วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 01:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=28



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2010, 18:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 22:44
โพสต์: 9

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อมันเดินไปอย่างถูกต้องมันก็ถึงจุดหมายปลายทางแน่นอนนี่เรา เรียกว่าธรรมมะก็เป็นเรื่องที่ทำให้ชีวิตก้าวหน้าไปจนถึงจุดหมายปลายทางที่ นี่ผู้ให้หัวข้อนี้มันก็บอกหรือแสดงอยู่แล้วว่าไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางนั้น คืออะไรเราก็ต้องพูดถึงกันเรื่องจุดหมายปลายทางนั้นเองของชีวิตหรือเป้าหมาย ของชีวิตคือจุดหมายปลายทางชีวิตที่นี่มันก็มามีปัญหาอยู่ตรงที่ว่าในชีวิต นี้คืออะไรแต่ดูกันตามทางวัตถุคือทางร่างกายนี่ชีวิตมีนก็มีความหมายอย่าง หนึ่ง


ถ้าดูกันทางของจิตของวิญญาณชีวิตมีความหมายอีกประการหนึ่งดูกันในแง่วัตถุใน แง่ร่างกายหญ้าบอนมันก็มีชีวิตสัตว์เดรัจฉานมันก็มีชีวิตคนก็มีชีวิตตลอด เวลาที่มันยังไม่ตายทางร่างกายมันยังไม่ตายชีวิตทางกายล้วนๆอย่างนี้มันก็มี อยู่ระบบหนึ่งเป้าหมายของมันก็คือจุดสูงสุดแห่งวิวัฒนาการด้วยเหมือนกันวิ วัฒนาทางกายจะเป็นไปได้อย่างไรมันก็เป็นไปจนกว่าจะถึงที่สุดเราจึงเห็นได้ ตามที่เคยศึกษาเล่าเรียนสั่งสอนกันมาว่าวิวัฒนาการทางกายทางรูปร่างโครง สร้างในของมนุษย์นี้ของสัตว์ที่มีชีวิตมันวิวัฒนาการมาตั้งแต่ว่าเป็นสัตว์ เซลล์เดียวหลายเซลล์เป็นสัตว์ที่อยู่สูงขึ้นมาเป็นพืชพันธุ์มาเป็นสัตว์มา เป็นคนกว่ามันจะสูงสุดคือไม่ๆไปได้ไกลไปกว่านั้นได้อีกแล้วก็เรียกว่าจบ วิวัฒนาการทางชีวิตในด้านร่างกาย


แต่เราก็ยังพูดไม่ได้ว่ามันจะไปจบลงที่ตรงใหนอย่างไรและก้ไม่จำเป็นด้วยที่ จะต้องไปรู้มันมันยังไม่ใช่ปัญหาเฉพาะหน้าปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมดาของวัต ถุ่งประกอบกันขึ้นเป็นเรื่องเป็นร่างกายเป็นไปในทางฝ่ายกายมันยังอีกนานมาก นักไม่รู้กี่หมื่นปีกี่แสนปีต่อไปในอนาคตทีนี้มาดูชีวิตที่มันเป็นปัญหากัน ดีกว่าคือเมื่อยังไม่ตายก็มีความเป็นอยู่อย่างใดอย่างหนึ่งระบบใดระบบหนึ่ง อยู่ทุกวันๆๆนี่มันเป็นชีวิตในด้านจิตใจฝ่ายจิตฝ่ายวิญญาณฝ่ายจิตนี่คือ เรื่องจิตที่ติดอยู่กับกายแต่ฝ่ายวิญญาณนั้นเป็นเรื่องของสติปัญญาที่แยกออก มาได้เขาเรียกว่าเป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณฝ่ายสติปัญญาถ้าเรายังไม่ตายเราก็มี จิตคิดนึกอะไรได้แล้วก็ปรับปรุงให้มันดีที่สุดเป็นจิตที่ฝึกฝนอารมณ์แล้วดี ที่สุดอย่างที่พูดกันเมื่อคืนมันก็เท่านั้นแหละ

ทีนี้มันไม่มีความรู้พอมันก็ไปไกลไม่ได้มันยังออกไปจากความทุกข์ไม่ได้นี้ มันเป็นฝ่ายสติปัญญาที่มันเป็นอิสระออกไปจะผิดจะถูกอย่างไรก็คอยสังเกตดูเรา มีความรู้ผิดมีความเข้าใจผิดมีความเห็นผิดมีความเชื่อผิดนี่ชีวิตชนิดนี้มัน ก็มืดมนทางวิญญาณแล้วก็มีความทุกข์แน่นั้นจึงไม่ใช่เป้าหมายแต่ถ้าเราทำถูก ต้องมีความสว่างในทางวิญญาณถูกต้องในทางความรู้ ความคิด ความเข้าใจ ความเชื่อฟังอะไรที่เป็นหลักเกณฑ์สำหรับยึดถือดำเนินไปๆในลักษณะที่ความ ทุกข์ละลายไป ความทุกข์ละลายไปไม่มีความทุกข์เหลืออยู่ในที่สุดหมดจดจากความทุกข์สิ้นเชิง ที่เรียกว่าพระนิพพาน


งั้นเป้าหมายของชีวิตในทางวิญญาณเนี่ยมันคือพระนิพพานใครจะรู้ก็ได้ไม่รู้ก็ ได้ใครจะชอบก็ได้ไม่ชอบก็ได้มันอาจจะไม่ชอบก็ได้โดยไม่เข้าใจบ้างและมองเห็น ว่าดีเกินไปไม่เหมาะสำหรับเราไม่เหมาะสำหรับเราบ้างมันก็พูดไม่รู้เรื่องตอน นี้เขาให้อัตมาพูดตามความพอใจก็จะต้องพูดอย่างนี้ในชีวิตฝ่ายจิตฝ่ายวิญญาณ มันก็ต้องไปสิ้นสุดจบไปจบไปจบครึ่งลงที่ขันลุถึงนิพพานนิพพานนี้แปลว่าเย็น สนิท


ไม่มีความร้อนแต่เป็นเรื่องทางนามธรรมความร้อนก็ร้อนแห่งกิเลสร้อนแห่งความ โลภร้อนแห่งความโกรธร้อนแห่งความโง่ความหลงในทางจิตทางวิญญาณเป็นไฟในทางจิต ทางวิญญาณถ้าไฟเหล่านี้ดับสนิทเราก็เย็นสนิทแล้วก็ไม่ต้องตายบรรลุนิพพานใน ที่สุดได้โดยไม่ต้องตายถึงอาจจะผิดในที่ท่านทั้งหลายเคยฟังมาแล้วก็ได้ท่าน อาจจะเคยฟังมาในทางที่ว่าจะไปนิพพานทำไมต้องตายก็เป็นเฒ่านิพพานอย่างนี้ก็ ได้


ถ้าอย่างนี้ก็ขอให้เข้าใจว่ามันคนละเรื่องนิพพานไม่ได้หมายถึงความตายที่สอน ในผิดๆในโรงเรียนให้ลูกเด็กๆเข้าใจผิดให้รู้ต้องแต่เล็กว่านิพพานคือความตาย ของพระอรหันต์หรือของพระพุทธเจ้านิพพานแปลว่าตายเป็นราชาศัพท์สูงสุดอย่าง นี้มันผิดโดยสิ้นเชิงนิพพานคือภาวะเย็นสนิทแห่งจิตแห่งวิญญาณโดยที่คนไม่ ต้องตายถ้าใครคนไหนก็ได้เอาไอ้เรื่องร้อนๆออกไปจากจิตใจแล้วไม่ให้มันเกิดมา ได้อีกเพราะนั้นเป็นนิพพานเข้าถึงนิพพานอยู่กับนิพพานโดยที่ไม่ต้องตายร่าย กายไม่ต้องตายเมื่อร่างกายตายลงไปอีกหลังจากนั้นแล้วก็นึกว่าตายด้วยนิพพาน ตายด้วยนิพพานไม่ใช่ว่านิพพานคือการตายคิดว่าตายอย่างเย็นตายด้วยนิพพานคน อื่นตายด้วยร้อนตายอย่างตายด้วยกิเลสตายในกิเลสนั่นก็ตายร้อนเหมือนคนธรรมดา ทั่วไปมันก็ตายร้อนเข้าถึงพระนิพพานด้วยความเย็นมันก็ตายเย็นเพราะมันไม่มี กิเลสคนหนึ่งตายด้วยกิเลส


คนหนึ่งตายด้วยนิพพานคือความสิ้นกิเลสที่ได้รับมาก่อนแล้วแต่นี่ร่างกายมัน ตายลงไอ้การตายนั้นก็เรียกว่าตายด้วยนิพพานคือความสิ้นสุดแห่งกิเลสนี่เรียก ว่าเป้าหมายของชีวิตถ้าตายแล้วไม่มีชีวิตแล้วมันก็ไม่ใช่เป้าหมายของชีวิต คิดดูถ้ามันตายแล้วมันไม่มีชีวิตแล้วมันจะเป้าหมายอะไรกันอีกมันต้องรู้ถึง ว่ายังมีชีวิตอยู่สำหรับชีวิตนั้นเองก็คือการเป็นอยู่มีชีวิตอยู่อย่างที่ เย็นสนิทอย่างแท้จริงไม่กลับร้อนไม่กลับมีความทุกข์ใดๆได้เลยนี่คือเป้าหมาย ของชีวิตที่มันยังเป็นตัวชีวิตและมันได้รู้และถึงจุดสูงสุดของมัน


อย่าไปยึดในคำบาลีทางศาสนาที่ฟังยากเข้าใจยากจำยากเพราะมันยุ่งยากป่วยการ ลืมเสียเถอะแต่พระนิพพานคือความเย็นจริงๆถ้าจะรู้จักนิพพานก็ต้องไปศึกษา ความร้อนที่ทุกคนร่ำรวยกันอยู่แล้วที่ทุกคนมันร่ำรวยอยู่ในความร้อนร้อนราคะ ร้อนเพราะโทสะ ร้อนเพราะโมหะร้อนเพราะปัญหาต่างๆมันประดังเข้ามายึดถือเอาว่าเป็นตัวตน เพราะเร่าร้อนเผารนอยู่นั้นถ้าจะศึกษาธรรมมะก็ต้องศึกษาจากชีวิตอีกเหมือน กันไม่ใช่ศึกษาจากอาตมาไม่ใช่ศึกษาจากหนังสือหนังหาจากพระธรรมคัมภีร์อะไร


โดยส่วนเดียวนั้นมันเป็นไปไม่ได้มันจะได้ก็แต่เพียงจำได้จำคำพูดของเราได้ มันอยู่ในหนังสือถ้าจะเรียนธรรมมะจริงให้ตั้งต้นเรียนจากความทุกข์ที่มีอยู่ จริงถ้าใครไม่มีความทุกข์ไม่ต้องมาเรียนธรรมมะให้ป่วยการมันเป็นคนบ้ามันไม่ มีความทุกข์และมันจะมาเรียนเรื่องความดับทุกข์มันบ้าถ้าคุณไม่มีความทุกข์ คุณก็ไม่ต้องมาหาธรรมมะไม่ต้องมาเรียนธรรมมะจะรู้ธรรมมะก็ต้องมีความทุกข์ เรียนความทุกข์ให้รู้จักความทุกข์นั้นจะแก้มันอย่างไรจะดับความทุกข์นั้น อย่างไรกิริยาที่ดับความทุกข์ได้นั่นเป็นธรรมมะอย่างดีที่จะช่วยให้เราเข้า ถึงความเย็นนี่เป็นเป้าหมายแห่งชีวิตเดี๋ยวนี้ทุกคนเป็นชาวนาชาวสวนกันพ่อ ค้ากันเป็นนักศึกษาเป็นข้าราชการทหารเป็นอะไรก็เป็นกันอยู่แล้วมันมีความ ทุกข์ความร้อนกันหรือไม่


เอออยากจะพูดสักนิดนึงว่าเรามีความทุกข์แตกต่างกันเหมือนกับที่ว่าเราเป็น ต่างกันไปเป็นชาวนาชาวสวนข้าราชการนักศึกษานี่ก็ต่างกันแต่พอมาเห็นความ ทุกข์มันต่างกันอย่างนั้นหรือไม่ถ่คนสายตาตื้นปัญญาตื้นมันก็จะตอบว่าต่าง กันชาวนนาเป็นทุกข์อย่างชาวนาชาวสวนเป็นทุกข์อย่างชาวสวนข้าราชการเป็นทุกข์ อย่างข้าราชการนักศึกษาเป็นทุกข์อย่างนักศึกษานั่นมันเรื่องผิวๆเป็นเรื่อง สายตาสั้นมองเห็นได้เท่านั้นแล้วก็ไม่ใช่ความทุกข์จริงถ้ามองถึงความทุกข์ จริงจะเห็นว่าเหมือนกันแหละความทุกข์เกิดมาจากความโง่สำคัญผิดในสิ่งต่างๆ แล้วไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั่นก็เป็นความทุกข์ เพราะความโลภ เพราะความโกรธ เพราะความหลงเหมือนกันทั้งนั้นให้ดูดีสักหน่อย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ค. 2010, 18:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 22:44
โพสต์: 9

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้เห็นว่ากิเลสนี้เหมือนกันเลยความโลภ ความโกรธ ความหลง ราคะ โทสะ โมหะแล้วแต่จะเรียกนี่คือกิเลสเหมือนกันทั้งนั้นเลยไม่มีกิเลสเด็กไม่มี กิเลสผู้ใหญ่ไม่มีกิเลสตังผู้ไม่มีกิเลสตัวเมียไม่มีกิเลสคนไทยไม่มีกิเลส ฝรั่งไม่มีจะเหมือนกันไปหมดเมื่อเป็นมนุษย์จะมีกืเลสที่เป็นเหมือนกันหมด ฉะนั้นความทุกข์ก็เหมือนกันหมด


นั่นแหละคือทุกข์เพราะว่ามีกิเลสนั้นกิเลสมันนำไปสู่ความยึดมั่นถือมั่น เพราะความโง่กิเลสมันมาจากความโง่ยึดมั่นถือมั่นมีตัวกูมีอะไรของกูมี ทุกอย่างเป็นของกูแล้วก็เป็นทุกข์ด้วยเรื่องของตัวกูมันไม่ได้อย่างที่ตัวกู ต้องการมันก็เป็นทุกข์ถ้ายึดมั่นในสิ่งต่างๆก็จะเป็นไปตามความจำนงของตนแล้ว มันก็ไม่เป็นตามความประสงค์ของตนมันก็ต้องเป็นทุกข์ก็มีความอยากอย่างยิ่งมี ความหวังอย่างยิ่งมันก็ไม่ได้ตามที่อยากที่หวังมันก็เป็นทุกข์ตามหลักของพระ พุทธศาสนาถือว่าความอยากเป็นเหตุให้เกิดทุกข์เพราะว่าความอยากมันทำให้เกิด ความรู้สึกอีกอันนึงว่าฉัน กู


อยากพอมีฉันมีอยากมีปัญหาที่มากับตัวกู กูก็ต้องทนทุกข์ทนทรมานกับปัญหานั้นๆยึดถือบ้านเรือนของกูปัญหาเกี่ยวกับ บ้านเรือนก็มาทับถมกูยึดถือว่าเงินทองทรัพย์สมบัติของกูปัญหาของกูขณะนั้นมา ทับถมกูครอบครัวอะไรของกูปัญหาเหล่านั้นก็มาทับถมกูความเกิดของกูปัญหาความ เกิดก็มาทับถมกูความแก่ความเจ็บของกูปัญหานั้นก็มาทับถมกูความตายของกูปัญหา เรื่องความตายก็มาทับถมกูก็เป็นทุกข์ไปหมดร้อนไปหมดไม่มีเย็นเลย


ยังมีต่ออีกนะ :: http://www.vcharkarn.com/varticle/33045


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร