นอะไรก็โกรธยากขึ้น เมื่อใจคุณอ่อนโยนขึ้นคุณจะเกิดเมตตา จิตใจคุณจะสบายขึ้นค่ะ

หากคุณมองใครก็ว้าาา แย่ คนโน้นก็แย่คนนี้ก็แย่ คบไม่ไ้ด้สักคน คุณก็ต้องอยู่คนเดียวค่ะ แต่ว่านะตัวคุณเองก็แย่เหมือนกัน ก็มีทั้งดีและไม่ดีปนกันอยู่ไม่ขาด เดี๋ยวเป็นนางเอกเดี๋ยวเป็นนางร้ายแล้วแต่เหตุการณ์ค่ะ เป็นกันอย่างนี้ทุกคน จึงต้องฝึกจิตได้หัดมองคนในแง่ดีไว้ค่ะ

หากเรามองไปก็เห็นแต่ความไม่ดีของเค้า ขณะนั้นใจเราเป็นโทสะแล้วค่ะ เราเอาตัวเราเองเป็นบรรทัดฐาน
เค้าก็เป็นของเค้า เราก็เป็นของเรา ไม่เหมือนกัน เราไม่ควรไปคาดหวังอะไรจากเค้า เราคิดแต่จะได้จากเค้า
ถ้าเค้าไม่ให้อย่างที่เราต้องการ เราก็เสียใจ แต่อย่าลืมว่าเค้าก็เป็นของเค้าอย่างที่เค้าเป็น ถ้าเค้าไม่ให้เราก็
ไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง ไปบังคับเว้าวอนขู่เข็ญให้ตาย มีแต่เค้าจะยิ่งทำตรงกันข้าม มันก็แปลกอย่างหนึ่งคือ
ถ้าผู้ชายหลงอีกฝ่ายหนึ่ง(คนใหม่)จะมองอีกฝ่ายหนึ่งมีแต่ข้อเสีย จะโกรธคนเก่า มันเหมือนคนละขั้วกันเลย
ก็ว่าได้ อีกฝ่ายขั้วบวก อีกฝ่ายขั้วลบ


หากคุณมีความดี รักษาความดีไว้ทำความดีเข้าไว้
อย่าไปคิดอะไรมากค่ะ กุศลเท่านั้นที่เป็นที่พึ่ง ธรรมะเท่านั้นที่หล่อเลี้ยงจิตใจ
ไม่มีอะไรดีไปกว่าธรรมะของพระพุทธองค์อีกแล้วค่ะ



.....................................................
ศีล สมาธิ ปัญญา(และในการตามดูรูปนาม ขณิกสมาธิต้องมีกำลังเท่าอุปจารสมาธิในสมถะ)


เราก็มองแต่สิ่งดีๆที่สามีเคยทำให้นะแม้มันจะมีเพียงน้อยนิดซึ่งในความเป็นจริงเทียบอะไรไม่ได้เลยกับสิ่งไม่ดีที่เขาทำ ก็เลยทำให้เราทนรอเขาจนเข้าเดือนที่เก้าแล้วที่เขาไปมีคนใหม่ อย่างที่บอกเขาไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดู ไม่กลับมาดูแลลูก เราป่วยเข้าโรงบาลเขาก็ไม่สนใจ แต่ก็เพราะเรามองแต่ช่วงเวลาดีๆที่เคยอยู่ด้วยกันความสุขที่เคยมี ก็เลยทำให้เราทน ซึ่งตรงกันข้ามกะเขาทุกครั้งที่คุยกันเขาเอาแต่พูดว่าเราไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ เลยถามเขาว่าเราไม่มีความดีหรือสิ่งดีๆให้จดจำเลยเหรอ เขาก็บอกว่ามีแต่เขาจำได้แต่ด้านไม่ดีของเรา
แต่ตอนนี้เขาบอกว่าเขาเลือกแล้วขอให้ต่างคนต่างใช้ชีวิต ต่างคนต่างอยู่ (เขาเลือกไปอยู่กะหญิงใหม่คนใหม่) ฟังแล้วเศร้าแต่ก็น้อยกว่าเมื่อก่อนอาจจะเพราะช่วงเวลาที่เนิ่นนาน บอกลูกว่าพ่อไม่กลับมาอยู่กับเราแล้วนะ ลูกถามว่าทำไม เราก็ร้องไห้แล้วก็บอกว่าก็พ่อเขาไม่อยากจะให้แม่ทำยังไง ลูกเห็นแม่ร้องไห้ก็ร้องตาม แล้วเขาก็ถามว่าพ่อไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้นเหรอแม่(เด็กผู้หญิงอายุ7ขวบถาม). ปล่อยพ่อเขาไปเถอะแม่เราอยู่กันสองคนก็ได้ เดี๋ยวให้แม่หาพ่อใหม่ให้หนู คราวนี้หนูขอเป็นฝรั่งนะแม่ (แม่ลูกหัวเราะทั้งน้ำตา)


ก็บอกเค้าไปว่า ดีใจด้วยขอให้มีความสุข
เหมือนเด็กเห่อของเล่น ก็ให้เค้ามีความสุขไปก็แล้วกัน

ตอนนี้ เอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่ หลงซะขนาดนั้น
ไม่มีเค้า เราก็อยู่ได้ ให้มันรู้ไปค่ะ

โชคดีนะคะมีลูกสาวเป็นเพื่อนกับแม่ :b27: เป็นกำลังใจให้ผ่านพ้นไปได้เร็วๆ นะคะ
มีจิตใจที่เข้มแข็งเพราะสงสารลูกนะคะ ดูสิปลอบแม่ได้น่ารักมากค่ะ ขำได้ทั้งน้ำตา :b51:

เราอาจจะไม่มีบุญเรื่องสามี แต่เรามีบุญที่มีลูกน่ารักนะคะ สู้ๆ ค่ะ :b4:

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2013, 14:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 15:04
โพสต์: 30

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะคุณ SOAMUSA. ที่มาให้กำลังใจ มีเรื่องน่าแปลกค่ะ ผญ คนใหม่โทรมาปรึกษาเรื่องสามี(ที่มีหญิงอื่นอีกนอกจากเขา) เราเลยได้แต่บอกเขาว่าถ้ารักกันจะคบกันก็ให้อดทนคุยกับเขาซิถึงปัญหาที่เจอว่าเขาจะแก้ไขยังไง เพราะตอนนี้พี่กับเขาเราจบกันแล้วที่เหลือคือน้องกะเขาและกับผู้หญิงอีกสองคน
เท่าที่คุยกับน้องเค้าดูเหมือนว่าน้องเค้าจะรับไม่ได้ที่ผู้ชายไม่รู้จักพอ ถ้าคบกันต่อชีวิตเค้าจะเป็นยังไง แต่แหมยังอุตสาห์เป็นห่วงความรู้สึกเราว่า พี่ยังเสียใจอยู่มั๊ยที่เขาไม่กลับไปหาพี่(ไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของน้องคนนี้ เอาเป็นว่ามองด้านดีก่อนว่าห่วง) ก็บอกเสียใจซิแต่น้อยลงแล้ว เพราะถ้ายังอยู่ด้วยกันถึงเขาเลิกน้องก็ยังมีอีกคน แล้วก็คงมีอีกเรื่อย เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาเขามีเรื่องนี้มาตลอด
เฮ้อ...ปล่อยเขาไปตามทางของเขา เดี๋ยวกรรมก็ทำงานเองเมื่อถึงเวลา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2013, 14:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


Pathita เขียน:
ขอบคุณค่ะคุณ SOAMUSA. ที่มาให้กำลังใจ มีเรื่องน่าแปลกค่ะ ผญ คนใหม่โทรมาปรึกษาเรื่องสามี(ที่มีหญิงอื่นอีกนอกจากเขา) เราเลยได้แต่บอกเขาว่าถ้ารักกันจะคบกันก็ให้อดทนคุยกับเขาซิถึงปัญหาที่เจอว่าเขาจะแก้ไขยังไง เพราะตอนนี้พี่กับเขาเราจบกันแล้วที่เหลือคือน้องกะเขาและกับผู้หญิงอีกสองคน
เท่าที่คุยกับน้องเค้าดูเหมือนว่าน้องเค้าจะรับไม่ได้ที่ผู้ชายไม่รู้จักพอ ถ้าคบกันต่อชีวิตเค้าจะเป็นยังไง แต่แหมยังอุตสาห์เป็นห่วงความรู้สึกเราว่า พี่ยังเสียใจอยู่มั๊ยที่เขาไม่กลับไปหาพี่(ไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของน้องคนนี้ เอาเป็นว่ามองด้านดีก่อนว่าห่วง) ก็บอกเสียใจซิแต่น้อยลงแล้ว เพราะถ้ายังอยู่ด้วยกันถึงเขาเลิกน้องก็ยังมีอีกคน แล้วก็คงมีอีกเรื่อย เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาเขามีเรื่องนี้มาตลอด
เฮ้อ...ปล่อยเขาไปตามทางของเขา เดี๋ยวกรรมก็ทำงานเองเมื่อถึงเวลา


นี่กฏแห่งกรรมก็เริ่มทำงานแล้วมั้งคะ ดูหน่วยที่สองจะร้อนรนแล้ว

ดิฉันว่าคุณสามีจะสุขจริงหรือ ดูมันวุ่นวายขนาดนั้น
ไม่แน่นะ ระวังเถอะ สักวันหนึ่งจะวิ่งกลับมาหาคุณ เพราะเบื่อความวุ่นวาย

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2013, 19:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2013, 13:25
โพสต์: 41

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามคุณเจ้าของกระทู้นะคะ ว่าเลี้ยงลูกคนเดียวไหวมั้ย ถ้าไหว อย่าไปมีเลยค่ะสามี อยู่คนเดียวสบายใจกว่า นิสัยผู้ชายก็เจ้าชู้ทุกคนแหล่ะค่ะ จะมากจะน้อยก็แล้วแต่สันดานน่ะค่ะ คิดจะมีสามีต้องทำใจค่ะเรื่องนี้ ที่คุณเล่ามานั่นแหล่ค่ะนิสัยผู้ชาย ตอนแรกก็ดีกับเรา เห็นเราเป็นนางฟ้า เอาอกเอาใจ แต่พอได้เราแล้วทีนี้แหล่ะค่ะกลับกัน เราต้องคอยดูแลเอาใจทุกอย่าง ผู้ชายมันขี้เบื่อค่ะ พูดกันตรงๆไม่อ้อมค้อมนะคะ ในสายตาผู้ชายทั้งโลกแล้ว ผู้หญิงก็เป็นแค่เครื่องผ่อนคลายทางเพศค่ะ ใช้นานๆก็เบื่อ หาใหม่เรื่อย จะมีก็น้อยมากนะคะที่รักเดียวใจเดียว อาจเป็น 1 ใน 1000 เลยก็ว่าได้ที่จะได้เจอผู้ชายแบบนั้นสักคน ต่างกับผู้หญิงเราที่ต้องการความรักความเอาใจใส่ เรื่องนี้ผู้ชายไม่ค่อยเข้าใจค่ะ เพราะหยักสมองของผู้ชายมีแต่เรื่องอย่างว่า เขาจะเอาใจเราเป็นพิเศษก็เมื่อตอนเขาต้องการอย่างว่า สังเกตบ้างมั้ยคะ เพราะฉนั้นอยู่คนเดียวได้ก็อยู่ค่ะ อย่าได้แคร์เลยผู้ชาย มันไม่รักเราก็หาเอาใหม่ เดี๋ยวก็เจอคนที่ใช่เอง พลอยเป็นสาวมั่นค่ะ คิดแบบสาวมั่น ทนแล้วไม่มีความสุข ทนทำไมให้ช้ำใจ อยู่คนเดียวดีกว่า จริงมั้ยคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2013, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2013, 13:25
โพสต์: 41

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Pathita เขียน:
ขอบคุณค่ะคุณ SOAMUSA. ที่มาให้กำลังใจ มีเรื่องน่าแปลกค่ะ ผญ คนใหม่โทรมาปรึกษาเรื่องสามี(ที่มีหญิงอื่นอีกนอกจากเขา) เราเลยได้แต่บอกเขาว่าถ้ารักกันจะคบกันก็ให้อดทนคุยกับเขาซิถึงปัญหาที่เจอว่าเขาจะแก้ไขยังไง เพราะตอนนี้พี่กับเขาเราจบกันแล้วที่เหลือคือน้องกะเขาและกับผู้หญิงอีกสองคน
เท่าที่คุยกับน้องเค้าดูเหมือนว่าน้องเค้าจะรับไม่ได้ที่ผู้ชายไม่รู้จักพอ ถ้าคบกันต่อชีวิตเค้าจะเป็นยังไง แต่แหมยังอุตสาห์เป็นห่วงความรู้สึกเราว่า พี่ยังเสียใจอยู่มั๊ยที่เขาไม่กลับไปหาพี่(ไม่รู้เจตนาที่แท้จริงของน้องคนนี้ เอาเป็นว่ามองด้านดีก่อนว่าห่วง) ก็บอกเสียใจซิแต่น้อยลงแล้ว เพราะถ้ายังอยู่ด้วยกันถึงเขาเลิกน้องก็ยังมีอีกคน แล้วก็คงมีอีกเรื่อย เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาเขามีเรื่องนี้มาตลอด
เฮ้อ...ปล่อยเขาไปตามทางของเขา เดี๋ยวกรรมก็ทำงานเองเมื่อถึงเวลา

น้องพูดแบบนี้ แสดงว่าต้องการรู้ค่ะว่าคุณไหวมั้ย ทำใจได้มั้ย ประมาณว่าถ้าคุณทำได้น้องก็จะพยายาม คือน้องต้องการคำแนะนำและกำลังใจ จึงพยายามหาไอดอล คุณก็บอกน้องไปว่า ช่วงแรกๆก็เจ็บบ้างแต่นานๆไปก็ลืมไปเองแหล่ะ เราไม่ใช่คนแรกที่เจอแบบนี้ หนักกว่าเราก็มี อย่าไปคิดถึงเขา นานๆก็ลืมไปเอง เขาไม่รักเราก็ย่าไปเสียเวลาอาลัยอาวรณ์ เอาเวลาไปหางานทำดีกว่า ได้เงินใช้ด้วย ประมาณนี้แหล่ะค่ะ เจตนาของน้องเขาก็คือต้องการให้คุณเข้มแข็ง เพราะน้องต้องการที่พึ่ง ต้องการไอดอล ถ้าคุณอ่อนแอน้องเขาก็หมดกำลังใจด้วย เพราะเหมือนกับว่าคุณเป็นที่พึ่งให้ไม่ได้ ทำให้เขาเค้วงค้างไปกันใหญ่ ยังไงก็ช่วยตัวเองให้ได้นะคะ ต้องเข้มแข็งค่ะ จะได้ช่วยน้องเขาได้ด้วย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 79 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร