วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 05:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


Facebook ลานธรรมจักร - http://www.facebook.com/larndhammajak
ห้องแชดสนทนาธรรม - http://www.dhammajak.net/chat/



กลับไปยังกระทู้  [ 122 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2010, 10:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2007, 11:39
โพสต์: 85

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทีนี้อารมณ์ของสัตว์ที่มรณะหมายถึงอารมณ์ของชวนะจิตในมรณาสันนวิถี

ในกาลแห่งสัตว์อันใกล้มรณะนั้น จะต้องมีอารมณ์อันมีชื่อเรียกเป็นพิเศษโดยเฉพาะว่า
กรรมอารมณ์ กรรมนิมิตอารมณ์ หรือคตินิมิตอารมณ์
อย่างใด อย่างหนึ่งมาปรากฏแก่ชวนะจิตในมรณาสันนวิถี
อารมณ์นี้จะต้องเกิดทั่วทุกคนทุก ตัวสัตว์ เว้นแต่ อสัญญสัตตพรหม และพระอรหันต์


ที่เว้น อสัญญสัตตพรหม เพราะอสัญญสัตตพรหมไม่มีจิต จึงไม่มีอารมณ์ ส่วนที่เว้นพระอรหันต์ด้วยนั้น เพราะพระอรหันต์ไม่ต้องไปเกิดอีกแล้ว จึงไม่มี อารมณ์ที่มีชื่อเฉพาะ ๓ อย่างนี้ อันเป็นเครื่องหมายแห่งการเกิด


อารมณ์ก่อนตายเหล่านี้ เกิดขึ้นอัตโนมัติ ตามความเคยชินของจิตโดยมาก
เว้นแต่นึกหน่วงเหนี่ยวไว้อย่างรุนแรงเวลาใกล้ตาย

ส่วนผู้ที่ฝึกสติมาดี จะควบคุมจิตได้ใกล้ขณะมรณาสันนกาลมากกว่า ผู้ไม่ฝึกสติ


อ่านด้วยนะ คนถาม (ออกอาการเมื่อย )

กรรมอารมณ์
คือจิตหน่วงถึงกรรมที่เคยทำมา
กรรมอารมณ์ที่เป็นฝ่ายกุสล คือ ตนได้ให้ทาน รักษาศีล ฟังธรรม หรือเจริญ ภาวนามานั้น
เคยทำอย่างไร จิตหน่วงเหนี่ยว อารมณ์ที่เคยทำอยู่อย่างนั้น มรณาสันนชวนะก็ถือเอาเป็นอารมณ์

ที่เป็นฝ่ายอกุสล คือ ตนเคยฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ฉ้อ ชิง เฆี่ยนตี จำจองสัตว์ อย่างไร จิตหน่วงเหนี่ยวอยู่อย่างนั้น มรณาสันนชวนะก็น้อมเอามา เป็นอารมณ์

กรรมอารมณ์นี้ ปรากฏทางมโนทวารทางเดียว เป็นอดีตอารมณ์ เป็น กรรมในอดีตที่ตนได้ทำแล้ว
เป็นแต่นึก เป็นแต่คิด ไม่ถึงกับมีเป็นภาพ เป็นนิมิตมาปรากฏ

เมื่อมีกรรมอารมณ์เป็นกุสล ก็จะต้องไปสู่สุคคติ ถ้าหากว่ามีกรรมอารมณ์เป็น อกุสล ก็จะต้องไปสู่ทุคคติ


กรรมนิมิตอารมณ์

กรรมนิมิตอารมณ์ คล้ายกรรมอารมณ์ แต่มีภาพปรากฏให้เห็นชัดมาก เช่น เครื่องมือ เครื่องใช้ที่ตนได้ใช้ในการกระทำกรรม นั้น ๆ

ที่เป็นฝ่ายกุสลก็เห็นเครื่องที่ตนได้ทำกุสล เช่น เห็นโบสถ์ เห็นพระพุทธรูปที่ ตนสร้าง เห็นพระที่ตนบวชให้ เห็นเครื่องสักการะที่ตนใช้บูชา เห็นผ้าผ่อนที่ตนให้ ทาน เหล่านี้เป็นต้น มรณาสันนชวนะก็หน่วงเอามาเป็นอารมณ์

ที่เป็นฝ่ายอกุศล เช่น เห็นแห อวน หอก ดาบ มีด ไม้ ปืน เครื่องเบียด เบียนสัตว์ ที่ตนเคยใช้ในการทำบาป เป็นต้น มรณาสันนชวนะก็น้อมมาเป็นอารมณ์

ทั้งนี้ ถ้าเป็นแต่เพียงคิด เพียงแต่นึกถึงเครื่องมือ เครื่องใช้นั้น ๆ ก็ปรากฏ ทางมโนทวาร
เป็นอดีตอารมณ์
แต่ถ้าได้เห็นด้วยนัยน์ตาจริง ๆ ด้วย ได้ยินทางหู จริง ๆ ด้วย ได้กลิ่นทางจมูกจริง ๆ ด้วย ก็เป็นทางปัญจทวาร และเป็นปัจจุบัน อารมณ์ด้วย

เมื่อมีกรรมนิมิตอารมณ์เป็นกุศล ก็นำไปสู่สุคคติ แต่ถ้าหากว่ามีกรรมนิมิต อารมณ์เป็นอกุศล
ย่อมนำไปสู่ทุคคติ


คตินิมิตอารมณ์

คตินิมิตอารมณ์ คือ จิตหน่วงเห็น นิมิต เครื่องหมายที่จะนำไปสู่สุคติ หรือทุคคติ
ถ้าจะไปสู่สุคคติ ก็จะปรากฏเป็นวิมาน เป็นปราสาททิพยสมบัติ เป็นนางเทพ อัปสร เป็นรั้ววัง เป็นวัดวาอาราม เป็นภิกษุสามเณร เป็นครรภ์มารดา เป็นต้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดี

ถ้าจะไปสู่ทุคคติ ก็จะปรากฏเป็นเปลวไฟ เป็นเหว เป็นถ้ำอันมืดมัว เป็นนาย นิรยบาล เป็นสุนัข แร้ง กา จะมาเบียดเบียนทำร้ายตนเป็นต้น ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ เลวร้าย

ทั้งนี้ปรากฏทางมโนทวารแต่ทางเดียว คือ เห็นทางใจ และจัดเป็นปัจจุบัน อารมณ์


......................


อารมณ์ของกามาวจรปฏิสนธิ คือ จะไปเกิดในกามภูมินั้น มรณาสันนชวนะ จะมีกรรมอารมณ์ หรือ กรรมนิมิตอารมณ์ หรือคตินิมิตอารมณ์ อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ได้ และอารมณ์เหล่านั้นล้วนแต่เป็นกามธรรม คือ กามอารมณ์ทั้งสิ้น

อารมณ์ของรูปาวจรปฏิสนธิ คือ จะไปเกิดในรูปาวจรภูมิเป็นรูปพรหมนั้น มรณาสันนชวนะมีเฉพาะกรรมนิมิตอารมณ์แต่อย่างเดียวเท่านั้น โดยมีบัญญัติธรรม เป็นอารมณ์ กล่าวคือ ตนได้ฌานด้วยอารมณ์กัมมัฏฐานใด มรณาสันนชวนะก็มี กัมมัฏฐานนั้นแหละเป็นอารมณ์

อารมณ์ของอรูปาวจรปฏิสนธิ คือ จะไปเกิดในอรูปาวจรภูมิ เป็นอรูปพรหม นั้น มรณาสันนชวนะก็มีเฉพาะกรรมนิมิตอารมณ์แต่อย่างเดียวเหมือนกัน โดยมี บัญญัติธรรม หรือมหัคคตธรรมเป็นอารมณ์ ตามควรแก่อรูปฌานที่ตนได้

อรูปพรหมจุติ ย่อมไม่ปฏิสนธิในอรูปภูมิชั้นที่ต่ำกว่าเดิม แต่ถ้าปฏิสนธิใน กามภูมิ ต้องเป็นไตรเหตุฯ
รูปพรหมจุติ ถ้าปฏิสนธิในกามภูมิ ก็เป็นไตรเหตุ หรือทวิเหตุ ไม่เป็นอเหตุก สัตว์ และอบายสัตว์


เทวดาและมนุษย์จุตินั้น ปฏิสนธิไม่เที่ยง บางทีก็ไปเกิดในอบายภูมิบ้าง ในมนุษย์บ้าง ในเทวดาบ้าง ในรูปพรหมบ้าง ในอรูปพรหมบ้างตามควรแก่บาป และ บุญ
เป็นอันว่า กามสุคติบุคคลจุตินั้น ย่อมเกิดได้ทั้ง ๓๑ ภูมิ


ไม่รู้ละเอียดพอป่าว มีละเอียดกว่านี้นะ
แต่ไม่พิมพ์แระ แนะนำให้ไปเรียนเอา

อนุโมทนาสาธุ

:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2010, 12:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


aswakos เขียน:
ไม่รู้ละเอียดพอป่าว มีละเอียดกว่านี้นะ
แต่ไม่พิมพ์แระ แนะนำให้ไปเรียนเอา

อนุโมทนาสาธุ

:b12:


อิ อิ :b9: :b9: รู้น่ะ ว่าเมื่อยแล้ว...

โอเชย์ โอเชย์... จะหาโอกาสไปศึกษาเพิ่มเติม...

เพราะ...เอกอนชอบฝันว่ามีคนมาฝึกให้เอกอนตาย...ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
คือ...ไม่ตื่นด้วยนะ...คือให้ชิน...
เพราะมันเป็นสิ่งจำเป็นที่เอกอนต้องได้ใช้...
ซึ่งเอกอน...รู้อยู่แก่ใจดี...ว่าอะไร...

ไม่รู้ ไม่รู้ .... :b1: :b1: ... อิ อิ เป็นเรื่องเพี้ยน ๆ ของเอกอน... :b9: :b9:

ซึ่ง...สิ่งที่เอกอนคิดว่าเพี้ยนนั้น วันหนึ่งเอกอนก็ดันอ่านไปเจอ...
บทความที่กล่าวถึง...เคสนี้เอาไว้... :b14: :b14: ...หุ้ย... :b9: :b9:
ซึ่งมันตรงกับความเข้าใจที่มันฝังตัวอยู่ใน...บ่อน้ำสีดำ...นั้นพอดิบพอดี
ราวกะ...ลอกข้อสอบกัน...
บ่อน้ำสีดำ คือ...
การมีชีวิต...มันเป็นเพียงส่วนหนึ่ง...ของความจริง
มันเป็นเพียง...ส่วนของภูเขาน้ำแข็งที่โผล่มาเหนือน้ำ...
บ่อน้ำสีดำ คือ...ส่วนที่อยู่ใต้น้ำ...

ความรู้...ความเข้าใจในลักษณะนี้
เอกอน...ไม่ได้...เชื่อ...และไม่ได้...ไม่เชื่อ...
เพียงแต่ตั้งข้อสังเกต...เอาไว้...
เพราะ...ทุกอย่างมันมี เหตุ มี ผล ของมัน...
มันเหมือน...มายากล...ที่ซ้อน ๆ กันอยู่...

อิ อิ ...ศรีธัญญา...จ๋า...รอข้าด้วย... :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2010, 15:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
พวกเรามองผลข้างปลาย ไม่มองที่เหตุ คือ ดูว่าตายแล้วจะไปเกิดเป็นอะไร ไม่มองปัจจุบัน ณ เดี๋ยวนี้ ขณะ

ชีวิตนี้ เลยจึงอยู่กับความหวัง โดยไม่สร้างเหตุในปัจจุบัน เอาพุทธพจน์มาให้ดูกัน อาจมองเห็นเรื่องดังกล่าว

บ้าง







:b20: :b20:

:b2: :b2: :b2:

จานป้อ...มาเที่ยวบ้าน.... :b2: :b2: :b2:

จานป้อ...มาเที่ยวบ้าน.... :b2: :b2: :b2:

:b8: :b8: :b8: :b8:

ขอบคุณค่ะ.....ร้อน ๆ อย่างนี้...ต้องนี่เลย.....

รูปภาพ

:b48: :b48: :b48:




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2010, 15:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เพราะ...ทุกอย่างมันมี เหตุ มี ผล ของมัน...
มันเหมือน...มายากล...ที่ซ้อน ๆ กันอยู่...

อิ อิ ...ศรีธัญญา...จ๋า...รอข้าด้วย...


ถามหา ศรีธัญญา อยากให้ไบกอนฟังเพลงแหล่นิทานอิสป เรื่องกระต่ายกับเต่า (เริ่มสตาร์ทจาก

เชียงใหม่...เข้า กทม.)

http://thai-ice.org/radio/pondphirom.html

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 06 มี.ค. 2010, 16:02, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2010, 16:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
เพราะ...ทุกอย่างมันมี เหตุ มี ผล ของมัน...
มันเหมือน...มายากล...ที่ซ้อน ๆ กันอยู่...

อิ อิ ...ศรีธัญญา...จ๋า...รอข้าด้วย...


ถามหา ศรีธัญญา อยากให้ไบกอนฟังเพลงแหล่นิทานอิสป เรื่องกระต่ายกับเต่า (เริ่มสตาร์ทจาก

เชียงใหม่...เข้า กทม.)

http://thai-ice.org/radio/pondphirom.html


:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2010, 16:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ทุกอย่างมันมี เหตุ มี ผล ของมัน...
มันเหมือน...มายากล...ที่ซ้อน ๆ กันอยู่



พูดถึง มายากล ต้องนี่เลย รู้ว่าการเล่นกลนั้นไม่จริง แต่คนดูก็จับไม่ได้ว่าโกหก


"พระพุทธเจ้า ได้ตรัสแสดงไว้ว่า

รูปอุปมาเหมือนฟูมฟองน้ำ

เวทนาอุปมาเหมือนฟองน้ำฝน

สัญญาอุปมาเหมือนพยับแดด

สังขารอุปมาเหมือนต้นกล้วย

วิญญาณอุปมาเหมือนมายากล ภิกษุพินิจดู โดยแยบคาย

ซึ่งขันธ์ 5 นั้น โดยประการใดๆ ก็มีแต่สภาวะที่ว่างเปล่า

พระผู้ทรงปัญญาดังผืนแผ่นดิน ทรงปรารภร่างกายนี้แล้วทรงแสดงการละธรรม 3 อย่าง (โลภะ โทสะ

โมหะ หรือ ตัณหา มานะ ทิฏฐิ) ไว้ ท่านทั้งหลาย จงดูรูปที่เขาทิ้งแล้ว

เมื่อใด อายุ ไออุ่น และวิญญาณ ละกายนี้

เมื่อนั้น ร่างกายก็ถูกทิ้งนอนไร้จิตใจ กลายเป็นอาหารของสัตว์อื่น นี้แหละการสืบต่อชีวิตก็อย่างนี้

มันเป็นมายากล หลอกคนโง่ให้เพ้อ

ได้บอกแล้วว่า ขันธ์ 5 นี้เป็นผู้ล่าสังหารอยู่ในตัว จะหาแก่นสารในขันธ์ 5 นี้ย่อมไม่มี

ภิกษุระดมความเพียรแล้ว พึงพิจารณาขันธ์ทั้งหลาย โดยมีสติสัมปชัญญะ มีสติมั่น ทั้งวันทั้งคืน

พึงละเครื่องผูกมัดเสียให้หมด พึงสร้างที่พึ่งให้แก่ตน เมื่อปรารถนาอัจจุบท (นิพพาน) ก็พึงประพฤติ

เหมือนดังคนที่ศีรษะถูกไฟไหม้"

(สํ.ข.17/247/174)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 06 มี.ค. 2010, 16:11, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2010, 16:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ขันธ์ 5 นี้เป็นผู้ล่าสังหารอยู่ในตัว จะหาแก่นสารในขันธ์ 5 นี้ย่อมไม่มี

ภิกษุระดมความเพียรแล้ว พึงพิจารณาขันธ์ทั้งหลาย โดยมีสติสัมปชัญญะ มีสติมั่น ทั้งวันทั้งคืน


ระดมความเพียรแล้ว พึงพิจารณาขันธ์ทั้งหลาย โดยมีสติสัมปชัญญะ มีสติมั่น

ธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอนในกำมือนั้นก็วนๆอยู่เพียงชีวิตหรือขันธ์ 5 นี่

ด้วยขันธ์ 5 เป็นนักล่าสังหาร ท่านจึงให้ฝึกฝนอบรมเจริญสติสัมปชัญญะ

:b1: แม้พระพุทธเจ้าจะสอนไว้ชัดเจนถึงอย่างนี้ กระนั้นเราชาวพุทธ (ส่วนหนึ่ง) ก็ยังหาช่องหาทางออก

ไม่เห็น ติดวนไปวนมา เพราะมันเป็นมายากลนี่เอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 06 มี.ค. 2010, 16:20, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2010, 16:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ทุกอย่างมันมี เหตุ มี ผล ของมัน...
มันเหมือน...มายากล...ที่ซ้อน ๆ กันอยู่



พูดถึง มายากล ต้องนี่เลย รู้ว่าการเล่นกลนั้นไม่จริง แต่คนดูก็จับไม่ได้ว่าโกหก


"พระพุทธเจ้า ได้ตรัสแสดงไว้ว่า

รูปอุปมาเหมือนฟูมฟองน้ำ

เวทนาอุปมาเหมือนฟองน้ำฝน

สัญญาอุปมาเหมือนพยับแดด

สังขารอุปมาเหมือนต้นกล้วย

วิญญาณอุปมาเหมือนมายากล ภิกษุพินิจดู โดยแยบคาย

ซึ่งขันธ์ 5 นั้น โดยประการใดๆ ก็มีแต่สภาวะที่ว่างเปล่า

.........

เมื่อนั้น ร่างกายก็ถูกทิ้งนอนไร้จิตใจ กลายเป็นอาหารของสัตว์อื่น นี้แหละการสืบต่อชีวิตก็อย่างนี้

มันเป็นมายากล หลอกคนโง่ให้เพ้อ

ได้บอกแล้วว่า ขันธ์ 5 นี้เป็นผู้ล่าสังหารอยู่ในตัว จะหาแก่นสารในขันธ์ 5 นี้ย่อมไม่มี

ภิกษุระดมความเพียรแล้ว พึงพิจารณาขันธ์ทั้งหลาย โดยมีสติสัมปชัญญะ มีสติมั่น ทั้งวันทั้งคืน

พึงละเครื่องผูกมัดเสียให้หมด พึงสร้างที่พึ่งให้แก่ตน เมื่อปรารถนาอัจจุบท (นิพพาน) ก็พึงประพฤติ

เหมือนดังคนที่ศีรษะถูกไฟไหม้
"

(สํ.ข.17/247/174)


:b8: :b8:

:b17: :b17: :b17: :b17:

ซ้าย-ขวา-หน้า-หลัง หย่อนมุมไหน...จานป้อ...ส่งกลับมาได้หมด...เลยยยย... :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 03:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2010, 09:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


***จำชาติก่อนได้ คือจำขันธ์ ๕ ได้***

ปัญหา การที่บุคคลบางคนสามารถระลึกชาติก่อนได้นั้น เขาระลึกอะไรได้ และระลึกอย่างไร ?

พุทธดำรัส ตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด เหล่าหนึ่ง.... ย่อมตามระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ก็ย่อมตามระลึกถึงอุปาทานขันธ์ ทั้ง ๕ หรือ ขันธ์ ใดขันธ์หนึ่ง... คือ ย่อมตามระลึกถึง รูป... เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ ดังนี้ว่าในอดีตกาลเราเป็นผู้มี รูป... เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ อย่างนี้....”

ขัชชนิสูตร ขันธ. สํ. (๑๕๘)
ตบ. ๑๗ : ๑๐๕ ตท. ๑๗ : ๙๔-๙๕
ตอ. K.S. ๓ : ๗๒


.....จริงอยู่ ในบทนี้ กายก็ดี หญิงก็ดี ชายก็ดี
ธรรมใดๆ อื่นก็ดีพ้นจากการประชุมกันตามที่กล่าวแล้ว ย่อมไม่ปรากฏ.
แต่ในเหตุเพียงการประชุมธรรมตามที่กล่าวแล้วนั่นแล
สัตว์ทั้งหลายย่อมทำการยึดมั่นผิดอย่างนั้นๆ.


...ด้วยเหตุนั้น ท่านโบราณาจารย์ทั้งหลายจึงกล่าวไว้ว่า

ยํ ปสฺสติ น ตํ ทิฏฺฐํ ยํ ทิฏฺฐํ ตํ น ปสฺสติ
อปสฺสํ พชฺฌเต มูฬฺโห พชฺฌมาโน น มุจฺจติ


บุคคลเห็นสิ่งใด สิ่งนั้น ชื่อว่าอันเขาเห็นแล้ว ก็หาไม่
สิ่งใดที่เห็นแล้ว ชื่อว่าย่อมไม่เห็นสิ่งนั้น คนหลงเมื่อ
ไม่เห็นย่อมติด เมื่อติดย่อมไม่หลุดพ้น ดังนี้.

:b51: :b46: :b51: :b46: :b51: :b46:

............................


อืมห์....เดี๋ยวจะลองหาพระสูตรที่เกี่ยวข้อง มาลงนะ...
เพราะ...นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่...ผู้ศึกษาธรรม พึงทำให้แจ้ง...

หรือจะมีเพื่อนท่านใด อยากร่วมสนุก... ตามสบาย

คำว่าแจ้ง...กับรู้นั้น... ผลที่มีต่อจิตใจมันต่างกัน...
ความรู้...นั้น...ต่อให้รู้ละเอียดละออเพียงใด... ก็มิอาจคลายความยึดติดได้
คือมันต้องคอยมีความรู้ผุดมาบ่มตนเสมอ ๆ...ว่านั่นคือทาง นั่นไม่ใช่ทาง...

แต่...แจ้ง...นั้น... มันจะเกิดการตัดขาด...จากการยึดติด...โดยทันที...
มันไม่ติด...ก็คือ...มันไม่ติด... อาวุธที่เคยถืออยู่ในมือ...ก็ไม่จำเป็นต้องถือต่อไป...
เพราะ... มันไม่ใช่สิ่งที่...จะทำอะไรเราได้อีกแล้ว...


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 10 มี.ค. 2010, 09:47, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2010, 09:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


***สติสูตร***

[๑๘๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
-เมื่อสติสัมปชัญญะไม่มี หิริและโอตตัปปะชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีสติและสัมปชัญญะวิบัติกำจัดเสียแล้ว
-เมื่อหิริและโอตตัปปะไม่มี อินทรีย์สังวรชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีหิริและโอตตัปปะวิบัติกำจัดเสียแล้ว
-เมื่ออินทรีย์สังวรไม่มี ศีลชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีอินทรีย์สังวรวิบัติกำจัดเสียแล้ว
-เมื่อศีลไม่มี สัมมาสมาธิชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีศีลวิบัติกำจัดเสียแล้ว
-เมื่อสัมมาสมาธิไม่มี ยถาภูตญาณทัสสนะชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีสัมมาสมาธิวิบัติกำจัดเสียแล้ว
-เมื่อยถาภูตญาณทัสสนะไม่มี นิพพิทาวิราคะชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มียถาภูตญาณทัสนะวิบัติกำจัดเสียแล้ว
-เมื่อนิพพิทาวิราคะไม่มี วิมุตติญาณทัสสนะ ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีนิพพิทาวิราคะวิบัติกำจัดเสียแล้ว
-เปรียบเหมือนต้นไม้มีกิ่งและใบวิบัติแล้ว แม้กะเทาะของต้นไม้นั้น ย่อมไม่บริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กะพี้ แม้แก่นของต้นไม้นั้นก็ย่อมไม่บริบูรณ์ ฉะนั้น ฯ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
-เมื่อสติสัมปชัญญะมีอยู่ หิริและโอตตัปปะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยสติและสัมปชัญญะ
-เมื่อหิริและโอตตัปปะมีอยู่ อินทรีย์สังวรชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยหิริและโอตตัปปะ
-เมื่ออินทรีย์สังวรมีอยู่ ศีลชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยอินทรีย์สังวร เมื่อศีลมีอยู่ สัมมาสมาธิชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยศีล
-เมื่อสัมมาสมาธิมีอยู่ ยถาภูตญาณทัสสนะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยสัมมาสมาธิ
-เมื่อยถาภูตญาณทัสสนะมีอยู่ นิพพิทาวิราคะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยยถาภูตญาณทัสสนะ
-เมื่อนิพพิทาวิราคะมีอยู่ วิมุตติญาณทัสสนะชื่อว่ามีเหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยนิพพิทาวิราคะ
-เปรียบเหมือนต้นไม้ที่มีกิ่งและใบสมบูรณ์แม้กะเทาะของต้นไม้นั้นก็ย่อมบริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กะพี้ แม้แก่นของต้นไม้นั้นก็ย่อมบริบูรณ์ ฉะนั้น ฯ


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2010, 11:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 49

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: ธรรมกับโลกไม่ได้แยกจากกัน ธรรมะเอื้อต่อการดำเนินชีวิต ธรรมะมีคุณค่ายิ่ง มาช่วยกันเผยแผ่ธรรมะ กันนะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2010, 21:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2010, 15:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b12:
...กระทู้นี้แนะนำตัวยาวดีจังเลย...ตัวเอง...
:b9: :b32:
...ขอแวะมาพักครู่นึง...ยินดีที่ได้รู้จักอ่ะนะ...
...เอไก๋หว่า...เอรากอน...พันธุ์พิเศษ...
...ตาโต๊โต...โต...โต...โต...
:b20:
...เทรนเกาหลี...ซุดฮ้อนนนน...Hot!!!!!...
:b27:
:b55: :b55: :b55: :b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2010, 15:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
tongue
:b12:
...กระทู้นี้แนะนำตัวยาวดีจังเลย...ตัวเอง...
:b9: :b32:
...ขอแวะมาพักครู่นึง...ยินดีที่ได้รู้จักอ่ะนะ...
...เอไก๋หว่า...เอรากอน...พันธุ์พิเศษ...
...ตาโต๊โต...โต...โต...โต...
:b20:
...เทรนเกาหลี...ซุดฮ้อนนนน...Hot!!!!!...
:b27:
:b55: :b55: :b55: :b55: :b55:


:b32: :b32:

นี่...ตะเอง...บ้านหลวงจีน...ยาวกว่าเค้าอีก...ไปดูดิ่...ไปดูดิ่...

จะเริ่มสอนอภิธรรม....กันแล้วด้วย....อย่าหาว่าเราพูดเป็นเล่นไป... :b14: :b14:

:b9: :b9: :b9:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 122 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 23 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร