วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 07:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=28



กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 18:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้างั้นก็น่าจะเปิดเป็น เว็ปมหายาน เว็ปเถรวาท นะครับ มันจะได้ไม่ปะปนกันอย่างนี้

มหายาน จะเชื่อยังไงก็แล้วแต่นะครับเอาตามชอบใจก็แล้วกัน

แต่ผมนึกว่า ในนี้มีแต่ เถรวาท เลยแสดงความคิดเห็นตามที่ผมศึกษามา และจะมุ่งตรงสู่คำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ส่วนอาจารย์สำนักอื่นๆ ก็ใช่ว่าผมจะไม่เคารพกราบไหว้นะครับ ผมก็เคารพกราบไหว้ในส่วนที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามพระพุทธเจ้า แต่ส่วนที่ท่านทำผิด สอนผิดนี่ผมไม่เอาด้วยจริงๆ ก็เท่านั้นแหละ และไม่ได้ว่าตนเองจะดีเลิศประเสริฐศรีกว่าใครๆ เพราะแค่ศีล 5 ผมก็ยังทำให้บริบูรณ์ยังไม่ได้เลยสักข้อ(แค่ทำได้ครบทุกข้อก็เท่านั้น) จึงยังถือได้ว่าผมก็ยังเป็นแค่ ใส้เดือนกิ้งกืออยู่ดี ดังนั้นจึงเชื่อตามสิ่งที่รู้ ที่เห็นมาก็เท่านั้น จบข่าว. :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 10:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
"คนขวางโลก"
ขี้เกียจให้ทาน รักษาศีล มันยากจะขอท่อง ขอสวดอย่างเดียวเลย และปรารถนาสำเร็จเป็น อรหันต์ เข้าถึงนิพพานเลยได้ไหมน้อ

พิจารณาตรงนี้หน่อยสิ พระพุทธเจ้าท่านทรงปรินิพพานไปแล้ว ดับไปแล้ว แล้วมากล่าวอ้างอย่างนี้ ว่าจะยื่นพระกรมารับนี่ ไม่บ้าไปหน่อยเหรอท่าน ใช้....ใคร่ครวญหน่อยว่ามันเป็นจริงได้เหรอ มันไม่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้าหรอกเหรอ

เคยอ่านพระไตรปิฎกตรงที่ว่า มารแปลงกายเป็นพระพุทธเจ้าไหม ไปหาอ่านเอานะ จะได้รู้ได้กระจ่าง หายจากความหลงไปกับมารเสียที พี่น้องชาวพุทธแท้ๆ เอ๋ย

พระโพธิสัตว์ก็ยังถือว่าเป็นผู้สกปรกอยู่ถ้าเทียบกับพระพุทธเจ้า์ แล้วทำไมไม่เชื่อถือตามที่พระพุทธเจ้าสั่งสอนไปเลยเล่า มามัวสวดอ้อนวอนกันทำไม จะหลงทางกันไปใหญ่แล้ว


ก็เพราะเชื่อตามพระพุทธเจ้าอยู่นี้ละครับ..จึงอ่อนน้อม ไม่ลังเลสงสัย ในพระรัตนตรัย เลย..
พระรัตนตรัยอันได้แก่..พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์
กราบอย่างหนึ่ง..ก็ให้นึกไปถึงอีกสอง..
ย่ากวนนอิมเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัยแล้ว..แต่ชื่อของโพธิสัตว์กวนอิมจะยังอยู่ถึงสมัยพระพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป
กราบท่านได้ครับ..ท่านไม่ได้อยู่นอกพระพุทธศาสนาเลย
บริษัท บริวาร ที่ทำบุญร่วมกับท่านมา จะเดินทางลัดตัดเข้าพระนิพพานกันได้เลยนะครับ เราไม่ต้องรอท่าน ..ท่านรอเราอยู่

ขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 10:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่าน กบนอกกะลา ครับ

อ้างคำพูด:
กราบท่านได้ครับ..ท่านไม่ได้อยู่นอกพระพุทธศาสนาเลย
บริษัท บริวาร ที่ทำบุญร่วมกับท่านมา จะเดินทางลัดตัดเข้าพระนิพพานกันได้เลยนะครับ เราไม่ต้องรอท่าน ..ท่านรอเราอยู่


ผมจะพูดในขอบเขต เถรวาทนะครับ

ถ้าทำบุญร่วมกับท่านแล้วท่าน จะเดินทางลัดตัดเข้าพระนิพพานกันได้เลยนะครับ .....แล้วทำไมไม่สอนกันให้สวดอ้อนวอน สวดบูชากันให้หนักๆ กันไปเลยหละครับ ไม่ต้องให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนากันให้ยุ่งยาก
เพราะแค่ทำอย่างว่านั้นก็เข้านิพพานกันแล้ว

เราไม่ต้องรอท่าน ..ท่านรอเราอยู่ ....ตามที่ศึกษามา ถ้าเป็นอรหันต์แล้วท่านก็ดับไปแล้ว ไม่ไปรอใครที่ไหนอีกแล้ว ไม่มี ไม่เกิด ไม่อยู่.....แล้วเราจะไปหาใคร เข้าใจคำว่า นิพพาน ยังไงนะ

ถ้าท่านมีอยู่จริง เจ้าแม่กวนอิม ก็ยังไม่ได้เป็นอรหันต์เลย แค่โพธิสัตว์ ซึ่งท่านก็จะต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอยู่อีกไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ มาเป็นสัตว์ เป็นมนุษย์ เป็นเทพ อยู่นี่อีกยาวนานๆๆๆๆๆๆๆๆ กว่าจะไปตรัสรู้เองเป็นพระพุทธเจ้า

ถ้าคนที่ยึดตามท่าน ขอติดตามท่าน ก็คงจะอีกยาวนานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตามท่านไปนั่นแหละครับ แต่ถามว่า เคารพกราบไหว้ท่านหนะผิดไหม ไม่ผิดครับ ไม่ผิดๆๆๆๆๆๆ ถ้ากราบแบบมีสติ ไม่ไปหลง ไม่ไปยึด ในตัวท่าน เพราะแม้แต่พระพุทธเจ้าท่านยังทรงตำหนิร่างกายของพระองค์เองเลย ว่าเป็นของเน่า ของสกปรก

ถามกลับคืนไปว่า เคารพกราบไหว้หนะแบบไหนกัน.....คิดพิจารณาเอาเองนะครับ ผมไม่ได้ไปลบหลู่ ความเชื่อของใคร จะเชื่อยังไงก็เชื่อไปตามใจชอบ ผมก็แค่บอกแนวคิด ความคิดของผมให้ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่านั้น ศาสนาของพระสมณโคดม ก็เหลืออีกแค่ สองพันกว่าปี ถ้ามายึดตามพระองค์ ปฏิบัติตามพระองค์เท่าที่กำลังของตนเองจะทำได้ ผมว่าก็มีสิทธิ์ลุ่นนะ ดีกว่าจะไปเสี่ยงเอากาลข้างหน้าโน่นๆๆๆๆๆๆๆ ไม่รู้อีกกี่อสงไขย์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 11:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ขออภัยด้วยครับ
ไปปฏิบัติธรรมเสียหลายวัน
อาจจะตกข่าวไปบ้างครับ

ตอนนี้กลับมาแล้วครับ
นำบุญกลับมาฝากพี่น้องทุกท่านด้วยครับ


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 12:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


วรานนท์ เขียน:


ขออภัยด้วยครับ
ไปปฏิบัติธรรมเสียหลายวัน
อาจจะตกข่าวไปบ้างครับ

ตอนนี้กลับมาแล้วครับ
นำบุญกลับมาฝากพี่น้องทุกท่านด้วยครับ


:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนา ด้วยนะครับ ท่านวรานนท์ :b8:
ไปปฏิบัติธรรมมาหลายวัน ที่เอาบุญกุศลมาเผื่อแผ่ชาวลานธรรมจักรด้วย
สาธุ สาธุ ด้วยครับ :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 14:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออธิบายคร่าวๆ นะครับ เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ ทางมหายานนะครับ เผื่อท่านอื่นๆด้วยน่ะครับ
พุทธศาสนามหายานได้จำแนกพระโพธิสัตว์ออกเป็น ๒ ประเภท อันได้แก่ พระมนุษิโพธิสัตว์ และ พระธยานิโพธิสัตว์
๑.พระมนุษิโพธิสัตว์
คือพระโพธิสัตว์ในสภาวะมนุษย์หรือเป็นสิ่งมีชีวิตในรูปแบบอื่น ๆ
ที่กำลังบำเพ็ญสั่งสมบารมีอันยิ่งใหญ่เพื่อพระโพธิญาณอันประเสริฐ ถ้าตามมติของ
ฝ่ายเถรวาทก็คือผู้ที่ยังเวียนว่ายอยู่ในวัฏสงสารเพื่อบำเพ็ญ ทศบารมี ๑๐ ประการให้บริบูรณ์
เหมือนเมื่อครั้งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงกระทำมาในอดีต โดยที่ทรงเสวยพระชาติเป็น
ทั้งมนุษย์และสัตว์จนได้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระศากยมุนีพุทธเจ้า การบำเพ็ญบารมี
ดังกล่าวนี้เป็นความยากลำบากแสนสาหัส สำเร็จได้ด้วยโพธิจิต อีกทั้งวิริยะและความกรุณา
อันหาที่เปรียบมิได้ ต้องอาศัยระยะเวลายาวนานนับด้วยกัปอสงไขย สิ้นภพสิ้นชาติสุดจะประมาณได้


๒.พระธยานิโพธิสัตว์
พระโพธิสัตว์ประเภทนี้มิใช่พระโพธิสัตว์ผู้กำลังบำเพ็ญบารมีเพื่อแสวงหาดวงปัญญา
อันจะนำไปสู่ความรู้แจ้งเหมือนประเภทแรก แต่เป็นพระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีบริบูรณ์ครบถ้วนแล้ว
และสำเร็จเป็นพระธยานิโพธิสัตว์หรือพระโพธิสัตว์ในสมาธิโดยยับยั้งไว้ยังไม่เสด็จเข้าสู่พุทธภูมิ
เพื่อจะโปรดสรรพสัตว์ต่อไปอีกไม่มีที่สิ้นสุด พระธยานิโพธิสัตว์นี้เป็นทิพยบุคคลที่มีลักษณะดังหนึ่งเทพยดา
มีคุณชาติทางจิตเข้าสู่ภูมิธรรมขั้นสูงสุดและทรงไว้ซึ่งพระโพธิญาณอย่างมั่นคง จึงมีสภาวะที่สูงกว่าพระโพธิสัตว์ทั่วไป
พระธยานิโพธิสัตว์มักจะมีภูมิหลังที่ยาวนาน เป็นพระโพธิสัตว์เจ้าที่สำเร็จเป็นพระโพธิสัตว์มาเนิ่นนานนับ
แต่สมัยพระอดีตพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ สุดจะคณานับเป็นกาลเวลาได้
พระธยานิโพธิสัตว์ที่พุทธศาสนิกชนมหายานรู้จักดี อาทิ

1.พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ (มหาปัญญา)
2.พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (มหาเมตตา) จะลงมาจุติเป็นครั้งคราว ล่าสุดก็คือพระโพธิสัตว์กวนอิม
3.พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ (มหากรุณา)
4.พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ (มหาปฏิปทา)
เป็นต้น


พระโพธิสัตว์เหล่านี้ เมื่อมีพระพุทธเจ้าอุบัติมายังโลกมนุษย์ท่านทั้งหลายก็จะมาจุติ
มาเกิดเป็นสาวกของพระพุทธองค์บ้าง เพื่อช่วยพระพุทธองค์เผยแผ่พระศาสนาเช่นพระโพธิสัตว์กวนอิม
ในสมัยก่อนศาสนาพุทธ รู้จักแต่ทางแถบตะวันตกของจีน เพราะอยู่ใกล้อินเดีย แต่ทางจีนตะวันออก
ผู้คนยังไม่ค่อยมีศาสนา ยังจิตใจโหดเหี้ยม พระจากอินเดีย เดินทางไปเผยแผ่พุทธธรรม ก็มักจะ
โดนดูถูก เหยียดหยาม เห็นเป็นตัวประหลาดและโดนทำร้าย เพราะการสื่อสารเรื่องภาษาไม่รู้เรื่อง และเป็นอะไรที่แปลกใหม่ทำให้พระท้อใจกัน พระโพธิสัตว์กวนอิมหลังจากสำเร็จธรรม ก็ได้ออกไป
โปรดสัตว์ทั่วแผ่นดินจีน เผยแพร่พุทธธรรม ทำให้คนรู้จักพระพุทธองค์ รู้จักศาสนาพุทธมากขึ้น
ทำให้พระในยุคหลังเดินทางไปเผยแผ่ศาสนา จึงง่ายขึ้น ทำให้ในสมัยนั้น ผู้คนจึงได้นับถือยกย่อง
ศาสนาพุทธกันมาก

ส่วนเรื่องพระพุทธเจ้าทั้ง สิบ ทิศ นั้น ในมหายาน ก็มีแนวคิดคือ ยังมีพระพุทธเจ้าในอดีต
ที่ท่านได้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณแล้ว แต่ก็ยังมีเมตตาต่อมวลเวไนยสัตว์ ยังไม่เสด็จปรินิพพาน
แต่ได้สร้างดินแดนของพระองค์ขึ้น ด้วยบารมีของท่านที่สะสมบำเพ็ญมาในบุพชาติ ดินแดนนั้นเรียกว่า
พุทธเกษตร เช่น

พระอมิตาภะพุทธเจ้า พุทธเกษตรของพระองค์อยู่ทางทิศตะวันตก ชื่่อว่า สุขาวดีโลกธาตุ
พระอักโษภยะพุทธเจ้า พุทธเกษตรของพระองค์อยู่ทางทิศตะวันออก ชื่อว่า อภิรดีโลกธาตุ
พระไภษัชคุรุพุทธเจ้า พุทธเกษตรของพระองค์อยู่ทางทิศตะวันออกเช่นกัน ชื่อว่า วิศุทธิไพฑูรย์โลกธาตุ
เป็นต้น


แต่ชาวพุทธมหายานส่วนใหญ่จะรู้จัก สุขาวดีโลกธาตุ กันมาก เพราะพระอมิตาภะพุทธเจ้าท่านทรงเมตตาเพียงแค่เวไนยสัตว์ หากได้ยินชื่อของพระองค์ แล้วระลึกถึงพระองค์ และตั้งใจทำความดี รักษาศีลและมีจิตมั่นหมายที่จะอุบัติยังพุทธเกษตรของท่าน ก็จะสมปรารถนา เว้นไว้แต่ผู้ที่ก่ออนันตริยกรรม
และเมื่อมาจุติพุทธเกษตรแห่งนี้ ก็ยังมีโอกาสได้ปฏิบัติธรรมต่อไปเรื่อยๆ จนถึงพระนิพพานได้
แต่การปฏิบัติธรรมที่ สุขาวดีโลกธาตุ อาจใช้เวลานานมาก อาจะเป็นหลายกัปเลยทีเดียว
แล้วแต่กุศลบารมีของเวไนยสัตว์ที่ได้สั่งสมมา เพราะบนแดนสุขาวดี จะสุขสบาย เหมือนเทวโลก
ก็ทำให้ติดความสบายจนไม่ค่อยใส่ใจบำเพ็ญธรรม แต่อย่างน้อยที่ สุขาวดี ยังมีพระโพธิสัตว์
คอยชี้แนะอบรมสั่งสอน แต่ที่เทวโลกนั้น ไม่มีใครบังคับให้บำเพ็ญธรรม ฉะนั้นเทพเทวาก็เลย
ประมาทไม่สนใจบำเพ็ญธรรม มัวแต่เสวยบุญ พอหมดบุญ ก็ต้องลงมาเวียนว่ายตายเกิดอีก
แต่สำหรับสุขาวดีนั้น ถ้าหากได้ไปเกิดที่นั่นแล้ว ไม่จำเป็นต้องลงมาเกิดอีกสามารถบำเพ็ญต่อที่นั่นได้
จนกว่าจะบรรลุพระนิพพาน หรือถ้าหากใครปรารถนาจะลงมาเกิดในโลกมนุษย์เพื่อสร้างสมบารมี
ก็ย่อมทำได้เช่นกัน


พิมพ์จนเมื่อยมือ.... :b31: :b12:
คือเพียงอยากจะบอกว่า ถ้าหากเรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ หรือเรายังไม่ได้ศึกษาแนวความคิด
ความเชื่อของเขา เราก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปน่ะครับ การไปกล่าวหา ต่อพระพุทธะ พระโพธิสัตว์
ที่มีคุณสร้างคุณประโยชน์ต่อไวยสัตว์ทั้งหลายนั้น ก็เป็นโทษปาบมหันต์เหมือนกัน


เรื่องแดนสุขาวดีนี่เมื่อปี พ.ศ. 2510 ก็มีพระภิกษุรูปหนึ่งชื่อพระมหาธรรมาจารย์ควนจิ้ง ท่านได้ขึ้นไปชมมาแล้ว
ขณะนั่งเข้าฌาณอยู่ในถ้ำพลันถูกนำตัวโดยพระโพธิสัตว์กวนอิม พาขึ้นไปเทวโลก ชั้น ดุสิต เพื่อไปเยี่ยมพระอาจารย์ของท่านซึ่งมรภาพไปแล้วและเข้าไปพบ พระโพธิสัตว์ศรีอาริเมตไตรยด้วย จากนั้นก็ไปต่อที่แดนสุขาวดีเข้าเฝ้านมัสการพระอมิตภะพุทธเจ้า พาชมตั้งแต่บัวชั้นล่างจนถึงบัวชั้นสูง แดนสุขาวดีแบ่งเป็นบัวเก้าชั้น เวไนยที่บำเพ็ญก้าวหน้าก็จะเลื่อนขั้นขึ้นไปเรื่อย จนถึงบัวชั้นสูง ผู้ที่บำเพ็ญจนถึงบัวชั้นสูงจะได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์พระอมิตาภะพุทธเจ้า แล้วก็จะบรรลุอรหันต์และเข้าสู่นิพพาน พระมหาธรรมาจารย์ควนจิ้งท่านได้ขึ้นไปเที่ยวชมแดนสุขาวดีมา ท่านบอกว่า ในความรู้สึกเหมือนไปแค่ 20 ชั่วโมงแต่พอกลับมาปรากฏว่า ท่านได้หายจากโลกไป 6 ปี 5 เดือน ลูกศิษย์ลูกหาออกตามหาหลายปีไม่พบร่องรอยนึกว่าท่านอาจจะมรภาพไปแล้วก็เลยจัดงานศพให้ท่านเรียบร้อย ทั้งๆที่จริงท่านก็นั่งเข้าฌาณอยู่ในถ้ำ แต่ไม่มีใครหาเจอ ท่านได้รับพุทธานุญาต
จากพระอมิตาภะพุทธเจ้าให้เปิดเผยเรื่องราวที่ได้เห็นแดนสุขาวดีให้แก่ชาวโลกรับรู้ได้
ซึ่งเรื่องนี้ ท่านได้เทศนาที่ วัดโปตละคีรีทะเลใต้ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเดือนเมษายน 2530 และมีญาติธรรมคนไทยได้แปลเป็นหนังสือออกมาจากภาษาจีนเป็นภาษาไทย ชื่อว่า ท่องแดนสุขาวดี ด้วย


เพื่อความเข้าใจอันดีต่อกัน ไม่ว่า พุทธมหายาน หรือ พุทธเถรวาท ยังไงก็พุทธ เหมือนกัน ก็อย่าได้ไปดูถูกดูแคลนซึ่งกันและกันเลยนะครับซึ่งไม่ว่าทั้ง มหายาน หรือ เถรวาท ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ต่างก็มีผู้สำเร็จธรรมเหมือนกัน พุทธวิถึ กว้างใหญ่ถึง 84,000 วิถี จะเลือกเดินทางไหนก็แล้วแต่จริตของแต่ละคนแล้วกันนะครับ
สาธุครับทุกท่าน :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ด้วยความปรารถนาดีของท่าน อมิตาพุทธ นะครับที่เอามาบอกกล่าว

แต่ยังไง มหายาน กับ เถรวาท ก็คนและแนวทางนะครับท่าน อมิตาพุทธ การนำเสนอของท่านนั้นก็ดูแล้วดีนะ ดูเป็นกลางๆ ดี เพราะท่านเข้าใจวิถีของมหายานและเถรวาทอยู่บ้าง

แต่คนที่มีพื้นฐานไม่ดีเพียงพอก็อาจจะเข้าใจไขว้เขวได้นะครับ

ในพระไตรปิฎก กล่าวไว้ว่า มารเคยแปลงกายเป็นพระพุทธเจ้าเพื่อหลอกล่อให้คนติดกับดักของมาร ให้ลุ่มหลง
ยึดติดต่อไป นึ่ขนาดเป็นถึงพระพุทธเจ้ามารมันยังแปลงกายให้เป็นได้เลย นับประสาอะไรที่มันจะเนรมิต นิพพานให้เห็นเป็นแดนนิพพานไม่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีอยู่จริง แล้วผู้ที่ไปเห็นหละจะรู้ได้ยังไงว่าที่เห็นนั้นจริงหรือไม่จริง มันก็ต้องเอามาตรวจสอบกับพระธรรมหรือคำกล่าวของพระพุทธเจ้าที่ได้บันทึกไว้ในพระไตรปิฎกนั่นแหละ

มหายานคิดหรือเชื่อยังไงก็เป็นสิทธิของท่านนะครับอย่าได้เอามาผสมปนเปกันไปจนดูเหมือนอันเดียวกันหละเพราะสุดท้ายแล้วมันจะมั่วจนแยกไม่ออก อันตรายครับแบบนี้

ตามแบบฉบับของเถรวาทนะครับ อ่านบทนี้ดูนะครับ
เล่ม 35 หน้า 172 (วิปัลลาสสูตร)(ฉบับ 91 เล่มของ มมร.)

สัตว์เหล่าใดสำคัญว่าเที่ยงในสิ่งที่ไม่เที่ยง สำคัญว่าสุขในสิ่งที่เป็นทุกข์
สำคัญว่าเป็นอัตตาในสิ่งที่เป็นอนัตตา และสำคัญว่างามในสิ่งที่ไม่งาม
ถูกความเห็นผิดชักนำไปแล้ว ความคิดย่อมซัดส่ายไป มีความสำคัญ (คิดเห็น) วิปลาส
สัตว์เหล่านั้นชื่อว่า ถูกเครื่องผูกของมารผูกไว้แล้ว เป็นคนไม่เกษมจากโยคะ
ย่อมเวียนเกิดเวียนตายต่อไป.

เมื่อใดพระพุทธเจ้าทั้งหลายผู้ประดุจดวงอาทิตย์บังเกิดขึ้นในโลก ทรงประกาศธรรมอันนี้
ซึ่งเป็นทางให้ถึงความสงบทุกข์ เมื่อนั้น สัตว์เหล่านั้น ผู้ที่มีปัญญาได้ฟังธรรมของท่านแล้ว
จึงกลับได้คิด เห็นสิ่งที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาและไม่งาม ตามความเป็นจริง
เพราะมาถือเอาทางความเห็นชอบ ก็ล่วงพ้นทุกข์ทั้งปวงได้........

ผมคงไม่ต้องอธิบายนะครับ เพราะเถรวาทก็คือเถรวาท มหายานก็คือมหายาน ใกล้เคียงแต่ไม่ใช่นะครับหรือว่าท่านมีความเห็นยังไงครับ

ส่วนตัวผมแล้ว ควรแยกออกจากกันครับ เชื่อยังไงก็เอาตามนั้น ไม่ปะปนกันครับเพราะตอนนี้เราก็เริ่มแยกพุทธกับพราหมณ์ออกจากกันยากแล้ว อย่าเอาเถรวาทกับมหายานมาปะปนกันอีกเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2009, 17:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: ถือว่าเรากำลังศึกษา พระพุทธศาสนา เปรียบเทียบ
แล้วกันนะครับ ท่านคนขวางโลก :b4: :b8:
สาธุครับ :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2009, 07:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ไม่เปรียบ ไม่เทียบครับ เพราะเปรียบเทียบกันไม่ได้ครับ :b8:
ถ้าจะพูด นั่นก็คือ พูดคนละเรื่องเดียวกัน ยังไงก็ไม่จบ เหมือนมองแก้วน้ำกันคนละด้าน
ด้านที่มองไม่เห็นหูของแก้วก็จะยืนยันว่าแก้วใบนี้ไม่มีหูอย่างแน่นอน ส่วนพวกที่มองเห็นก็จะเถียงว่ามีอย่างแน่นอน เพราะเห็นกันอยู่ชัดๆ อะไรอย่างนี้แหละ ทั้งๆ ที่เป็นแก้วใบเดียวกัน

ฉะนั้น อย่ามั่วกันจะดีกว่าครับ ปลอดภัย สบายใจ ไร้กังวล เห็นยังไงก็เชื่อไปตามนั้นแหละ
ยกเว้นว่า จะลองหันมามองด้านตรงข้ามบ้างว่า มันเป็นจริงอย่างที่เขาว่ามาไหม แต่ส่วนใหญ่ไม่มีทางหันมามอง
ด้านคนอื่นแน่ๆ เพราะยึดมั่นถือมั่นในทางของตนเอง ถ้าเกิดเป็นจริงอย่างที่เขาว่าก็กลัวเสียหน้าเลยกั๊กไว้ว่า
ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ดูแล้วมันปลอดภัยดีว่างั้น

สรุปคือ ถ้าลองได้เชื่อแล้วละก็ ผิดยังไงก็จะทำ ไม่ได้ว่าใครคนใดคนหนึ่งนะครับ ว่าทุกคนเลย รวมทั้งผมด้วยแหละ(มั้ง) :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2009, 15:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่าน คนขวางโลก กล่าวไว้ดีแล้วล่ะครับ
และขอบพระคุณที่ได้เมตตากล่าวทักท้วงและชี้แนะมา :b8:

ถ้ามองดูให้ดีๆ แล้ว คนที่ผิดก็เป็นข้าพเจ้าเอง ที่นำเรื่องราวมาลงผิดที่ผิดทาง
ทำให้ท่านต้องรู้สึกเป็นห่วงแทนคนอื่นๆ ที่ได้มาอ่านกระทู้ตามหลัง และอาจทำให้
เขาเหล่านั้นเกิดความหลงผิด เกิดมิจฉาทิฏฐิ เห็นการสวดอ้อนวอนเป็นเรื่องดีกว่า แทนที่จะมุ่ง
ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์ เพื่อให้ตนเองหลุดพ้นจากวัฏสงสารนี้
ต่อไปผู้น้อยคงต้องระมัดระวังการนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ให้มากกว่านี้
ความผิดใด ที่ได้ทำลง ก็ขอท่าน admin และท่านผู้ดูแลบอร์ดทั้งหลายโปรดเมตตาอภัยให้ด้วย
กรรมใดที่เกิดขึ้นจากการที่ทำให้ผู้คนต้องหลงผิดจากการศึกษากระทู้นี้ และทำให้เขาเหล่านั้น
ต้องห่างจากุศลมูล เพราะความด้อยปัญญาของข้าพเจ้า
ก็ขอแบกรับผลกรรมนั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว :b8:

ขอปิดกระทู้นะครับ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 23 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร