วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 07:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2013, 08:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มิ.ย. 2007, 01:45
โพสต์: 17

ที่อยู่: bkk

 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้ ต้องขอโทษทุกท่านด้วยหากข้อความที่ได้อ่าน อาจทำให้บางท่านรู้สึกเกิดอคติ แต่มีเป็นความรู้สึกที่แท้จริง หลายครั้งที่พยายามกำจัดออกแต่สิ่งที่ได้กลับมามันไม่ใช่เพียงกำจัดออกหากแต่เพียงวางปัญหาไว้ให้สะสมมานาน จนแก้ไม่ออก ความรักของดิฉัน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรักฉันท์หนุ่มสาวโดยตรง แต่เป็นความรัก ของดิฉันที่เป็นลูกที่กำลังก้่วสู่วิบากกรรมครั้งใหญ่ กับแม่ที่ก้าวไม่พ้นวัฎจักรสงสาร ขอบอกทุกท่านที่เข้ามาอ่านก่อนว่า ทุกคนเกิดมาต่างกัน มีเหตุผล ดิฉันพยายามเป็นอย่างยิ่งแล้วที่จะหลีกเลี่ยงคำว่าอกตัญญู หากแต่ยังไม่หลุดพ้น และน้อมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ของทุกท่านเพราะดิฉันต้องการหาทางแก้ ไม่อยากเพียงแค่วางปัญญาให้สะสมไปอีก
ปัญหาของดิฉัน บางท่านอาจเคยได้อ่านมาบ้างในห้องสนทนาลานธรรม นานๆครั้งเมื่อดิฉันทุกข์วางไม่ได้ก็จะมาพูดคุยสักครั้งหนึ่ง ดิฉันกับแม่ ตั้งแต่เด็ก แม่ไม่ค่อยได้เลี้ยงดู ดิฉันมากมายนัก แต่ท่านก็อุปการะส่งเสียค่าใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอ ดิฉันถูกเลี้ยงโดยเครือญาติ ด้วยเหตุปัจจัยของหน้าที่การงานของมารดา พ่อที่ให้กำเหนิดได้หย่าขาดจากแม่ตั้งแต่ ดิฉันยังแบเบาะ ดิฉันจึงมีพ่อเลี้ยงมาตั้งแต่บัดนั้น และเติบโตโดยการอยู่ในอุปการะของเครือญาติเเละพ่อเลี้ยงแบบปีนี้ อยู่กับคนนี้ ปีนั้นอยู่กับคนโน่น จะกระทั่งดิฉันเรียนมัธยมต้น แม่ดิฉันประสบอุบัติเหตุ รถชนขาหัก ตอนนั้นดิฉันเรียกว่ายังไม่รู้เรื่องอะไรนักรู้แค่แม่ทำงานคนละอำเภอ ไกลมากเดินทางไปหาลำบาก ตากับยายที่เลี้ยงดิฉัน ณ เวลานั้นเห็นว่าสถานที่บ้านตายายไม่สะดวกในการเรียน ให้ดิฉันไปอยู่กับพ่อเลี้ยง แต่รักมากเหมือนพ่อแท้ๆ แม่ดิฉันไม่ยอมกลับมาอยู่กับพ่อเลี้ยง อ้างว่าต้องทำงานไกลคนละอำเภอ ขออยู่บ้านพักราชการ ตอนนั้นดิฉันไม่รู้ปัญหาของผู้ใหญ่ ดิฉันไม่ทราบอะไรมากไปกว่านี้ ไม่ได้เจอแม่ มากนัก นานๆเจอที มีหน้าที่เรียนหนังสือแค่นั้น จนกระทั้งดิฉันเรียนม.ปลาย เริ่มเดินทางเองเป็นไปหาแม่ที่ต่างอำเภอได้เริ่มรับรู้ว่าแม่มีแฟนใหม่ แต่พ่อเลี้ยงก็ยังไม่หย่ากัน เช่นกันพ่อเลี้ยงก็เริ่มมีแฟนใหม่เหมือนกัน จนกลายเป็นว่าดิฉันอยู่กับพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงไป จนเรียนมหาลัยที่กทม พ่อเลี้ยงกับแม่ก็หย่ากัน และแม่สั่งให้ดิฉันอย่ายุ่ง อย่าติดต่อกับพ่อเลี้ยงอีกเพราะกลัวไปทำให้ครอบครัวใหม่ของพ่อเลี้ยงมีปัญหา ดิฉันเลยไม่กล้าไปหาพ่อคนนี้อีกทั้งๆที่รักมากคิดถึงมาก พอมาเรียนกทม ดิฉันได้ถูกส่งไปอยู่กับพ่อที่แท้จริง ท่านก็เลี้ยงดูอุปถัมถ์ดีไม่มีปัญหาอะไร ดิฉันไปหาแม่บ่อยขึ้น เพราะเริ่มโตแล้วไปไหนมาไหนเองเป็นแล้ว จนกระทั้งเรียนมหาลัยปี3 แม่เกิดมรสุมครั้งใหญ่ไฟไหม้บ้าน ไม่มีเงินทอง ไปเช่าบ้านอยู่ ดิฉันพยายามเก็บออมเงินที่พ่อจริงให้ค่าไปเรียนได้เดือนละเฉลี่ย3000บาทให้แม่ ทุกครั้งที่ไปหาจะให้มากบ้างน้อยบ้างถ้าแม่มีแม่ก็แบ่งกันให้มาจนกระทั้ง แม่ทำงานเป็นนายหน้าขายที่ดินของพี่สาว ที่ถูกแยกกันกับดิฉัน ตั้งแต่เกิด พี่สาวได้มรดกปู่ย่าไป ดิฉันไม่เคยเจอปู่ย่าเลยไมได้กับเขา ตอนขายที่ดินแม่บอกพี่สาวว่าขอแบ่งส่วนเงินให้ดิฉัน และนำเงินมาปลูกบ้านอยู่ ทำร้านอาหารให้ดิฉันมาช่วย เรียนไปทำงานไป เรียน ราม ไม่ต้องไปทุกวันก็ได้ จากที่เราไม่ค่อยได้อยู่ด้วนกันกับแม่กลายเป็นเจอกันตลอด24ชม แม่เริ่มมีอาการแปลกๆหึงหวงดิฉันกับพ่อเลี้ยงคนใหม่ ดิฉันบอกตามตรงไม่เคยแม้แต่คิด อะไรเกินเลยกับพ่อเลี้ยงคนนี้ ดิฉันพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยสองคน ให้มากที่สุดและดิฉันเองก็ยืนยันว่าพ่อเลี้ยงก็ไม่มีอะไรกับดิฉันไปมากกว่า ลูกเพราะพ่อเลี้ยงใหม่คนนี้ไม่มีลูกจึงรักฉันเหมือนลูก ดิฉันเจออาการของแม่เริ่มมากขึ้น เกลี้ยวกลาดใส่ดิฉันจนทนไม่ไหว เลิกทำร้านอาหาร กลับมาเรียนอย่างเดียว ดิฉันไม่เที่ยวไม่ดื่มนะคะ ชอบปฎิบัติธรรมด้วยซ้ำ 555 เป็นอย่างงี้เรือยๆมา จนเรียนใกล้จบ ดิฉันทะเลาะกับแม่หนักมาก แม่พาผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาอยู่ นอน ในบ้านอ้างว่าอยากได้เขามาเป็นลูกเขย ดิฉันบอกไม่เอา ไม่ชอบ และไม่อยากให้มาอยู่ในบ้าน แต่แม่ชอบอ้่างว่า เขาเป็นลูกน้องป๋า ต้องมาอยู่ดูแลรับใช้ ดิฉันก็เลยอ้่งไปอยู่กทม นานๆมาที สุดท้ายแม่บังคับดิฉันให้แต่งงานกับคนนี้ เพราะชาวบ้านนินทาว่า ดิฉันได้กับคนนี้ ทั้งๆที่ดิฉันเจอเขาแทบนับครั้งได้ไม่เคยไปไหนกับเขาเลย และวันนึงเขาพาพ่อเขามาเที่ยวบ้าน ได้ยินเขาพูดกับพ่อว่า แม่ดิฉันอยากได้เขาเป็นลูกเขย ถึงขนาดใส่พานถวายให้เลย ดิฉันโมโหมาก เล่าให้แม่ฟัง แม่กลับด่าดิฉันอีกว่า อย่างมึงวาสนาได้มันก็บุญแล้ว ดิฉันน้อยใจมาก ไม่เข้าว่าทำไมแม่จึงพูดแบบนี้ ทั้งที่ความจริงเราเองฐานะดีกว่าเขาเป็นร้อยเท่า ดิฉันก็ไม่เคยทำตัวเสื่อมเสีย ดิฉันเลยหนีออกจากบ้าน ด้วยอารมณ์โกรธขับรถออกมา ทั้งที่แม่พูดว่ารถคันนี้แม่ให้ดิฉันตีราคาได้5แสน แต่แม่โทรไปด่าว่าดิฉัน กับญาติพี่น้องทุกคน รวมทั้งพ่อแม่แฟนดิฉันที่อยู่เมืองนอก ว่าดิฉันขโมยเงินทองรถของท่านมารวม10ล้าน แม่แฟนพอทราบเรื่องท่านก็มาเมืองไทยทันที โทรมาหาให้ดิฉันไปพบท่าน ดิฉันเป็นแบบแฟนจริงๆนะคะไม่เคยมีอะไรเกินเลยถึงขั้นสามีภรรยา แม่แฟนถามถึงจำนวนเงินและเหตุผลที่ดิฉันขโมยมา ดิฉันพูดไม่ออกค่ะ ไม่รู้จะตอบว่าอะไร ในใจคิดแค่ว่า หากพูดความจริงแม่เราเองเป็นคนโกหกแม่เราก็เสีย หากยอมรับตามคำแม่ เราก็เสีย ดิฉันเลยไม่ตอบอะไรและขออนุญาติพูดคุยกับแฟน บอกเลิกกัน เพราะดิฉันไม่สามารถมองหน้าพ่อแม่เขาได้ ไม่สามารถมองอนาคตเราสองคนได้อีก หากวันนึงความจริงทุกอย่างได้รับรู้ แม่ดิฉันย่อมกลายเป็นคนโกหก ดิฉันเลยบอกเลิกและทำใจลืมทุกเรื่องในอดีตทั้งหมด เหมือนคนบ้าค่ะ ในช่วงเวลาที่เริ่มต้น ที่แม่เริ่มเอาผู้ชายคนนนึงเข้ามาบอกว่าที่ลูกเขยนั้นจนวันที่เลิกกับแฟน ดิฉันเครียดมาก หลายครั้งต้องทานยานอนหลับให้ หลับไม่ให้คิดอะไรอีก เหมือนคนติดยาเลย จนกระทั้งดิฉันเจอแฟนคนปัจุบัน เขาเข้ามาช่วยเหลือดิฉันทุกอย่างทั้ง รักษาสภาพจิตใจ ดูแลการงาน การเงิน ทุกด้าน หลังจากที่ดิฉันกลับมาเป็นปกติได้ เกือบ5ปี ดิฉันคิดถึงแม่ไปหาท่าน ท่านดูดีใจที่ดิฉันมาหา ดิฉันเริ่มไปมาหาสู่แม่มากขึ้นแต่ไม่ได้บอกว่าดิฉันมีแฟนจริงๆแล้วเป็นสามี แม่ดิฉันก็ยังจะให้ดิฉันแต่งงานกับคนที่ท่านเลือกไว้อีก ที่อยู่บ้านดิฉันนั่นแหละค่ะมันก็อยู่บ้านดิฉันเป็นลูกชายเลยตลอด5ปีที่ฉันไม่กลับบ้าน จนมันพยายามอีกเป็นปีดิฉันก็ไม่แต่งสุดท้ายมันก็ออกไปแต่งงานกับแฟนมัน 55 แม่เริ่มเหวี่ยงโวยมากขึ้นอ้างว่าเป็นเพราะฉันไม่เชื่อฟังท่าน ไม่เคยกตัญญูดูแลท่าน และยังมาให้ลูกชายท่านออกไปแต่งงานอีก ทีนี้พ่อเลี้ยงเริ่มทะเลาะกับแม่ ไม่เห็นด้วยกับแม่ แม่ก็บอกแม่อยู่ได้มานาน พอฉันมาบ้านทำให้แม่กะพ่อเลี้ยวทะเลาะกัน เอ่อ ดิฉันเสียใจมากและทำเหมือนเคยอีก ไปมาหาสู่แม่น้อยลง นานๆไปที ไปทุกคั้งให้เงินทุกครั้ง หากไม่ได้ให้เงิน ก็หาคนมาเช่าร้านให้แม่มีรายได้มากขึ้น จนปีนี้ที่ดิฉันเริ่มเครียดอีกครั้ง แม่ขอเงินมากขึ้น เวลาหกเดือนที่ผ่านมาให้เงินทั้งหมดรวม30000 ทอง1บาท รถยนต์1คันให้แม่ไว้ใช้ เหตุผลหลายประการรวมทั้งตัดความรำคาญด้วย แม้ดูไม่มากแต่ดิฉันจะไม่สนใจเลยหากไม่มีเรื่อง ต่อไปนี้เข้ามา เหตุผลเดิมครั้งใหม่ แม่ติดต่อผู้ชายคนใหม่พามาให้เจอดิฉันครั้งนี้ ไม่ได้พามาอยู่บ้านเพราะ ดิฉันไม่ได้อยู่บ้านแล้ว ดิฉันอยู่กับสามี แต่แม่ไม่ทราบชัดเจนนักเพราะดิฉันก็ไม่บอกแม่แต่ทุกคนทราบหมดญาติพี่น้องทุกคนทราบ ทุกคนพยายามบอกแม่แล้วแต่แม่ไม่สนใจฟังเลย เหตุผลสำคัญดิฉันรู้ว่าหมอนี่เป็นเกย์ บอกแม่แม่ตกใจมากไม่เชื่อ ไปถามผู้ชายคนนนี้ เขาก็ยอมรับว่าใช่ แม่บอกดิฉันว่า เขาเป็นพี่ชายแม่ในอดีตชาติ อยากช่วยเขาให้เขามีแฟนเป็นหญิงจะได้หาย 5555 ดิฉันปฏิเสธและไม่สนใจ จนไม่นานมานี่แม่เล่นเฟสบุ๊ก โพสถ์สถานะข้อความดูแปลกๆไป จนหลายคนเพื่อนฝูงของดิฉัน ญาติพี่น้องพูดกันเป็นเสียงเดียวว่า แม่ดิฉันจะเอาเกย์นี่เป็นสามีใหม่ คนไม่รู้จักมาอ่านก็บอกแม่เขาหึงหวงแฟนใหม่เหรอ ดิฉันทั้งอายทั่งโกรธ ทั้งสงสารพ่อเลี้ยง ในการกระทำทั้งนอกและในเฟสของแม่ ดิฉัยบอกเตือนสติ แม่ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา ท่านบอก เพราะท่านไม่เคยเลี้ยงดิฉันมาใช่ไหม ดิฉันถึงไม่เคยกตัญญู ไม่มาอยู่ดูแลซักผ้าให้ท่านเลย มายุ่งก่าวก่ายท่านในเรื่องส่วนตัว ยอมตัดขาดดิฉัน ลบดิฉันออกจากเฟสบุ๊ก บอกกับใครๆว่าจะทำบุญร่วมกับเขาเพื่อให้เกิดเจอกัน สมหวังกันในชาติหน้า และอีกมากมาย ครั้งนี้ ดิฉันยอมรับว่าเสียใจกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และจนปัญญาจะแก้ไข จะบอกพ่อเลี้ยงก็ไม่ได้ เพราะท่านบอกแม่เป็นเยอะขัดใจไม่ได้เดี๋ยวเครียดไม่สบายนอน รพ ต้องตามใจ ดิฉันไม่รู้จะแก้ยังไง แล้ว นอนไม่หลับเลย เรื่องนี้มันวนเวียนอยู่ในสมองตลอดเวลา สามีบอกดิฉันว่าให้ปล่อยวาง แต่ยากมากจังเลย ท่านๆคะได้โปรดช่วยให้ความคิดเห็นกับดิฉันด้วยค่ะ จะทำอย่างไรดี

.....................................................
จงตั้งใจทำทุกสิ่ง และ ทำทุกสิ่งด้วยความตั้งใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2013, 07:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องขอบอกก่อนเลยค่ะว่า แม่นั้นเป็นบุคคลที่ลูกแตะต้องไม่ได้เลยนะคะ ต้องยกไว้ จะผิดอย่างไร
ก็ต้องไม่ก้าวล่วงออกมาเป็นคำพูด หรือการกระทำใดที่กระทบกระเทือนท่าน คือพูดง่ายว่า ต้องเฉย
อย่างเดียว และต้องให้อภัยท่านทุกเรื่องให้ได้........นี่คือสิ่งที่ลูกทุกคนต้องทำ....
ถึงแม้ท่านจะไม่ได้เลี้ยงดูคุณมา แต่ท่านอุ้มท้องทะนุถนอมคุณ ให้คุณอาศัยอยู่ในท้องท่าน 9 เดือน และส่งเสียเงินทองเลี้ยงดูคุณ แค่นี้นั่นก็คนเป็นลูกก็ทดแทนไม่หมดแล้วในชาตินี้ ขอให้สำนึกในข้อนี้ไว้ และเมตตาท่าน ให้อภัยท่านทุกอย่างที่ท่านทำไม่ถูกใจเราค่ะ

พ่อ แม่ นั้นเป็นปูชนียบุคคล เป็นบุคคลต้องห้าม คือห้ามไปแตะต้อง ควรยินดีว่าเราได้เกิดมาเป็นลูกของท่านแล้ว การที่เราได้เกิดมากับท่านเพราะผลกรรมเก่าของเรา เราเลือกไม่ได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะทำในอนาคตได้ และพอใจในพ่อ และ แม่ของตน แม้จะอยู่ในภาวะเช่นใดก็ตามค่ะ


แม้แต่ตัวดิฉันเองนั้น ก็ไม่ได้ดีไปกว่าทุกคน ลูกทุกคนก็เคยทำไม่ดีกับพ่อแม่มาบ้าง
แต่เมื่อเข้าใจว่าอะไรดีหรือไม่ดี ก็ต้องพยายามยับยั้งชั่งใจ ไม่กระทำสิ่งที่ไม่ดีต่อไป เลือกที่จะทำดีให้ได้ค่ะ สิ่งที่ทำดีกับท่านมาแล้ว ก็พยายามทำให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปนะคะ

คุณโชคดีมาก ที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ได้ตอบแทนพระคุณท่าน
อย่ามัวมาคิดถึงสิ่งที่ท่านทำเลยนะคะ
ควรมุ่งทำสิ่งที่คุณควรจะกระทำดีกว่าค่ะ คือ ตอบแทนพระคุณท่าน ทำให้ท่านมีความสุข
แม่ทุกคนนั้นรักลูกค่ะ หากลูกมาหาและพูดจากันด้วยความรัก ความเมตตาต่อกัน ก็จะมีความสุข
ถึงแม้ว่าสิ่งที่เราทำออกไปท่านจะสนองตอบกลับมาไม่ดีนัก แต่เราก็ต้องทำสิ่งที่ดีต่อไปค่ะ
อย่าไปหวังว่าท่านต้องทำดีตอบเรา ทำในสิ่งที่ดีกลับ เชื่อในสิ่งที่เราพูด ทำให้สิ่งที่ควรทำ
เราต้องคิดทางเดียวค่ะ คือที่ใจของเรา ที่คำพูดของเรา ที่การกระทำของเรา จะต้องเป็นไปในทางที่ดีทั้งหมด ส่วนผลที่ตอบกลับมาจากท่านนั้นถ้าไม่ดี ก็ไม่ต้องไปเก็บมาคิดค่ะ คุณมีหน้าที่ทำอย่างเดียวค่ะ

แม่จะทำอะไรก็ปล่อยให้ท่านทำไปนะคะ อย่างที่พ่อเลี้ยงของคุณบอกมานั่นแหละค่ะ
หากแม่คุณเครียด แม่คุณจะต้องนอนโรงพยาบาล

คุณอย่าไปแตะต้องเด็ดขาด คุณอย่าเป็นสาเหตุให้แม่ของคุณต้องนอนโรงพยาบาลนะคะ

ดิฉันก็ขอให้คุณเชื่อเรื่องกรรม สิ่งที่ทำให้คุณทุกข์ใจอยู่ทุกวันนี้นั้น คุณกำลังได้รับผลจากการกระทำของคุณเองที่ผ่านมา ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติก่อน ขอให้ยอมรับว่าทุกคนมีกรรมเป็นของๆ ตนค่ะ ความทุกข์ที่อยู่ในใจเรานั้นเราต้องยอมรับมันให้ได้ สิ่งที่ต้องแก้ไขคือ ที่ใจเรา ไม่ใช่ไปแก้ไขให้แม่เป็นตามที่ใจเราหวัง
เราทำไม่ได้ค่ะ ทำที่ใจตนเองดีกว่าให้ยอมรับความจริงว่า นี้คือกรรมของเรา ที่เราต้องชดใช้ และสร้างกรรมใหม่เป็นกรรมที่ดีให้ได้

ฝึกให้ตนเองมีสติเกิดขึ้นเนืองๆ รู้ว่าขณะนั้นกำลังได้รับความทุกข์อยู่นะคะ
หากยามใดที่แม่มีใจน้อมไปทางกุศล คุณก็ควรขวนขวายช่วยเหลือให้ท่านทำกุศลให้สำเร็จ
หรือยามใดที่ท่านอารมณ์ดี ก็ชวนท่านทำกุศลนะคะ

:b27: ดิฉันเป็นกำลังใจให้คุณทำความดีต่อแม่ของคุณนะคะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 27 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร