ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
แอบขำ หาอะไรขำๆน่ารักแบ่งกันชม (๓) http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=29&t=54114 |
หน้า 17 จากทั้งหมด 17 |
เจ้าของ: | bigtoo [ 24 พ.ค. 2019, 16:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แอบขำ หาอะไรขำๆน่ารักแบ่งกันชม (๓) |
วิริยะ เขียน: .. เรื่องธรรมดาของผู้มีเมตตา ที่ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ท่านจึงว่า "โลโก ปตฺถมฺภิกา เมตฺตา" เมตตาธรรมค้ำจุนโลก หากขาดเมตตาเสียแล้ว โลกจะอยู่กันอย่างไร เรื่องเมตตามันดีนะใครๆก็ว่าดี ตำหนิไม่ได้เลย. ขีวิตผมผูกพันกับกมาแมวมาตลอดไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน จะเป็นคนคอยดูแลหมาแมวตลอดนามที่เห็นมันไม่มีคนดูแล. หมาในตลาดซื้อไก่สับกับข้าวให้กินวันละ100-200ทุกวัน. ตอนที่มีชีวิตในตลาด. ตอนบวชก็เป็นคนเอาข้าวให้หมากิน. ตอนมาซื้อบ้านอยู่ก็เลี้ยงหมาอีกหลายตัวหาซื้อกับข้าวทำให้มันกินอยู่หลายปี และก็เลี้ยงแมวอีก. อยู่มาวันหนึ่ง. ผมก็ทำกิจกรรมแบบนี้แก่สัตว์อีกเลยไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกเลยมา3ปีแล้ว. ไม่บอกสาเหตุ. แต่ผู้ใดกระทำก็ไม่ตำหนิเพราะรู้เหตุปัจจัยได้ดี. พี่สาวผมก็เอาหมาพเนจรมาเลี้ยง10ตัว. ก็เพียงบอกเขาว่าทำอะไรให้ทำแต่พอดี เลี้ยงไปแล้วก็ทนเลี้ยงไป. หมดแล้วก็ไม่ต้องแสวงหาอีก.ส่วนผมไม่ยุ่งเกี่ยวแล้วกับสิ่งมีชีวิตต่างคนต่างอยู่ กรรมใครกรรมมัน
เราจึงเห็น มูลนิธิโน้นนี่มากมาย เข้ามาช่วยเหลือสารพัดสัตว์โลกทั้งหลาย แม้แต่ผู้คนยากไร้อนาถา เจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ ก็มีมูลนิธิรองรับ เหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะความเมตตา "เมตตาเป็นเหตุ กรุณาเป็นผล" ผู้มีเมตตาแท้ย่อมมีกรุณา คืออยากช่วยไม่ว่าสัตว์หรือคนให้พ้นทุกข์และยินดีทำ ไม่ว่าจะช่วยเหลือเอง หรือบริจาคเงินสิ่งของต่าง ๆ แต่เมื่อเกินความสามารถ ก็ต้องปล่อยวาง ทำใจให้เป็นกลาง ปล่อยให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม อย่างนี่เรียกว่า "อุเบกขา" ซึ่งจะทำให้เราไม่ทุกข์ใจ เพราะเมตตากรุณาล้นเกิน "เมตตา" เป็นหนึ่งในพรหมวิหารสี่ "ธรรมของผู้เป็นใหญ่" - เมตตา ความรัก แก้ความโกรธ - กรุณา ความสงสาร แก้ความเบียดเบียน - มุทิตา ความยินดี แก้ความอิจฉาริษยา - อุเบกขา การวางใจเป็นกลาง แก้ความเครียด ความฟุ้งซ่าน ธรรมของพระพุทธเจ้า ผู้ปฏิบัติถูกต้องย่อมได้รับคุณประโยชน์มหาศาล เกิดความสงบร่มเย็นแก่จิตใจ ผู้ปฏิบัติผิดเห็นผิดย่อมเกิดโทษมากกว่าคุณ เพราะฉะนั้น ผู้จะบำเพ็ญพรหมวิหารสี่ จึงสมควรศึกษาและทำความเข้าใจให้ท่องแท้ "คุณของเมตตานั้นนับได้อเนกอนันต์" "เมตตา จัดเป็นบารมี" ผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า จะต้องบำเพ็ญถึงสามขั้น คือ บารมี อุปบารมีและปรมัตถบารมี ให้ครบถ้วนบริบูรณ์ .. |
เจ้าของ: | sssboun [ 24 พ.ค. 2019, 17:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แอบขำ หาอะไรขำๆน่ารักแบ่งกันชม (๓) |
bigtoo เขียน: วิริยะ เขียน: .. เรื่องธรรมดาของผู้มีเมตตา ที่ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ท่านจึงว่า "โลโก ปตฺถมฺภิกา เมตฺตา" เมตตาธรรมค้ำจุนโลก หากขาดเมตตาเสียแล้ว โลกจะอยู่กันอย่างไร เรื่องเมตตามันดีนะใครๆก็ว่าดี ตำหนิไม่ได้เลย. ขีวิตผมผูกพันกับกมาแมวมาตลอดไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน จะเป็นคนคอยดูแลหมาแมวตลอดนามที่เห็นมันไม่มีคนดูแล. หมาในตลาดซื้อไก่สับกับข้าวให้กินวันละ100-200ทุกวัน. ตอนที่มีชีวิตในตลาด. ตอนบวชก็เป็นคนเอาข้าวให้หมากิน. ตอนมาซื้อบ้านอยู่ก็เลี้ยงหมาอีกหลายตัวหาซื้อกับข้าวทำให้มันกินอยู่หลายปี และก็เลี้ยงแมวอีก. อยู่มาวันหนึ่ง. ผมก็ทำกิจกรรมแบบนี้แก่สัตว์อีกเลยไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกเลยมา3ปีแล้ว. ไม่บอกสาเหตุ. แต่ผู้ใดกระทำก็ไม่ตำหนิเพราะรู้เหตุปัจจัยได้ดี. พี่สาวผมก็เอาหมาพเนจรมาเลี้ยง10ตัว. ก็เพียงบอกเขาว่าทำอะไรให้ทำแต่พอดี เลี้ยงไปแล้วก็ทนเลี้ยงไป. หมดแล้วก็ไม่ต้องแสวงหาอีก.ส่วนผมไม่ยุ่งเกี่ยวแล้วกับสิ่งมีชีวิตต่างคนต่างอยู่ กรรมใครกรรมมันเราจึงเห็น มูลนิธิโน้นนี่มากมาย เข้ามาช่วยเหลือสารพัดสัตว์โลกทั้งหลาย แม้แต่ผู้คนยากไร้อนาถา เจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ ก็มีมูลนิธิรองรับ เหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะความเมตตา "เมตตาเป็นเหตุ กรุณาเป็นผล" ผู้มีเมตตาแท้ย่อมมีกรุณา คืออยากช่วยไม่ว่าสัตว์หรือคนให้พ้นทุกข์และยินดีทำ ไม่ว่าจะช่วยเหลือเอง หรือบริจาคเงินสิ่งของต่าง ๆ แต่เมื่อเกินความสามารถ ก็ต้องปล่อยวาง ทำใจให้เป็นกลาง ปล่อยให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม อย่างนี่เรียกว่า "อุเบกขา" ซึ่งจะทำให้เราไม่ทุกข์ใจ เพราะเมตตากรุณาล้นเกิน "เมตตา" เป็นหนึ่งในพรหมวิหารสี่ "ธรรมของผู้เป็นใหญ่" - เมตตา ความรัก แก้ความโกรธ - กรุณา ความสงสาร แก้ความเบียดเบียน - มุทิตา ความยินดี แก้ความอิจฉาริษยา - อุเบกขา การวางใจเป็นกลาง แก้ความเครียด ความฟุ้งซ่าน ธรรมของพระพุทธเจ้า ผู้ปฏิบัติถูกต้องย่อมได้รับคุณประโยชน์มหาศาล เกิดความสงบร่มเย็นแก่จิตใจ ผู้ปฏิบัติผิดเห็นผิดย่อมเกิดโทษมากกว่าคุณ เพราะฉะนั้น ผู้จะบำเพ็ญพรหมวิหารสี่ จึงสมควรศึกษาและทำความเข้าใจให้ท่องแท้ "คุณของเมตตานั้นนับได้อเนกอนันต์" "เมตตา จัดเป็นบารมี" ผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า จะต้องบำเพ็ญถึงสามขั้น คือ บารมี อุปบารมีและปรมัตถบารมี ให้ครบถ้วนบริบูรณ์ .. อยู่อย่างไม่เบียดเบียนกัน และรู้จักเลือกทำสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลที่ยิ่งกว่า ทำแบบไม่เป็นการเพิ่มภาระตนเองขึ้นมาอีกก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ดีครับ |
เจ้าของ: | sssboun [ 24 พ.ค. 2019, 18:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แอบขำ หาอะไรขำๆน่ารักแบ่งกันชม (๓) |
Quote Tipitaka: ๔. อุเบกขาภาวนา การภาวนาอุเบกขาพรหมวิหารนี้ มีข้อแปลกจากพรหมวิหาร ๒ ข้างต้น ที่โยคีบุคคลควรทราบ คือพรหมวิหาร ๓ ข้างต้นนั้น ใคร ๆ ก็ตามเมื่อมีความประสงค์จะเจริญภาวนาแล้ว ก็ลงมือปฏิบัติกันได้ทุกคนและโดยทันทีทีเดียว ส่วนอุเบกขาพรหมวิหารนี้ หาปฏิบัติเช่นนั้นได้ไม่ ผู้ที่จะลงมือปฏิบัติมีเขตจำกัดไว้เป็นธรรมนิยมเฉพาะแต่ผู้ที่เป็นฌานลาภีบุคคล คือผู้ได้ปฏิบัติพรหมวิหาร ๓ เบื้องต้นข้อใดข้อหนึ่งจนได้บรรลุถึงขั้นตติยฌานโดยจตุกกนัยหรือจตุตถฌานโดยปัญจกนัยมาแล้วเท่านั้น จึงจะลงมือเจริญภาวนาอุเบกขาพรหมวิหารเป็นผลสำเร็จมาแต่พรหมวิหาร ๓ ข้างต้นโดยเฉพาะ และอุเบกขาพรหมวิหารนี้ เข้าประกอบได้แต่ในจตุตถฌานโดยจตุกกนัยหรือในปัญจมฌานโดยปัญจกนัยเท่านั้น หาได้ประกอบในฌานต้น ๆ ไม่ เจริญอุเบกขาในบุคคลกลางๆอันดับแรก เพราะฉะนั้น โยคีบุคคลผู้ฌานลาภี มีความประสงค์จะเจริญอุเบกขาพรหมวิหารนั้น ก่อนแต่จะลงมือปฏิบัติ ต้องเข้าสู่ตติยฌานที่ตนได้ทำให้ชำนาญคล่องแคล่วมาด้วยวสี ๕ ด้วยอำนาจฌาน ๓ หรือฌาน ๔ แล้วแต่กรณีที่ได้สำเร็จมาในเมตตาหรือกรุณาหรือมุทิตากรรมฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ครั้นออกจากตติยฌานแล้ว พึงพิจารณาให้เห็นโทษของเมตตา, กรุณา และมุทิตาว่า ต่างก็ยังมีการต้องสาละวนสนใจอยู่ในสัตว์ทั้งหลาย ด้วยการส่งจิตไปว่า ขอให้สัตว์ทั้งปวงจงมีความสุขเถิด เป็นต้น และยังมีอาการเป็นไปใกล้ต่อความรักและความชังอยู่ กับทั้งยังมีอาการเป็นไปใกล้ต่อความดีใจในอันที่จะต้องส่งจิตไปว่า ขอสัตว์ทั้งปวงจงมีความสุขเถิด (เมตตา) ขอสัตว์ทั้งปวงจงพ้นจากทุกข์เสียเถิด (กรุณา) ขอสัตว์ทั้งปวงจงเจริญ ๆ เถิด (มุทิตา) ประกอบด้วยมีองค์ฌานที่หยาบ เพราะฌานนั้น ๆ ยังประกอบด้วยโสมนัสเวทนาอยู่ ฉะนี้ ครั้นแล้วพึงพิจารณาให้เห็นอานิสงส์ของอุเบกขาพรหมวิหาร เป็นต้นว่า เป็นสภาพที่ละเอียดสุขุม ประณีต ห่างไกลจากกิเลสมาก และมีผลอันกว้างใหญ่ไพศาลกว่าพรหมวิหาร ๓ ข้างต้น ฉะนี้ ลำดับนั้น โยคีบุคคลพึงเพ่งจิตเป็นกลาง ๆ ไปยังผู้คนเป็นกลาง ๆ กับตน อย่างแล้ว ๆ เล่า ๆ โดยวิธีที่มองในแง่ที่คนทุกคนรวมทั้งตนเองด้วยเป็นผู้มีกรรมเป็นของแห่งตนว่า คนผู้นี้เมื่อเขาจะมาเกิดในโลกนี้ หากเขามาด้วยอำนาจกรรมที่เขาได้ทำเอาไว้เอง เมื่อเขาจะจากโลกนี้ไปนั้นเล่า เขาก็จะต้องไปด้วยอำนาจกรรมที่เขาได้ทำไว้เอง แม้ตัวเราบ้างก็เหมือนกัน เมื่อจะมาในโลกนี้หรือจะจากโลกนี้ไปก็สำเร็จด้วยอำนาจกรรมที่ ตัวเราเองได้ทำไว้เองทั้งสิ้น การที่เราจะช่วยกอบโกยเอาความสุขใจมาให้ หรือจะช่วยปลดปลิดความทุกข์ใจออกให้แก่ผู้คนนี้ด้วยความพยายามของเราเองนั้น หาใช่วิสัยที่จะเป็นไปได้ไม่ และการมัวสาละวนวุ่นวายอยู่ในสัตว์ทั้งหลาย ด้วยการแผ่เมตตาจิตบ้างกรุณาจิตบ้าง มุทิตาจิตบ้างไปถึงเขาผู้นี้ มิใช่เป็นการกระทำที่ถูกต้องตรงตามความมุ่งหมายแท้ทีเดียว การวางใจไว้เป็นกลาง ๆ ในสัตว์ทั้งปวงนี้ต่างหาก เป็นมรรคาที่พระอริยเจ้าทั้งหลายมีพระพุทธเจ้า เป็นต้น ดำเนินไปแล้ว และเป็นปฏิปทาที่ตรงเป้าหมายในทางปฏิบัติ โยคีบุคคลพึงส่งจิตไปในบุคคลนั้นด้วยบทภาวนาดังนี้ว่า : - อยํ สตฺโต กมฺมสฺสโก โหติ สัตว์ผู้นี้เป็นผู้มีกรรมเป็นของแห่งตน ถ้าตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไปว่า : - เอเต สตฺตา กมฺมสฺสกา โหนฺติ สัตว์ทั้งหลายเหล่านี้เป็นผู้มีกรรมเป็นของแห่งตน ที่มา พอดีอ่านมาถึงแถวนี้เลยนำมาฝากครับ https://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84_%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1_%E0%B9%92_%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4_%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%97%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%99_%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8_%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%91_-_%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%95 |
เจ้าของ: | bigtoo [ 24 พ.ค. 2019, 18:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แอบขำ หาอะไรขำๆน่ารักแบ่งกันชม (๓) |
sssboun เขียน: bigtoo เขียน: วิริยะ เขียน: .. เรื่องธรรมดาของผู้มีเมตตา ที่ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ท่านจึงว่า "โลโก ปตฺถมฺภิกา เมตฺตา" เมตตาธรรมค้ำจุนโลก หากขาดเมตตาเสียแล้ว โลกจะอยู่กันอย่างไร เรื่องเมตตามันดีนะใครๆก็ว่าดี ตำหนิไม่ได้เลย. ขีวิตผมผูกพันกับกมาแมวมาตลอดไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน จะเป็นคนคอยดูแลหมาแมวตลอดนามที่เห็นมันไม่มีคนดูแล. หมาในตลาดซื้อไก่สับกับข้าวให้กินวันละ100-200ทุกวัน. ตอนที่มีชีวิตในตลาด. ตอนบวชก็เป็นคนเอาข้าวให้หมากิน. ตอนมาซื้อบ้านอยู่ก็เลี้ยงหมาอีกหลายตัวหาซื้อกับข้าวทำให้มันกินอยู่หลายปี และก็เลี้ยงแมวอีก. อยู่มาวันหนึ่ง. ผมก็ทำกิจกรรมแบบนี้แก่สัตว์อีกเลยไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกเลยมา3ปีแล้ว. ไม่บอกสาเหตุ. แต่ผู้ใดกระทำก็ไม่ตำหนิเพราะรู้เหตุปัจจัยได้ดี. พี่สาวผมก็เอาหมาพเนจรมาเลี้ยง10ตัว. ก็เพียงบอกเขาว่าทำอะไรให้ทำแต่พอดี เลี้ยงไปแล้วก็ทนเลี้ยงไป. หมดแล้วก็ไม่ต้องแสวงหาอีก.ส่วนผมไม่ยุ่งเกี่ยวแล้วกับสิ่งมีชีวิตต่างคนต่างอยู่ กรรมใครกรรมมันเราจึงเห็น มูลนิธิโน้นนี่มากมาย เข้ามาช่วยเหลือสารพัดสัตว์โลกทั้งหลาย แม้แต่ผู้คนยากไร้อนาถา เจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ ก็มีมูลนิธิรองรับ เหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะความเมตตา "เมตตาเป็นเหตุ กรุณาเป็นผล" ผู้มีเมตตาแท้ย่อมมีกรุณา คืออยากช่วยไม่ว่าสัตว์หรือคนให้พ้นทุกข์และยินดีทำ ไม่ว่าจะช่วยเหลือเอง หรือบริจาคเงินสิ่งของต่าง ๆ แต่เมื่อเกินความสามารถ ก็ต้องปล่อยวาง ทำใจให้เป็นกลาง ปล่อยให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม อย่างนี่เรียกว่า "อุเบกขา" ซึ่งจะทำให้เราไม่ทุกข์ใจ เพราะเมตตากรุณาล้นเกิน "เมตตา" เป็นหนึ่งในพรหมวิหารสี่ "ธรรมของผู้เป็นใหญ่" - เมตตา ความรัก แก้ความโกรธ - กรุณา ความสงสาร แก้ความเบียดเบียน - มุทิตา ความยินดี แก้ความอิจฉาริษยา - อุเบกขา การวางใจเป็นกลาง แก้ความเครียด ความฟุ้งซ่าน ธรรมของพระพุทธเจ้า ผู้ปฏิบัติถูกต้องย่อมได้รับคุณประโยชน์มหาศาล เกิดความสงบร่มเย็นแก่จิตใจ ผู้ปฏิบัติผิดเห็นผิดย่อมเกิดโทษมากกว่าคุณ เพราะฉะนั้น ผู้จะบำเพ็ญพรหมวิหารสี่ จึงสมควรศึกษาและทำความเข้าใจให้ท่องแท้ "คุณของเมตตานั้นนับได้อเนกอนันต์" "เมตตา จัดเป็นบารมี" ผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า จะต้องบำเพ็ญถึงสามขั้น คือ บารมี อุปบารมีและปรมัตถบารมี ให้ครบถ้วนบริบูรณ์ .. อยู่อย่างไม่เบียดเบียนกัน และรู้จักเลือกทำสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลที่ยิ่งกว่า ทำแบบไม่เป็นการเพิ่มภาระตนเองขึ้นมาอีกก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ดีครับ ความชั่วดูจะละง่าย. ความดีนี่แหล่ะละยากสุด. แต่เรื่องนี้มันพูดยาก. เพราะใครห้ามคนให้ทานนั่นไม่ใช่มิตร. และผมบอกพี่สาวผมถ้ามีเมตตาสงสาร ให้ทำอาหารไปให้กิน ทำไดทุกวันก็ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเอาเข้าบ้านเพราะมีแต่ปัญหาตามมามากมาย. |
เจ้าของ: | sssboun [ 24 พ.ค. 2019, 19:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แอบขำ หาอะไรขำๆน่ารักแบ่งกันชม (๓) |
bigtoo เขียน: sssboun เขียน: bigtoo เขียน: วิริยะ เขียน: .. เรื่องธรรมดาของผู้มีเมตตา ที่ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ท่านจึงว่า "โลโก ปตฺถมฺภิกา เมตฺตา" เมตตาธรรมค้ำจุนโลก หากขาดเมตตาเสียแล้ว โลกจะอยู่กันอย่างไร เรื่องเมตตามันดีนะใครๆก็ว่าดี ตำหนิไม่ได้เลย. ขีวิตผมผูกพันกับกมาแมวมาตลอดไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน จะเป็นคนคอยดูแลหมาแมวตลอดนามที่เห็นมันไม่มีคนดูแล. หมาในตลาดซื้อไก่สับกับข้าวให้กินวันละ100-200ทุกวัน. ตอนที่มีชีวิตในตลาด. ตอนบวชก็เป็นคนเอาข้าวให้หมากิน. ตอนมาซื้อบ้านอยู่ก็เลี้ยงหมาอีกหลายตัวหาซื้อกับข้าวทำให้มันกินอยู่หลายปี และก็เลี้ยงแมวอีก. อยู่มาวันหนึ่ง. ผมก็ทำกิจกรรมแบบนี้แก่สัตว์อีกเลยไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกเลยมา3ปีแล้ว. ไม่บอกสาเหตุ. แต่ผู้ใดกระทำก็ไม่ตำหนิเพราะรู้เหตุปัจจัยได้ดี. พี่สาวผมก็เอาหมาพเนจรมาเลี้ยง10ตัว. ก็เพียงบอกเขาว่าทำอะไรให้ทำแต่พอดี เลี้ยงไปแล้วก็ทนเลี้ยงไป. หมดแล้วก็ไม่ต้องแสวงหาอีก.ส่วนผมไม่ยุ่งเกี่ยวแล้วกับสิ่งมีชีวิตต่างคนต่างอยู่ กรรมใครกรรมมันเราจึงเห็น มูลนิธิโน้นนี่มากมาย เข้ามาช่วยเหลือสารพัดสัตว์โลกทั้งหลาย แม้แต่ผู้คนยากไร้อนาถา เจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ ก็มีมูลนิธิรองรับ เหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะความเมตตา "เมตตาเป็นเหตุ กรุณาเป็นผล" ผู้มีเมตตาแท้ย่อมมีกรุณา คืออยากช่วยไม่ว่าสัตว์หรือคนให้พ้นทุกข์และยินดีทำ ไม่ว่าจะช่วยเหลือเอง หรือบริจาคเงินสิ่งของต่าง ๆ แต่เมื่อเกินความสามารถ ก็ต้องปล่อยวาง ทำใจให้เป็นกลาง ปล่อยให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม อย่างนี่เรียกว่า "อุเบกขา" ซึ่งจะทำให้เราไม่ทุกข์ใจ เพราะเมตตากรุณาล้นเกิน "เมตตา" เป็นหนึ่งในพรหมวิหารสี่ "ธรรมของผู้เป็นใหญ่" - เมตตา ความรัก แก้ความโกรธ - กรุณา ความสงสาร แก้ความเบียดเบียน - มุทิตา ความยินดี แก้ความอิจฉาริษยา - อุเบกขา การวางใจเป็นกลาง แก้ความเครียด ความฟุ้งซ่าน ธรรมของพระพุทธเจ้า ผู้ปฏิบัติถูกต้องย่อมได้รับคุณประโยชน์มหาศาล เกิดความสงบร่มเย็นแก่จิตใจ ผู้ปฏิบัติผิดเห็นผิดย่อมเกิดโทษมากกว่าคุณ เพราะฉะนั้น ผู้จะบำเพ็ญพรหมวิหารสี่ จึงสมควรศึกษาและทำความเข้าใจให้ท่องแท้ "คุณของเมตตานั้นนับได้อเนกอนันต์" "เมตตา จัดเป็นบารมี" ผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า จะต้องบำเพ็ญถึงสามขั้น คือ บารมี อุปบารมีและปรมัตถบารมี ให้ครบถ้วนบริบูรณ์ .. อยู่อย่างไม่เบียดเบียนกัน และรู้จักเลือกทำสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลที่ยิ่งกว่า ทำแบบไม่เป็นการเพิ่มภาระตนเองขึ้นมาอีกก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ดีครับ ความชั่วดูจะละง่าย. ความดีนี่แหล่ะละยากสุด. แต่เรื่องนี้มันพูดยาก. เพราะใครห้ามคนให้ทานนั่นไม่ใช่มิตร. และผมบอกพี่สาวผมถ้ามีเมตตาสงสาร ให้ทำอาหารไปให้กิน ทำไดทุกวันก็ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเอาเข้าบ้านเพราะมีแต่ปัญหาตามมามากมาย. ที่ความดีละยากนั้นก็เพราะมีผลคือความสุขนั้นเอง ละสิ่งหนึ่งเพื่อ อีกสิ่งหนึ่ง เมื่อใดที่เจอความสุขที่ดียิ่งกว่านั้นย่อมจะละได้เมื่อเหตุปัจจัย พร้อมครับ |
เจ้าของ: | bigtoo [ 25 พ.ค. 2019, 03:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แอบขำ หาอะไรขำๆน่ารักแบ่งกันชม (๓) |
sssboun เขียน: bigtoo เขียน: sssboun เขียน: bigtoo เขียน: วิริยะ เขียน: .. เรื่องธรรมดาของผู้มีเมตตา ที่ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ท่านจึงว่า "โลโก ปตฺถมฺภิกา เมตฺตา" เมตตาธรรมค้ำจุนโลก หากขาดเมตตาเสียแล้ว โลกจะอยู่กันอย่างไร เรื่องเมตตามันดีนะใครๆก็ว่าดี ตำหนิไม่ได้เลย. ขีวิตผมผูกพันกับกมาแมวมาตลอดไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน จะเป็นคนคอยดูแลหมาแมวตลอดนามที่เห็นมันไม่มีคนดูแล. หมาในตลาดซื้อไก่สับกับข้าวให้กินวันละ100-200ทุกวัน. ตอนที่มีชีวิตในตลาด. ตอนบวชก็เป็นคนเอาข้าวให้หมากิน. ตอนมาซื้อบ้านอยู่ก็เลี้ยงหมาอีกหลายตัวหาซื้อกับข้าวทำให้มันกินอยู่หลายปี และก็เลี้ยงแมวอีก. อยู่มาวันหนึ่ง. ผมก็ทำกิจกรรมแบบนี้แก่สัตว์อีกเลยไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกเลยมา3ปีแล้ว. ไม่บอกสาเหตุ. แต่ผู้ใดกระทำก็ไม่ตำหนิเพราะรู้เหตุปัจจัยได้ดี. พี่สาวผมก็เอาหมาพเนจรมาเลี้ยง10ตัว. ก็เพียงบอกเขาว่าทำอะไรให้ทำแต่พอดี เลี้ยงไปแล้วก็ทนเลี้ยงไป. หมดแล้วก็ไม่ต้องแสวงหาอีก.ส่วนผมไม่ยุ่งเกี่ยวแล้วกับสิ่งมีชีวิตต่างคนต่างอยู่ กรรมใครกรรมมันเราจึงเห็น มูลนิธิโน้นนี่มากมาย เข้ามาช่วยเหลือสารพัดสัตว์โลกทั้งหลาย แม้แต่ผู้คนยากไร้อนาถา เจ็บไข้ได้ป่วยต่าง ๆ ก็มีมูลนิธิรองรับ เหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะความเมตตา "เมตตาเป็นเหตุ กรุณาเป็นผล" ผู้มีเมตตาแท้ย่อมมีกรุณา คืออยากช่วยไม่ว่าสัตว์หรือคนให้พ้นทุกข์และยินดีทำ ไม่ว่าจะช่วยเหลือเอง หรือบริจาคเงินสิ่งของต่าง ๆ แต่เมื่อเกินความสามารถ ก็ต้องปล่อยวาง ทำใจให้เป็นกลาง ปล่อยให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรม อย่างนี่เรียกว่า "อุเบกขา" ซึ่งจะทำให้เราไม่ทุกข์ใจ เพราะเมตตากรุณาล้นเกิน "เมตตา" เป็นหนึ่งในพรหมวิหารสี่ "ธรรมของผู้เป็นใหญ่" - เมตตา ความรัก แก้ความโกรธ - กรุณา ความสงสาร แก้ความเบียดเบียน - มุทิตา ความยินดี แก้ความอิจฉาริษยา - อุเบกขา การวางใจเป็นกลาง แก้ความเครียด ความฟุ้งซ่าน ธรรมของพระพุทธเจ้า ผู้ปฏิบัติถูกต้องย่อมได้รับคุณประโยชน์มหาศาล เกิดความสงบร่มเย็นแก่จิตใจ ผู้ปฏิบัติผิดเห็นผิดย่อมเกิดโทษมากกว่าคุณ เพราะฉะนั้น ผู้จะบำเพ็ญพรหมวิหารสี่ จึงสมควรศึกษาและทำความเข้าใจให้ท่องแท้ "คุณของเมตตานั้นนับได้อเนกอนันต์" "เมตตา จัดเป็นบารมี" ผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า จะต้องบำเพ็ญถึงสามขั้น คือ บารมี อุปบารมีและปรมัตถบารมี ให้ครบถ้วนบริบูรณ์ .. อยู่อย่างไม่เบียดเบียนกัน และรู้จักเลือกทำสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลที่ยิ่งกว่า ทำแบบไม่เป็นการเพิ่มภาระตนเองขึ้นมาอีกก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ดีครับ ความชั่วดูจะละง่าย. ความดีนี่แหล่ะละยากสุด. แต่เรื่องนี้มันพูดยาก. เพราะใครห้ามคนให้ทานนั่นไม่ใช่มิตร. และผมบอกพี่สาวผมถ้ามีเมตตาสงสาร ให้ทำอาหารไปให้กิน ทำไดทุกวันก็ได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเอาเข้าบ้านเพราะมีแต่ปัญหาตามมามากมาย. ที่ความดีละยากนั้นก็เพราะมีผลคือความสุขนั้นเอง ละสิ่งหนึ่งเพื่อ อีกสิ่งหนึ่ง เมื่อใดที่เจอความสุขที่ดียิ่งกว่านั้นย่อมจะละได้เมื่อเหตุปัจจัย พร้อมครับ |
เจ้าของ: | วิริยะ [ 25 พ.ค. 2019, 13:58 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: แอบขำ หาอะไรขำๆน่ารักแบ่งกันชม (๓) | ||
. **ขอบคุณ FB โดย คุณสามารถ ธรรมวิริยสติ
|
เจ้าของ: | sssboun [ 25 พ.ค. 2019, 14:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แอบขำ หาอะไรขำๆน่ารักแบ่งกันชม (๓) |
วิริยะ เขียน: **ขอบคุณ FB โดย คุณสามารถ ธรรมวิริยสติ เมื่อบารมียังไม่เต็มเราก็ติดดีไว้ก่อน แม้เมื่อถึงคราวแล้ว แม้ความดีเราก็ปล่อยวางได้เอง |
เจ้าของ: | วิริยะ [ 25 พ.ค. 2019, 15:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แอบขำ หาอะไรขำๆน่ารักแบ่งกันชม (๓) |
sssboun เขียน: เมื่อบารมียังไม่เต็มเราก็ติดดีไว้ก่อน แม้เมื่อถึงคราวแล้ว แม้ความดีเราก็ปล่อยวางได้เอง .. ถูกแล้วครับ พระอริยะขั้นโสดาบัน สกิทาคามีและอนาคามี ยังข้ามบุญไม่ได้ เพราะติดในบุญ บุญยังไม่เต็ม เฉพาะพระอรหันต์เท่านั้น บุญท่านเต็มแล้ว บาปท่านก็ละพอแล้ว จึงละได้ทั้งบุญและบาป เรียกว่า สามารถทำให้จิตของท่านเหนือสุขเหนือทุกข์ .. |
หน้า 17 จากทั้งหมด 17 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |