ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
หลวงปู่จวนไม่ขอคืนสู่ชีวิตที่สละแล้ว : เผชิญภัยจากมาตุคาม http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=55937 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 16 มี.ค. 2010, 07:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | หลวงปู่จวนไม่ขอคืนสู่ชีวิตที่สละแล้ว : เผชิญภัยจากมาตุคาม |
หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ ไม่ขอคืนสู่ชีวิตที่สละแล้ว เรื่องราวที่ท่านต้องเผชิญภัยจากมาตุคาม (ผู้หญิง) ![]() หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ คือพระสุปฏิปัณโณผู้สร้างวัดเจติยาคิรีวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นศาสนสถานที่เหมาะสมยิ่งแก่การเจริญภาวนา ในปี ๒๕๑๒ ท่านริเริ่มการสร้างบันไดวน ๗ ชั้น ขึ้นไปยังยอดภูทอก ผู้ที่ได้ไปเยือนย่อมรู้สึกอัศจรรย์และซาบซึ้งในภูมิปัญญา ศรัทธา และวิริยะ ของทั้งพระสงฆ์และผู้ที่มีส่วนร่วมในการรังสรรค์สิ่งก่อสร้างดังกล่าวนี้ หลวงปู่จวนอุปสมบทเมื่ออายุครบ ๒๑ ปีบริบูรณ์ ในฝ่ายมหานิกาย ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๔๘๖ ได้บวชในฝ่ายธรรมยุต พระอุปัชฌาย์ คือ พระครูทัศนวิสุทธิ (พระมหาดุสิต เทวิโร) ซึ่งเป็นหลานของพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) หลวงปู่จวนเล่าถึงเหตุที่พระอุปัชฌาย์ตั้งฉายาให้ว่า “กุลเชฏฺโฐ” ไว้ดังนี้ “พอได้รับแต่งตั้งให้เป็นอุปัชฌาย์ได้เพียง ๕ วัน ก็มาอุปสมบทข้าพเจ้าเป็นนาคแรก นับว่าข้าพเจ้าเป็นนาคแรกที่สุดของท่าน ท่านจึงได้ตั้งฉายาให้ข้าพเจ้าว่า “กุลเชฏฺโฐ” แปลว่า พี่ชายคนใหญ่ที่สุดของหมู่ของพวกในวงศ์ตระกูลนี้” หลังจากญัตติเป็นธรรมยุตแล้ว ในพรรษาที่ ๔ หลวงปู่จวนได้มีโอกาสร่วมจำพรรษากับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ จึงได้รับโอวาทและคำชี้แนะในการปฏิบัติที่มีประโยชน์ยิ่ง เมื่อออกพรรษา ท่านได้กราบลาท่านอาจารย์เพื่อออกธุดงค์ โดยเดินทางไปจนถึงจังหวัดทางภาคเหนือ ซึ่งในพื้นที่นี้เอง ท่านต้องเผชิญภัยจากมาตุคาม (ผู้หญิง) อยู่หลายครา จนถึงครั้งที่หนักหนาสุดเพราะฝ่ายหญิงเป็นผู้มีกิริยาดี ตลอดจนผู้ปกครองของเธอก็สนับสนุน ให้ท่านลาสิกขาออกมาเพื่อช่วยกันทำมาหากิน หลวงปู่จวนซึ่งในขณะนั้นยังเป็นพระหนุ่ม ได้พยายามเจริญอสุภกรรมฐาน แต่ก็ไม่เป็นผล ในคืนที่กำลังจะตัดสินใจว่าจะลาสิกขาหรือไม่นั้น ท่านได้อธิษฐานว่า “...หากข้าพเจ้าจะได้มีวาสนาได้เห็นธรรมเจริญต่อไปในทางพระพุทธศาสนา ก็ขอให้มีเหตุใดเหตุหนึ่งมาช่วยคลี่คลายเรื่องที่กำลังประสบนี้ด้วยเถิด...” ในยามเช้าที่ออกบิณฑบาตตามปกติ ก็มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นสมดังคำอธิษฐานในคืนที่ล่วงมา “เช้าวันต่อมาเมื่ออกบิณฑบาต หญิงสาวผู้นั้นก็มายืนรอใส่บาตรตามเคย ข้าพเจ้าพยายามไม่มองหน้าหญิงนั้นเลย พอเปิดฝาบาตรจะรับบาตร ก็ให้บังเอิญว่าผ้าประจำเดือนของหญิงนั้นได้หลุดลงที่พื้นดิน แม้หญิงนั้นจะตกใจ พยายามใช้เท้าเหยียบให้จมโคลน ปกปิดภาพของจริงไว้ แต่ข้าพเจ้าก็ทันเห็นเลือดสีแดงเต็มตา ในใจเกิดความรู้สึกสลดสังเวชขึ้นมาทันที ด้วยเห็นถนัดเป็นของปฏิกูลพึงรังเกียจ ระลึกขึ้นมาได้ว่า เราได้อุตส่าห์สละชีวิตจากเพศฆราวาสมาสู่เพศบรรพชิต หนีจากของต่ำมาหาของสูงแล้ว เรายังจะย้อนกลับไปหาชีวิตที่เราสละแล้วอีกหรือ” เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วท่านจึงปิดฝาบาตรทันที กลับไปยังที่พัก เก็บบริขารและหนีออกไปจากที่แห่งนั้น โดยที่ยังไม่ได้ฉันภัตตาหารใดๆ ต่อมาภายหลังท่านได้เล่าเรื่องนี้ถวายท่านพระอาจารย์มั่น เมื่อท่านพระอาจารย์มั่นได้ฟังแล้ว ก็กล่าวว่า “เป็นธรรมดาของพระหนุ่มที่จะต้องพบเหตุการณ์เช่นนี้ ความสำคัญอยู่ที่ว่าจะต้องเจริญกรรมฐานต่อสู้ เอาชนะกิเลสมารตัวร้ายนั้นอย่างไรต่างหาก” หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ ได้ต่อสู้กับกิเลสมารอย่างสง่างาม ครองสมณสารูปอันเป็นที่เคารพเลื่อมใสตราบจนวาระสุดท้ายแห่งชีวิต -------------------------------- เอกสารประกอบการเขียน - “กุลเชฏฐาภิวาท” ที่ระลึกเนื่องในวโรกาสทรงเป็นประธานในพิธีพระราชทาน และเปิดเจดีย์พิพิธภัณฑ์พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ พิมพ์เมื่อปี ๒๕๓๒ - “พระธุตังคเจดีย์ เจดีย์แห่งพระอรหันต์” ธรรมบรรณาการเนื่องในงานฉลองพระธุตังคเจดีย์ เจดีย์แห่งพระอรหันต์ และในงานบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายครบรอบวันมรณภาพปีที่ ๔๗ พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) ๒๒-๓๐ เมษายน ๒๕๕๑ โดย เทียบธุลี http://www.dlitemag.com/ -------------------------------- ![]() “เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง ยังเอากระดูกมาแขวนคอ” ในปีพุทธศักราช ๒๔๙๓ พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ ท่านจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำพวง อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร ได้เกิดจิตปฏิพัทธ์หญิงสาวคนหนึ่ง จึงได้คิดหาอุบายแก้ไข โดยยกภาษิตโบราณมาเทียบสิ่งที่ท่านหลงใหลอยู่ว่า “เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง ยังเอากระดูกมาแขวนคอ” ท่านจึงคิดดัดนิสัยของตนเองที่ไปหลงรักผู้หญิงเข้าด้วยการเอากระดูกช้างมาแขวนคอห้อยต่องแต่ง ท่านตั้งใจมั่นว่า “ตราบใดที่ใจยังตัดใจอาลัยรักในสตรีไม่ได้ ยืน เดิน นั่ง นอน ออกบิณฑบาต ฉันข้าว ก็จะเอากระดูกช้างแขวนคอไว้ตราบนั่น” ไม่ว่าท่านจะเดินจงกรม นั่งสมาธิ หรือรับกิจนิมนต์ไปในหมู่บ้านก็ตาม ท่านเอากระดูกช้างแขวนคอไว้ตลอด จนชาวบ้านทั้งหลายเขาเล่าลือกันว่า “ท่านเป็นบ้า” เมื่อท่านปฏิบัติอย่างนี้ เกิดความละอายใจเห็นโทษภัยในความลุ่มหลง จิตก็คลายความกำหนัดรักใคร่ในหญิงนั้น เมื่อหลวงปู่ขาว อนาลโย ได้ถามถึงเหตุที่ท่านทำเช่นนั้น ท่านได้กราบเรียนดังที่กล่าวมาแล้ว หลวงปู่ขาวกล่าวชมว่า “อุบายนี้ดีนักแล” >>> อ่านเพิ่มเติมอีกที่...เอากระดูกช้างมาเป็นยาแก้โง่ เรื่องราวที่ท่าน “พระอาจารย์จวน” ต้องเผชิญภัยจากมาตุคาม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=27&t=60748 -------------------------------- ![]() ![]() http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=48213 ![]() ![]() http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=42684 ![]() ![]() http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=23167 |
เจ้าของ: | ภัทรพงศ์ [ 16 มี.ค. 2010, 11:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ ไม่ขอคืนสู่ชีวิตที่สละแล้ว |
นะโม วิมุตตานัง ขอนอบน้อมแด่พระอริยสงฆ์ผู้หลุดพ้น นะโม วิมุตติยา ขอนอบน้อมแด่ธรรมอันเป็นเครื่องหลุดพ้นนั้น ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 16 มี.ค. 2010, 19:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ ไม่ขอคืนสู่ชีวิตที่สละแล้ว |
![]() ![]() ![]() สาธุครับ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 31 พ.ค. 2018, 09:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ ไม่ขอคืนสู่ชีวิตที่สละแล้ว |
![]() ![]() ![]() ขอน้อมกราบ “หลวงปู่จวน กุลเชฏฺโฐ” เจ้าค่ะ อัศจรรย์ดีแท้ ขอโมทนาสาธุค่ะ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |