วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 18:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


- สถานที่ปฏิบัติธรรม
แนะนำรายชื่อสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานทั่วประเทศ
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=9

- รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=30



กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2009, 06:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 02:22
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




.jpg
.jpg [ 49.21 KiB | เปิดดู 3810 ครั้ง ]
อานิสงส์ของการออกบวช

พระเจ้าอชาตศัตรูทูลถามพระพุทธเจ้าว่า :

"บุคคลในโลกนี้เขามีอาชีพแตกต่างกัน เป็นทหาร เป็นข้าราชการ เป็นคหบดี มีอาชีพ

เป็นช่างต่างๆเป็นชาวนา เป็นชาวไร่ ชาวสวน หรืออาชีพช่างไม้ต่างๆบุคคลที่ประกอบ

อาชีพเหล่านี้ เมื่อประกอบอาชีพแล้วก็สามารถจะสร้างตัวได้ เลี้ยงตัวได้ในปัจจุบัน

แล้วก็มีเงินทองเลี้ยงดูบุตรภรรยาของตน และก็ทำบุญ ทำทาน ก็มีโอกาสไปเกิดบน

สวรรค์ อยากจะถามว่า ในพระพุทธศาสนานี้ พระองค์ตรัสความเป็นสามัญผล คือ

ผลที่จะได้จากการบวช ของกุลบุตรในศาสนานี้ไว้อย่างไรบ้าง? "

พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า : "ผู้ที่บวชเข้ามาในศาสนานี้ย่อมได้อานิสงส์ถึง ๑๔ ประการ"
สามัญญผล ๓ หมวด

สามัญญผล หรือ ผลของความเป็นสมณะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นี้ สามารถจัด

ออกได้เป็น ๓ หมวด คือ

หมวดที่ ๑ ทำให้พ้นจากฐานะเดิม

คือ พ้นจากความเป็นทาส เป็นกรรมกร เป็นชาวนา ได้รับการ

ปฏิบัติดีแม้จากพระมหากษัตริย์ นี้ คือ ผลข้อที ๑ และข้อที่ ๒

หมวดที่ ๒ เมื่ออบรมจิตใจเป็นสมาธิ เป็นเหตุให้ได้ฌานที่ ๑ ถึงที่๔ อันทำ

ให้กิเลสอย่างกลางสงบลงได้ คือ ผลข้อที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕

และที่ ๖

หมวดที่ ๓ ทำให้ได้วิชชา ๘ เริ่มตั้งแต่ข้อที่ ๗ คือ ได้วิปัสสนาญาน จนถึงข้อ

ที่ ๑๔ คือ อาสวักขยญาณ

ในข้อแรก

พระพุทธองค์ตรัสถามพระเจ้าอชาตศัตรูว่า :

"ก็คนที่เป็นทาสกรรมกรของพระองค์ เคยรับใช้พระองค์อยู่ ตื่นก่อนนอนทีหลัง

ทาสกรรมกรเหล่านั้นมาพิจารณาว่า พระมหากษัติย์เจ้านายของเรานี้ทรงมี

บุญญาธิการ มีบุคคลแวดล้อม มีทรัพย์สินนานัปการ มีอำนาจยิ่งใหญ่ พระองค์ก็เป็น

มนุษย์ เราก็เป็นมนุษย์ เพราฉะนั้น เราจะต้องออกบวชเสียดีกว่า เมื่อออกบวชแล้ว

ประพฤติพรหมจรรย์ ต่อมาพระองค์ได้พบทาสกรรมกรของพระองค์นั้น พระองค์จะ

เรียกบุคคลนั้นให้มาทำงานรับใช้พระองค์ ให้ตื่นก่อนนอนทีหลังอีกหรือเปล่า? "

พระเจ้าอชาตศัตรูทูลตอบว่า :

"ไม่อย่างนั้น แต่ข้าพระองค์จะเคารพกราบไหว้ผู้นั้น ให้ความคุ้มครองตามธรรม"

พระพุทธองค์ตรัสว่า : นี่แหละคืออานิสงส์ของการบวชข้อที่ ๑ ที่เห็นได้ชัดในปัจจุบัน

ต่อจากนั้น

พระพุทธองค์ตรัสว่า : "มีคนที่ทำนาของพระองค์ มาพิจารณาว่า พระเจ้าแผ่นดินของ

เรามีอำนาจวาสนามีบุญใหญ่ พระองค์ก็เป็นมนุษย์ เราก็เป็นมนุษย์ ไฉนหนอ เราจึงจะ

ได้ออกบวชประพฤติพรหมจรรย์ และในที่สุด ท่านผู้นั้นก็ได้ออกบวชประพฤติ

พรหมจรรย์ เมื่อพระองค์ทรงพบภิกษุที่เคยเป็นชาวนานั้นเข้า จะตรัสเรียกท่านผู้นั้นให้

มาทำนาให้แก่พระองค์อีกหรือ ?"

พระเจ้าอชาตศัตรูทูลตอบว่า :

"ไม่อย่างนั้น แต่ข้าพระองค์จะเคารพกราบไหว้ ให้ความคุ้มครอง ถวายปัจจัย ๔ ให้

การคุ้มครองด้วยความเป็นธรรมแก่ผู้นั้น"

พระพุทธองค์ตรัสว่า : นี่เป็นสามัญญผล คือ ผลที่เห็นได้ชัดจากการบวชข้อที่ ๒

พระพุทธเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า : คหบดีหรือ กุลบุตรในแว่นแคว้นของพระองค์นี้ มา

พิจารณาเห็นว่า พระเจ้าแผ่นดินของเรานั้นเพียบพร้อมไปด้วยความสุข มีความรุ่งเรือง

ก็เรานี้เห็นว่าการครองเรือนเต็มไปด้วยความทุกข์ เป็นที่คับแคบ ส่วนบรรพชาเป็นช่อง

ว่าง การที่อยู่ครองเรือนจะประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์สะอาดดุจดั่งสังข์ขัดนั้นทำได้

ยาก เพราะฉะนั้น เขาจึงออกบวช ประพฤติพรหมจรรย์ สมบูรณ์ไปด้วยศีล

คือ จุลศีล มัชฌิมศีล และมหาศีล (คือ ศีลขนาดเล็ก ขนาดกลาง และศีลมาก) ต่อจาก

นั้นภิกษุนั้นสำรวมอินทรีย์ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีสติสัมปชัญญะ ละบาปอกุศล

มีสันโดษ ยินดีด้วยปัจจัย ๔ ออกป่าบำเพ็ญสมาธิ ละนิวรณ์ ๕ ได้ ในที่สุดก็ได้

บรรลุฌานที่ ๑ ได้ประสบความสุขอันเกิดจากฌาน

นี้ คืออานิสงส์ของการบวช หรือสามัญญผล ข้อที่ ๓


ต่อจากนั้น ท่านผู้นั้นก็บำเพ็ญสมาธิจน

บรรลุฌานที่ ๒

ก็เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๔

บรรลุฌานที่ ๓

ก็เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๕

บรรลุฌานที่ ๔

ก็เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๖


ต่อจากนั้น

ท่านก็น้อมจิตไปเพื่อเจริญวิปัสสนา โดยพิจารณาพระไตรลักษณ์ จนจิตของตนเข้าถึง

วิปัสนาญาน แยกรูปแยกนาม พิจารณานามรูป เห็นตามความเป็นจริง ก็เป็นเหตุให้

ท่านผู้นั้นสามารถบรรลุญาณทัสสนะ อันเป็นวิปัสสนาญาน

พระพุทธเจ้าตรัสว่า : นี้คือ อานิสงส์ของการบวชข้อที่ ๗


ต่อจากนั้น

ก็สามารถบรรลุ มโนมยิทธิ คือ ฤทธิ์ทางใจ นิรมิตกายอื่นจากกายนี้ได้

เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๘

ต่อจากนั้น

ก็ได้บรรลุ อิทธิวิธิ คือ แสดงฤทธิ์ เช่น น้อยคนทำให้เป็นมากคน ดำไปในดิน ดำไปใน

น้ำได้ก็เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๙

เมื่อปฏิบัติต่อไป

ก็สามารถได้ ทิพโสต คือ หูทิพย์ ได้ยินเสียงจากที่ไกลเกินวิสัยของหูมนุษย์ธรรมดา

เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๑o

เมื่อปฏิบัติต่อไป

ก็สามารถได้ เจโตปริยญาน คือ รู้ใจคนอื่น คือ สามารถทายใจคนอื่นได้ (แม้ใน

ปัจจุบันก็มีพระบางรูปที่สามารถรู้ใจคนอื่นได้ เรียกว่า เจโตปริยญาน)

การได้เจโตปริยญาณ

เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๑๑

บางท่านก็ระลึกชาติได้ ที่เรียกว่า บุพเพนิวาสานุสสติญาน คือ ระลึกชาติหนหลังได้

เป็นจำนวนมาก อาจจะเป็นจำนวนหลายๆชาติ หรือชาติจำนวนมากที่ผ่านมาในอดีต

การระลึกชาติหนหลังได้นี้

เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๑๒

บางท่านก็ได้ทิพจักษุ หรือ จุตูปปาตญาณ คือ ญาณรู้จุติกำเนิดของสัตว์ทั้งหลาย คือ

สามารถรู้เห็นสัตว์ทั้งหลายที่เกิดและที่ตายด้วยตาทิพย์ การได้ทิพจักษุนี้

เป็นอานิสงส์ของการบวชข้อที่ ๑๓

ในที่สุดก็ได้บรรลุอาสวักขยญาณ คือ ทำกิเลสให้สิ้นไป

ก็เป็นอานิสงส์ข้อที่ ๑๔

พระพุทธองค์ทรงสรุป ในที่สุดแห่งทุกข้อว่า

เป็นผลแห่งความเป็นสมณะที่เห็นได้ในปัจจุบันว่าสูงกว่ากันไปตามลำดับ คือ ตั้งแต่

ขั้นแรกแล้วบรรลุสูงขึ้นๆ ไปตามลำดับ ซึ่งเป็นอานิสงส์ของการบวช ที่เห็นได้ชัดเช่น ผู้ที่

ได้บรรลุฌานที่ ๒ ก็ประเสริฐกว่าฌานที่ ๑ ได้บรรลุฌานที่ ๓ ประเสริฐกว่าฌานที่ ๒ ได้

บรรลุฌานที่ ๔ ประเสริฐกว่าฌานที่ ๓ และการบรรลุต่อๆ ไป ก็สูงขึ้นตามลำดับ

วิชชา ๘ คืออะไร?

วิชชา ๘ ก็คือ
๑. วิปัสสนาญาณ ญาณอันนับเข้าในวิปัสสนา

๒. มโนมยิทธิ ฤทธิ์ทางใจ

๓. อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้

๔. ทิพโสต หูทิพย์

๕. เจโตปริยญาณ รู้ใจคนอื่น

๖. ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติได้

๗. ทิพจักขุ ตาทิพย์

๘. อาสวักขยญาณ ทำอาสวะ คือ กิเลสให้สิ้นไปได้


ผู้บวชย่อมได้อานิสงส์แห่งบุญจากการบวช ได้ฝึกฝน อบรมตนเองตามพุทธวิธี แม้

เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถ นำพาชีวิตให้พบกับเป้าหมายอันสูงส่ง และย่อมได้

อานิสงส์ มากมาย ยากที่จะนับจะประมาณได้เพราะความตั้งใจอัน มั่นคงที่จะบวช

ฝึกฝนตนเอง ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติอย่าง เคร่งครัด ย่อมได้อานิสงส์ ดังนี้

๑.) เป็นผู้รู้จักบริหารเวลา คือรู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เรียกว่า ความเป็นผู้รู้กาล

ซึ่งเป็นคุณธรรมข้อหนึ่งที่ทำให้ เป็นสัปบุรุษ

๒.) แม้ช่วงเวลาจะสั้น แต่ถ้าลงปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็จะได้ ลิ้มรสความสุข จากความ

สงบตั้งแต่ยังเยาว์

๓.) มีโอกาสได้ศึกษาหลักธรรมไว้กำกับความรู้ จะได้ใช้ ความรู้ ไปในทางที่ถูกที่ควร

๔.) ได้ฝึกวินัยและเข้าใจวัฒนธรรมในการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะถ้าบรรพชาแล้วตั้งใจ

ฝึกฝนอบรมตนเอง อย่างจริงจัง ต่อไปจะเป็นคนรักระเบียบวินัย

๕.) ได้ฝึกสมาธิ ทำจิตให้สงบ ซึ่งเป็นผลดีต่อการเรียน

๖.) เกิดความปลื้มปิติยินดีที่ได้ทำความดีตั้งแต่ยังเยาว์ความปิตินี้เองที่จะเป็นเครื่อง

หล่อเลี้ยงหัวใจอยู่เสมอ

๗.) ทำให้มีความอดทน ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคใดๆ

๘.) ทำให้รู้จักตนเองนั่นคือรู้ว่าตนเองมีความรู้ความสามารถคุณธรรมแค่ไหนเพียงใด

เพื่อที่จะได้พัฒนาปรับปรุง ตนเองให้ดียิ่งขึ้น

๙.)ได้ชื่อว่าเป็นผู้เริ่มถากถางหนทางไปพระนิพพาน
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2009, 06:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: อนุโมทนาสาธุค่ะ สำหรับความรู้เรื่องอานิสงส์
ของการออกบวช ตอนนี้คนไร้สาระก็บวชใจอยู่ค่ะ :b8:

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2009, 07:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บวช มีอานิสงส์ มาก ได้บุญมาก ก็เฉพาะในกรณีที่ บวชแล้วทำตามที่ท่านได้ระบุไว้นั่นแหละ แต่

ก็ควรจะเอา อานิสงส์ ของการบวช ที่ได้บาปมาก มาบอกมาสอนเขาด้วยสิ เขาจะเห็นทั้งคุณและโทษของการบวชด้วย

การบอกการสอนเฉพาะด้านเดียว มันไม่เป็นธรรมเท่าไหร่นะ......... :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2009, 11:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2008, 14:07
โพสต์: 285

อายุ: 0
ที่อยู่: ประเทศไทย

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากที่นำมาให้อ่าน
ปัจจุบันคนบวชกันตามประเพณีกันมาก บวชด้วยความศรัทธาเริ่มลดน้อยลง
การนำเรื่องอานิสงส์ของการบวชมาเผยแผ่
จะช่วยเพิ่มหรือทำให้คนบวชด้วยศรัทธามากขึ้น
เป็นผลดีกับพระพุทธศาสนา

ขออนุโมทนาบุญสำหรับการนำธรรมะมาเผยแผ่ด้วยครับ

.....................................................
"ใครเกิดมา ไม่พบพระพุทธศาสนา ไม่เลื่อมใส ไม่ปฎิบัติ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เป็นโมฆะตลอด ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย"

"ให้พากันหมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา"

พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
http://www.luangta.com/

"ทำสมาธิมากเนิ่นช้า คิดพิจารณามากฟุ้งซ่าน หัวใจของการปฏิบัติคือการมีสติในชีวิตประจำวัน"
หลวงปู่มั่น

"ดูจิต...ด้วยความรู้สึกตัว"
หลวงพ่อปราโมทย์ สวนสันติธรรม ชลบุรี
http://www.wimutti.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2009, 16:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนา สาธุ ด้วยครับ
:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2009, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 16:38
โพสต์: 81

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
"ใครเกิดมา ไม่พบพระพระพุทธศาสนา ไม่เลื่อมใส ไม่ปฎิบัติ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เป็นโมฆะตลอด ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย"


ขอพิมพ์ใหม่นะคะ "ใครเกิดมา พบพระพระพุทธศาสนา ไม่เลื่อมใส ไม่ปฎิบัติ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เป็นโมฆะตลอด ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย" คงน่าจะถูกต้องกว่าค่ะ :b8: เพราะผู้คนชาวพุทธเดี๋ยวนี้โดนหุ้มห่อเอาไว้ด้วยเปลือกคือ ประเพณีและพิธีกรรม แบบชนิดที่มีผู้ที่พยายามแกะออกให้แล้วก็ไม่พยายามช่วยเหลือตัวเอง และก็มีอีกจำพวกหนึ่งที่พยายามช่วยห่อปิดบังเอาไว้ให้หนา ๆ อีก เพราะผลประโยชน์อันมหาศาลจากการสร้างวัตถุสิ่งของต่าง ๆ ที่ผลิตขึ้นมาล่อใจผู้คนให้หลงยึดว่าสิ่งนี้คือวัตถุทางศาสนาต้องรักษา อนุรักษ์เอาไว้ กราบไหว้ เคารพบูชา เต็มบ้านเต็มเมือง โดยไม่รู้ว่า "พุทธะ" คืออะไร เป็นอย่างไร เป็นแบบไหน ต้องปฏิบัติตามอย่างไรจึงจะถูกต้อง และนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข :b24: เสียดายที่ตั้งแต่วันที่เกิดมาจนวันตาย พบพระพุทธศาสนาแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่า พุทธะคืออะไร ทำตัวกันเหมือนลิงได้แก้วอะไรประมาณนั้นทีเดียว เรียกว่าเกือบ 10,000 คน ต่อ 2 คนมี 2 คนเท่านั้นที่รู้จัก พุทธะที่แท้จริง :b7:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร